อธิบายเนื้อเรื่อง Lightning Returns -Final Fantasy XIII- [3]

บทสนทนาหลังปราบบูจังได้

ไลท์นิ่ง : บูนิเบลเซ่

บูนิเบลเซ่ : นี่มัน...! แสงที่ก้าวข้ามกระทั่งพระเจ้าแห่งแสงไปได้.... สายฟ้า! ดาวดวงใหม่... โลกอันงดงามของข้า

ไลท์นิ่ง : มันเป็นดาวของพวกเรา และมันจะไม่มีที่ว่างสำหรับแก

บูนิเบลเซ่ : ไม่!! ไม่... ไม่... ข้าไม่ยอม! ข้าไม่ยอมรับ! ความเศร้ามันเป็นแบบนี้เอง ความโกรธมันเป็นแบบนี้เอง ยมทูตผู้ต่ำช้า! แกต้องถูกสาป จงตกสู่เคออส ตกสู่ความมืดมิดของความตาย!

ไลท์นิ่ง : ฉันตั้งใจไว้แล้ว เทพธิดาเอโทรที่คอยยับยั้งเคออสไว้ได้ล่วงลับไปแล้ว เพื่อแทนที่เทพธิดา ฉันจะคอยอยู่ในพิภพแห่งความตาย และคอยปกครองดูแลกระแสแห่งชีวิต นี่คือชะตากรรมของฉัน....

ไลท์นิ่ง : ฉันจะพาแกไปด้วย! มาตกสู่เคออสด้วยกัน!

บูนิเบลเซ่ : เจ้าโง่! เจ้าคิดว่าวิธีการสุดท้ายนี้จะมอบชัยชนะให้แก่เจ้างั้นรึ!? มนุษย์ผู้โอหังตัวคนเดียวไม่สามารถต้านทานพลังของพระเจ้าแห่งแสงได้หรอก!!

ไลท์นิ่ง : พลังของแกอาจยิ่งใหญ่ไพศาล แต่ขณะที่เป็นพระเจ้า แกก็ได้รับเอาพลังของมนุษย์เข้าไป นี่คือจุดอ่อนของแก ด้วยวิธีการสุดท้ายที่ใช้ต่อต้านพระเจ้า ฉันจะปลดปล่อยวิญญาณที่แกครอบงำไว้! ลาสต์รีสอร์ท!

(ไลท์นิ่งเอามีดพกที่ได้เป็นของขวัญวันเกิดจากเซร่าห์ และเธอเคยให้โฮปยืม แทงใส่บูนิเบลเซ่)

ไลท์นิ่ง : วิญญาณดวงสุดท้ายที่ฉันต้องช่วย ก็คือเธอ โฮป

โฮป : ....ไลท์?

ไลท์นิ่ง : ไปซะ

โฮป : ไลท์!?

ไลท์นิ่ง : โฮป เธอต้องไปนะ นำความหวังมาสู่โลกใหม่... พวกเขากำลังรอให้เธอไปเกิดใหม่ เธอคือความหวัง

โฮป : เดี๋ยวสิ แล้วคุณละ? คุณจะเป็นยังไงต่อไป ไลท์!?

ไลท์นิ่ง : อย่าหันกลับมา! ถ้าหันมา เธอจะไม่ได้กลับไปหาพวกเขาอีก ฉันจะอยู่ที่นี่ ขัดขวางไม่ให้มันหนีไป... ฉันจะคอยดูแลเธอ โลก และทุกๆ คน ดังนั้นได้โปรด มีชีวิตต่อไปนะ

(เซร่าห์ตัวปลอมโผล่มาในความมืด)

เซร่าห์ : อย่าทิ้งฉันไป อย่าทิ้งฉันไว้คนเดียว

ไลท์นิ่ง : เซร่าห์

เซร่าห์ : เปล่า... คนที่อยู่ที่นี่จริงๆ แล้วก็คือ...

ไลท์นิ่ง : ตัวฉันเอง!? เธอไม่ใช่เซร่าห์?

