Thursday, July 30, 2015

FF Explorers กำหนดวางจำหน่ายในตะวันตก, สแกนแรก DQXI, RoM จัดแคมเปญร่วม FFT

Square Enix เปิดตัว Final Fantasy Explorers เวอร์ชั่นตะวันตก สำหรับ 3DS กำหนดวางจำหน่าย 29 มกราคม 2016 ในยุโรป และ 26 มกราคม 2016 ในอเมริกา


คุณ kazu4281 มือสแกนเจ้าเก่าได้ลงสแกนแรกของ Dragon Quest XI ซึ่งเจ้าตัวสแกนมาจากนิตยสาร VJump ฉบับที่วางแผงวันนี้ ในสแกนได้เผยภาพแรกของฉากต่อสู้ในเวอร์ชั่น PS4 (ภาพย่อยซ้ายบน) ซึ่งดูเหมือนว่าตัวเกมจะยังเป็นทั้ง Turn-based และ Command-based อยู่ เห็นทางสตาฟฟ์ RPG Site โล่งใจกันใหญ่



Seiken Densetsu -Rise of Mana- จัดแคมเปญร่วมกับ Final Fantasy Tactics -Shishi Sensou- โดยออกเควสต์ใหม่ 逃亡者たち มีบอสเป็นรัมซ่าและอาเกรียส และเควสต์ 雷神シド มีบอสเป็นออร์ลันดู นอกจากนี้ในช่วง 30 ก.ค. - 13 ส.ค. 2015 ก็จะลดราคา FFT ลง 50% ส่วน RoM ลดราคา 30% (Store ญี่ปุ่น)


http://www.4gamer.net/games/248/G024894/20150730104/

จากนิตยสาร Official PlayStation Magazine ฉบับล่าสุดของประเทศอังกฤษ ทางสื่อได้ถามคุณโนมุระเรื่องความเปลี่ยนแปลงในระบบต่อสู้ของเกม ซึ่งคุณโนมุระได้บอกว่า

"เรากำลังนำพาความเปลี่ยนแปลงอันน่าทึ่งมาสู่ FFVII Remake ก็หวังว่าคุณจะรอคอยข้อมูลเพิ่มเติมซึ่งเราจะปล่อยออกมาเมื่อถึงเวลา และแน่นอน เราต้องการชี้แจงว่าเราจะไม่เปลี่ยนมันเป็นเกมชูตติ้งหรืออะไรแบบนั้น เรากำลังนำพาความเปลี่ยนแปลงอันน่าทึ่ง แต่ก็อยากให้มั่นใจว่ามันยังคงเป็น (ระบบ) ที่จดจำกันได้"

http://www.psu.com/news/27676/Final-Fantasy-7-Remake-bringing-dramatic-changes-to-combat-but-will-still-be-recognisable

บทสัมภาษณ์ตั้งแต่เมื่อ 1 เดือนครึ่งที่แล้ว อันนี้หลุดรอดสายตาผมไป พึ่งได้อ่านครั้งแรกวันนี้ มีสาระสำคัญอยู่ที่คำถามสุดท้าย

The trailer seemed pretty serious in tone. Will the occasional humor the original game carry through?

TN: The comedy or the lighthearted parts -- I like those. I don't want to change it that much. But we can't have these upgraded, beautiful 3D models of Cloud and Barrett, still lining up in a row, jumping forward to attack an enemy, then jumping back to wait for their next turn. That would be bizarre. Of course there will likely be changes there. But if we took away parts like the lighter moments of the game, then it would no longer be FFVII.

สรุปคือ ไอ้การยืนเรียงแถวหน้ากระดาน เขย่าตัวอยู่กับที่ กระโดดออกมาโจมตี แล้วกระโดดกลับเข้าแถวไป ...จะต้องเปลี่ยนแปลงแน่ ๆ แล้ว แต่ไอ้พวกมุกตลกบ้า ๆ บอ ๆ ที่แทรกมาตลอดเนื้อเรื่องช่วงแรก ก็จะยังคงอยู่เหมือนเดิม

http://www.engadget.com/2015/06/17/final-fantasy-vii-remake-interview-e3-2015/

Tuesday, July 28, 2015

FF Type-0 HD กำหนดลง Steam 18 สิงหาคม 2015


Final Fantasy Type-0 HD เวอร์ชั่น PC กำหนดวางจำหน่ายผ่าน Steam แล้วในวันที่ 18 สิงหาคมนี้ โดยเวอร์ชั่นนี้มีจุดที่แตกต่างจากภาคคอนโซลได้แก่

- ปรับความละเอียดกราฟฟิกได้ตามสเปคคอม
- ปรับปรุงมุมกล้องในฉากต่อสู้
- มีระบบ STEAM achievements และ trading cards 
- ตั้งค่า Motion blur ที่เคยเป็นปัญหาสมัยภาคคอนโซลได้
- เพิ่มความเร็วของพวกตัวละครขึ้นไปอีก
- เลือดสาดขึ้นกว่าเวอร์ชั่น PSP
- มีโหมด Screen Shot

ทั้งนี้ทางค่ายยังได้ร่วมมือกับ Valve จัดโบนัสให้คนที่สั่งจองเกมล่วงหน้า โดยจะให้เป็นมาสเตอร์โจโคโบะและม็อค เอาไปใช้เป็น Courier และ Ward ใน DOTA 2 นอกจากนี้ยังจะได้ฉากโหลดเกมแบบพิเศษด้วย

สเปคคอมสำหรับเกมนี้มีดังนี้

ขั้นต่ำ

Operating System: Windows 7, 8, 8.1 64bit
Processor: CPU Core i3 2.5GHz
Memory: RAM 4GB
Disk Space: HDD/SSD 30GB
Video: GTX560Ti or AMD Radeon 7790   mp4 [H.264]
Sound: DirectX XAudio2API
DirectX®: 11 and over

แนะนำ

Operating System: Windows 7, 8, 8.1 64bit
Processor: CPU Core i5 2.7GHz
Memory: RAM 6GB
Disk Space: HDD/SSD 30GB
Video: GTX750 mp4 [H.264]
Sound: DirectX XAudio2API
DirectX®: 11 and over

สรุปข่าวจากงานเปิดตัว Dragon Quest XI

จากงานเปิดตัว Dragon Quest ภาคใหม่ในวันนี้ ตัวงานทั้งหมดมีการพรีเซนต์ต่าง ๆ ดังนี้

Dragon Quest Builders

- เกมแนว Minecraft กำหนดวางจำหน่ายในญี่ปุ่นช่วงฤดูหนาวนี้

- สำหรับ PS4, PS3 และ PS Vita

- https://www.youtube.com/watch?v=82csGlnHFQ0

Dragon Quest Heroes II: Twin Kings and the Prophecy’s End


- กำหนดวันวางจำหน่ายในญี่ปุ่นช่วงฤดูใบไม้ผลิ 2016

- สำหรับ PS4, PS3 และ PS Vita

- มีระบบมัลติเพลเยอร์ 4 คน

- จะเปิดเผยรายละเอียดในงาน TGS 2015

- ตัวเกมภาคแรกจำหน่ายในญี่ปุ่น+เอเชียได้เกิน 1 ล้านชุดไปแล้ว

Dragon Quest Monsters Joker 3

- มีการโชว์สกรีนช็อต 1 ภาพ กับอาร์ทเวิร์คของตัวเอก

- สำหรับ 3DS

- ยังไม่กำหนดวันวางจำหน่าย แต่บอกว่าหลัง Dragon Quest Builders ไปอีก

Dragon Quest X

- ประกาศว่ากำลังทำเวอร์ชั่น PS4 อยู่

- ตอนแรกทางค่ายบอกว่าจะทำลง NX ด้วย แต่พอสื่อไปขอคำยืนยันทีหลัง ดันบอกว่ากำลังพิจารณาอยู่

Dragon Quest XI


- สำหรับ PS4 และ 3DS โดยทั้งสองเวอร์ชั่นจะมีเนื้อเรื่องเดียวกัน แต่กราฟฟิกเป็นคนละแบบ

- ตอนแรกทางค่ายบอกว่าจะทำลง NX แต่ตัวแทนค่าย และในเอกสารทางการ กลับเขียนว่ากำลังพิจารณาอยู่

- กำกับโดย ทาเคชิ อุจิคาวะ และอำนวยการโดยโยสึเกะ ไซโตะ ประพันธ์โดยโคอิจิ สึกิยามะ

- ภาค PS4 ทีมพัฒนาหลักก็คือคนใน Square Enix แต่ได้ Orca มาช่วยพัฒนาด้วย เวอร์ชั่นนี้ใช้ Unreal Engine 4 สร้าง มีจุดเด่นเรื่องกราฟฟิกอลังการ

- ภาค 3DS ใช้ทีมพัฒนาหลักชุดเดียวกับ PS4 แต่จะได้ Toylogic มาช่วยพัฒนา เวอร์ชั่นนี้ในฟิลด์แมพ จอบนแสดงเกมเพลย์แบบ 3D และจอล่างแบบ 2D Classic ส่วนในแบทเทิล สามารถเลือกได้ว่าจะให้ทั้งสองจอแสดงผลแบบ 3D สมัยใหม่ หรือจะเป็น 2D Classic ที่เห็นแต่ตัวศัตรูแบบสมัยก่อน

- ทั้งสองเวอร์ชั่น จะวางจำหน่ายพร้อมกัน ทางค่ายตั้งใจจะวางจำหน่ายภายในปี 2016 ซึ่งเป็นปีครบรอบ 30 ปีของ Dragon Quest

- PS4 : https://www.youtube.com/watch?v=FBaE0mNexTs, https://www.youtube.com/watch?v=d8ZiWeIknk8

- 3DS : https://www.youtube.com/watch?v=KlUtJUh1XxQ, https://www.youtube.com/watch?v=d5EvpMSrnb8

http://www.jp.square-enix.com/company/ja/news/2015/html/8e4134b8203fc226980d056951e0aac0.html

เราไม่ควรปฏิเสธความแตกต่าง 8 ปี ของ Subaseka


ประมาณ 8 ปีก่อน เคยมีเกม ๆ นึงแต่งทฤษฎีเกี่ยวกับชีวิตไว้อย่างน่าสนใจ

เนื้อเรื่องของเกมนั้นบอกว่าในชีวิตต่าง ๆ มันมีสิ่งที่เรียกว่า "Vibe" อยู่ ซึ่งใครอยากรู้ความหมายจริง ๆ ขอให้ลองเปิดพจนานุกรมดูเอง แต่ผมขอเรียกง่าย ๆ เป็นภาษาผมเองว่า "คลื่นชีวิต" ละกัน

ทุกคนมีคลื่นชีวิตอยู่ในตัว ยมทูตก็มี ยมราชก็มี เทวดาก็มี

ต่างกันที่เหล่าเทวดานั้น มีความถี่คลื่นชีวิตสูงที่สุด... รองลงมาเป็นเหล่ายมทูต ส่วนพวกมนุษย์นั้นมีคลื่นชีวิตต่ำที่สุด

ในเกมระบุว่าสิ่งที่มีคลื่นชีวิตใกล้เคียงกัน ก็จะรับรู้ถึงกันได้ เป็นเหตุผลให้มนุษย์มองเห็นกันได้

แต่ขณะเดียวกัน คนเราแต่ละคน ก็มี Range ของคลื่นที่รับรู้ได้ไม่เท่ากัน พวกที่มีสัมผัสที่ 6 ที่รู้สึกถึงสิ่งลี้ลับได้ ก็คือพวกที่ Range ในการรับรู้กว้างกว่าคนทั่วไป หากมนุษย์คนไหนสามารถรับรู้คลื่นชีวิตที่สูงกว่าปกติได้ ก็อาจรับรู้ไปถึงคลื่นชีวิตของยมทูตได้

