Wednesday, May 29, 2019

5 วายร้ายที่ไม่ได้รับการจับตามองเท่าที่ควรใน Final Fantasy



บทความ 5 วายร้ายที่ไม่ได้รับการจับตามองเท่าที่ควรในซีรีส์ Final Fantasy จากการเสนอชื่อของแฟน ๆ ฝั่งตะวันตก

1. Caius (FFXIII-2) สุดยอดผู้ทักษ์จากเผ่าฟาร์เซียร์ ผู้เป็นอมตะ ทำหน้าที่พิทักษ์โหร แต่ดันไปมีความรักโหรยูล แล้วไคอัสก็ทนเห็นวัฏจักรตาย-เกิด-ตายเกิด-ตายเกิด ซ้ำไปซ้ำมาของยูลทุก ๆ 15-20 ปีไม่ได้ 

หลังจากทนดูมาเป็นพัน ๆปี แล้วไคอัสเลยกะว่าจะทำลายระบบกาลเวลาแม่งเลย... จะได้ช่วยยูลให้หลุดพ้นจากวัฏจักรได้ แต่ภายหลังกลายเป็นว่าพอทำลายระบบกาลเวลาไปแล้ว... โลกมนุษย์กับโลกหลังความตายรวมเป็นหนึ่งกันแล้ว จักรวาลพลอยจะล่มสลายไปด้วย... อันนี้ไคอัสก็บ่ฮู้มาก่อนว่ามันจะเป็นถึงขนาดนี้

2. Biggs และ Wedge (FFVI) ไว้ให้คนอิน ขยายความให้เองละกันเด้อ

3. Rubicante (FFIV) 1 ใน 4 ปิศาจลูกน้องกอลเบซ่า ผู้บัญชาธาตุไฟ ที่แม้จะรับใช้ความชั่วร้าย แต่กลับต่อสู้อย่างทรงเกียรติ รูบิกันเต้พูดแต่แรกว่าเขาไม่ได้เปลี่ยนพ่อแม่ของเอจด์ให้กลายเป็นคิเมร่า ทั้งหมดเป็นฝีมือของลูเก้ต่างหาก ซึ่งรูบิกันเต้เองก็ไม่พอใจกับวิธีการแบบนี้ แต่เขาชื่นชมยอมรับมนุษย์ที่มีความกล้าหาญแบบพวกเอจด์ และยังบอกอีกว่าอย่าหลงมัวเมากับความโกรธเพราะจะบั่นทอนศักยภาพของมนุษย์

ก่อนการต่อสู้ รูบิกันเต้ยัง Full Cure ให้กลุ่มเพื่อนเซซิลทุกคน และเมื่อโดนรุมขยี้จนไม่มีทางสู้ รูบิกันเต้ก็ยอมรับความพ่ายแพ้และแสดงความชื่นชมต่อพวกเซซิล

4. Ultimecia (FFVIII) ไม่ได้ทำตัวให้เป็นที่สนใจ ไม่ได้ไปเผาบ้านเกิดใคร ไม่ได้ครองโลกหรือถล่มโลกให้เป็นจุล แถมพวกตัวเอกและคนเล่น แทบไม่รู้ถึงตัวการมีอยู่ของเธอด้วยซ้ำ

อัลตี้เป็นแม่มดการเวลาจากอนาคตอันไกลห่างที่ส่งจิตมาครอบงำแม่มดในยุคปัจจุบัน และควบคุมเหตุการณ์ต่าง ๆ ให้เป็นดั่งใจนึกของเธอ

5. Death Machine (FFI) ที่สุดของ Random Enemy ใน FFI ซึ่งอยู่ในฉากทางเดินไปทางเทียแม็ทบนปราการลอยฟ้า โดยระหว่างทางมีโอกาสสุ่มเจอแกเพียง 3/64 เท่านั้น จะเรียกว่าเป็นซูเปอร์บอสก็เรียกได้ไม่เต็มปากเพราะมันเป็น Random Enemy เพียงแต่มันเก่งที่สุดในเกม เป็นตำนานความโหดทมิฬชาติของภาคแรกที่ต้านทานเวทย์ได้ทุกธาตุ (แต่เวอร์ชั่นหลัง ๆ ดันแก้ไปแก้ให้ยิงไฟฟ้าใส่มันได้)

คนไทยสมัยก่อนเรียกกันว่ามันเป็น Omega ของ FFI เลยทีเดียว

Saturday, May 25, 2019

KHUχ ตอนราฟอยากได้เหรียญรางวัล


- จิริธีบอกว่าไม่เห็น Block Noise ปรากฏขึ้นเลย ปล่อยไว้แบบนี้ไม่ได้ แต่ในเมื่อความมืดกับพวกวายร้ายนั้นมีความสัมพันธ์กัน ก็น่าจะลองไปหาราฟดู ราฟอาจจะรู้อะไรบ้าง

- ตามราฟไปที่กองขยะ แต่ไม่เจอราฟแล้ว แต่พอมองไปทางอะพาร์ตเมนต์ ก็เห็นที่ตึกกำลังจุดพลุฉลองเป็นหน้าเฟลิกซ์กัน แล้วราฟก็กำลังเดินเข้าไปในตึกพอดี เราเลยตามไป

- ระหว่างไล่ตามราฟขึ้นไปชั้นบนของตึก ก็เจอฮาร์ทเลสยาวเป็นหางว่าว แสดงว่าราฟเกี่ยวข้องกับฮาร์ทเลสจริง ๆ

- เราได้ยินเสียงราฟกับยีนคุยกันในห้องด้านบนอะพาร์ตเมนต์ ราฟบอกว่าอยากได้เหรียญแสดงคุณงามความดี แต่ยีนบอกว่านายเอาแต่ทุบตึก อยากได้ก็ไปทำความดีก่อนไป

- ราฟออกจากห้องสวนกับเราไป ส่วนเฟลิกซ์ออกจากห้องมาถามเราว่าเขาได้ชวนเราไปปาร์ตี้ฉลองครบรอบ 30 ปีเกม Fix-it Felix Jr. รึยัง? งานจัดวันนี้เอง แต่ราฟดันทำทุกอย่างพัง รวมถึงเค้กด้วย แล้วจิริธีก็มาบอกให้เราตามราฟไป

- เราตามราฟลงมาถึงหน้าอะพาร์ตเมนต์ แล้วเจอ Block Noise โผล่ออกมามากมาย เราบอกให้เฟลิกซ์หลบไปก่อน

- พอเรากำจัด Block Noise ได้หมด ทุกอย่างในเกมก็ถูกสาดด้วยแสงสีแดงไปหมด เหมือนว่าเกมจะมีปัญหาใหญ่ซะแล้ว เฟลิกซ์จะกระวนกระวายมากเพราะราฟก็หายตัวไปแล้ว แบบนี้ปีหน้างานฉลอง 31 ปีคงเลวร้ายที่สุด ป่านนี้คงไปหลับคาห้องล้างหน้าในเกมเสิร์ฟเบียร์ของ Tapper แล้ว เลยฝากไปบอกเขาว่า ให้กลับมาเดี๋ยวนี้!

Thursday, May 23, 2019

KH Union χ เปิดให้ผู้เล่นทำแบบสอบถามเพื่อนำไปปรับปรุงตัวเกม


Kingdom Hearts Union χ เปิดให้ผู้เล่นทำแบบสอบถาม เพื่อนำความคิดเห็นไปปรับปรุงพัฒนาตัวเกมครับ

ในนั้นก็มีถามคำถามเช่นว่า
- คุณเคยเล่นภาคไหนมาบ้าง?
- เริ่มเล่นภาคกาชามาตั้งแต่ช่วงไหน?
- เล่นบ่อยแค่ไหน?
- เคยเติมเงินรึเปล่า?
- จัดอันดับ top 5 ตัวละครที่ชอบหน่อย
- อยากให้ Collaboration กับเกมไหนอีก?
- ชอบองค์ประกอบด้านไหนในเกม?



- ในรีเควสต์ว่าขอให้ปรับปรุงอะไรนั้น ผมขอให้เขาอัปเดตเนื้อเรื่องให้บ่อยขึ้น อย่าดองไปปีเศษเหมือนช่วงก่อน KH3 จะออกอีกเด็ดขาด

- แล้วก็ขอว่าให้ช่วยจัดการอะไรกับค่าดาเมจในเกมที่เฟ้อ ตีกันทีตัวเลขพุ่งหลักร้อยล้าน-พันล้านรัว ๆ หน่อย เพราะตัวเลขมันรกเต็มจอ จนไม่มีความหมายอะไรแล้ว ดูแล้วรกมากกว่าอลังการ ช่วยเริ่มแรกเกมที่ทุบกันได้หลักร้อยพลักพัน ยังดูสบายตา อ่านค่าง่ายกว่าอีก

- ด้านเกมที่ Collaboration ผมกรอกเป็น Marvel กับ Star Wars มาซะ ถือว่าช่วยเพิ่มกระแสให้ทางนั้น จะได้เป็นแรงกระตุ้นให้เขาพยายามเจรจาให้ได้

- ส่วน top 5 ตัวละครที่ชอบ เอาไปเลย เป็ด จ้าวยุโรป... ที่จะโดนไก่จิกตาย วันที่ 1 มิ.ย. นี้

ใครยังไม่ได้ทำแบบสอบถาม ไปทำกันได้ตามลิงก์ครับ ถ้าแปลไม่ออก ก็เปิดอีกหน้าแล้ว paste url ใส่ google translate ให้มันแปลเป็น eng ให้ก็ได้
- http://cache.sqex-bridge.jp/guest/information/53740

Wednesday, May 22, 2019

ทฤษเดาเรื่องทั้งหมดใน KH III เป็นการจัดฉากของเยนซิดเพื่อรับมือกับ MoM


ทฤษเดาน่าสนใจใหม่ของ Kingdom Hearts III จากแชนแนล HMK เมื่อ 4 วันที่แล้ว

ประเด็นที่นำเสนอคือ... เรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นใน Kingdom Hearts III เป็นการจัดฉากของเยนซิด... เพื่อการรับมือกับ Master of Master ในอนาคต




[Spoiler Alert]

- ใน KH3D นั้น มีการเปิดเผยว่าลีอา ไปฝึกฝนเพื่อเป็นผู้ใช้คีย์เบลดกับพ่อมดเมอร์ลิน ในสถานที่ซึ่ีงถูกเร่งกาลเวลาให้เร็วขึ้นกว่าปกติ ด้วยเจตนาของลีอาเอง เพื่อจะช่วยเพื่อนให้ได้ ทว่าในตอนจบของเกม เยนซิดเป็นคนเรียกให้ไคริ ไปฝึกเป็นผู้ใช้คีย์เบลดกับเมอร์ลินพื่อมาเป็นผู้พิทักษ์แสงสว่างคนที่ 7... ทว่าหากมองอีกแง่นึง นั่นคือการที่เยนซิดส่งไคริออกไปอยู่ในสถานที่ปลอดภัย ที่มีเมอร์ลินและลีอาดูแลอยู่ ทำให้มั่นใจได้ระดับนึงว่าจะป้องกันไม่ให้จูซังคิคังที่ตามล่าแสงสว่างทั้ง 7 อยู่ด้วย ทำอะไรเธอได้