เซร่าห์ : ใช่แล้ว ฉันเป็นตัวปลอมที่พระเจ้าสร้างขึ้นมาให้เหมือนกับเซร่าห์ ฉันก็เหมือนกับเธอที่ขาดบางสิ่งบางอย่างที่สำคัญไป

ไลท์นิ่ง : ใช่แล้ว ฉันยอมรับ ตอนที่ฉันตื่นขึ้นมาในฐานะผู้ปลดปล่อย บูนิเบลเซ่ได้พรากเธอไปจากฉัน

เซร่าห์ : ผิดแล้ว เขาไม่ได้ทำแบบนั้น เธอโกหกตัวเอง นานมาแล้ว เธอได้บังคับตัวเองให้ทำตัวเป็นผู้ใหญ่ และเพื่อจะกลายเป็นผู้ใหญ่ที่เข้มแข็ง เธอได้ทิ้งความอ่อนแอทั้งหมดไป เธอบอกตัวเองให้เข้มแข็ง จะร้องไห้ไม่ได้อีกแล้ว เธอผูกมัดวิญญาณของเธอเอง

เซร่าห์ : ในที่สุดก็นึกออกรึยัง? ในที่สุดก็จดจำส่วนหนึ่งของเธอที่เธอฆ่าทิ้งไปได้มั้ย?

ไลท์นิ่ง : เธอคือ... ตัวตนที่อ่อนแอ... ในวัยเด็กของฉัน

เซร่าห์ : คนที่ดีเดือด เห็นแก่ตัว เด็กผู้เดียวดาย... เคออสอันอ่อนด้อยซึ่งไม่ได้รับการยอมรับ... เธอคนนั้นก็เหมาะกับสภาพเธอในตอนนี้แล้ว คนที่ต้องสังเวยตัวเองให้เคออส

ไลท์นิ่ง : มันจำเป็น! ต้องมีใครสักคนยอมอยู่ที่นี่เพื่อค้ำจุนโลกใบใหม่!

เซร่าห์ : เอาอีกแล้วนะ เธอตอกย้ำตัวเองด้วยเหตุผลและกดความรู้สึกที่แท้จริงเอาไว้ ถ้าตั้งใจจะทิ้งเธอไปโดยการสังหารความรู้สึกที่แท้จริงของเธอ งั้นก็อยู่ตัวคนเดียวไปชั่วนิรันดร์เถอะ!

ไลท์นิ่ง : เซร่าห์? เซร่าห์ เดี๋ยวสิ! อย่า... อย่าทิ้งฉันไว้คนเดียว! 

(ลูมิน่ากลับเข้ามากอด กลับคืนสู่ไลท์นิ่ง)

โฮป : ผมได้ยินเสียงของคุณนะ.... ไปกันเถอะ ไปหาทุกคนกัน

ไลท์นิ่ง : เซร่าห์ ทำไมถึงพยายามช่วยฉันไว้ ทั้งที่เธอถูกบูนิเบลเซ่สร้างขึ้น?

เซร่าห์ : ใช่ ฉันเป็นตัวปลอม วิญญาณของเซร่าห์ไม่ได้อยู่กับฉัน แต่ฉันพอจะจินตนาการได้ว่าเซร่าห์ตัวจริงจะคิดยังไง เพราะฉะนั้นฉันจึงมีความรู้สึกเหมือนกัน ความรู้สึกที่อยากจะช่วยเธอ ด้วยความรู้สึกจากใจทั้งดวงของฉัน แม้ว่าฉันจะไม่มีมันก็ตาม จากก้นบึ้งของหัวใจ ฉันรู้ว่าฉันเป็นตัวปลอม แต่ความรู้สึกนี้เป็นความรู้สึกที่แท้จริง... หนูรักพี่ค่ะ พี่สาว...

CGI จบเกม



ส่วนที่เป็นประโยคสำคัญได้แก่

"ได้สิ! เอาไปเลย!!" - การที่โนเอลตัดสินใจเด็ดเดียวว่ายินดีที่จะตายแทนยูลได้ ทำให้ไคอัสที่บีบคอโนเอลอยู่สงบลง ไคอัสนั้นรักยูลจริง และเลือกที่จะมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับยูล เมื่อยูลคนสุดท้ายรักโนเอล และโนเอลก็รักและพร้อมจะปกป้องเธออย่างสุดชีวิต ด้วยความมุ่งมั่นทุ่มเทที่ไม่น้อยไปกว่าไคอัสแล้ว ไคอัสจึงตัดสินใจส่งมอบยูลคนสุดท้ายให้กับโนเอลไป