ฉะนั้นแล้ว ไม่ว่าภพสวรรค์ ภพนรก หรือโลก... มันก็คือที่ชุมนุมของเหล่าผู้ที่มีคลื่นชีวิตใกล้เคียงกัน ทั้ง 3 ภพนี้ดำรงอยู่ในมิติเดียวกัน ตำแหน่งเดียวกัน ต่างแค่มีคลื่นที่ไม่เท่ากัน ภพทั้ง 3 ภพ เปรียบไปแล้วก็เหมือนการตั้งค่ารับวิทยุที่แตกต่างกัน 3 สถานี

ตัวเกมยังอธิบายอีกว่า ผู้ที่มีคลื่นชีวิตสูง สามารถปรับลดคลื่นชีวิตตัวเองให้ลดต่ำลงมาได้ เป็นเหตุให้ยมทูตก้าวเข้ามายังโลกมนุษย์ได้ กรณีของเทวดาที่มีคลื่นชีวิตสูงขึ้นไปอีกก็เช่นกัน

นอกจากนี้ เกมยังพยายามอธิบายปรากฏการณ์ต่าง ๆ ทางวิญญาณต่าง ๆ ทั้งเรื่องผีถ้วยแก้ว, สถานที่ ๆ คนตายชอบปรากฏตัวบ่อย ๆ, โลกคู่ขนาน และอะไรอื่นอีกมากมาย 

ฟังดูแล้วก็รู้ว่าเป็นเรื่องแต่งขึ้นแหละครับ แต่ทุกวันนี้ผมก็ยังเคลิ้มกับทฤษฎีคลื่นชีวิต ที่ทัตสึยะ คันโดะ... พยายามนำเสนออยู่ไม่หาย

แต่เหนือสิ่งอื่นใด แนวคิดที่เกมนี้พยายามนำเสนอผู้เล่น อยู่ในข้อความต่อไปนี้

"ตราบใดที่ยังมีความแตกต่างของแต่ละบุคคล ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะกำจัดความโดดเดี่ยวให้หายไปโดยสมบูรณ์ ไอ้เรื่องที่ว่าคนเราสามารถร่วมใจกันได้มันไม่มีอยู่จริงหรอก กระทั่งผู้คนที่เชื่อว่าพวกเขาได้แบ่งปันสายสัมพันธ์ให้แก่กัน พวกเขาก็ไม่ได้มีความสัมพันธ์กันจริง ๆ พวกเขายังคงต้องมีการพูดคุย มีความขัดแย้ง และเรียนรู้กันและกันผ่านทางความแตกต่าง"

"ทว่าเราไม่ควรปฏิเสธความแตกต่าง; เราควรยอมรับและมีความสุขกับมัน"

เกม ๆ นี้นำเสนอแนวคิดว่าการทำให้ทุกคนคิดเหมือนกัน "เพื่อสันติภาพ" (แบบที่ตัวร้ายทำ) มันเป็นสิ่งที่ไร้ความหมาย และนั่นไม่ใช่สันติภาพที่แท้จริง

มนุษย์เรามีความแตกต่างเป็นปัจเจกบุคคล การที่เราเห็นต่างคิดต่างกัน ในทางหนึ่งมันทำให้เกิดความขัดแย้งและฆ่าฟัน แต่อีกทางหนึ่ง เมื่อความคิดที่แตกต่างปะทะกัน แลกเปลี่ยน และบดบี้กันด้วยเหตุผล ข้อสรุปใหม่ที่เกิดจากการผสมผสานความคิดที่แตกต่างระหว่างบุคคลก็จะเกิดขึ้น และนั่นก็คือหนทางไปสู่แนวคิดใหม่

ในโอกาสครบรอบ 8 ปีของการวางจำหน่ายเกมนี้ อยากจะขอใช้พื้นที่เล็ก ๆ ตรงนี้ ระลึกถึงเกมนั้น

すばらしきこのせかい

Sunday, July 26, 2015

'ความเป็นอมตะ' หรือ 'ชีวิตอันมีขีดจำกัด' สิ่งใดที่เลอค่ายิ่งกว่ากัน?


'ความเป็นอมตะ' หรือ 'ชีวิตอันมีขีดจำกัด' สิ่งใดที่เลอค่ายิ่งกว่ากัน?

เรื่องราวทั้งหมดใน Final Fantasy III นั้นเริ่มขึ้นจากวันที่โนอา จอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่จากทวีปดัลก์ได้ออกเดินทางไปเผยแพร่คำสอนและเสริมสร้างอารยธรรมต่าง ๆ ไว้ทั่วโลก ในช่วงชีวิตนั้นโนอาได้ฝึกฝนตนเองกระทั่งเขารอบรู้ในศาสตร์การใช้เวทมนต์ทุกแขนง มีพลังเวทย์อันยิ่งใหญ่ และสามารถควบคุมโลกแห่งความฝันได้ และต่อมาเขาก็ได้รับสองหนุ่มและหนึ่งสาวมาเป็นลูกศิษย์ในความดูแลของเขา ด้วยความหวังว่าลูกศิษย์ทั้งสามนี้จะช่วยสานต่ออุดมการณ์ของเขาในการทำนุบำรุงโลกนี้ต่อไป

โนอาและลูกศิษย์ทั้งสามคน ได้ฝึกฝนตนเองจนกระทั่งได้รับชีวิตที่เป็นอมตะ ไม่แก่ตายตามธรรมชาติ.... ในทีแรกพวกเขาอาจพึงพอใจกับชีวิตอันเป็นอมตะนั้น แต่แล้ววันหนึ่ง โนอาก็ฝึกฝนจนเอง จนกระทั่งได้รับ "ขีดจำกัดของชีวิต" หรืออาจเรียกว่า "ความเป็นมนุษย์" กลับมาในท้ายที่สุด

ก่อนที่โนอาจะจากโลกนี้ไป เขาได้ส่งมอบความสามารถทั้งหมดที่เขามี ให้แก่ลูกศิษย์ผู้เป็นอมตะทั้งสามคน

โดก้า - ได้รับพลังเวทย์และความรู้ในการใช้เวทมนต์ทุกแขนง เป็นพลังอำนาจที่เคยทำให้โนอาแข็งแกร่งเหนือผู้ใด

อูเน่ - ได้รับพลังในการควบคุมโลกแห่งความฝัน เป็นผู้ดูแลความฝันของมวลมนุษย์ต่อจากโนอา นั่นคือพลังในการสร้างและทำลายแรงบันดาลใจของมนุษย์ผ่านทางความฝัน

ซันเด้ - ได้รับพลังสุดท้ายที่โนอาฝึกฝนได้ พลังที่แปลกประหลาดที่สุดซึ่งก็คือ "ความเป็นมนุษย์"

เพลานั้น ซันเด้คงโกรธแค้นและคิดในใจว่าความเป็นมนุษย์ห่านจกปลวกอะไรฟะ!? ให้อะไรไม่ให้ ดันให้ความเป็นมนุษย์

พอเป็นมนุษย์แล้วก็จะกลับมากังวล กลัว เกลียด โกรธ และทุกข์ทรมาน... แถมยังกลับมามีอายุขัย มีขีดจำกัดของชีวิต สูญเสียความเป็นอมตะ และกลับมาซี้ม่องเซ็กได้อีกครั้ง

ซันเด้ ไม่ปลื้มกับพลังอันแปลกประหลาดที่เขาได้รับมอบจากอาจารย์ เขาตกอยู่ในความหวาดกลัว กลัวว่าสักวันหนึ่งตัวเองจะต้องตาย (พาลนึกถึงคุจาไปด้วยเลย) และด้วยความโกรธแค้นชิงชัง ไม่อยากตาย.... เขาจึงวางแผนที่จะทำลายสมดุลระหว่างแสงสว่างและความมืด เพื่อให้ความมืดเข้าปกคลุมโลกนี้ กลายเป็นโลกที่ไร้ซึ่งกาลเวลา.... ไม่มีวันและคืน เพื่อที่วันตายของเขา จะไม่มีวันมาถึง และเข้าจะได้ไม่ต้องหวาดกลัวต่อของขวัญจากโนอาอีกต่อไป

โดยไม่ทันรู้ตัว ซันเด้ผู้ได้รับความเป็นมนุษย์มา ก็ตกอยู่ใต้การควบคุมของเมฆาอันธการ นางเมฆาได้เข้าครอบงำซันเด้ บงการให้ซันเด้ทำลายสมดุลของทุกสรรพสิ่ง เพื่ออัญเชิญนางออกมา และความปรารถนาเดียวของนาง ก็คือการทำให้ทุกสรรพสิ่งกลับคืนสู่ความว่างเปล่า อันเป็นจุดเริ่มต้นและจุดจบของจักรวาล (แนวคิดเดียวกับความมืดชั่วนิรันดร์ใน FFIX)

ที่สุดแล้ว ด้วยการยึดมั่นใน "ความหวัง" และ "สายสัมพันธ์ของมนุษย์" (คีย์เวิร์ดเดียวกับ LRFFXIII) มนุษย์ก็สามารถเอาชนะเมฆาอันธการ พร้อมกับได้เรียนรู้ว่าแม้อุปสรรคจะยิ่งใหญ่สักเพียงไร แต่มันคงไม่อาจยิ่งใหญ่กว่า หากพวกเราร่วมมือกัน...

ประเด็นที่ผมว่าน่าสนใจที่สุดในเกมนี้ คือการหาคำตอบว่าโนอารักศิษย์คนไหนมากที่สุด? ผมมองว่ามันเป็นประเด็นปลายเปิดไร้เฉลยที่น่าครุ่นคิดมาก หากมองผิวเผินอาจคิดว่าโนอาคงรักซันเด้มากที่สุดถึงได้มอบความเป็นมนุษย์ไป แต่ถ้าพิจารณาแง่มุมอื่น โนอาก็อาจจะรักอูเน่มากที่สุดถึงได้ให้พลังที่มีอิทธิพลต่อจิตใจของผู้คน หรืออาจรักโดก้ามากที่สุดถึงได้มอบพลังที่อยู่เหนือผู้ใด ที่จริงแล้วโนอาอาจเวทนาในตัวซันเด้ จึงมอบความเป็นมนุษย์ให้ก็เป็นได้ ฯลฯ (หรือจะคิดว่ารักศิษย์ทั้งสามคนเท่ากัน ก็คงไม่ผิด)

แล้วคุณล่ะ... อยากได้รับอะไรจากโนอา? พลังเวทย์ที่ไร้ผู้ต่อกร? การควบคุมความฝันของมวลมนุษย์? หรือ... ความเป็นมนุษย์เดินดินธรรมดา?

เมื่อคุณตายไปแล้ว คุณอยากดับสูญไป หรือได้รับโอกาสที่จะกลับมาเกิดใหม่อีกครั้ง?

เมื่อคุณตายไปแล้ว คุณอยากดับสูญไป หรือได้รับโอกาสที่จะกลับมาเกิดใหม่อีกครั้ง?