- การที่เยนซิดไม่ยอมมาเป็นผู้พิทักษ์แสงสว่างคนที่ 7 แต่กลับพยายามปั้นให้ไคริที่แทบไม่มีประสบการณ์มาเป็นแทน ด้วยเหตุผลว่าตัวเองแก่เกินไป เป็นข้ออ้างที่ไม่สมเหตุสมผล เยนซิดเองยังมีความสามารถในการต่อสู้ที่สูงเป็นแนวหน้า และใช้เวทมนต์ในระดับที่ลูกศิษย์ทั้งหลายไม่อาจทัดเทียมได้ ขณะเดียวกันทีมฝั่งตรงข้ามซึ่งนำโดยเซอานอร์ท ก็แก่จะลงโลง จนต้องขวนขวายหาร่างใหม่ให้ตัวเองอยู่แบบนั้น ดังนั้น เรื่องอายุไม่ใช่เหตุผลที่แท้จริงแน่นอน การที่เยนซิดพยายามใช้ไคริ มันมีเหตุผลแอบแฝงมากกว่านั้น

- เยนซิดส่งไคริไป เพราะคาดหมายได้ว่าไคริจะพลาดท่าในสงครามคีย์เบลด กล่าวคือเยนซิดตั้งใจส่งไคริให้ไปตาย เพื่อให้เซอานอร์ทสร้าง X-blade ขึ้นใหม่ได้สำเร็จ แต่แล้วโซระจะสามารถเอาชนะเซอานอร์ทได้ และใช้พลัง Power of Waking ที่เหลือทั้งหมด เพื่อพาไคริกลับมา... แลกกับการที่ตัวตนของโซระจะต้องหายไปสู่ภพภูมิอื่น... ที่โซระจะได้เผชิญหน้ากับ ชายคนนั้น... คนที่เยนซิดวางแผนรับมืออยู่ และกระทั่งเขียนสัญลักษณ์ของชายคนนั้นลงบนกระดานดำในห้องตัวเอง ขณะที่ประชุมทีมกันอยู่ในช่วงท้ายเรื่องด้วยซ้ำ

- สรุปว่าในขณะที่เรื่องราวฝั่งการเดินหมากของเซอานอร์ท ดำเนินไปตามแผนของที่ Master of Masters วางเอาไว้อยู่แล้ว ทว่าการเดินหมากของฝั่งตัวเอก เพื่อที่จะรับมือกับ Master of Masters ...ก็เป็นไปตามแผนของเยนซิด เช่นกัน....

นั่นเพราะว่า... Yen Sid Knew....

ซากากุจิสร้างทฤษฎีวัฏจักรชีวิตจากการสูญเสียมารดา


ต้นปี ค.ศ. 1990 ในช่วงสุดท้ายของการพัฒนา Final Fantasy III ได้เกิดเหตุการณ์อันเศร้าโศกที่พลิกชีวิตของฮิโรโนบุ ซากากุจิ

แม่ของเขาจากไปอย่างกะทันหัน....

ด้วยความบอบช้ำจากเหตุการณ์นี้ ทำให้คุณซากากุจิเริ่มหันมาไตร่ตรองความหมายของการมีชีวิตและความตาย แบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

นับจากวันนั้นมา แกเริ่มใช้ผลงานมากมายถ่ายทอดแนวคิดเรื่องวงจรธรรมชาติตามทัศนคติของแก

คุณซากากุจิเชื่อว่าความตายนั้นเป็นแค่ทางผ่าน และวิญญาณของผู้ล่วงลับ ก็จะกลับไปยังจุดกำเนิดของมัน กลับคืนสู่ดวงดาว...

ด้วยความตายนี้ บุคคลผู้เป็นที่รักของเรา ก็จะกลับเป็นส่วนหนึ่งของระบบดวงดาว อย่างเป็นสุข

คุณซากากุจิบอกว่าเขาอยากจะอธิบายถึงความตายของแม่ด้วยเหตุและผล เขาเชื่อว่าทุกสรรพสิ่งล้วนมีชีวิต และเพื่อจะก้าวข้ามความเศร้านั้น เขาจึงวิเคราะห์การดำรงอยู่ของมนุษย์ด้วย Cartesian Logic และเป็นแบบคิดเองด้วยใจ มากกว่าจะอิงแนวคิดทางศาสนา

แล้วแกก็ตัดสินใจจะใส่แนวคิดเหล่านั้นลงไปในเกมของแก ครั้งแรกใน Final Fantasy VII, ต่อมาใน Final Fantasy IX และต่อมาในภาพยนตร์ Final Fantasy : The Spirits Within

(ใน FFVII ที่บูเกนฮาเกน อธิบายแทนคุณซากากุจิไว้ให้เลย : https://www.youtube.com/watch?v=vE1LxkTH1IU)

คอนเซปต์ของคุณซากากุจินั้นตั้งอยู่บนแนวคิดที่ว่า วัฏจักรชีวิตไม่มีที่สิ้นสุด ซึ่งก็คล้ายกับแนวคิดเรื่องการกลับชาติมาเกิดใหม่ ที่ว่าวิญญาณ ดวงจิต สติปัญญาของใครคนหนึ่ง สามารถกลับมาเริ่มต้นชีวิตใหม่ในรูปแบบอื่น ไม่ว่าจะเป็นคน สัตว์ พืช หลังจากร่างชีวภาพตายไปแล้ว

อันที่จริงแนวคิดเหล่านี้ก็เป็นความเชื่อที่มีร่วมกันระหว่างบุคคลต่างวัฒนธรรม ต่างผืนทวีป ต่างกาลเวลาในหลายหน้าของประวัติศาสตร์

ทุกวันนี้ มีผู้คนบนโลกกว่าพันล้านคน ที่เชื่อเรื่องการกลับชาติมาเกิดใหม่ในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง ไม่ว่าชาวพุทธ ชาวฮินดู หรือกระทั่งในยุคกรีกโบราณก็มีคอนเซปต์แบบนี้ซึ่งเรียกว่า Metempsychosis

ทั้งนี้ความเชื่อที่คุณซากากุจิพยายามถ่ายทอดมา ก็ยังสอดคล้องกับหลักการอีกอย่างหนึ่งที่เรียกว่า Gaia Hypothesis (https://en.wikipedia.org/wiki/Gaia_hypothesis)

(ตัดตอนจากหนังสือ The Legend of Final Fantasy VII โดย Nicolas Courcier และ Mehdi El Kanafi หน้า 183

---------------------------------

ผมพึ่งซื้อหนังสือเล่มนี้มาก่อนพร้อมกับ Ultimania Archive ...ตอนแรกว่าจะเอาไปรองหนุนนอนแล้ว เพราะมันเป็นหนังสือที่ไม่มีเชิงอรรถ!!

ถึงมีบรรณานุกรมท้ายเล่ม แต่การที่หนังสือมันไม่มีเชิงอรรถอ้างอิงรายจุดเพื่อแสดงแหล่งที่มาของข้อมูลและเป็นการเปิดให้ผู้อ่านสามารถตรวจสอบอย่างโปร่งใสได้ มันก็ขัดหลักระเบียบวิธีวิจัย ทำให้ข้อมูลไม่มีน้ำหนักและเอามาใช้อ้างอิงไม่ได้ เพราะไม่รู้ว่าคนเขียนนั่งเทียนขึ้นมารึเปล่า?

แต่ท่อนที่ตัดแปลมาให้อ่านกันนี้ ถึงหนังสือไม่ได้ลงเชิงอรรถไว้ แต่ผมเคยอ่านเจอเมื่อหลายสิบปีก่อน และโชคดีที่เว็บไซต์ที่ลงบทสัมภาษณ์ที่มาของข้อมูลนั้น ก็ยังอยู่ จึงสามารถรับฟังได้ : http://www.ff7citadel.com/press/int_sakaguchi.shtml

ทั้งนี้แนวคิดที่ว่า "ชีวิต" เกิดขึ้นมาจากอะไรสักอย่าง เช่น ไลฟ์สตรีม, คริสตัล, Far Plane, Chaos, Kingdom Hearts, Great Spirit ฯลฯ เมื่อเกิดมาแล้วก็เป็น Spirit Energy พอตายแล้ว Spirit Energy ก็กลับไปรวมกับจุดกำเนิดอีกครั้ง ถูกหลอมรวม คละร่วม และรอวันที่จะถูกดึงขึ้นมา เป็นชีวิตใหม่อีกครั้ง (มีขยายความกระบวนการเหล่านี้อยู่ในนิยาย หญิงสาวผู้ท่องไปในดวงดาว หรือ Case of Aerith ใน FFVII Ultimania ด้วยนะ) ก็เป็นความเชื่อสากลของผู้คนต่างยุคสมัยต่างวัฒนธรรม ที่แม้จะพิสูจน์ไม่ได้ แต่ก็คงอยู่คู่กับวรรณกรรมต่าง ๆ ปรากฏให้พวกเราเห็นไปตราบนานเท่านนานครับ

Genius!

Tuesday, May 21, 2019

เผยพล็อตเวอร์ชั่นแรกของ FFVII ที่คิตาเสะเขียนขึ้น 3 เดือนหลังวางขาย FFVI


จากหนังสือ Final Fantasy Ultimania Archive Vol.2 (ซึ่งเป็นหนังสือแปลของ FF 25th Memorial Ultimania) มีส่วนที่ลง Design Documentation ของเกมเอาไว้ ซึ่งเป็นเอกสารที่ทีมงานแต่ละคน เขียนไอเดียเสนอกันมาว่าอยากให้เกมภาคต่อไป เป็นยังไงกันบ้าง

ในส่วนของ Final Fantasy VII นั้น เปิดมาด้วยเอกสารไอเดียของคุณโยชิโนริ คิตาเสะ (ผู้กำกับ FFVI, FFVII, FFVIII) ผมลองอ่านผ่าน ๆ 2 แผ่นแรกคร่าว ๆ มาได้ว่า

- เอกสารลงวันที่ 18 กรกฎาคม 1994 (3 เดือนหลังวางขาย FF6)

- เป็นไอเดียพล็อตสำหรับ FFVII

- เป็นเรื่องราวที่ให้ผู้เล่น เล่นสลับกันระหว่างอดีตกับปัจจุบัน โดยยุคปัจจุบันเล่นเป็นตัวลูก ส่วนยุคอดีตเล่นเป็นพ่อ

- กระแสเวลาไหลตามปกติ ไม่มี Time machine ไม่มี time warp

- ใช้อ้างอิงจากภาพยนตร์ The God Father II, ไม่เหมือน Back to the Future

- เนื้อหา 40% ของเกมเป็นเรื่องในอดีต

- การกระทำในอดีตส่งผลต่อปัจจุบัน... และสถานการณ์ในปัจจุบัน ส่งผลต่ออดีต

- ตัวพ่อในยุคอดีต เติบโต ประสบความสำเร็จมีชื่อเสียง ส่งผลต่ออารยธรรมมากมายที่เกิดขึ้นตามมา, ส่วนรุ่นลูก อยู่ในยุคที่โลกเจริญแล้ว ได้ยินตำนานของพ่อมากมาย