"โลกใบใหม่กำลังถือกำเนิดขึ้น" - แปลว่าคริสตัลแห่งชีวิตได้สร้างโลกใหม่ขึ้นมาให้ ไม่ใช่การย้ายไปยังดาวที่มีอยู่แล้ว

"แต่มนุษย์ ก็จะเอาชนะพระเจ้าได้อีกครั้ง" - บอกเป็นนัยว่าบูจังยังไม่ตายนั่นแหละ

"เรื่องราวก่อนที่โลกจะถือกำเนิดขึ้น เรื่องราวก่อนที่คุณจะเกิดขึ้น" - เป็นการสื่อว่าโลกที่พึ่งเกิดขึ้นมาใหม่ ก็คือโลกใบเดียวกับโลกของคนเล่นน่ะเอง

จุดที่น่าแปลกใจคือ... จากการเล่าเรื่องทำให้รู้ว่าโลกใบใหม่พึ่งกำเนิดขึ้น พวกคนจากโลกเก่าที่ล้มตายกลายเป็นวิญญาณกันหมดแล้ว (และควรรวมถึงตัวไลท์นิ่งเองด้วย) ก็จะไปเกิดใหม่ในโลกใบนั้น และคงต้องใช้เวลาหลายล้านปีกว่าที่อารยธรรมต่างๆ จะพัฒนาขึ้นมาจนเป็นโลกปัจจุบันที่พวกเราอาศัยอยู่

คำถามคือ ไลท์นิ่งที่โผล่มาในบทส่งท้ายแล้วพูดว่า "การเดินทางจบลงแล้ว" หมายถึงการเดินทางต่อสู้กับบูนิเบลเซ่เมื่อหลายล้านปีก่อนโลกจะถือกำเนิดขึ้นใช่หรือไม่? และนั่นคือไลท์นิ่งในชาติเดียวกับที่ชนะบูจังได้ หรือเป็นไลท์นิ่งที่ได้ผ่านการตายซ้ำตายซากเกิดใหม่มานับล้านปีจนมาถึงยุคนั้น?

พิจารณาแล้วได้ความว่า..... จากการที่โลกต้องใช้เวลาพัฒนาอารยธรรมนับล้านปี ไลท์นิ่งเองก็คงได้มาเกิดใหม่ แล้วก็ตายซ้ำตายซากเป็นล้านๆ รอบจนกระทั่งมาถึงยุคปัจจุบัน แล้วที่เธอบอกว่า "การเดินทางจบลงแล้ว" ก็หมายถึงการเดินทางที่เธอพึ่งผ่านพ้นมาด้วยรถไฟขบวนที่เธอกำลังนั่ง ที่คนแต่งเรื่องเลือกที่จะส่งท้ายด้วยเหตุการณ์นี้และประโยคนี้ ก็เพื่อจะสื่ออีกความหมายนึงให้คนเล่นเข้าใจว่าการเดินทางอันยาวนานของเธอได้จบลงจริงๆ แล้ว และที่ลงท้ายว่า "กำลังจะไปหานะ" ก็คือสื่อถึงเพื่อนๆ ทุกคนนั่นแล

2 ความคิดเห็น:

  1. -Last resort นั้นมันท่าไม้ตายน้องโฮปนิน่า

    -บูจังไม่ตายแต่ตกลงไปใน เคออสหรือ Unseen realm แทน (เจ้าตัวคงได้เจอกับมูอินอีกรอบสมใจแล้วสินะ)

    ตอบลบ
  2. มูอินดับสูญไปแล้วครับ ดับสูญในที่นี้ก็เหมือนกับนิพพานครับ หายไปถาวร หลุดจากการเวียนว่ายตายเกิด

    ส่วนบูจังนั่น ถึงไลท์นิ่งจะพูดแบบไม่แน่ใจ แต่ก็น่าเชื่อว่าเขาแค่หลับไปในโลกที่มองไม่เห็น.... ซึ่งไคอัสกับยูลก็จะอยู่ในที่แห่งนั้น คอยดูแลวัฏสังสารของสิ่งมีชีวิตให้ แบบนี้ยูลก็จะไม่ต้องพรากจากไคอัสไปอีก แล้วยังได้อยู่กับไคอัสไปตลอด ทั้งสองคนก็คงยินดี

    ตอบลบ