เดิมทีแล้วเรื่องราวของโลกใน FFXIII ก็มีการเวียนว่ายตายเกิด มีแนวคิดของวัฏจักรชีวิตเหมือนกับภาคที่ผ่าน ๆ มา จนกระทั่งถึงวันหนึ่งที่ไคอัส ได้สังหารเทพธิดาเอโทรที่เป็นผู้ดูแลวัฏจักรชีวิตลง ทำให้โลกภพนี้และภพหน้ารวมเป็นหนึ่งเดียวกัน วัฏจักรแห่งการเวียนว่ายตายเกิดได้พังทลายลง คนที่ตายไปแล้วก็กลายเป็นวิญญาณเร่ร่อน กรีดร้อง ไม่ได้รับการชำระล้าง ไม่ได้รับชีวิตใหม่ ส่วนคนที่มีชีวิตอยู่ก็อยู่ไปเรื่อย ๆ ไม่แก่ลง แต่ยังสูญเสียร่างกาย และกลายเป็นวิญญาณร้ายได้ ทุกสรรพสิ่งกำลังมุ่งหน้าเข้าสู่หายนะ

ผู้คนในโลกนี้เชื่อกันว่าเมื่อจักรวาลดับสูญลง "บูนิเบลเซ่" สิ่งมีชีวิตที่มีอิทธิฤทธิ์สูงสุดในจักรวาลจนมนุษย์บูชาเป็นพระเจ้า จะช่วยสร้างจักรวาลใหม่ขึ้นมา และย้ายวิญญาณผู้คนจากจักรวาลเก่าไปยังจักรวาลใหม่

แต่ไม่ใช่มนุษย์ทุกคนที่จะถูกย้ายไปยังจักรวาลใหม่ พระเจ้าได้มีกระบวนการคัดกรองตามรสนิยมของพระเจ้า กล่าวคือพระเจ้ายอมรับแต่วิญญาณบริสุทธิ์-วิญญาณของคนที่รอดชีวิตมาจนถึงวันสิ้นโลกเท่านั้น ส่วนคนที่ตายไปก่อนหน้านั้นแล้วกลายเป็นวิญญาณร้ายเร่ร่อนจมทุกข์ พระเจ้ามองว่าวิญญาณเหล่านั้นแปดเปื้อน มีมลทิน จึงจะทำให้ดับสูญไปอย่างถาวร กล่าวคือหลุดไปจากวัฏจักรเวียนว่ายตายเกิด ไม่ได้รับชีวิตใหม่อีกต่อไป

หากเป็นเช่นนั้นแล้ว ผู้คนในเกม และคุณ อยากจะดับสูญไป หรือได้รับโอกาสที่จะเกิดใหม่อีกครั้ง?

ในเกมมีทั้งฝ่ายบูชาเทพธิดาเอโทร ซึ่งได้ประกาศตัวว่าพวกเขาต้องการดับสูญไปกับวันสิ้นโลก พวกเขาไม่ต้องการได้รับชีวิตในจักรวาลใหม่

ขณะเดียวกันพวกลัทธิบูชาบูนิเบลเซ่ ก็พยายามเทศนาสร้างความเชื่อว่าคนที่ตายไปแล้ว กลายเป็นวิญญาณ ทุกข์ทรมาน และต้องการดับสูญไป คนที่ตายไปแล้วล้วนต้องการดับสูญไปทั้งนั้น

ทว่าเมื่อถึงช่วงท้ายเกมที่กลุ่มตัวเอกได้มีโอกาสสื่อสารกับวิญญาณของผู้ที่ตายไปแล้ว กลับพบว่าพวกเขา แม้จะเศร้า เสียใจ เจ็บปวด กรีดร้องอย่างโหยหวน แต่ไม่ว่าพวกเขาจะเจ็บปวดสักเพียงไร เหล่าผู้ที่ตายไปแล้ว ไม่มีใครสักคนอยากจะถูกทำลายและดับสูญไปแม้แต่คนเดียว เมื่อตายไปแล้วจริง ๆ พวกเขาล้วนต้องการอนาคต ต้องการความหวัง อยากที่จะได้รับโอกาสมีชีวิตใหม่ ในจักรวาลใหม่อีกครั้ง ด้วยกันทั้งนั้น.... ทุกคนปฏิเสธโอกาสที่จะดับสูญไป

อันที่จริง ผมไม่เคยตายมาก่อน... เอ่อ หรืออาจจะเคยตายแต่จำไม่ได้แล้วก็ไม่รู้? ผมย่อมไม่รู้หรอกว่าคนที่ตายไปแล้วทั้งหมดจะคิดยังไง แต่ผมค่อนข้างเชื่อว่ามนุษย์เรามีความเป็นไปได้ทุกรูปแบบ คนที่พอตายไปแล้วอยากจะดับสูญไปเลยก็คงมีไม่น้อย แต่คนที่ยินดีจะอยู่ในวัฏจักรแห่งการเวียนว่ายตายเกิด และมองว่าการได้มีชีวิตคือความหวังและความสุข มันก็มีอีกไม่น้อยเช่นกัน

สุดท้ายแล้วหลังจากที่วิญญาณของมนุษย์ทั้งปวงร่วมกันโค่นบูนิเบลเซ่ลงได้ (หากไม่โค่น บูนิเบลเซ่ก็จะทำให้วิญญาณที่แปดเปื้อนดับสูญไป) พวกเขาก็มุ่งไปสู่จักรวาลใหม่ เข้าสู่กระบวนการเวียนว่ายตายเกิด และเริ่มต้นใช้ชีวิตกันอีกครั้ง ในที่แห่งนั้น

มันอาจจะขัดกับความเชื่อหลายอย่างที่เราได้รับการปลูกฝังกันมา แต่เกม ๆ นี้ก็พยายามนำเสนอแนวคิดให้คนเราสู้ชีวิต พยายามมีชีวิตอยู่ต่อไป ถึงจะยากลำบากเพียงไร ก็ให้มองหาความหวัง และมีชีวิตอยู่ต่อไปอย่างเข้มแข็งให้ได้ การมีชีวิตอยู่ในวัฏจักรเวียนว่ายตายเกิดไม่ได้เป็นความทุกข์ หากเรามีความตั้งใจที่จะมีชีวิตอยู่ มีความหวัง เราก็จะมีความสุขกับมันได้เช่นกัน

ก็เป็นแนวคิดที่คล้าย ๆ กับแนวคิดที่นำเสนอในบทสนทนาระหว่างซีดานและความมืดชั่วนิรันดร์ใน FFIX แหละครับ ดูเหมือนว่าพวกเขา พยายามจะปลูกฝังให้ลูกหลานสู้ชีวิตกันแบบนั้น...

และนี่ก็คือประเด็นหลักที่ถูกนำเสนอใน Lightning Returns -Final Fantasy XIII- ครับ

Friday, July 24, 2015

SQEX เยอรมันเตรียมจัดรัฐบาลทาบาตะพบประชาชนครั้งถัดไป 5 ส.ค.

Square Enix สาขาเยอรมันเปิดเผยว่า รายการรัฐบาลทาบาตะพบประชาชน รอบถัดไปจะจัดขึ้นภายในงาน Gamescom 2015 ของประเทศเยอรมัน โดยกำหนดการถ่ายทอดสดอยู่ในวันพุธที่ 5 สิงหาคม 2015 เวลา 5 ทุ่มตามเวลาสยามแดน โดยสามารถรับชมได้ทางแชนแนล Square Enix Presents เช่นเคย

ในงานนี้ทางค่ายตั้งใจจะโปรโมท FFXV อย่างเต็มรูปแบบ ก่อนหน้านี้ในช่วงรัฐบาลทาบาตะพบประชาชนครั้งก่อน ทางคุณทาบาตะได้เคยพูดไว้ว่าจะนำเสนอข้อมูลถัดไปจากดินแดนดัสก้าแล้ว และจะมีเทรลเลอร์ตัวใหม่ออกมาโชว์ด้วย

ปัจจุบันทางค่ายทำตารางกิจกรรมเกี่ยวกับ FFXV ที่จะนำเสนอในงานตลอด 5 วัน ตั้งแต่ 5 - 9 สิงหาคม 2015 เสร็จแล้ว โดยทุกวันก็จะมีการโชว์อัพเดทของ FFXV บนเวที และมีช่วงที่เชิญทีมงานขึ้นมาตอบคำถามแฟน ๆ ซึ่งจากกำหนดการที่ว่าจะมีอัพเดททุกวัน และเชิญทีมงานขึ้นมาตอบคำถามทุกวัน เชื่อว่างานนี้ได้สำลักข้อมูลตายกันไปข้างนึงแน่ ๆ ครับ

Rise of the Tomb Raider กำหนดวางจำหน่ายบน Steam และ PS4 ปีหน้า!


วันนี้ Square Enix เปิดเผยว่าเกม Rise of the Tomb Raider ซึ่งตอนเปิดตัวได้ประกาศว่าจะเป็นเกมเอกสิทธิ์สำหรับ Xbox one และ Xbox 360 แท้จริงแล้วเอกสิทธิ์ที่ว่านั้นเป็นแบบกำหนดระยะเวลา (Time Exclusive) กล่าวคือพอพ้นช่วงเวลาเอกสิทธิ์ตามสัญญาไปแล้วทาง Square Enix ก็จะนำไปจัดจำหน่ายต่อบน Steam และ PS4

โดยปัจจุบัน Rise of the Tomb Raider มีกำหนดวางจำหน่ายบน Xbox One และ Xbox 360 ในวันที่ 10 พฤศจิกายนปีนี้ หลังจากนั้นจะวางจำหน่ายบน Steam ในช่วงต้นปี 2016 ส่วนของ PS4 นั้นเนื่องจากติดสัญญา Console time exclusive เป็นเวลา 1 ปี เลยกำหนดวันวางจำหน่ายไว้เป็นช่วง Holiday 2016 หรือปลายปี 2016 นู่นเลย

Monday, July 20, 2015

เหลี่ยมเรดิโอ ประจำวันที่ 19 ก.ค. 2015


Wednesday, July 15, 2015

KH III เตรียมอัพเดทข่าวถัดไป 17 ส.ค. 2015

ดูท่าอัพเดทต่อไปของ Kingdom Hearts III จะไม่ต้องรอจนถึงงาน D23 Expo ที่ญี่ปุ่นในเดือนตุลาคมอย่างที่ประกาศไว้ตอนแรกแล้ว เนื่องจาก Disney Interactive เปิดเผยว่าในงาน D23 Expo 2015 ที่จะจัดขึ้นที่แคลิฟอร์เนียในวันอาทิตย์ที่ 16 สิงหาคม จะมีการอัพเดทข้อมูลใหม่ของ Kingdom Hearts III ด้วย

ตัวงานดังกล่าวนั้น หากแปลงเป็นเวลาประเทศไทยแล้ว ก็จะเท่ากับวันที่ 17 สิงหาคม 2015 ตั้งแต่เวลา 01.00 น. เป็นต้นไป โดยจะมีการพรีเซนต์ Disney Infinity 3.0 Edition, Star Wars™ Battlefront™ จาก Electronic Arts และ Kingdom Hearts III จาก Square Enix โดยในที่นี้ทาง Disney บอกว่าจะมีการเชิญแขกคนพิเศษมาเป็นคนเปิดเผยข้อมูลใหม่ของเกมด้วย (เดาว่าถ้าไม่ใช่คุณโนมุระ ก็เป็นคุณฮาชิโมโตะแหละ)

Monday, July 13, 2015

ซาโตรุ อิวาตะ ประธาน Nintendo เสียชีวิตในวัย 55 ปี


เมื่อประมาณช่วงเช้าของวันนี้ Nintendo ได้ออกแถลงการณ์ถึงเรื่องการเสียชีวิตในวัย 55 ปีของคุณซาโตรุ อิวาตะ ผู้ดำรงตำแหน่งประธาน Nintendo, CEO ของ Nintendo สาขาอเมริกา และกรรมการผู้มีอำนาจลงนามผูกพันบริษัทฯ โดยคุณอิวาตะได้เสียชีวิตตั้งแต่วันที่ 11 ก.ค. 2015 ที่ผ่านมาเนื่องจากโรคมะเร็งท่อน้ำดี (bile duct growth) ทำให้ตอนนี้ทาง Nintendo เหลือกรรมการผู้มีอำนาจลงนามผูกพันบริษัทฯ 2 คนคือคุณเก็นโยะ ทาเคดะ และคุณชิเงรุ มิยาโมโตะ

คุณอิวาตะนั้น เป็นทั้งหน้าตาของ Nintendo ยุคใหม่ เป็นความหวังของบริษัท และเป็นความภาคภูมิใจของวงการเกมตลอดมา ข่าวการเสียชีวิตของเขาในครั้งนี้ จึงได้แพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว โดยแฟน ๆ ทุกค่ายและนักข่าวทั้งหลายต่างร่วมกันแสดงความเสียใจกับการสูญเสียครั้งใหญ่ของวงการเกม และหวังว่าคุณอิวาตะจะได้พักผ่อนอย่างเป็นสุข