- ถึงตรงนี้ผมว่าทุกคนคงมั่นใจแล้วว่า อ่าววว อีพล็อตแรกของ FFVII มันโดนพับเก็บไปก่อน แล้วเอามาทำใหม่เป็น FFVIII นี่หว่า

- คิตาเสะเขียนว่า "จุดขาย" คือ เหตุการณ์ในเกมเปลี่ยนแปลงไปได้หลายรูปแบบ เช่นถ้าไปถึงสถานที่นึง หมู่บ้านนึงในอดีตก่อน การกระทำในอดีต ก็จะส่งผลต่อเหตุการณ์ปัจจุบัน, แต่ถ้าตัวในปัจจุบันดำเนินเรื่องไปถึงหมู่บ้านนั้นก่อน ก็จะสุ่มผลลัพธ์ในปัจจุบันขึ้นมาเป็นแบบใดแบบนึง ภายหลังเมื่อเราเล่นตัวพ่อในอดีตมาถึงหมู่บ้านนั้น เหตุการณ์ก็จะมาสอดรับกับเหตุการณ์ที่สุ่มขึ้นมาในปัจจุบัน

- ระบบพัฒนาตัวละคร คิตาเสะเสนอมุกไว้ 2 แบบ
1. ตัวพ่อในอดีตฝึกจนได้สกิลใช้ดาบสองมือ พอตัดกลับมาปัจจุบัน ตัวลูกก็ได้สกิลดาบสองมือไปด้วย
2. พ่อเขียนตำราการใช้ดาบสองมือทิ้งไว้ในอดีต พอลูกไปค้นพบ ก็จะสามารถฝึกจนใช้ดาบสองมือได้ พอได้สกิลมาลูกจะจำได้ว่าตอนเด็ก ๆ พ่อเคยสอนวิชาดาบสองมือมาก่อน แล้วก็จะตัดไปที่เหตุการณ์ในอดีต ตอนที่พ่อสอนวิชาดาบสองมือให้

- ตัวอย่างเหตุการณ์ เจอหมู่บ้านที่เคยถูกมังกรรุกราน
ถ้าตัวพ่อในอดีตไปถึงก่อน ชาวบ้านจะมาขอให้พ่อช่วยไปฆ่ามังกรให้
--ถ้าพ่อปฏิเสธ เมื่อตัวลูกในปัจจุบันมาถึงหมู่บ้าน จะโดนชาวบ้านตราหน้าว่าพ่อแกมันขี้ขลาด
--ถ้าพ่อตอบรับและฆ่ามังกรได้ ตัวลูกปัจจุบันจะได้ยินชาวบ้านชมว่าพ่อนายเป็นตำนาน
--ถ้าเพื่อนในปาร์ตี้ของพ่อฆ่ามังกรได้ ชาวบ้านจะบอกว่าเพื่อนพ่อนายฆ่ามังกรให้พวกเรา

- แต่ถ้าตัวลูกในปัจจุบันไปถึงหมู่บ้านนั้นก่อนตัวพ่อในอดีต เกมจะสุ่มเหตุการณ์ให้ 3 แบบ
--ชาวบ้านบอกว่าพ่อนายมันไว้ใจไม่ได้; เมื่อสลับไปเล่นเป็นพ่อในอดีต ชาวบ้านจะไม่มาขอให้ช่วยปราบมังกร
--ชาวบ้านบอกว่าพ่อนายมันหน้าเงิน; เมื่อสลับไปเล่นเป็นพ่อในอดีต ชาวบ้านจะขอให้พ่อช่วยปราบมังกรแลกกับรางวัล
--ชาวบ้านบอกว่าภรรยาเขาถูกจับตัวไป; เมื่อสลับไปเล่นเป็นพ่อในอดีต ก็จะต้องไปช่วยภรรยาเขา

- คิตาเสะเสนอมุกให้พ่อผนึกดาบไว้ในดันเจียน ให้ลูกมาเก็บไปใช้ภายหลัง โดยสถานที่ผนึกดาบไว้ จะมีน้ำศักดิ์สิทธิ์หยดมาจากเพดาน พอหยดไปนาน ๆ เลยกลายเป็นดาบวิเศษ โดยจะได้ดาบอะไรนั้น ก็ขึ้นอยู่กับว่าเอาดาบอะไรไปผนึก และผนึกที่ไหน? ยิ่งไปผนึกในที่ ๆ เข้าถึงได้ยากในปัจจุบัน ก็ยิ่งกลายเป็นดาบที่ดีจากดาบกะหลั่ว จะกลายเป็น Excalibur และคาตานะ กลายเป็น Masamune

ยังมีเนื้อหาอีกบานเลย นี่แค่ย่อจาก 2 หน้าแรกที่คิตาเสะเขียนไว้ ผมลองพลิกไปอ่านหน้าแรกที่คุณโมโตมุ โทริยามะ (ผกก. FFX, FFXIII) เขียน แกเสนอระบบ 4 ฤดู และทำให้อีเวนต์แต่ละสถานที่ เปลี่ยนแปลงไปตามฤดูด้วย เอาไว้ค่อยมาว่ากันทีหลังเนอะ

------------------------------------

กำลังนั่งอ่าน Design Documentation ของทีมงาน FFVII Original ต่อ ที่เขียนกันตั้งแต่ 1994

ในส่วนของคุณโนมุระ ผมนั่งอ่าน Proposal หน้าที่แกเขียนเสนอไอเดียระบบมาเทเรีย (ซึ่งใน proposal ยังเรียกแค่ว่า "ลูกแก้ว") คิดระบบพัฒนามาเทเรีย เสนอให้อาวุธแต่ละชิ้นมีรูใส่มาเทเรียไม่เท่ากัน, เสนอว่าการฟาดดาบแต่ละครั้งจะได้ ABP ที่ทำให้ลูกแก้วพัฒนาขึ้น (ซึ่งภายหลังใช้ระบบ AP ที่เป็นตัวเลขตายตัวที่ได้จากศัตรูแทน)

แล้วก็เป็นคนคิดระบบ Limit Break ขึ้นมา โดยแกคิดลูกเล่นไว้ยิบย่อย เยอะกว่า Limit Break เวอร์ชั่นสุดท้ายที่พวกเราใช้กันอีก

แล้วก็คิดระบบ Synchro เป็นการให้ตัวละครโจมตีประสานกัน 2-3 คน ซึ่งจะทำได้ก็ต่อเมื่อค่าความสัมพันธ์ของตัวละครเข้ากันได้ และค่าความสัมพันธ์นี้เปลี่ยนแปลงไปตามการตอบคำถามตามบทสนทนาในเนื้อเรื่อง (ซึ่งในตัวเกมสุดท้าย มีระบบความสัมพันธ์ที่เปลี่ยนแปลงไปตามการตอบคำถาม และใช้ค่าความสัมพันธ์นั้นในอีเวนต์เดท หรือบทสนทนากับทิฟาตอนจบแผ่น 2 แต่กลับไม่มีระบบ Synchro)

รวม ๆ เหมือนแกคิดเกินกว่าระบบสุดท้ายที่เราได้เล่นกัน เยอะมากเลยนะเนี่ย...



ในส่วนของรายละเอียด ว่าน่าสนใจแค่ไหน ไอเดียดีแค่ไหน ก็ประเด็นนึง

แต่อีกมุมนึง พอนึกภาพว่าถ้าเราต้องเป็นคนมานั่งคิดระบบที่ไม่เคยมีมาก่อนบนโลก แล้วต้องมานั่งเขียนอธิบายยุบยั่บ วาดรูปประกอบลงกระดาษ เพื่อเตรียมพรีเซนต์ในที่ประชุมให้เพื่อร่วมงานฟัง คงระทมกบาลน่าดู

โชคดีที่คุณโนมุระแกวาดรูปเก่งอยู่แล้ว เลยวาดรูปประกอบการอธิบายระบบต่าง ๆ ที่แกคิดไว้ได้ด้วย ไม่งั้นถ้าฟังเฉย ๆ คงงงตายชักก

Monday, May 20, 2019

Dissidia -Final Fantasy- NT เตรียมอัปเดตสกินใหม่เป็นคลาวด์จาก KH1



สกินใหม่ของคลาวด์สำหรับเกม Dissidia -Final Fantasy- NT โดยสกินนี้เป็นตัวคลาวด์จาก Kingdom Hearts ภาคแรก

คลาวด์ตัวนี้เป็นคลาวด์วัย 22 ปีนะ แก่กว่าในตัวเกม Final Fantasy VII Original 1 ปี

สกินนี้เข้าเกมวันที่ 6 มิถุนายน 2019 เหมือนกับสคอลล์

คลิปเปิดตัวสกิน
คลาวด์ : https://www.youtube.com/watch?v=Vq7-rkhqoLs
สคอลล์ : https://www.youtube.com/watch?v=zhr9iP5eA4I

Sunday, May 19, 2019

เปิดเผยวิธีชุบชีวิตแอริธ FFVII จากนิตยสาร C.KiDs สมัยศตวรรษที่ 20


วันนี้เมื่อ 22 ปีที่แล้ว เป็นวันที่นิตยสาร C.KiDs ฉบับที่ 24 ของปี 1997 ได้วางจำหน่าย และในตัวเล่มก็ได้ตีพิมพ์สูตรเด็ดเป็นวิธีชุบชีวิตแอริธใน Final Fantasy VII ซึ่งผู้อ่านที่ใช้นามปากกาว่า Amplifier ได้ส่งมาให้ทาง C.KiDs ตีพิมพ์เพื่อมอบแสงสว่างให้แก่เหล่าเกมเมอร์ชาวไทย

สูตรเด็ดนี้ไม่ใช่สูตรธรรมดา!! แต่เป็นสูตรที่กระทั่งเกมเมอร์ในศตวรรษที่ 21 ก็ยังไม่ทราบกัน เพราะมันคือวิธีชุบชีวิตแอริธในตำนานที่ผู้คนมากมายไม่เชื่อว่ามันจะเป็นไปได้

(ผมพิมพ์ตามในหนังสือเลยละกันนะ ขี้เกียจเขียนขยายความหรือเรียบเรียงใหม่ บางอันผมก็งงว่าเขาสื่ออัลลัยยย...)

-------------------------------------
วิธีการช่วยเอริส โดย Amplifier
จาก C.KiDs ฉบับที่ 24 ปี 1997
-------------------------------------

- หลังออกมาจากโบสถ์ที่เราจะกระโดดบนหลังคากับเอริส ก่อนถึงบ้านของเอริส ให้เราไปหาคนป่วยซึ่งนอนอยู่ในท่อ แล้วเอริสจะบอกว่าในนี้ไม่มียา จึงไม่สามารถช่วยได้ วิธีการช่วยนั้นคือ ให้เราฝึก Lv. ให้สูง และกลับมาหาคนป่วยอีกที แล้วเราจะเจอกับคนธรรมดา (ไร้ชื่อเสียงเรียงนามอยู่หน้าท่อของคนป่วย) จะวานไปซื้อของที่ชื่อ Dying Friend จากร้านค้า เมื่อซื้อมาแล้วให้เราเอาไปให้เขา (คนธรรมดา) แล้วไปหาคนป่วย แล้วจะเจอฉากเศร้า ...