ขอแสดงความเสียใจต่อ Nintendo และครอบครัวของคุณอิวาตะ มา ณ ที่นี้ด้วยครับ

"บนนามบัตร ผมเป็นประธานบริษัท ในความคิด ผมเป็นผู้พัฒนาเกม แต่ในใจของผม ผมเป็นเกมเมอร์" ซาโตรุ อิวาตะ กล่าวไว้ในงาน GDC 2005



Friday, July 10, 2015

SQEX แบบโผ 10 เหตุการณ์สุดประทับใจใน FF Type-0 HD จากการโหวตของแฟน

On the Square Enix Blog we asked fans what their favourite moments from Final Fantasy Type-0 HD are and the results are in!Watch the video below to find out which moments are most beloved by fans(please be aware of potential spoilers for those who have not finished the game yet)

Posted by Final Fantasy on 10 กรกฎาคม 2015

ก่อนหน้านี้ Square Enix Blog ได้เปิดให้แฟน ๆ ร่วมโหวตความทรงจำอันน่าประทับใจของคุณกับ Final Fantasy Type-0 HD เพื่อแชร์กันว่าเกมนี้ได้มอบความทรงจำดี ๆ ให้กับคุณอย่างไรบ้าง และนี่คือผลโหวต 10 เหตุการณ์สุดประทับใจดังกล่าง

10. ลูซิเรมปะทะมาคิน่าผู้ทรยศภายในแพนเดโมเนียม - ฟินกันตรงเรมปางตาย แล้วมาคิน่าถึงได้สติ พร้อมกับกรีดร้องเสียงดังด้วยมุมกล้องแบบเดียวกับคลาวด์กรีดร้องตอนแซ็คตาย...

9. ความทรงจำอันเลือนลางถึงอาจารย์ที่จากไป - หลังจากคุราซาเมะตายไปแล้ว พวกเด็ก ๆ ก็ได้มาทำความเคารพและระลึกถึงผู้ที่จากไปจากสงคราม พวกเขาคลับคล้ายจำได้ว่าเคยมีอาจารย์ที่เข้มงวด เคยบังคับบัญชาและให้การช่วยเหลือพวกเขาแบบเงียบ ๆ มันเหมือนจะนึกออก แต่ก็นึกไม่ออก....

8. ฟักกิ้งกิลก้าแมช โผล่มาไล่ฆ่าเราแบบงง ๆ กลางบิ๊กบริจด์ - แค่ชื่อว่าบิ๊กบริจด์ กิลก้าแมชมันก็โผล่มาแบบงง ๆ โดยที่มันก็จำอะไรไม่ได้ ไอ้เราก็ได้แต่งงตามมันไปด้วย... ตอนนั้นไม่เข้าใจอะไรหรอก นอกจากว่าไอ้กล้ามเกราะแดงนี่เก่งฉิบเป๋งเลย

7. ฝูงบาฮามุทถล่มยิงเทอร์ร่าแฟลร์ใส่ชินริว... - ภาค PSP เราจะได้เห็นเลข 9999 เด้งรัว ๆ ก็ฉากนี้แหละ

6. สมมติว่า... (เรื่องราวในเกลียวอื่น)

5. คืนชีพจากธุลี (ฉากจบลับ)

4. เปิดตัวเกมนี้เวอร์ชั่นตะวันตก - อันนี้ไม่ใช่เหตุการณ์ในเกม... แต่เมื่อชาวตะวันตกต่างก็รอเกมนี้กันมานาน เมื่อมีการเปิดตัวเวอร์ชั่นตะวันตก ก็ฟินกันถ้วนหน้าล่ะ

3. ฉากเปิดเกม "WE HAVE ARRIVED" - อันนี้ต้องให้เครดิตเพลงประกอบสุดอลังการจริง ๆ แค่ฟังเพลงก็ตายตาหลับแล้ว

2. การอัญเชิญอสูรต้องห้ามอเล็กซานเดอร์ - บรึ้ม... แล้วก็กลายเป็นโกโก้ครันซ์~~~

1. ตายห่ายกห้อง ภูมิใจเสนอโดยฮาจิเมะ ทาบาตะ.... - จัดเป็นมุก Signature ของคุณทาบาตะได้ อยากทำให้เกมมันจบซึ้ง ๆ ง่าย ๆ ก็ทำให้มันตายกันเยอะ ๆ เนี่ยแหละ ตัวไหนคนรักมาก ๆ ก็ส่งมันไปตายให้หมด ซึ้งแน่นอน

0. ได้เล่นเดโม FFXV แล้วโว้ยยยย~ - ขโมยซีนนนน ขโมยซีนนนน.... กลายเป็นว่าจุดพีคสุดของการเล่น FF Type-0 HD ไปอยู่ที่ความฮือฮาปาทังก้า ตอนกดเข้าไปเล่นเดโม FFXV ซะอย่างงั้น...

EB Games ยืนยัน FFVII Remake เตรียมลง Xbox One ถัดจาก PS4


เว็บไซต์ EB Games ของประเทศออสเตรเลีย ระบุ Final Fantasy VII Remake อยู่ในหมวดหมู่เกมสำหรับเครื่อง Xbox One ด้วย (พบเห็นโดยคุณ Sora96 ชาวบอร์ด KH13) แต่เนื่องจากข้อมูลดังกล่าวยังไม่เป็นที่เปิดเผยหรือยืนยันจาก Square Enix เจ้าตัวคุณ Sora96 จึงแชทสอบถามกับทาง EB Games ว่าข้อมูลดังกล่าวเป็นความจริงหรือไม่? ซึ่งทาง EB Games ก็ยืนยันว่าจริง โดยเกมจะลงให้กับ PS4 ก่อน (ตามที่ Sony และ Square Enix ได้โฆษณาไว้แล้ว) จึงทยอยลงเครื่องอื่นตามทีหลัง ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ Xbox One นั่นเอง

แม้ทาง Square Enix จะยังไม่ได้ยืนยันเรื่องนี้ แต่หากเกมดังกล่าวจะวางจำหน่ายบน Xbox One และเมื่อขายบนคอนโซลจนอิ่มแล้วค่อยไปจบท้ายบน PC ในภายหลัง ก็คงไม่ใช่เรื่องเกินคาดเดาเท่าไหร่นัก

Sunday, July 5, 2015

สรุปบทสัมภาษณ์เท็ตสึยะ โนมุระ จากหนังสือ Kingdom Hearts Ultimania

บทสัมภาษณ์ท้ายเล่มในส่วนของเท็ตสึยะ โนมุระ จากหนังสือ Kingdom Hearts Ultimania ตัดตอนมาเฉพาะประเด็นที่ผมสนใจนะครับ


==========================
จุดเริ่มต้นของโปรเจคท์ ชายผู้วางแผนตัวคนเดียวอยู่ร่วมปี
==========================

คุณโนมุระเริ่มเล่าให้ฟังว่าในวันหนึ่งขณะที่คุณฮาชิโมโตะกำลังคุยอยู่กับคนของ Disney ในที่แห่งเดียวกันนั้นตัวเขาเองก็คุยกับคุณซากากุจิเรื่องจะสร้างเกมแบบไหนต่อไปดี ซึ่งตอนนั้นคุณโนมุระกำลังอยากสร้างเกมแอ็คชั่นที่มีตัวละครเก๋ ๆ เขาจึงอาสาเป็นคนทำเกมต่อไป ตอนนั้นคนจาก Disney ที่ฟังอยู่ด้วยก็หันขวับมาพูดว่าถ้าต้องการตัวละครเก๋ ๆ ก็ต้องเป็นตัวละครจาก Disney ซึ่งเป็นที่รู้จักกันทั้งโลก เรื่องมันก็เป็นมาแบบนั้น

คุณโนมุระกล่าวต่อไปว่าในตอนแรกเขาก็ไม่อยากรับหน้าที่เป็นผู้กำกับ เพราะว่ามันยาก (หัวเราะ) ตอนนั้นเขาได้รับมอบหมายให้ทำเกมร่วมกับ Disney ...โดยในส่วนของการวางแผน และการเจรจากับ Disney เขาไม่มีทีม ต้องทำตัวคนเดียว หรือเรียกว่าทั้งทีมมีเขาอยู่คนเดียว (หัวเราะ) โดยตอนที่เริ่มวางแผนคนเดียวนั้นคือหลังเสร็จจาก FFVIII แล้วสภาวะเช่นนี้ดำเนินอยู่ร่วมปีกว่าที่จะจัดตั้งทีมขึ้นมา

เมื่อถูกถามว่าการควบทั้งตำแหน่งผู้กำกับและคนออกแบบตัวละครพร้อม ๆ กันเป็นเรื่องยากหรือไม่? คุณโนมุระตอบว่าเขาคิดไว้แต่แรกแล้วว่ามันมีบางจุดบางประเด็นที่เขาไม่ควรไปแตะต้อง ดังนั้นเขาจึงรวบรวมคนมีฝีมือในด้านต่าง ๆ เข้ามา และไว้เนื้อเชื่อใจฝากให้พวกเขาทำ แบบนั้นเขาจะได้ไม่ต้องเสียวลาไปกับการกำหนดรายละเอียดปลีกย่อยเล็ก ๆ น้อย ๆ ของสิ่งต่าง ๆ

==========================
ความยุ่งยากในการเจรจา
==========================

คนสัมภาษณ์ถามต่อไปว่า จากประวัติเกมของ Disney ที่ออกมาก่อนหน้านั้น การขออนุญาตใช้สิทธิต่าง ๆ มันยุ่งยากมาก แต่คุณโนมุระกลับวางแผนที่จะสร้างดาวต่าง ๆ สร้างตัวละคร 3D ต่าง ๆ ของ Disney ขึ้นมาเต็มไปหมด การเจรจามันยากแค่ไหน?

คุณโนมุระบอกว่าเขาไม่ค่อยคิดว่า "เป็นไปไม่ได้หรอก เลิกดีกว่า" แต่เขามักคิดว่า "ก็รอดูว่าจะเป็นยังไง ถ้าไม่ดี ก็ค่อยยอมแพ้" แม้ช่วงแรกขออะไรไปก็จะโดนปฏิเสธรัว ๆ แต่เขาก็พยายามคิดตลอดว่า "เดี๋ยวก็กล่อมได้น่า"

ช่วงแรก คุณโนมุระมีคิดไว้ว่าเขาอยากสร้างฉากที่เจ้าหญิงทั้งหมดถูกจับตัวไว้ที่ Hollow Bastion แต่แล้วเจ้าชายทุกคนก็ปรากฏตัวขึ้นมาช่วย เสียดายที่ไอเดียนี้ถูกปฏิเสธ แต่อย่างน้อยในส่วนที่เจ้าหญิงถูกจับตัวไว้ที่เดียวกันก็ยังอยู่

ในส่วนของการเลือกดาว คุณโนมุระเล่าว่าตอนที่เขาต้องวางแผนตัวคนเดียว เขาก็มีเลือกดาวจาก Disney ไว้จำนวนหนึ่ง เมื่อผสมกับดาวออริจินอลด้วยก็จะมีเกินกว่า 20 ดวง แต่คุยไปคุยมาก็โดนตัดฉับ ๆ จนเหลือประมาณ 10 ดวงอย่างที่เห็นในภาคแรก โดยหลักในการเลือกก็พิจารณาจากความโด่งดังของดาวนั้น ๆ ก่อน ตามด้วยพิจารณาว่ามีตัวละครที่น่าสนใจรึเปล่า และถัดมาก็คือมีฉากสถานที่ ๆ น่าสนใจมั้ย