- ให้ดำเนินเนื้อเรื่องจนถึงเซฟิรอธ ฆ่า เอริส ให้กลับไปหาคนธรรมดา แล้วเขาจะถามเราว่า "เด็กผู้หญิงที่น่ารักที่เคยมากับท่านไปไหน?" เราจะตอบว่า "เอริสนั้นโดนเซฟิรอธฆ่าไปแล้วซึ่งเธออยู่ใต้น้ำ เราไม่สามารถไปที่นั่นได้" แล้วเขาจะบอกเราว่า "เขาอาจจะช่วยเราได้"

- ให้เราไปหาเอริสที่โบสถ์ เราจะเจอกับเอริสซึ่งเป็นวิญญาณอยู่ เมื่อเราเข้าไปหา ถ้าเราทำให้เอริสตกหลุมรักคุณได้เขาจะพูดว่า "อยากจะกลับไปช่วยคุณจังเลย" ถ้าเราไม่ทำให้เอริสตกหลุมรักคุณได้ เอริสจะหายไป

- เมื่อเราคุยกับเอริสเสร็จแล้ว ให้เราไปหาคนธรรมดาอีกเขาจะให้ Yellow Material มาแล้วไปหา Mr.Fish เขาจะทำให้เราไปอยู่ที่ใต้ถ้ำ ภายในข้างในสุดนั้นจะมีร่างของเอริสนอนอยู่กับลูกแก้วชีวิต แล้วเราจะพาไปหาฟูเกนฮาเกน แล้วเขาจะทำให้มันสมบูรณ์ แล้วเราจะได้เห็นฉากจบที่สวยงาม

--------------------------------------------
การตอบคำถามที่ถูกต้อง
--------------------------------------------

I. เจอกันครั้งแรก
1) บอกให้เอริสหนีไป
2) บอกว่าไม่ต้องห่วง ...✔
1) Cloud จะสนใจดอกไม้ของเอริส✔
2) ไม่สนใจ
1) ขอซื้อดอกไม้✔
2) ไม่ซื้อ

II. เจอกันในโบสถ์
1) จำเอริสได้ว่าเคยเจอมาก่อน✔
2) จำเอริสไม่ได้
1) จำได้ตอนขายดอกไม้✔
2) จำได้ตอนเมา
1) ไม่รังเกียจ✔
2) ไม่มีอะไรจะพูดด้วย

III. เจอตอนที่เอริสหนีทหารชินระ
1) รอเดี๋ยว Cloud จะช่วย✔
2) ให้สู้
3) ให้หนี

(ให้เราผลักถัง 1) ทางซ้ายบน 2) ทางขวาบน 3) ทางขวาล่าง)

IV. อยู่ที่บ้านเอริส
1) ทีฟาไม่เป็นแฟน✔
2) ทีฟาเป็นแฟน

V. ตอนที่เอริสยืนรออยู่ที่หน้าเมือง
1) พาเอริสกลับบ้าน
2) พาเอริสไปด้วย✔

VI. ให้เราเอาของทั้งหมด 3 อย่าง
1) บรอนวิก (ให้เราไปสก็อตจัมพ์)
2) เสื้อผ้าไหม (ให้เราไปที่ร้านตัดเสื้อแล้วเลือกข้อที่ 2, 2)
3) Sexy Cologne (ให้เราไปที่นั่งร้านขายบะหมี่ แล้วไปที่ร้านที่มีแมวกวัก คุยกับคนข้างในตอบ 2) ให้เราเก็บของ 3 อย่างให้ครบแล้วค่อยไปเปลี่ยนเสื้อ)

VII. ตอนที่เจอลูกบาเร็ตในบ้านของเอริส (Marin) (หลังจากเอริสโดนจับไปแล้ว)
1) บอก Marin ว่า... ไม่รู้เรื่องอะไร
2) บอก Marin ว่า... ถ้าเป็นจริงก็ดี✔

VIII. ตอนที่อยู่ในคุกเราจะเลือกคุย
1) บาเร็ต
2) Red XIII
3) เอริส✔

IX. ตอนเดทกับเอริส (ตอนที่ไปเอา Key Stone ในสวนสนุกรอบ 2)
1) แน่นอน✔
2) ไว้โอกาสหน้า

IX.1 ตอนแสดงละครเลือก
1) คุยกับอัศวิน
2) คุยกับพ่อมด (อันไหนก็ได้)

IX.II แล้วจะมีมาอีก 2 ข้อ
1) สู้มังกร✔
2) สู้กับพระราชา

IX.III พอมังกรออกมามี 3 ข้อ
1) ใช้ความกล้าปกป้องเอริส✔
2) หลบหลังพระราชา
3) หนีกลับบ้านเก่า

X. ตอนไปที่กระเช้า
1) ตอนที่เอริสหันหน้าออกไปนอกกระเช้า กดซ้าย กากบาท วงกลม เมื่อเอริสมองไปหน้าต่าง (เดาเองนะ)

X.1 เอริสจะถามว่า "จะมาด้วยกันอีกได้ไหม" (ตอนลงกระเช้า)
1) ได้✔
2) ไม่ได้

Dissidia NT ออกสกินใหม่เป็นสคอลล์ร่าง Kingdom Hearts


สกินใหม่ของสคอลล์ สำหรับเกม Dissidia Final Fantasy NT เตรียมออกมาให้ใช้กัน 6 มิ.ย. นี้ ซึ่งร่างนี้เป็นร่างผู้ใหญ่วัย 25 ปีที่ปรากฏตัวใน Kingdom Hearts ตามที่เรียนไว้เช้านี้~

คอมเมนต์ต้นทางบันเทิงมาก แฟน ๆ ยังถามหา FFVIII Remaster กันรัว ๆ เหมือนเดิม

---------------------

8 ปีหลังเหตุการณ์ใน Final Fantasy VIII สคอลล์ในวัย 25 ปีได้เติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวและไปอยู่ในจักรวาล Kingdom Hearts

จากเดิมที่เป็นคนเก็บตัว พูดน้อย แต่คิดเยอะ อัธยาศัยแย่ ตามประสาวัยรุ่นคนหนึ่ง... แต่หลังจากที่เขาได้พบรักแท้ เรียนรู้ที่จะห่วงใย เชื่อใจ และปรับตัวเข้าหาคนอื่น สคอลล์ก็ค่อย ๆ เติบโตขึ้น

แม้เราจะไม่ได้เห็นร่างโตเต็มวัยของสคอลล์ใน Final Fantasy VIII แต่แฟน ๆ Final Fantasy ที่ตามมาเล่น Kingdom Hearts ก็ได้รับการตอบแทนด้วยการเห็นหนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ของซีรีส์

สคอลล์ในวัย 25 ปี ยังเป็นคนที่พูดน้อยและพูดจาอ้อมค้อมเหมือนเดิม แกเป็นห่วงคนนั้นคนนี้ไปทั่วยันลูกหมาดัลเมเชียน แต่เวลามีปัญหา ก็ไม่กล้าขอให้ใครช่วยตรง ๆ โชคดีที่เพื่อน ๆ รอบตัวก็มองออก

เขากลายเป็นผู้นำทีมของคนที่ดาวตกสู่ความมืด จนตัวพลัดหลงมาจนถึง Traverse Town เป็นที่พึ่ง ต่อสู้เพื่อคนอื่น และให้คำแนะนำกับโซระ

ถึงเวลาคับขันก็ร่วมมือกับคนอื่นต่อสู้

ถึงเวลาจากลา ก็ยังกล้าพูดอะไรออกมาแบบ... "ถึงจะไม่ได้พบกันอีก แต่จะไม่มีวันลืมกันและกัน" (もし会えなくなったとしても––– なにもかも忘れるわけじゃないさ)

พูดแล้วก็คิดถึงความทรงจำเก่า ๆ ความรู้สึกแวบแรกที่ได้เห็นว่าสคอลล์เปี๊ยนไป๊.... วันแรกที่รู้ว่าสคอลล์ร่างโตมันไม่ได้หยิ่ง แต่มันอายยยยยยยย

และหวังว่าสักวันจะได้เห็นบทบาทของสคอลล์ที่โตแล้วอีกครั้งในซีรีส์ Kingdom Hearts

เสียดาย Kingdom Hearts III ที่คุณโนมุระเผยในอัลติมาเนียว่า ทำโมเดลเลออน (สคอลล์) เอาไว้แล้ว แต่หาบทลงไม่ได้ T^T หวังว่าใน Final Mix จะหาทางยัดลงมาให้ได้นะ

Saturday, May 18, 2019

SQEX ประกาศจัดทำนิยาย FFXV เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษ


Square Enix ประกาศความร่วมมือกับสำนักพิมพ์ Penguinrandom เพื่อวางจำหน่ายหนังสือการ์ตูน นิยาย และอาร์ตบุ๊กภาษาอังกฤษของค่าย

รวมถึงหนังสือนิยาย Final Fantasy XV : The Dawn of the Future เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษด้วย!

ใครที่ถามไถ่เข้ามาตลอดว่าค่ายเขาจะออกนิยายเล่มนี้เวอร์ชั่นอังกฤษมั้ย? ตอนนี้ได้คำตอบแล้วว่า Soon นะครับ (ส่วนเวอร์ชั่นไทยก็รอดูกันต่อไป)


-----------------------

ใครที่ยังไม่ได้อ่านสรุปนิยายเล่มนี้ สามารถไปอ่านเนื้อเรื่องย่อทั้งเล่มราย Episode ได้ที่


หรือแบบเว็บไซต์สรุปนิยาย Final Fantasy XV -The Dawn of the Future-

ภาพ Concept Art ประกอบคำอธิบายฉากจบ

สรุปเนื้อหา Episode Aranea

สรุปเนื้อหา Episode Luna

สรุปเนื้อหา Episode Noctis

สรุปเนื้อหา ตอนจบของ Ardyn

สรุปเนื้อหา เหตุผลของ Somnus

Friday, May 17, 2019

12 เหตุการณ์ที่แฟน ๆ รอตาตั้งที่สุดใน FFVII Remake


เว็บไซต์ Inside-Games ของญี่ปุ่น นำเสนอ 12 เหตุการณ์สุดประทับใจจาก Final Fantasy VII Original ที่แฟน ๆ รอตาตั้งที่จะได้เห็นกันอีกครั้งในภาค Remake

โดย 12 เหตุการณ์ที่ทาง Inside-Games นำเสนอไว้ มีดังนี้

[1. ซ่องน้องผึ้ง]

หนึ่งในสถานที่สุดฉาวของโลก FFVII ที่มีสาว ๆ แต่งชุดเป็นผึ้งน้อยคอยเทคแคร์เอาอกเอาใจคุณ ต่อให้ใจหนึ่งไม่อยากเข้าไป แต่อีกใจหนึ่งก็กระซิบบอกคุณว่าต้องเข้าไปเพื่อทำเควสต์ครอสเดรสนะ...

[2. คลาวด์ครอสเดรส]

ด้วยเทคโนโลยีสุดล้ำในวันนี้ ว่ากันว่านี่คือฉากที่แฟน ๆ ตั้งตารอคอยกันมากที่สุดว่าคลาวด์จะสวยขึ้นขนาดไหน และดอน คอร์เนโอจะเลือกใคร

[3. ร้านอาหาร ผับ ห้องน้ำในมิดการ์]

ดูจากอาหารใน FFXV แล้ว เชื่อได้ว่าภาพอาหารในเกมนี้ตระการตาเกินความจำเป็น แน่นอน

[4. สวนสนุก Gold Saucer ]

สวนสนุกสุดหรรษารวมโคตรมินิเกมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในซีรีส์ ทั้งขับยานยิง UFO, ชู๊ตบาส, งัดข้อ ฯลฯ

[5. G-Bike]

ใน FFVII มีมินิเกมมากมาย แต่ G-Bike เป็นหนึ่งในอันที่โด่งดังที่สุด ด้วยรูปแบบการเล่นที่ขี่แมงกะไซแกว่งดาบฟาดศัตรู นี่ถ้ามีแข่งทำ Hi-Score และทำ Online Ranking Board ด้วยนะ หืมมมม... มันจะเป็นเสมือนการจุติใหม่ของ FFVII G-Bike ที่ยุติการให้บริการไปแล้วชัด ๆ

[6. Snow Board]

บางคนอาจบอกว่าชอบมินิเกม Snow Board มากกว่า G-Bike ซะอีก! แต่อย่างน้อยเราก็ได้เห็นการกลับชาติมาเกิดใหม่ของมินิเกม Snow Board กันไปหมาด ๆ ใน Kingdom Hearts III แล้วเนอะ

[7. ฝึกโจโคโบะไปลงแข่ง]

ภาคนี้เราสามารถเลี้ยง ปั๊มสเตตัส ผสมพันธุ์ ยันคลอดลูกให้โจโคโบะได้ เมื่อสร้างโจโคโบะพิเศษขึ้นมา ก็จะขี่ไปเก็บมาเทเรียจตุรเทพ หรือใช้ลงวิ่งแข่งเพื่อฟาร์มเงิน GP ได้ อาจจะใช้เวลานานกว่าจะสร้างสุดยอดโจโคโบะได้สักตัว แต่ทุกคนคงไม่มีวันลืมวันที่สร้างโจโคโบะที่วิ่งทิ้งห่างทุกตัวไปได้

[8. เดท!]

เหตุการณ์เดทที่ผู้เล่นสามารถไปเดทกับแอริธ ทิฟา ยุฟฟี่ แบร์เร็ตก็ได้ ขึ้นอยู่กับค่าความสัมพันธ์ของตัวละคร ซึ่งมันจะกลายเป็นไฮไลต์ของเรื่อง

[9. การจู่โจมของเวพ่อน]

ในช่วงครึ่งหลังของเรื่อง เวพ่อน สิ่งมีชีวิตโบราณที่ดวงดาวสร้างขึ้นมาจะปรากฏขึ้นทั่วโลก และบุกเข้าโจมตีสถานที่ต่าง ๆ ซึ่งหากรีเมคขึ้นมา ความอลังการของรูปร่างอันใหญ่โตของพวกมัน คงทำทุกคนตาค้างกันแน่

[10. เมืองที่ถูกลืมเลือน]

เหตุการณ์ที่เป็นที่ถูกจดจำและกล่าวขานถึงที่สุดใน FFVII อย่าไปพูดถึงรายละเอียดมันเลย เรื่องมันเศร้า...

[11. โจวเคียวบุชินฮะซัน]

ท่าไม้ตายสุดยอดที่ชื่ออ่านย๊ากยากของคลาวด์ ก่อนที่จะถูก Localize เป็นภาษาอังกฤษว่า Omnislash เป็นหนึ่งในท่าไม้ตายที่ยิ่งใหญ่และสร้างความประทับใจให้แฟน ๆ Final Fantasy มากที่สุด ด้วยการเข้าทำฟาด และฟาดอย่างรุนแรง รวดเร็ว 15 Hits

[12. Knights of Round]

ถ้าข้อ 11 คือท่าไม้ตายในตำนาน... Knights of Round ก็คือมนต์อสูรในตำนานของซีรีส์ที่คุณจะไม่มีวันลืม ด้วยการเรียกอัศวินทั้ง 13 ออกมารุมทุบศัตรูอย่างต่อเนื่อง ยาวนานเกือบ 2 นาที เชื่อกันว่านี่คือมนต์ที่แข็งแกร่งที่สุดจนทำบาลานซ์เกมพัง แม้จะได้มาอย่างยากลำบาก แต่คุณจะหลงรักในความแข็งแกร่งของมัน

ทั้งนี้ Knight of Rounds พึ่งถูกนำกลับมาเอ่ยถึงใน Final Fantasy ภาคหลัง ๆ เช่น

- Final Fantasy Type-0 ในลูปรองสุดท้าย คุราซาเมะที่กลายเป็นลูซิแทนเซ็ตสึนะจะเรียก Knights of Round ออกมาสู้กับฝั่งเบียกโค

- Final Fantasy XIV : Heavensward มาเป็นบอสสุดท้าย

- Final Fantasy XV ถึงแม้จะไม่มีการระบุในเกม แต่ในหนังสือ FFXV Scenario Ultimania ระบุว่า 13 มหาราชของอาณาจักรลูซิสที่ออกมารุมตื้บอาร์ดีน (หรือใน Alternate Reality ออกมารุมตื้บบาฮามุท) นั่นแหละคือการกลับมาของ Knights of Round

https://www.inside-games.jp/article/2019/05/17/122296.html

Wednesday, May 15, 2019

แฟนญี่ปุ่นไม่ปลื้มโครงหน้าแอริธใน Final Fantasy VII Remake

แชนแนล Tokyosaurus สำรวจเสียงตอบรับที่แฟน ๆ มีต่อโฉมหน้าของแอริธใน Final Fantasy VII Remake ก่อนพบว่าความเห็นของประชากรโลก แตกออกไป 2 ขั้ว

แฟนฝั่งตะวันตกบอก โคตรงาม แจ่ม สะเด่า เหลามาเทพแล้ว

แฟนฝั่งญี่ปุ่นบอก หน้ายาวไป แก่ ป้า หน้าฝรั่ง ไม่สวยสักนิด

บางคนถึงขั้นไปศัลยกรรมภาพหน้าแอริธ ให้โครงหน้าสั้นลง ตาจมูกปากอยู่ใกล้กันมากขึ้น แล้วบอกว่าชอบแบบนี้มากกว่า (ภาพขวา)


แต่ไม่ว่าหน้าแอริธจะถูกเปลี่ยนแปลงตามคอมเมนต์ของชาวญี่ปุ่นหรือไม่ ผมว่าคุณโรเบอร์โต เฟอร์รารี คงกระโดดเข้าขวางสุดชีวิต หากมีใครบอกให้เปลี่ยนแปลงใบหน้าของเจสซีที่แกอุตส่าห์ขึ้นแบบตามภรรยาสุดที่เลิฟของแก lol

C.KiDs ฉบับตีพิมพ์วิธีชุบชีวิตแอริธ


9 พ.ค. 1997 ....หรือวันนี้เมื่อ 22 ปีที่แล้ว...

ห๊ะ ไม่ใช่วันนี้... เพราะวันนี้วันที่ 15 หรอ!???

อ่ออ ท่ด ท่ดดด พอดีผมรีบ

เป็นวันวางจำหน่ายของนิตยสาร C.KiDs ฉบับตำนานสำหรับชาว Final Fantasy

มันคือ C.KiDs ที่ก้าวข้ามขีดจำกัดของนิตยสารเกมอันดับหนึ่งอย่าง GameMag และ Mega ไปไกล

มันคือ C.KiDs นิตยสารการ์ตูนรายสัปดาห์อันดับ 1 เคียงข้าง BOOM ที่เป็นความหวังของผู้เล่นเกมชาวไทยทั้งปวงในสมัยนั้น...

เพราะมันคือ C.KiDs ที่ตีพิมพ์วิธีชุบชีวิตแอริธในเล่ม...

หลังจาก Final Fantasy VII วางจำหน่ายมาได้ราว 3 เดือนครึ่ง ในที่สุดก็มีผู้กอบกู้นามปากกา Amplifier ส่งวิธีชุบชีวิตอย่างละเอียด ความยาว 4 หน้า มาให้ทาง C.KiDs ลงตีพิมพ์เผยแพร่

โดยทาง Siam Inter Comics ก็แบ่งการตีพิมพ์วิธีชุบชีวิตแอริธเป็น 2 ฉบับ คือลงใน C.KiDs ฉบับที่ 24 ปกกัปตันซึบาสะ และฉบับที่ 25 ปกเนินนมอิโอริ (ตีพิมพ์ I'S ตอนแรก)

------------------------------

เรื่องนี้นี่ โคตรสะท้อนจิตวิญญาณและอารยธรรมของพวกผมที่มีชีวิตอยู่ในสมัยนั้นได้เป็นอย่างดีเลยยย 555 จะคนเล่นเกมหรืออ่านการ์ตูนมันก็กลุ่มเดียวกันนั่นแหละ ถึงนิตยสารเกมยังหาวิธีไม่ได้ แต่ก็มีคนส่งวิธีชุบไปยังนิตยสารการ์ตูน แล้วก็ตีพิมพ์ให้เป็นเรื่องราวใหญ่โต แบ่งเป็น 2 ฉบับอีกต่างหาก.... 😂 👏

สมัยนั้นอินเตอร์เน็ตเข้าถึงยาก เรื่องราวต่าง ๆ ก็สื่อสารผ่านทางปลายปากกา โดยมีนิตยสารต่าง ๆ เป็นกระบอกเสียง ทำให้ข้อมูลต่าง ๆ พิสูจน์ยาก จริงเท็จไม่รู้แต่ก็ตีพิมพ์ไปก่อนแล้วให้ไปพิสูจน์กันเอง

ก็เป็นความคลาสสิกแบบนึง ที่ทำให้พวกเราในวัยเด็ก ได้เพลิดเพลินกับเรื่องราว (ที่พิสูจน์ไม่ได้) แล้วก็เคลิบเคลิ้มไปกับมันครับ....