กับปัญหาคาใจว่าทำไมทั้งเกมถึงมีมิคกี้โผล่มาแค่ฉากเดียว คุณโนมุระบอกว่าตามสัญญากับ Disney แล้ว เขาจะสามารถเอามิคกี้ออกมาใช้ได้แค่คัตซีนเดียว แถม Disney ยังจำกัดด้วยว่าให้ใช้น้อย ๆ ในลักษณะเช่น เอามิคกี้ไปยืนโบกมืออยู่ด้านหลังฝูงชนที่หนาแน่น ....คุณโนมุระจึงคิดว่าถ้าจะเอามาใช้แล้วก็ต้องเป็นฉากที่เกิดอิมแพคท์มากที่สุด จนมาได้ข้อสรุปว่าตรงนี้แหละ ฉากจบเกม

==========================
ตัวละครจาก Final Fantasy
==========================

คุณโนมุระเผยว่าตอนแรกเขาคิดที่จะใส่ตัวละครจาก FF ลงไปในเกมให้น้อยกว่าที่เห็น แต่ระหว่างที่แต่งเนื้อเรื่อง เขาก็พยายามคิดว่าต้องเอาตัวละครจาก Disney ตัวใดมารับบทบาทนั้นนู้นนี้แล้วมันจะเหมาะสม แล้วเขาก็พบว่าบทบาทหลาย ๆ ส่วนมันใช้ตัวละครจาก Disney ไม่ได้ ตัวอย่างเช่น บทเด็กที่อาศัยที่เกาะแห่งชะตากรรม บทตัวละครที่ชี้นำโซระในเมืองเทรเวิร์ส.... หากสร้างตัวละครใหม่ขึ้นมามันก็คงไม่มีสเน่ห์เท่าตัวละครของ Disney ก็เลยคิดว่าใช้ตัวละครจาก FF มั่งดีกว่า พอนึกถึงบทบาทของนักดาบผู้ชี้นำโซระ หน้าของสคอลล์ก็ผุดขึ้นมา และเขาคิดว่าสคอลล์เหมาะสมกับบทบาทนี้ที่สุด

พูดถึงสคอลล์แล้ว คนสัมภาษณ์ก็ถามว่า การที่ภาคนี้เรียกเขาว่าเลออน โดยตัดมาจากนามสกุล (Leonhart) จะสื่อว่าเขาคือสคอลล์ที่ตัด Heart ออกไป, หรือเป็นฮาร์ทเลสรึเปล่า?

ในประเด็นนี้คุณโนมุระบอกว่าตีความลึกกันจริง ๆ แต่เขาไม่ได้ต้องการสื่อแบบนั้นนะ (หัวเราะ) ที่จริงแล้วเหตุผลของการเปลี่ยนชื่อคือต้องการให้ผู้เล่นตกใจกับการพบกันครั้งแรก โดยเรื่องมันเริ่มมาจากจดหมายที่ปราสาท Disney หากเขียนข้อความบนจดหมายนั้นว่า "ไปพบสคอลล์" ผู้เล่นก็จะนึกภาพสคอลล์ออก แล้วการเจอเขาครั้งแรกที่เมืองเทรเวิร์สมันก็จะไม่อิมแพคท์ แต่ถ้าบอก "ไปพบเลออน" แล้วคนเล่นมาเห็นว่าเลออนที่ว่าก็คือสคอลล์ที่พวกเขารู้จัก แบบนี้มันอิมแพคท์กว่า ไอเดียในการเปลี่ยนชื่อนี้มาจากคุณจุน อาคิยามะ (ผู้กำกับการออกแบบอีเวนต์) แล้วเราก็คุยกันว่าจะใช้นามสกุลของสคอลล์ละกัน

ส่วนเหตุผลที่สคอลล์ปฏิเสธที่จะให้เรียกว่าสคอลล์ คุณโนมุระบอกว่าเขาได้ใส่เครื่องหมายปีกของริโนอาไว้บนหลังเสื้อของสคอลล์ แทนการบอกใบ้ว่าเคยมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นกับเขาในอดีต (ในเนื้อเรื่องเกม สคอลล์ไม่สามารถปกป้องบ้านเกิดไว้ได้และสูญเสียดวงดาวไป จึงเป็นที่เชื่อกันว่าเหตุการณ์นั้นทำให้สคอลล์คิดว่าเขาเสียริโนอาไปแล้ว)

เมื่อถูกถามว่า ไม่มีความคิดจะให้ริโนอาปรากฏตัวบ้างเหรอ? คุณโนมุระก็ปฏิเสธพลางหัวเราะ เขาบอกว่าส่วนตัวแล้วเขามองว่าริโนอาเป็นตัวละครที่แตกต่างจากคนอื่น ๆ ใน FFVIII และบุคลิกของเธอนั้น เป็นเรื่องยากที่จะเข้าใจ

ว่าแล้วคุณโนมุระก็พูดถึงเรื่องของคลาวด์บ้างว่า ดีไซน์ของคลาวด์นั้น โดยเฉพาะแขนซ้าย เอาต้นแบบมาจากวินเซนต์ เนื่องจากในภาคนี้คลาวด์ได้ก้าวสู่ความมืดมิด ก็เลยอยากทำให้ดูเหมือนพวกฝ่ายมาร วินเซนต์เองก็ถูกออกแบบมาในลักษณะเช่นนั้น ก็เลยเอาลักษณะของวินเซนต์มาใส่ลงไปในคลาวด์

ในเกม KH นั้น บ้านเกิดของคลาวด์ก็คือ Hollow Bastion แต่ตอนที่เกิดความปั่นป่วนขึ้นบนดาว แล้วซิดกับคนอื่น ๆ หนีตายกันออกมา คลาวด์ไม่ได้อยู่กับพวกเขาในตอนนั้น ก็เลยแยกจากกัน ไม่ได้มาโผล่ที่เมืองเทรเวิร์สด้วย

และสำหรับคำถามที่ว่าคลาวด์ตามหาใครอยู่นั้น หากคำตอบคือแอริธ ก็หมายความว่าฉากจบเกมได้ตอบคำถามนั้นให้แล้ว... คุณโนมุระบอกว่าใครจะเชื่อแบบนั้นก็ได้ ทว่าจากการที่คลาวด์เป็นตัวละครที่มีชื่อเสียง เขาจึงไม่อยากที่จะสรุปเรื่องนี้ให้ ผู้เล่นทั้งหลายต่างก็มีความเห็นที่แรงกล้ากันอยู่แล้ว คุณโนมุระจึงอยากจะปล่อยให้เป็นเรื่องที่ผู้เล่นได้ตีความกันเอาเองมากกว่า


==========================
เรื่องราวของการสรรค์สร้าง "ฮิคาริ"
==========================

คุณโนมุระเล่าให้ฟังว่าเขาเป็นคนเลือกอูทาดะ ฮิคารุ ให้เป็นผู้ขับร้องเพลงธีมให้ Kingdom Hearts ด้วยตนเอง หลายคนคิดว่าการชวนอูทาดะให้มาร้องเพลงให้กับวีดีโอเกมนั้นเป็นเรื่องยาก แต่เขาไม่คิดว่ามันจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ถ้าไม่ลองก็ไม่รู้

หลายต่อหลายคนบอกคุณโนมุระให้หยุดดีกว่า ยังไงอูทาดะก็น่าจะปฏิเสธ แต่คุณโนมุระยืนกรานมาตลอดว่ายังไงนักร้องต้องเป็นอูทาดะเท่านั้น

ทีนี้พอการเจรจาเริ่มต้น ทุกอย่างราบรื่นกว่าที่คิด ตัวแทนของอูทาดะบอกว่าเธอชอบวีดีโอเกม เธอชอบ Disney ดังนั้นก็น่าจะได้

พออูทาดะกลับมาจากต่างประเทศ คุณโนมุระก็ได้เจรจากับเธอโดยตรง ตอนนั้นอูทาดะขอดูตัวอย่างเกมหน่อย พอส่งให้เธอดูได้ 1-2 วัน อูทาดะก็ตอบตกลง ทำให้คุณโนมุระแปลกใจมาก (ว่าทำไมมันง่ายกว่าที่คิดหว่า!?)

เมื่อเจรจาถึงเนื้อหาของเพลง คุณโนมุระบอกกับอูทาดะว่า เขาต้องการเพลงประกอบฉากจบ ที่พระนางต้องแยกจากกัน ซึ่งเขามีคิดภาพเหตุการณ์นั้นไว้ตั้งแต่แรกแล้ว โดยตั้งใจจะทำไม่ให้มันดูเป็นการแยกจากกันอย่างเศร้า แต่เป็นการแยกจากกันด้วยความรู้สึกที่ดี

พออูทาดะไปแต่งเนื้อเพลงมาเสร็จ คุณโนมุระได้ยินแล้วก็สั่นสะท้าน รู้สึกว่านี่มันลงตัวเป๊ะ

อย่างไรก็ตาม คุณโนมุระก็ยังได้ให้คุณอูทาดะแก้เนื้อร้องบางส่วน โดยคุณโนมุระบอกให้คุณอูทาดะตัดพวกสิ่งที่ไม่มีอยู่ในโลกของ KH อย่างเช่น "โทรศัพท์มือถือ" ออกไป แต่อูทาดะก็ยังอุตส่าห์ใส่คำว่า "ทีวี" เข้าไปแทน (หัวเราะ) ซึ่งมันก็มีความหมายลึกซึ้งด้วย (TEREBI keshite, Watashi no koto dake o miteite yo)

==========================
การตั้งชื่อให้กับแผ่นดินของตนเอง
==========================

คุณโนมุระเล่าให้ฟังว่าเขาตัดสินใจแต่แรกว่าเกมนี้ต้องมีคำว่า Kingdom อยู่ในชื่อ เหตุเพราะเขาอยากได้คำที่ฟังแล้วสื่อถึง Disney เพราะ Disney มีอิมเมจที่สื่อถึง Kingdom จึงได้ตั้งชื่ออย่าง "Magic Kingdom" และ "Animal Kingdom" ขึ้นมา อีกทั้งเขาอยากได้คำที่มีความหมายลึก

เนื่องจากนี่เป็นเกมใหม่ ทีมงานชุดที่จัดตั้งขึ้นมาใหม่ ไม่ใช่ภาคต่อ ราวกับว่าเรากำลังจะสร้างทุกสิ่งทุกอย่างขึ้นจากดินแดนอันว่างเปล่า จึงเกิดเป็นอิมเมจว่าพวกเรากำลังสร้างประเทศใหม่ขึ้นมา นี่คือความหมายที่อยู่เบื้องหลังคำว่า Kingdom ของเกมนี้

ทว่าพอไปเช็คดู กลับพบว่าเขาไม่สามารถใช้ชื่อ Kingdom ลอย ๆ ได้ เพราะชื่อนี้เป็นเครื่องหมายการค้าที่ถูกจดทะเบียนไปแล้ว

ตอนนั้นคุณโนมุระกลับมานั่งเก๊กซิม แล้วหารือเรื่องชื่อใหม่กับทุกคน จนมีคนเสนอไอเดียขึ้นว่า "Kingdom Champion" ซึ่งคนญี่ปุ่นจะเรียกสั้น ๆ ได้ว่า "คินฉะ"

แต่ในท้ายที่สุด เขาก็คิดได้ว่า ธีมของเนื้อเรื่องนั้นเกี่ยวกับหัวใจ ก็อยากใช้คำว่า Heart อยู่ในชื่อเกมด้วย แต่ลำพังคำว่า "Kingdom Heart" เฉย ๆ มันฟังไม่ลื่น เลยคิดว่าเอาเป็น "Kingdom Hearts" ดีกว่า (เสียงลงท้าย ต่างกันระหว่าง โตะ กับ ซึ)