ภรรยาคนวาด FFVII Remake เผย! สามีวาด Jessie ขึ้นจากตัวเธอตอนสาว ๆ


ฟรังกา โซลี (Franca Zoli) ศรีภรรยาสุดที่เลิฟของโรแบร์โต เฟอร์รารี (Roberto Ferrari) หนึ่งในผู้ออกแบบตัวละครชาวอิตาลีของ Final Fantasy VII Remake กล่าวขอบคุณสามีผ่าน Instagram ส่วนตัวอีกครั้งที่เอาใบหน้าของเธอเข้าไปอยู่ในเกมในตำนานเกมนี้ ในฐานะตัวละครเจสซี (Jessie)

คุณเฟอร์รารีนั้น เป็นหนึ่งในผู้วาดตัวละครใน Final Fantasy VII ขึ้นใหม่สำหรับภาค Remake โดยที่ผ่านมาทางค่ายได้ยืนยันแล้วว่าแกรับผิดชอบในส่วนการออกแบบบิ๊กส์ เวจด์ และเจสซี สมาชิกกลุ่มก่อการร้าย (หรือเรียกแบบเข้าข้างตัวเองว่ากลุ่มต่อต้านเพื่อการปฏิรูป) ของฝ่ายตัวเอกที่มีชื่อว่ากลุ่ม Avalanche

ก่อนหน้านี้คุณเฟอร์รารีเคยมีส่วนร่วมในการออกแบบตัวละครใน Final Fantasy XV โดยตัวละครเด่น ๆ ที่แกวาดขึ้นมาก็คือซิดนี อราเนีย อิริส เวอร์สไตล์ อาร์ดีน ...ส่วนก่อนหน้านั้น ก็เคยออกแบบ อเรเซีย เอมินะ เซ็ตสึนะ มุตสึกิ คาโทร คุราซาเมะ คาเลีย คาสึซะ ใน Final Fantasy Type-0

สำหรับกรณีเจสซีใน Final Fantasy VII Remake คุณฟรังกาเคยออกมาบอกผ่าน IG ตัวเองตั้งแต่กุมภาพันธ์ 2018 แล้วว่าสามีเคยมาสารภาพกับเธอว่าวาดเจสซีขึ้นโดยใช้แรงบันดาลใจจากตัวเธอสมัยต้นยุค 90 ช่วงที่เธอกับเขายังเป็นแค่เพื่อนกัน

คุณฟรังกาบอกอีกว่าหลังจากที่ได้ชมเทรลเลอร์แล้ว เธอแคปภาพเจสซีแล้วส่งไปให้สามีดู สามียังนึกว่าเป็นภาพตัดต่อ เธอเลยส่งคลิปเทรลเลอร์ใน Youtube ไปให้ พอเฟอร์รารีได้เห็นจริง ๆ ว่าโมเดล 3D ของเจสซีในเกม งานดีออกมาเหมือนศรีภรรยาเป๊ะ ทั้งสองก็หัวเราะกันใหญ่

ทั้งนี้มีแฟน ๆ ทักคุณฟรังกาว่าน่าเสียดายที่เจสซีบทน้อย ตายตั้งกะต้นเกมนะเนี่ย อยากให้เพิ่มพล็อตของพวกสมาชิก Avalanche ลงในภาค Remake จังเลย สำหรับเรื่องนี้คุณฟรังกาบอกว่าไม่รู้เหมือนกันว่าจะมีการปรับพล็อตตัวละครพวกนี้ยังไง เพราะคุณสามีดันรักษาความลับของที่ทำงานไว้เป็นอย่างดี

Monday, May 13, 2019

สรุปรายงานผลประกอบการประจำปีงบประมาณ 2018 ของ Square Enix


สรุปรายงานผลประกอบการประจำปีงบประมาณ 2018 ของ Square Enix (นับตั้งแต่ 1 เมษายน 2018 สิ้นสุด 31 มีนาคม 2019)

ท้าวความเดิม ปีงบประมาณ 2017 บริษัทมีกำไรสุทธิ 25,821 ล้านเยน และคาดการณ์ว่าปี 2018 จะมีกำไร 21,000 ล้านเยน ทว่าผลประกอบการประจำปี 2018 กลับมีกำไรเพียง 18,463 ล้านเยน คิดเป็นตกลง 28.5% ในขณะที่ Operating Income และ Ordinary Income ก็ลดลงอย่างละ 35.7% และ 21.6% ตามลำดับ โดยมีเงินปันผล 154.68 เยนต่อหุ้น น้อยกว่าปีที่แล้วซึ่งได้ 214.89 เยนต่อหุ้นอยู่พอสมควร

ทีนี้เมื่อแยกตามประเภทธุรกิจในเครือ ซึ่งมีด้วยกัน 4 ประเภทแล้ว จะแจงผลประกอบการได้ดังนี้

1. ธุรกิจสื่อบันเทิง (เกมนั่นแหละ)

รายได้จากธุรกิจเกมปีนี้อยู่ที่ 204,590 ล้านเยน สูงกว่าปีที่แล้วที่ได้ 191,469  ล้านเยนอยู่ 6.9%

โดยในหมวดนี้จะประกอบไปด้วยธุรกิจเกม HD, Social Gaming, PC Browser, Smart Device และ MMO ในที่นี้ทางค่ายได้เรียงรายชื่อเกมที่สร้างรายได้ให้แก่ทางค่ายได้อย่างโดดเด่นเกินคาดในปีที่ผ่านมา ซึ่งมีรายนามดังนี้



หมวดเกม HD (เกมคอนโซล)

ปีนี้เกมคอนโซลทำรายได้ให้ทางค่าย 93,600 ล้านเยน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วซึ่งทำได้ 65,600 ล้านเยน คิดเป็นเพิ่มขึ้น 42.7 % โดยทางค่ายอธิบายว่าเกมที่วางจำหน่ายออกมาใหม่อย่าง Kingdom Hearts III, Shadow of the Tomb Raider และ Just Cause 4 ทำรายได้งาม

อย่างไรก็ตามมีการตั้งข้อสังเกตว่าในส่วน Operating Income ของหมวดนี้นั้น ลดลง 33.1% โดยระบุว่าเป็นเพราะต้นทุนในการวางจำหน่ายเกมใหม่ ๆ นั้นสูงขึ้น

หมวดเกม MMO

ปีนี้เกม MMO ของค่ายทำรายได้ 27,100 ล้านเยน ต่ำกว่ากว่าปีที่แล้วซึ่งทำได้ 31,800 ล้านเยน ถือว่าลดลง 14.78% ซึ่งก็เข้าใจได้ว่าเป็นเพราะไม่มีการออก Expansion ใหม่ของ Final Fantasy XIV และ Dragon Quest X นั่นเอง อย่างไรก็ตามในส่วนของรายได้จากค่าเล่นเกมรายเดือนนั้น ยังคงมีสภาพคล่องตัวอยู่



หมวดเกม Smart Device และ PC Browser

ปีนี้รายได้จากเกมมือถืออยู่ที่ 83,800 ล้านเยน ลดลงจากปีที่แล้วซึ่งทำได้ 93,800 ล้านเยน คิดเป็นลดลง 10.66 % ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของ Square Enix ที่รายได้จากเกมในหมวดนี้ตกลงมา

ทั้งนี้มีการระบุว่าเกมใหม่ที่เปิดให้บริการในปีงบประมาณ 2017 และครึ่งแรกของปีงบประมาณ 2018 ทำรายได้ต่ำกว่าเป้าหมาย ส่วนเกมที่มีอยู่เดิมก็ไม่สามารถทำกำไรให้สูงขึ้นได้ ขณะที่รายได้จากการ Licensing เกมก็ลดน้อยลง จึงทำให้รายได้ของหมวดนี้ลดลงไปหมด



ยอดขายเกมตามโซนต่าง ๆ ในปีงบประมาณที่ผ่านมา

*สำหรับเกมดิจิตอล นับเฉพาะเกมที่วางจำหน่ายภายในปีงบประมาณ 2017-2018
**สำหรับเกมแผ่น จำนวนที่ขายได้หมายถึงจำนวนแผ่นที่ส่งออกไปขาย ตามมาตรฐานทางบัญชี

โซนญี่ปุ่น
ยอดขายแผ่น : 3.00 ล้านแผ่น (ปีก่อน 5.26)
ยอดขายดิจิทัล : 1.37 ล้านหน่วย (ปีก่อน 1.62)
ยอดขายแผ่นและดิจิทัล : 4.37 ล้านหน่วย (ปีก่อน 6.88)

*ยอดขายเกมของโซนญี่ปุ่นลดลง ซึ่งก็เข้าใจได้ว่าเป็นเพราะปีงบประมาณ 2017 มีการวางจำหน่าย Dragon Quest XI ที่เป็นอาวุธสุดยอดสำหรับการตีตลาดญี่ปุ่น จึงไม่น่าแปลกใจที่ปีงบประมาณ 2018 ซึ่งมี Kingdom Hearts III เป็นอาวุธหลัก จะสู้ไม่ได้

โซนอเมริกาเหนือและยุโรป
ยอดขายแผ่น : 12.45 ล้านแผ่น (ปีก่อน 7.24)
ยอดขายดิจิทัล : 8.12 ล้านหน่วย (ปีก่อน 7.80)
ยอดขายแผ่นและดิจิทัล : 20.57 ล้านหน่วย (ปีก่อน 15.04)

*ปีงบประมาณ 2017 ยอดขายแบบดิจิทัลของโซนอเมริกาเหนือและยุโรป แซงยอดขายแผ่นได้สำเร็จ แต่ปีงบประมาณ 2018 ยอดขายแผ่นกลับแซงทิ้งห่างไปอีกแล้ว ทั้งนี้ยอดขายเกมโดยรวมในโซนนี้เพิ่มสูงขึ้นกว่าปีก่อนถึง 5 ล้านชุด ซึ่งก็เป็นเพราะความสำเร็จของ Kingdom Hearts III, Shadow of the Tomb Raider และ Just Cause 4

โซนเอเชียและอื่น ๆ
ยอดขายแผ่น : 0.49 ล้านแผ่น (ปีก่อน 0.69)
ยอดขายดิจิทัล : 1.12 ล้านหน่วย (ปีก่อน 1.13)
ยอดขายแผ่นและดิจิทัล : 1.61 ล้านหน่วย (ปีก่อน 1.82)

*จากสถิตินับแต่ปีงบประมาณ 2014 ซึ่งสัดส่วนยอดขายเกมแบบดิจิทัลของโซนเอเชียและอื่น ๆ สูงขึ้นเรื่อย ๆ จนแซงยอดขายแผ่นได้สำเร็จ ล่าสุดแนวโน้มดังกล่าวก็ยังเพิ่มขึ้นอีก โดยปีที่แล้วยอดขายเกมแบบดิจิทัลของโซนนี้คิดเป็น 62.08% ของยอดขายเกมทั้งหมด แต่ปีนี้เพิ่มขึ้นเป็น 69.56%

ทั้งนี้นับแต่ปีงบประมาณ 2016 ที่วางจำหน่าย Final Fantasy XV ยอดขายเกมในโซนเอเชียและอื่น ๆ ก็ลดลงเป็นต้นมา

รวมทั้งหมด
ยอดขายแผ่น : 15.94 ล้านแผ่น (ปีก่อน 13.19)
ยอดขายดิจิทัล : 10.61 ล้านหน่วย (ปีก่อน 10.55)
ยอดขายแผ่นและดิจิทัล : 26.55 ล้านหน่วย (ปีก่อน 23.74)

โดยรวมแล้วปีที่ผ่านมา เป็นปีที่ยอดขายเกมในตลาดอเมริกาเหนือและยุโรปเพิ่มมากขึ้น ซึ่งก็เข้าใจได้ว่า Kingdom Hearts III, Shadow of the Tomb Raider และ Just Cause 4 ที่เป็นกำลังหลักของปีที่ผ่านมา ล้วนเป็นเกมสำหรับตลาดอเมริกาเหนือและยุโรปอยู่แล้ว ส่วนยอดขายเกมในตลาดญี่ปุ่น เอเชีย และที่อื่น อาจจะตกลงบ้างแต่ก็ไม่ได้น่าเกลียด มองในภาพรวมทั้งโลกแล้วยอดขายเกมก็เพิ่มสูงขึ้น...

แต่ก็เป็นที่น่าสังเกตว่ายังไงยอดขายเกมก็ไม่สู้ปีงบประมาณ 2016 ซึ่งมี Final  Fantasy XV และ NieR: Automata ออก โดยปีนั้นมียอดขายเกมทั่วโลก 34.76 ล้านหน่วย


เกม HD ฟอร์มยักษ์ที่จะใช้สร้างรายได้ในปีงบประมาณ 2019

ปกติต้องมีหน้าที่บอกว่า ปีนี้จะใช้เกมอะไรเป็นกำลังหลักในการทำรายได้บ้าง แต่ปีนี้ ไม่มี!! (WTF!?)

อย่างไรก็ตาม ทางค่ายกลับมีการประเมินว่าปีงบประมาณ 2019 จะมียอดขายเกมทั่วโลก 18.27 ล้านหน่วย แสดงว่ายังมีแผนอยู่ว่าจะวางจำหน่ายเกมอะไรบ้าง เพียงแต่เลี่ยงที่จะเปิดเผยออกมา


รายได้จากการขายเกม HD

ปีงบประมาณ 2010 - 42,100 ล้านเยน
ปีงบประมาณ 2011 - 49,000 ล้านเยน
ปีงบประมาณ 2012 - 55,600 ล้านเยน
ปีงบประมาณ 2013 - 47,300 ล้านเยน
ปีงบประมาณ 2014 - 44,400 ล้านเยน (ช่วงนี้หดตัวต่อเนื่องมา 2 ปี)
ปีงบประมาณ 2015 - 58,500 ล้านเยน (ปีนี้ กลับมาเพิ่มขึ้นแล้ว)
ปีงบประมาณ 2016 - 92,800 ล้านเยน (เพิ่มขึ้นเพราะ FFXV + NieR: Automata + WoFF + Rise of Tomb Raider จนทำให้รายได้หมวดนี้แซงรายได้เกมมือถืออีกครั้ง)
ปีงบประมาณ 2017 - 65,600 ล้านเยน (ออกเกมฟอร์มยักษ์น้อย รายได้เลยตก มี DQXI เป็นหลัก)
ปีงบประมาณ 2018 - 93,600 ล้านเยน (กลับมาสูงขึ้นด้วย Kingdom Hearts III)

รายได้จากเกมบน Smart Device และ PC Browser

ปีงบประมาณ 2010 - 12,900 ล้านเยน
ปีงบประมาณ 2011 - 16,100 ล้านเยน
ปีงบประมาณ 2012 - 22,700 ล้านเยน
ปีงบประมาณ 2013 - 27,200 ล้านเยน
ปีงบประมาณ 2014 - 44,200 ล้านเยน (พัฒนาจนสร้างรายได้เท่าเกม HD)
ปีงบประมาณ 2015 - 68,800 ล้านเยน (ทำรายได้แซงหน้าเกม HD ไปแล้ว)
ปีงบประมาณ 2016 - 83,300 ล้านเยน (เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ดันโดนยอดขายเกม HD แซงคืน
ปีงบประมาณ 2017 - 93,800 ล้านเยน (ยังคงโตวันโตคืน)
ปีงบประมาณ 2018 - 83,800 ล้านเยน (ลดลงเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์)

รายได้จากเกม MMO

ปีงบประมาณ 2010 - 9,200 ล้านเยน
ปีงบประมาณ 2011 - 6,800 ล้านเยน
ปีงบประมาณ 2012 - 11,100 ล้านเยน
ปีงบประมาณ 2013 - 20,000 ล้านเยน
ปีงบประมาณ 2014 - 23,300 ล้านเยน (ทำรายได้แค่ครึ่งหนึ่งของเกม HD และ Smart Device)
ปีงบประมาณ 2015 - 31,600 ล้านเยน (ยังคงทำรายได้เท่ากับครึ่งหนึ่งของเกม HD)
ปีงบประมาณ 2016 - 22,700 ล้านเยน (ลดลง โดยให้เหตุผลเพราะ FFXIV และ DQX ยังไม่ออกภาคเสริม ซึ่งก็เป็นไปตามที่คาดไว้แต่แรกว่าจะลดลง)
ปีงบประมาณ 2017 - 31,800 ล้านเยน (เพิ่มขึ้น เพราะ Expansion ใหม่ของ FFXIV และ DQX)
ปีงบประมาณ 2018 - 27,100 ล้านเยน (ลดลง เพราะไม่มี Expansion ใหม่ออก แต่รายได้จากค่าเล่นเกมรายเดือน ยังคงมีสภาพคล่องอยู่)


ในภาพรวมแล้วปีงบประมาณ 2018 มีรายได้จากหมวดสื่อบันเเทิงรวมกัน 204,590 ล้านเยน นับว่าใกล้เคียงกับเป้า 207,500 ล้านเยนที่ตั้งไว้

ทางค่ายตั้งเป้าว่าปีหน้าจะมีรายได้จากหมวดนี้ที่ 200,500 ล้านเยน

2. ธุรกิจเครื่องเล่น (เกมตู้)

รายได้เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 10.8% เป็น 46,243 ล้านเยน

มีการออกเครื่องเล่นใหม่และมีการดำเนินการที่ดี ทำให้รายได้เพิ่มขึ้นตามแผนงานปีก่อน ทว่า Operating Income กลับลดลงเนื่องจากเสียค่าเสื่อมราคาไปเยอะ และมีการติดตั้งเครื่องเล่นใหม่มาก

3. ธุรกิจสิ่งพิมพ์ ทั้งหนังสือการ์ตูน คู่มือเกม นิตยสารต่าง ๆ

รายได้เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 27.0% คิดเป็น 14,031 ล้านเยน

4. ธุรกิจสินค้าจากตัวละคร เพลงประกอบเกม แก้วน้ำ

รายได้ลดลงจากปีก่อน 2.3% เป็น 7,397 ล้านเยน

ทั้งนี้มีประเด็นคอขาดบาดตายที่น่าสนใจอย่างนึงคือ ในรายงานผลประกอบการประจำปี 2017 ทางค่ายคาดการณ์ว่ารายได้ในปีงบประมาณ 2019 (สิ้นสุด 31 มีนาคม 2020) จะดีดตัวทะยานฟ้าสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ จนทำให้นักข่าวพากันเชื่อว่า Final Fantasy VII Remake น่าจะวางจำหน่ายภายในปีงบประมาณนั้นแหละ


ทว่าในรายงานผลประกอบการประจำปีงบประมาณล่าสุด ทางค่ายกับคาดการณ์ใหม่ว่ารายได้ในปีงบประมาณ 2019 จะทรงตัว... แล้วค่อยไปดีดตัวขึ้นสูงในปีงบประมาณ 2020 (สิ้นสุด 31 มีนาคม 2021) แทน ซึ่งนั่นก็หมายความว่า... มีการเลื่อนกำหนดการวางจำหน่ายเกมฟอร์มยักษ์เป็นการภายใน จากที่ควรจะออกในปีงบประมาณ 2019 กลายเป็น 2020 แทน



สรุปสุดท้าย

ปีงบประมาณ 2013 กำไรสุทธิ 6,598 ล้านเยน
ปีงบประมาณ 2014 กำไรสุทธิ 9,831 ล้านเยน
ปีงบประมาณ 2015 กำไรสุทธิ 19,884 ล้านเยน (เดิมคาดไว้ 11,000 - 18,000 ล้านเยน)
ปีงบประมาณ 2016 กำไรสุทธิ 20,039 ล้านเยน (เดิมคาดไว้ 17,000 - 21,000 ล้านเยน)
ปีงบประมาณ 2017 กำไรสุทธิ 25,821 ล้านเยน (เดิมคาดไว้ 16,500 - 19,500 ล้านเยน)
ปีงบประมาณ 2018 กำไรสุทธิ 18,463 ล้านเยน (เดิมคาดไว้ 21,000 ล้านเยน)
ปีงบประมาณ 2019 คาดการณ์ว่าจะได้กำไรสุทธิ 16,800 ล้านเยน ซึ่งก็คือตกลงไปอีก

สำหรับสรุปรายงานฯ ของปีก่อน อ่านได้จากลิงค์ด้านล่างนี้

เอกสารประกอบ

https://www.hd.square-enix.com/eng/news/pdf/19q4slides.pdf
https://www.hd.square-enix.com/eng/news/pdf/19q4earnings.pdf
https://www.hd.square-enix.com/eng/news/pdf/19q4release.pdf
https://www.hd.square-enix.com/eng/news/pdf/19q4_190513.pdf

กำไรร่วงแล้ว!! SQEX ยุติสถิติการมีรายได้และกำไรเพิ่มไว้ที่ 5 ปีเท่านั้น


Square Enix เปิดเผยรายงานผลประกอบการประจำปีงบประมาณ 2018 ออกมาเมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา (ผลประกอบการนับตั้งแต่ 1 เม.ย. 2018 - 31 มี.ค. 2019) โดยจุดไฮไลต์ที่ผมสนใจเป็นพิเศษและได้ตั้งโพลล์ถามเมื่อสัปดาห์ก่อนว่า "ทางค่ายจะทำสถิติมีรายได้และกำไรเพิ่มขึ้นเป็นปีที่ 6 ติดต่อกันได้หรือไม่?"

คำตอบออกมาแล้วว่า "ไม่ได้" สถิติสิ้นสุดแค่ 5 ปีเท่านั้น กำไรลดจาก 25,821 ล้านเยนในปีงบประมาณก่อน ตกเหลือ 18,463 ล้านเยน คิดเป็นลดลง 28.49% โดยจากผู้เข้ามาโหวต 588 คน มีคนพยากรณ์ถูก 48%

และจากโพลล์ทดสอบความเป็นโหรของลูกเพจอีกอันที่ถามว่าจะมีพรีเซนต์ FFVII Remake ใน State of Play หรือไม่ (คำตอบคือมี และมีคนโหวตถูก 43% จากคนโหวต 847 คน) เท่ากับว่าผมยังทำนายถูกทั้ง 2 ข้อ

ใครที่ทายถูกทั้ง 2 ข้อเหมือนกัน ไว้มาแสดงตัวด้วยนะครับ

ตอนนี้ผมยังไม่ได้อ่านตัวรายงานอย่างละเอียด ณ ตอนที่พิมพ์อยู่นี้สไลด์พรีเซนต์ก็ยังไม่ได้ออกมา ผมเลยเห็นแค่ตัวเลขกับข้อมูลคร่าว ๆ เท่านั้น ไว้จะอ่านรายละเอียดแล้วรีบมาย่อยข้อมูลให้ฟังทีละหมวดหมู่เหมือนทุกปีที่ผ่านมา

เท่าที่เห็นคร่าว ๆ คือ Kingdom Hearts III, Shadow of the Tomb Raider และ Just Cause 4 ทำรายได้ดี แต่ปีที่ผ่านมาการวางจำหน่ายเกมใหม่พวกนั้น ใช้ต้นทุนที่สูงขึ้นมาก

ส่วนเกมกาชามือถือใหม่ ๆ ที่เปิดบริการปีงบประมาณก่อนกับครึ่งปีแรกของปีงบประมาณ 2018 ก็ทำรายได้ต่ำกว่าเป้า เกมที่มีอยู่เดิมก็ไม่เวิร์ก