พูดถึงเรื่องการตั้งชื่อตัวละคร มีคนตั้งข้อสังเกตว่าชื่อโซระนั้น มันไปสอดคล้องกับชื่อของพวกคลาวด์ สคอลล์ ทีดัส ซึ่งเป็นสภาพอากาศ ....เรื่องนี้คุณโนมุระอธิบายว่าชื่อทีดัสนั้น คนตั้งชื่อคือคุณโนจิมะ (คนเขียนบท) ไม่ใช่ตัวเขาเอง และเขาเดาว่าคุณโนจิมะตั้งใจตั้งชื่อทีดัสให้สอดคล้องกับคลาวด์และสคอลล์

สำหรับชื่อโซระนั้น มันอาจจะไปคล้องกับชื่อของพระเอกพวกนั้นโดยบังเอิญ คุณโนมุระไม่ได้รู้ตัวเลยด้วยซ้ำ เพราะเขาตั้งชื่อโซระ ริคุ และไคริ จากธาตุทั้ง 3 ที่ให้กำเนิดโลกขึ้นมา (ท้องฟ้า แผ่นดิน มหาสมุทร) เขาไม่ได้คิดจะตั้งชื่อโซระให้สอดคล้องกับสภาพอากาศแต่อย่างใด

เมื่อผู้สัมภาษณ์ถามว่า คำว่า ไค ก็หมายถึงมหาสมุทรแล้ว ทำไมถึงต้องเติม ริ ลงไปด้วย? คุณโนมุระเฉลยว่าเพราะชื่อ ไค นั้นมันฟังดูไม่เหมือนชื่อผู้หญิง เลยต้องเติมเสียงลงท้ายลงไปหน่อย ว่าแล้วเขาก็เริ่มไล่เสียงจาก "อะ.." ไป จนมาถึง "ริ" เนี่ยแหละ ที่คิดว่าเหมาะสมที่สุดแล้ว

นอกจากนี้ ทั้งโซระ ริคุ และไคริ ก็ถือเป็นตัวละครหนึ่งของทาง Disney ด้วย ดังนั้นสักวันพวกเขาอาจจะไปโผล่ในหนังของ Disney ก็เป็นไป มันไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้

==========================
ปริศนาในเนื้อเรื่อง #1
==========================

คุณโนมุระบอกว่าเนื้อเรื่องของ KH ต้องการจะสื่อถึง "สายสัมพันธ์" ระหว่างผู้คนซึ่งมันไม่เป็นรูปธรรม แม้จะแยกจากกัน แต่สิ่งที่เชื่อมโยงถึงกัน ก็จะยังสื่อถึงกันเสมอ

ในการออกแบบเนื้อเรื่องนั้น ตอนแรกเขาคิดเพียงว่าจะให้เป็นเกมที่เล่นสนุก มีเนื้อเรื่องเข้าใจง่าย เมื่อพิจารณาถึงวัยของลูกค้า Disney ก็ย่อมไม่ควรแต่งเนื้อเรื่องให้มันซับซ้อน

แต่แล้วเมื่อโปรเจคท์เริ่มเป็นรูปเป็นร่าง คุณซากากุจิก็มาบอกว่า "ถ้าไม่เล็งกลุ่มแฟน FF ด้วย โปรเจคท์นี้ไม่รอดแน่" อืม... คุณโนมุระเผยต่อว่าจริง ๆ แล้วต่อให้คุณซากากุจิไม่พูด เขาก็รู้ดี

(หมายเหตุจาก shinya : จากคำว่า FFをやる層を狙わないと ถ้าจะบอกแค่ว่าต้องทำให้ได้ระดับ FF มันไม่น่าจะใช้คำว่า 狙わないと น่ะ เพราะตัวนี้มันแปลว่า เล็ง เจาะกลุ่ม ตั้งเป้า ไรงี้ อีกอย่าง ในเมื่อตัดสินใจใส่ตังละครFFมา มันก็ไม่น่าจะตั้งเป้าว่าต้องทำให้ได้ตามมาตรฐาน FF แต่เป็นการเจาะกลุ่มเป้าหมายที่เป็นแฟนFFมากกว่านะ)

คำพูดนั้นไม่ได้ส่งผลอะไรต่อเกมเพลย์ ทว่าได้นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงเนื้อเรื่องเป็นอย่างมาก ตอนแรกสุดเลยเขาตั้งใจจะให้เนื้อเรื่องมันอนุบาลสุด ๆ แล้วเชียว กะให้ตีมาเลฟิเซนต์ตายก็เป็นจบ ไม่ได้คิดถึงเรื่องของอันเซมเลยด้วยซ้ำ

เมื่อถามถึงการที่ไคริได้หลุดออกจากโลกของเธอมาถึงเกาะแห่งชะตากรรม คุณโนมุระบอกว่าอันเซมเป็นคนส่งตัวเธอมาจาก Hollow Bastion เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการตามหาคีย์เบลด เรื่องนี้เขาทิ้งหลักฐานไว้ที่ดาว End of World แล้ว อันเซมนั้นเชื่อว่าเจ้าหญิงตัวน้อยคนนี้จะเดินทางไปจนพบพานกับคีย์เบลดเอง ดังนั้น การที่ไคริได้มารวมกลุ่มกับโซระและริคุ เป็นทั้งชะตากรรม (ในแง่เจ้าหญิงแห่งหัวใจ จะได้รับการปกป้องจากผู้ใช้คีย์เบลดอยู่แล้ว) และเป็นทั้งความบังเอิญ (ในแง่ที่จักรวาลนี้มีผู้ใช้คีย์เบลดอีกหลายคน แต่ไคริกลับมาโผล่ที่เกาะแห่งชะตากรรม)

มาถึงคำถามสำคัญ ทั้งที่ริคุเป็นผู้ถือครองที่แท้จริงของ Kingdom Key... แล้วไหงโซระถึงได้มันไปในตอนต้นเกม?

คุณโนมุระบอกว่าที่จริงประเด็นนี้เขาอยากจะปิดบังไว้ก่อน แต่เนื้อหาเท่าที่พูดได้ในตอนนี้คือ ในตอนที่ริคุกำลังถูกความมืดกลืนกิน แสงสว่างได้ปรากฏขึ้น แล้วโซระก็ได้คีย์เบลดไปทันที (เป็นการบอกว่า Kingdom Key มันปฏิเสธความมืดในใจของริคุ)

ความมืดที่ปกคลุมทั้งคู่ในตอนนั้นก็คือความมืดในจิตใจของริคุ แต่แสงสว่างที่โซระเห็นในตอนนั้น ก็คือแสงสว่างในใจของริคุอีกเช่นกัน โซระได้สัมผัสกับแสงนั้น และได้สิทธิครอบครอง Kingdom Key เล่มนั้น "มาชั่วคราว" (ฟังดูแล้ว เหตุผลแรกที่ Kingdom Key เลือกโซระ ก็เพราะโซระมันอยู่ตรงนั้นพอดี)

คีย์เบลดนั้นตอบสนองต่อหัวใจของเจ้าของที่แท้จริง และปรากฏตัวขึ้นมา แม้ริคุจะเป็นผู้ที่เรียกมันออกมา แต่เหตุผลที่โซระสามารถถือคีย์เบลดได้ ก็เพราะโซระนั้น "มีคุณสมบัติ" อยู่เช่นกัน (เป็นการบอกว่า เหตุผลที่สองที่ Kingdom Key เลือกโซระ ก็เพราะโซระมีคุณสมบัติที่จะถือคีย์เบลดอยู่ในตัวตั้งแต่แรกแล้ว แต่คุณสมบัตินั้นคืออะไร... มันเป็นสิ่งที่คุณโนมุระยังไม่ควรเปิดเผยในเวลานั้น)

เมื่อผู้สัมภาษณ์ถามถึงนิทานที่ยายของไคริเล่าให้ฟังว่า "จักรวาลนี้ได้เคยถูกทำลายมาครั้งหนึ่ง แต่ด้วยพลังจากแสงสว่างในหัวใจของเด็ก ๆ จักรวาลถึงได้กลับคืนมา" ดวงดาวที่เกิดขึ้นมาใหม่ ก็คือดาวแต่ละดวงในเกมนี้ใช่มั้ย? แน่นอน คุณโนมุระตอบว่าใช่ และเสริมว่ามันไม่ใช่ประวัติศาสตร์ของจักรวาลนั้นซะทีเดียว มันเป็นเพียงนิทานสำหรับผู้คนในจักรวาลนั้น แต่ระหว่างประวัติศาสตร์กับนิทาน มันก็มีส่วนที่ทับซ้อนกันอยู่ (แล้วนิทานนั้นก็ถูกกล่าวถึงในภาคต่อ ๆ มา มันคือเรื่องราวในภาค Unchained χ และคาบเกี่ยวไปถึงสงครามคีย์เบลดนั่นเอง)

==========================
ปริศนาในเนื้อเรื่อง #2
==========================

ข้อความในคอมพิวเตอร์ ที่อยู่ในคุกของดาวสุดท้าย (เวอร์ชั่นต้นฉบับ)

ก่อเกิดจากหัวใจ บุตรแห่งความมืดผู้ปราศจากหัวใจ
กลืนกืนดวงดาวทั้งมวล และสร้าง End of the World
รวบรวมหัวใจทั้งมวล และสร้างหัวใจอันยิ่งใหญ่เพียงหนึ่งเดียว
หัวใจทั้งหมดจะกลายเป็นหนึ่ง หัวใจเพียงหนึ่งที่เป็นทุกสิ่งทุกสิ่งอย่าง
อีกนัยหนึ่ง นั่นคืออาณาจักรแห่งหัวใจ Kingdom Hearts
หัวใจอันยิ่งใหญ่ ปกปิดไว้ซึ่งความมืดอันยิ่งใหญ่
บุตรแห่งความมืด บัดนี้ได้กลับคืนสู่ความมืดที่ผนึกไว้ซึ่งแสงสว่าง
ความแข็งแกร่งจากหัวใจที่ไร้ซึ่งความมืดนั้น จะเปิดทางสู่ "Kingdom Hearts"
จักรวาลนี้มีหัวใจที่ปราศจากความมืดด้วยกัน 7 ดวง กับอีก 1 รูกุญแจ และ 1 กุญแจ
ผู้ที่จะปิดประตูสู่ความมืดมีด้วยกัน 2 คน กุญแจทั้ง 2 จะปิดประตู
ประตูสู่ความมืดที่ผนึกไว้ซึ่งแสงสว่าง ประตูที่ตัวตนแห่งแสงไม่สามารถผ่านไปได้
เฉพาะความมืดที่ก่อเกิดจากความมืด ถึงจะก้าวผ่านไปได้ สู่ใจกลางของความมืดมิดในหัวใจ
ก่อเกิดจากหัวใจ บุตรแห่งความมืดผู้ปราศจากหัวใจ
กลืนกินหัวใจทั้งมวล ตราบจนประตูแห่งความมืดได้ปรากฏขึ้น

แปลเป็นภาษาคน โดยผมเอง
1. บุตรแห่งความมืดผู้ปราศจากหัวใจ : อันเซมตัวปลอม (ฮาร์ทเลส)
2. หัวใจของเจ้าหญิงทั้ง 7 สามารถนำมาสร้างเป็นคีย์เบลดพิเศษ ซึ่งเมื่อส่งพลังจากคีย์เบลดนั้นผ่านหัวใจของโลก พลังนั้นจะส่งไปถึงจักรวาลแห่งความมืด (Realm of Darkness) และกระตุ้นให้ Door to Darkness (หรืออีกชื่อคือ Door to KH) ปรากฏขึ้นมา
3. Door to Darkness ต้องใช้คน 2 คนช่วยกันปิด จาก 2 ฟากประตู
4. คนที่จะเดินผ่าน Door to Darkness ได้ มีแต่พวกที่เกิดใน Realm of Darkness เท่านั้น

จากข้อความตรงนี้ ผู้สัมภาษณ์ถามคุณโนมุระว่าผู้ที่จะปิดประตูซึ่งมีด้วยกัน "2 คน" ต้องการสื่อถึงใคร?

คุณโนมุระตอบกลับมาทันทีว่า คนหนึ่งคือโซระอยู่แล้ว ส่วนอีกคน จะคิดว่าเป็นริคุคือมิคกี้ก็ได้ ส่วนคำว่า "กุญแจทั้ง 2" สามารถแปลความหมายได้ 2 แบบ จะแปลว่า "คีย์เบลดของโซระและมิคกี้" ก็ได้ หรือจะหมายถึง "ตัวโซระกับริคุ" ก็ได้

คำถามต่อมา.. หลังจบเรื่องแล้ว ไคริไปโผล่ที่เกาะแห่งชะตากรรม ทำไมเธอถึงไม่ไปโผล่ที่ Hollow Bastion ที่เป็นบ้านเกิดของเธอ?

คุณโนมุระบอกว่า ภายในเกม เจ้าหญิงทั้ง 7 ก็บอกไว้แล้วว่าหลังจากนี้เราจะกลับไปยัง "ดาวที่เราอยู่ในตอนที่ดวงดาวถูกกลืนกิน" ไครินั้นหายตัวไปจากเกาะแห่งชะตากรรม เธอจึงกลับไปยังเกาะแห่งชะตากรรม

ถัดไป ผู้สัมภาษณ์ถามว่าทำไมริคุและมิคกี้ ถึงไปอยู่ในอีกฟากของประตูได้?

คุณโนมุระบอกว่ากรณีของมิคกี้ เขาไปยังจักรวาลอีกด้านหนึ่งตั้งแต่ต้นเกมแล้ว ที่มิคกี้หายตัวไปก็เพราะเขาไปตามหา 1 ใน 2 กุญแจ (ที่จะใช้ปิด Door to Darkness) ก็ไปผจญภัยเหมือนโซระ จนได้กุญแจมา และก็ยังอยู่ในจักรวาลแห่งความมืด

ส่วนกรณีของริคุ ร่างของริคุโดนอันเซม (ตัวปลอม) ยึดไป หัวใจของริคุก็ไม่ได้อยู่ในจักรวาลแห่งแสงแล้ว จึงล่องลอยไปสู่จักรวาลแห่งความมืดตามที่อันเซมกล่าวไว้ (ในเกมมีฉากที่มิคกี้อธิบายเรื่องนี้ไว้อยู่แล้ว หัวใจที่ถูกช่วงชิงไป มันจะมารวมตัวกันที่นี่อยู่แล้ว) แต่เมื่ออันเซมตัวปลอมหายไป ร่างกายของริคุ ก็กลับไปรวมกับหัวใจของริคุที่อยู่ในจักรวาลแห่งความมืด

พอคนสัมภาษณ์ถามว่า พอริคุได้ร่างกายกลับคืนมาแล้ว ทำไมไม่ก้าวผ่าน Door to Darkness กลับมายังจักรวาลแห่งแสงล่ะ?

คุณโนมุระบอกว่า เขาก็เขียนไว้ในคอมพิวเตอร์ที่คุกแล้วไงว่า เฉพาะความมืดเท่านั้นที่จะก้าวผ่านประตูนั้นได้ ริคุและมิคกี้ไม่ใช่พวกที่เกิดในจักรวาลแห่งความมืด เลยไม่สามารถก้าวผ่านประตูนั้นไปได้

ผู้สัมภาษณ์ถามต่อว่า การที่ริคุและมิคกี้ไปอยู่ในจักรวาลแห่งความมืด โดยไม่ได้ใช้ Door to Darkness แปลว่ามันมีหนทางอื่นในการเข้าสู่จักรวาลแห่งความมืด โดยไม่ต้องใช้ประตูนั้นใช่มั้ย?

คุณโนมุระบอกว่าใช่ ในข้อความที่มิคกี้ทิ้งไว้ก็มีคำว่า "จงตามหา Door to Light" ซึ่งพวกที่เกิดในจักรวาลแห่งแสงจะก้าวผ่านไปได้

นอกจากนี้คุณโนมุระยังเผยอีกว่า ช่วงต้นเกมในเมืองเทรเวิร์ส ตอนที่กู๊ฟฟี่พูดว่า "พลูโต เราจะไปแล้วนะ" ตอนนั้นพลูโตก็ไม่อยู่แล้ว ตัวพลูโตนั้นรู้สึกว่ามิคกี้อยู่แถวนั้น (ในภาค Coded มิคกี้ก็มายืนยันอีกทีว่าตอนนั้นเขาก็อยู่ในเมืองเทรเวิร์สด้วย) จากนั้นพลูโตก็หายตัวไป เขาได้พบกับมิคกี้ และมาโผล่อีกทีในตอนจบ

ส่วนที่พลูโตหายตัวไป เขาก็ไปผจญภัยในโลกที่ไม่ปรากฏในเกมภาคแรก ในเกมมันยังมีดาวอีกมากมายที่โดนฮาร์ทเลสกลืนกิน แต่เดิมมันก็ไม่มี End of World อยู่ แต่แล้วดวงดาวที่ถูกกลืนกินก็มารวมตัวกันเป็น End of World และนั่นก็คือที่ซึ่งประตูสู่ Kingdom Hearts (อีกนัยหนึ่งก็คือ Door to Darkness) ได้ปรากฏขึ้น ซึ่งที่จริงแล้วแต่เดิมที่ตรงนั้นก็เป็นดาวดวงอื่น หมายความว่าในตอนจบนั้นโซระและพวก กำลังเดินอยู่ในดาวดวงอื่นที่กลับคืนสู่สภาพเดิมแล้วนั่นเอง

สุดท้ายเมื่อผู้สัมภาษณ์ชะงัก แล้วถามว่า "งั้นที่พลูโตมาโผล่ตรงนั้นในตอนจบ ก็แปลว่านั่นหรือคน ๆ นั้น.... (ก็อยู่ใกล้ ๆ กับจุดที่พวกโซระเดินทางอยู่) ซึ่งคณโนมุระก็ตอบว่าเรื่องราวหลังจากนั้น เขาหวังว่าจะได้เปิดเผยมันในสักวันหนึ่ง


==========================
ปริศนา : ฉากจบลับ
==========================

เมื่อถามถึงคนลึกลับทั้ง 3 คนที่ปรากฏตัวในฉากจบลับของเกมเวอร์ชั่นญี่ปุ่น คุณโนมุระบอกใบ้เพียงว่ามันมีคำว่า "Another Side, Another Story" ปรากฏขึ้นมา แสดงว่ามันเป็นเรื่องราวที่แตกต่างออกไป (หมายถึงไม่ใช่เรื่องฝั่งโซระ) และเนื่องจากทุกคนก็กำลังสนุกกับการตีความกันอยู่ เขาจึงไม่อยากเปิดเผยอะไรมาก แต่ที่บอกได้เล็กน้อยคือ หนึ่งในนั้นคือริคุ

ในตอนนั้น ทางค่ายยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะให้ Kingdom Hearts มีภาคต่อได้รึเปล่า มันขึ้นอยู่กับเสียงตอบรับและยอดขายทั่วโลก คุณโนมุระจึงพูดเฉลยเลยไม่ได้ และบอกว่าถ้ามันได้รับอนุมัติให้มีภาคต่อ เขาก็จะเฉลยเรื่องนั้นในภาคต่อเอง

พอผู้สัมภาษณ์ถามว่า จากการที่ในฉากจบลับ มันมีกลุ่มคำมากมาย ปรากฏขึ้นมาเต็มไปหมด หมายความว่าคุณโนมุระมีคิดเนื้อเรื่องของภาคต่อเอาไว้ชัดเจนแล้วรึเปล่า?

สำหรับคำถามนี้ คุณโนมุระบอกว่าใช่ ถ้ามีภาคต่อ เขาก็อยากให้อันเซมโผล่มา ตอนท้ายของเรื่องนั้นอันเซมสูญเสียร่างกายไป (หมายถึงคืนร่างที่ยึดมาให้ริคุ) อันเซมที่เราเห็นกันในช่วงท้ายเกมนั่นไม่ใช่ร่างกายที่แท้จริงของเขา แต่เป็นร่างที่เกิดจากการยึดร่างของริคุมา ฉะนั้นแล้วตัวตนของชายในชุดคลุมในตอนต้นเรื่องจึงน่าสงสัยมาก ซึ่งไม่ว่าจะได้ทำต่อหรือไม่ เขาก็มีคิดไอเดียมากมายเผื่อได้ทำต่อไว้แล้ว

ผู้สัมภาษณ์ถามต่อว่าหากมีภาคต่อแล้ว คลาวด์จะได้กลับมาอีกมั้ย? คุณโนมุระบอกว่าเขาอยากให้คลาวด์กลับมาด้วย ที่จริงแล้วใน KH เวอร์ชั่นต่างประเทศ เซฟิรอธก็จะปรากฏตัวด้วย เขาอยากจะขยายเนื้อเรื่องของคลาวด์ออกไปอีก

คุณโนมุระเผยว่าแท้จริงแล้ว ในการทำ KH เวอร์ชั่นญี่ปุ่น ทีมงานได้ออกแบบและทำโมเดลของเซฟิรอธเอาไว้แล้ว แต่ต้องตัดทิ้งไปเนื่องจากข้อจำกัดด้านเวลา (ทำส่วนอื่น ๆ ไม่ทัน) ก็เลยจะให้เซฟิรอธปรากฏตัวในเวอร์ชั่นต่างประเทศที่ออกตามมาทีหลัง

นอกจากนี้คุณโนมุระยังโฆษณาอีกว่า ตัวเกมเวอร์ชั่นต่างประเทศนั้น จะใช้นักพากย์ออริจินอลของทาง Disney พากย์ตัวละครให้ ส่วนพวกตัวละครออริจินอลของเกมเอง ก็จะใช้นักพากย์ชื่อดังพากย์เช่นกัน เช่น Haley Joel Osment เป็นต้น ส่วนตัวแล้วเขาอยากเอาตัวเกมเวอร์ชั่นต่างประเทศ (หมายถึงเวอร์ชั่นที่ใช้นักพากย์ฝรั่งและมีเซฟิรอธด้วย) มาวางขายในญี่ปุ่นด้วย แต่ถ้าใช้คำว่า "International" ต่อท้าย มันฟังดูไม่ดียังไงไม่รู้ ประเด็นนี้มันค่อนข้างละเอียดอ่อน แต่เขามีคุยกับทีมงานไว้แล้วว่าหากสามารถเอาตัวเกมเวอร์ชั่นต่างประเทศ มาวางขายในญี่ปุ่นได้จริง ก็อยากให้ลงท้ายชื่อภาคว่า "เวอร์ชั่นเสียงอังกฤษ" มากกว่าจะเป็น "International" (หัวเราะ)

หมายเหตุ : ถ้าลองย้อนกลับไปดูองค์ประกอบต่าง ๆ ที่ปรากฏในฉากจบลับของ Kingdom Hearts ภาคแรก จะเห็นข้อมูลหลายอย่าง รวมถึง "ร็อคซัส ริคุ ประตูแห่งแสง โนบอดี้ ตัวตนที่แท้จริงของอันเซมตัวปลอม อันเซมรีพอร์ทของจริง ฯลฯ" รวมถึง "ฉากจบของ Kingdom Hearts II" ทั้งหมดนี้คือหลักฐานว่าเฮียแกคิดเค้าโครงของเรื่องพวกนี้เอาไว้ตั้งแต่ตอนทำภาคแรกแล้ว

==========================
ข้อความ : ถึงผู้ที่เล่นเกมนี้
==========================

คุณโนมุระเผยว่าในการออกแบบโดนัลด์และกู๊ฟฟี่ แกไม่ได้ทำคนเดียวทั้งกระบวนการตั้งแต่ต้นจนจบ แต่แกใช้เทคนิคที่เรียกว่า Tight Pencil วาดดราฟท์แล้วส่งไปให้ทาง Disney ดู จากนั้นดีไซเนอร์ของ Disney ก็จะเอาไปตรวจสอบ แก้ไขดีไซน์แล้ววาดกลับมา พอคุณโนมุระได้รับ ก็จะไม่แก้ไขอะไรอีกแล้ว แต่จะวาดให้กลายเป็นลายเส้นของตนเอง พวกดีไซน์พิเศษของโดนัลด์และกู๊ฟฟี่ในดาวแอตแลนติก้าและเมืองฮัลโลวีนก็เช่นกัน คุณโนมุระเป็นคนดราฟท์ขึ้นมาตั้งแต่แรก

จากนั้นผู้สัมภาษณ์ก็บอกว่า คิด ๆ ดูแล้ว การรวมตัวละครจาก Disney และ Square เข้าด้วยกัน เป็นเรื่องที่ทุกคนคิดว่าเป็นไปไม่ได้ ไหนจะทาบทามอูทาดะ ฮิคารุให้มาร้องเพลงประกอบให้อีก ทว่าคุณโนมุระกลับทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างที่ทุกคนคิดว่าเป็นไปไม่ได้ ให้เป็นจริงได้

ถึงตรงนี้คุณโนมุระก็บอกว่า ทีมงานเองก็พูดเหมือนกันว่าการที่ทุกอย่างกลายเป็นจริงได้ มันราวกับฝันไป โชคดีจริง ๆ ที่เขาไม่ได้ยอมแพ้ไปตั้งแต่แรก

จากนั้นผู้สัมภาษณ์ก็บอกว่าตอนนี้ยอดขายเกมค่อนข้างดีทีเดียว จำนวนคนที่เรียกร้องให้ทำภาคต่อก็มีมากขึ้นเรื่อย ๆ คุณโนมุระเองก็บอกว่าทางบริษัทเร่งรัดให้เขาตัดสินใจว่าจะทำโปรเจคท์ไหนต่อไป ซึ่งเขาเองก็มีคิดไว้ 3-4 อย่าง หนึ่งในนั้นคือภาคต่อ KH แต่ก็กำลังหารือกับสตาฟฟ์อยู่ว่าจะทำอะไรก่อนดี ยิ่งพักหลังมานี้เขาเฟดเอาท์ (หายหน้าหายตา) ไปนานพอควร ก่อนหน้านี้ไปช่วยดีไซน์ FFXI ด้วย แต่ไอ้ที่เขาช่วยทำ มันก็ไม่ได้โดดเด่นสักเท่าไหร่

สำหรับ KH นี้ก็เป็นครั้งแรกที่คุณโนมุระได้ฟอร์มทีมขึ้นมาเอง และเขาก็สนุกกับการตั้งทีมมาก เขาคิดว่านี่สิคือความรู้สึกของการสร้างเกมที่แท้จริง มันทำให้เขาได้รู้สึกถึงสิ่งที่หายไปนาน และรู้สึกว่าตัวเองได้บรรลุอะไรบางอย่าง และหวังว่าความรู้สึกนั้นจะไปส่งถึงผู้เล่นด้วย

สุดท้าย คุณโนมุระอยากฝากถึงผู้เล่นว่า เขารู้สึกขอบคุณทุกคนที่เล่นเกมนี้เป็นอย่างมาก ก่อนที่เกมจะวางขาย เขาไม่รู้เลยว่ามันจะออกมาเป็นยังไง ไม่รู้ว่ามันจะน่าสนใจรึเปล่า แต่เมื่อเกมวางขาย มันก็ได้รับความนิยมสูง ผู้คนต่างบอกว่าพวกเขาชอบมัน มันกลายเป็นที่นิยม เขาจึงรู้สึกขอบคุณยิ่ง เขาได้ยินว่าในโปสต์การ์ดสำรวจความคิดเห็นที่แฟน ๆ ส่งกลับมา มีคนเขียนให้ทำภาคต่อด้วยตรึมเลย เขาเองก็จะเอาไปคุยกับทีมงานต่อว่าทำยังไงถึงจะตอบสนองความคาดหวังนั้นได้ ขอบคุณทุกคนจริง ๆ

==========================
ความลับของเกมนี้ที่คุณโนมุระรู้คนเดียว
==========================

คำพูดที่ปรากฏขึ้นในฉากเปิดเกม คือคำพูดที่ตัวละครตัวนั้น (มิคกี้) กำลังจะพูดในตอนจบ ขอให้สนุกกับการคาดเดาว่าใครคือตัวละครที่พูดประโยคนั้น

Saturday, July 4, 2015

โนมุระเชื่อการปรับเปลี่ยนเนื้อหา FFVII ให้ทันยุคสมัย เป็นส่วนยากสุดในการรีเมค


นิตยสารแฟมิซือฉบับล่าสุด ลงบทสัมภาษณ์ผู้พัฒนาเกมที่เป็นดาวเด่นในงาน E3 2015 ที่ผ่านมา ซึ่งหนึ่งในนั้นก็มีคุณเท็ตสึยะ โนมุระรวมอยู่ด้วย เนื้อหาของการสัมภาษณ์ครั้งนี้ก็มีดังนี้

- โปรเจคท์ FFVII รีเมคและเทรลเลอร์ล่าสุดของ Kingdom Hearts ได้ถูกตีแผ่ออกมาในงาน E3 2015 ซึ่งแฟน ๆ ต่างก็ฮือฮากับมันมาก โดยเฉพาะกับการเปิดตัว FFVII Remake ในงานปราศรัยของ Sony

โนมุระ : รีแอคชั่นที่ออกมามันเหลือเชื่อมาก ผมเองก็ได้รับแมสเซจจากทางญี่ปุ่นมากมายเลย แล้วก็ง่วนอยู่กับการตอบข้อความเหล่านั้นจนถึงเช้า (สอดคล้องกับที่ให้สัมภาษณ์กับทาง Destructoid ก่อนหน้านี้ ว่าโทรศัพท์ดังตลอดทั้งคืนจนไม่ได้นอน)

- คุณอยู่ที่งานปราศรัย ตอนฉายเทรลเลอร์ด้วยรึเปล่า?

โนมุระ : ผมอยู่ตรงนั้นด้วย เค้ามีจัดที่สำหรับสตาฟฟ์แยกไว้ต่างหาก ผมแยกไปอยู่ตัวคนเดียว จดจ้องดูการเปิดเผยเทรลเลอร์ … ตอนที่ผมได้ยินเสียงฮือฮา มือของผมก็เริ่มสั่น

- ทำไมถึงสั่นล่ะ?

โนมุระ : นั่นสินะ… อาจจะเป็นรีแอคชั่นจากความรู้สึกของผมนั่นแหละ

- บรรยากาศในงานปราศรัยมันค่อนข้างพิเศษ แล้วหลังจากการเปิดตัว เรื่องที่สื่อต่างประเทศสนใจและถามถึงกันมากที่สุด คือประเด็นไหน?

โนมุระ : ส่วนใหญ่ก็ถามกันแต่ฉากใน Honey Bee (หัวเราะ)

- เรื่องนั้นอ่ะนะ!? (หัวเราะ) แล้วแอริธล่ะ?

โนมุระ : ผมบอกพวกเขาว่า หนึ่งในเหตุผลที่รีเมค FFVII ก็เพื่อให้คนที่ยังไม่เคยเล่นภาคต้นฉบับได้สัมผัสกับเกมด้วย ดังนั้นการถามเกี่ยวกับเธอ ถือเป็นการสปอยล์นะครับ

- เข้าใจละครับ แต่ทีนี่ เราก็ได้ยินข่าวจากสื่อต่างประเทศมาเหมือนกันว่าในภาครีเมค เหตุการณ์ที่คลาวด์แต่งหญิงจะกลับมาอีกครั้ง?

โนมุระ : ผมบอกพวกเขาว่า “รอดูฉากจากภาคต้นฉบับที่ยังคงอยู่ในความทรงจำละกัน”

(หมายเหตุ : ในจุดนี้ ผมว่าคุณโนมุระจำสับสน แกเอาเนื้อหาที่แกเคยให้สัมภาษณ์กับสื่อ 2 เจ้ามาผสมกัน ส่วนทางแฟมิซือเองก็กำลังเข้าใจผิดอย่างจัง ต้นตอของข่าวคือ เมื่อเว็บไซต์ Eurogamer ถามคุณโนมุระว่าจะมีฉากแต่งหญิงมั้ย? คุณโนมุระก็ตอบเลี่ยง ๆ แบบไม่ยืนยันและไม่ปฏิเสธว่า “รอดูกันต่อไป” แต่เว็บข่าวต่างประเทศหลายเจ้าอ่านแล้ว พากันไปพาดหัวว่าโนมุระคอนเฟิร์มฉากแต่งหญิงมาแน่ ต่อมาคุณโนมุระก็ให้สัมภาษณ์กับทาง Dengeki Online ว่า จะไม่ตัด ไม่เปลี่ยนแปลง ฉากที่อยู่ในความทรงจำของทุกคน…. ด้วยเหตุนี้ผมจึงบอกว่า แกเอาสิ่งที่ให้สัมภาษณ์กับ Eurogamer และ Dengeki Online มาผสมกัน แล้วตอบแฟมิซือออกไป….. แต่ในเมื่อฉากแต่งหญิง ก็เป็นฉากที่อยู่ในความทรงจำของทุกคน ก็เชื่อได้ว่าน่าจะมีแหละนะ)

- การสร้าง FFVII รีเมค เริ่มตั้งแต่เมื่อไหร่?

โนมุระ : ผมจำแบบเป๊ะ ๆ ไม่ได้ แต่ก็ช่วงใดช่วงหนึ่งของปีก่อนเนี่ยแหละ (สอดคล้องกับที่ให้สัมภาษณ์กับทาง Dengeki Online ไว้อีกเช่นกัน)

- ก็ไม่นานนี้เองนี่นา แล้วในเทรลเลอร์ มันมีป้ายที่มีภาพ CG ของอายะจาก Parasite Eve ติดอยู่ (จริง ๆ ต้องบอกว่าเป็นภาพอีฟจาก The 3rd Birthday น่ะนะ) ….มันมีความหมายลึกซึ้งแฝงอยู่รึเปล่า?

โนมุระ : ป้ายนั่นจริง ๆ ต้องเป็น Loveless (วรรณกรรมชื่อดังในโลกของ FFVII) แต่เหมือนว่าทีม Visual Works เอาอายะไปใส่เล่น ๆ แทน (หัวเราะ)

- การรีเมค FFVII อย่างเต็มรูปแบบ ไม่ใช่แค่พัฒนาด้านภาพ แต่ยังต้องเปลี่ยนแปลงตัวเกมด้วย ดูเหมือนว่าแฟน ๆ จะกังวลกับเรื่องนี้กันนะ

โนมุระ : ผมเข้าใจว่าทำไมพวกเขาถึงกังวล ผมเองก็อยู่ในกลุ่มนั้นด้วยเหมือนกัน ทางฟากของผู้พัฒนาเอง ก็มีความขัดแย้งในเรื่องการปรับเปลี่ยนสิ่งต่าง ๆ เรื่อยมา  มันอาจจะเป็นส่วนที่ยากที่สุดในการรีเมคก็ได้ ทว่าเราก็กำลังทำอยู่ การจะทำให้มันน่าสนใจและเหมาะสมกับเจนฯ นี้ จำเป็นจะต้องเปลี่ยนแปลงมัน ในเรื่องกราฟฟิกนั่นแน่นอนอยู่แล้ว แต่ก็จะละเลยในส่วนของเกมเพลย์ไม่ได้ ผมเชื่อว่าเกมเพลย์ต้องนำหน้ามาก่อนกราฟฟิกอยู่แล้ว