รายได้จากการ License เกมก็น้อยลง

รายได้จากเกม MMO (FFXIV, DQX) ก็ตกลงเล็กน้อย

รวม ๆ แล้วกำไรก็ตกลงไปหน่อย ถอยลดไปเท่า ๆ กับปีงบประมาณ 2015, 2016 ไล่เลี่ยกับปีที่ Final Fantasy XV ออกนั่นแหละครับ

ไว้จะรีบไปดูตัวเลขรายได้เปรียบเทียบระหว่างเกมแต่ละหมวด แล้วทำกราฟมาเสนอต่อครับ

Saturday, May 11, 2019

จบซะที Critical Mode - Kingdom Heartas III


หาเวลามาเล่น Critical Mode จนจบได้สักที
เบ็ดเสร็จ 16 ชั่วโมง เลเวล 34
ตายไปเกือบ 100 รอบได้
โดนมาสเตอร์เซอานอร์ท อบรมอยู่ ชั่วโมงครึ่ง

ไม่ค่อยตายกับศัตรูตามทาง แต่ตายกับพวกเกมเพลย์บังคับ อย่างตอนที่สไลด์ตามทางแล้วเอาคีย์เบลดยิงกับพวกฮาร์ทเลสที่ปล่อยเวทย์เข้ามา

ตอนเจอ Saix นี่ ขนาดเราเลือดเต็ม ๆ แต่โดนปาเคลย์มอร์ใส่ตูมเดียว ตายทันที.... ได้แต่สวดภาวนาว่าร็อคซัสช่วยกูด้วยยยย

นังปิกาจู มาร์ลุกเซีย ก็ดูโหดขึ้นมาทันที
แต่ลุคซอร์ด ยังไม่ทันทำอะไร มันก็ตายเหมือนเดิม
อันเซม เซมุนัส เซอานอร์ทหนุ่ม โหดมาก

พอมาเล่นแบบนี้ ถึงรู้ว่าพลังโจมตี รูปแบบการเข้าทำ จังหวะอันตรายของศัตรูดาวสุดท้าย มันโหดกว่าศัตรูดาว Disney ทั่วไปมาก

ปกติก็เล่นโดยใช้ Favourite Deputy เป็นหลัก แต่พอสู้บอส และรู้สึกว่าฉิบหายแล้ว ก็ควัก Ultima Weapon มาใช้เพื่อความรวดเร็ว จะได้ไม่ต้องเสียเวลาลองผิดลองถูกนาน (แต่บอสหลัง ๆ ก็นานอยู่ดี)

ที่แน่ ๆ Shot-Lock Infinity Circle ของ Ultima Weapon มีพลังทำลายโดดเด่นเหนือท่าอื่น ๆ ในเกมมาก ควักมาใช้พลิกสถานการณ์ได้ตลอด...

เพราะแบบนี้เองเซอานอร์ทมันถึงลากเราลงไปสู้ในน้ำด้วย จะได้ใช้ท่านี้ไม่ได้

นี่เล่นแบบแทบไม่ใช้ไอเทมมาตลอด แต่ตอนสู้กับเซอานอร์ทเฟสสุดท้าย ตายแล้ว ตายอีก ติดเป็นชั่วโมง

สุดท้ายเลยทิ้งทิฐิ ....ยัดยาทั้งหมดให้หมาและเป็ดช่วยกันถือ....

พอมีหมาและเป็ดช่วยโยนยาให้ ชีวิตก็ง่ายขึ้นมาทันที




สำหรับใครที่ยังไม่ได้ลอง Critical Mode.... แนะนำว่าไม่ต้องไปลองก็ได้ครับ นอกจากชีวิตจะมีเวลาว่างเหลือพอที่จะเห็นฉาก Game Over วนไปวนมาเป็นชั่วโมงได้...

Friday, May 10, 2019

FFVII Remake กลับมาเปิดตัวแอริธในงาน State of Play


มาตามนัดจริงด้วย และก็ออกมาแบบที่คาดเป๊ะ!!

เทรลเลอร์ล่าสุด Final Fantasy VII Remake ฉายในการพรีเซนต์ State of Play ของ Sony ช่วงตี 5 วันนี้

ลิงก์ :

โดยในงานดังกล่าวเป็นการพรีเซนต์เกมต่าง ๆ ที่ลงให้ Sony ความยาวการพรีเซนต์แค่ 10 นาทีเท่านั้น โดยเปิดงานมาก็มีเริ่มต้นด้วยเสียงกดเข้าเมนูของ FFVII Original เป็นออเดิร์ฟ ทำให้แฟน ๆ รู้เลยว่าวันนี้ เขามาจริงแน่ ๆ

แล้วเทรลเลอร์ FFVII Remake ก็ถูกนำมาฉายปิดท้ายงาน โดยเทรลเลอร์นี้ความยาวแค่ 1 นาทีเท่านั้น แต่ก็เผยโฉมแอริธ และด้านหลังของเซฟิรอธ และบอกว่า จะเปิดเผยข้อมูลเต็มรูปแบบในเดือนมิถุนายน 2019 (ซึ่งก็น่าจะช่วงงานคอนเสิร์ตที่ L.A. และ E3 นั่นแหละ)

จาก 847 โหวต มีลูกเพจทายถูก 43% - ใครทายถูกบ้าง ยกมือหน่อยสิ~~~~


คุณ โยชิโนริ คิตาเสะ อดีตผู้กำกับ Final Fantasy VII และปัจจุบันเป็นผู้อำนวยการสร้าง Final Fantasy VII Remake เขียนข้อความทิ้งไว้ในเว็บไซต์ของ PlayStation ในโอกาสปล่อยเทรลเลอร์ใหม่ของ Final Fantasy VII

โดยเนื้อหาแกบอกว่า...เรารอคอยกันมาเนิ่นนานแล้ว ก็ขอโทษทุกท่านที่ทำให้ต้องรอคอยกันมานาน วีดีโอที่พรีเซนต์ใน State of Play เป็นอย่างไรบ้าง? แม้จะเป็นวีดีโอสั้น ๆ แต่คิดว่าก็สเน่ห์ของคลาวด์และแอริธที่ส่งผ่านกราฟฟิกที่สมจริงนั้น ก็ยิ่งกว่าเพียงพอแล้ว แล้วยัง! ชายคนนั้นอีก...

เรากำลังเตรียมการเปิดเผยข้อมูลอย่างเต็มรูปแบบในเดือนมิถุนายน ส่วนวันนี้เป็นแค่การทักทายกันแบบรวบรัดก่อน จึงได้มีโอกาสนำเสนอเทรลเลอร์พิเศษในช่วง State of Play ของ PlayStation ก็ขอให้ติดตามความคืบหน้าของ Final Fantasy VII Remake กันต่อไปในอนาคต!

https://blog.us.playstation.com/2019/05/09/a-new-look-at-final-fantasy-vii-remake

-----------------------------------------

จากหน้าข่าว FFVII Remake ของ Square Enix เอง

- ยืนยันแผนงานเดิมที่แบ่งเกมออกเป็น Part แบบที่ประกาศไว้ ธ.ค. 2015 : http://re-ffplanet.blogspot.com/2015/12/ffvii-remake.html

- บอกเป็นเกร็ดข้อมูลว่า ปัจจุบัน Final Fantasy VII มียอดจำหน่ายทุกเวอร์ชั่น ทั้งแผ่นและดาวน์โหลด รวมกัน 11 ล้านชุด

https://www.jp.square-enix.com/topics/detail/801/

-----------------------------------------

ทั้งนี้เคยมีความเข้าใจผิดกันว่าเกมจะแบ่งออกเป็น 3 Part และ Part ละ 30+ ชั่วโมง ซึ่งที่จริงแล้วทางค่ายไม่เคยประกาศแบบนั้นมาก่อน

ความเข้าใจผิดนั้นเริ่มมาจากตอนเดือนเมษายน 2016 คุณโยชิโนริ คิตาเสะ Producer ของเกมได้ไปสัมภาษณ์ลงในนิตยสาร Game Informer ถึงเรื่องการแบ่งเกมออกเป็น Part เป็นครั้งแรก

ซึ่งคุณคิตาเสะแกพูดไว้ว่า “It will essentially be a full-scale game for each part of the multi-part series, In XIII, each installment told the story from a different angle. It was kind of like approaching an unknown territory, in a sense. Whereas with Final Fantasy VII Remake, we already have a preexisting story, so it wouldn’t really make sense if that isn’t encompassed in the multi-part series… So if we’re just looking at each of these parts, one part should be on par with the scale of one Final Fantasy XIII game.”

แต่แล้วระหว่างที่ยังไม่มีสแกนหน้านิตยสารนั้นออกมา และทาง GameInformer ก็ยังไม่ได้เอา Text นี้เผยแพร่ลงในเว็บไซต์ของเขาเอง ก็มีคนที่ได้อ่านข้อมูลดังกล่าวแล้ว นำไปโพสต์ในบอร์ด NeoGAF โดยตีความเพิ่มเติมลงไปในโพสต์ว่า Final Fantasy VII Remake จะแบ่งเป็น 3 Part แบบ FFXIII Saga และความยาว Part ละ 30+ ชั่วโมง... ทั้งที่คุณคิตาเสะไม่ได้พูดแบบนั้น

อันนี้ลิงก์ต้นตอความเข้าใจผิดในวันนั้น : https://www.neogaf.com/threads/ff7-remake-looking-at-ffxiii-saga-as-model-for-release-possible-plot-changes.1204888/

หลังจากนั้นคุณ aibo WM ของ FF-Reunion ก็นำข่าวนี้ไปโพสต์ลงในทวีตภพและเว็บไซต์ของแก และพวกสารพัดคนข่าว FF ทั่วโลกก็เห็นพร้อม ๆ กัน แล้วก็พากันเอาไปอัปข่าวลงเว็บไซต์เกมต่าง ๆ ของตนว่า FFVII Remake จะแบ่งเป็น 3 Part.... (ผมเองก็ลงข้อมูลผิดตามไปด้วย)

http://web.archive.org/web/20160409042829/http://www.ff-reunion.net/ff7r/2016/04/06/ff7-remake-looking-at-ffxiii-saga

5 วันต่อมา พอ GameInformer เอาบทสัมภาษณ์ดังกล่าวของคุณคิตาเสะ เผยแพร่ลงเว็บไซต์ด้วย แล้วพวกนักข่าวพึ่งมาเห็นว่าคุณคิตาเสะ ไม่ได้พูดเรื่องแบ่ง 3 Part หรือ 30+ ชั่วโมงต่อ Part เลยนี่หว่า.... แสดงว่าคนที่สรุปมาให้ตอนแรก เขาตีความแล้วเขียนเพิ่มเติมลงไปเอง

https://www.gameinformer.com/b/features/archive/2016/04/11/final-fantasy-vii-remake-interview-game-informer.aspx

ก็แก้ความเข้าใจผิดกันไม่ทันละครับ.... เพราะลงข่าวแบบผิด ๆ กันทั่วโลกกระจายไป 5 วันแล้ว

Thursday, May 9, 2019

สรุปเนื้อหา Final Fantasy XV -The Dawn of the Future- Episode Noctis


เรื่องราวของน็อคติส เริ่มต้นขึ้นระหว่างที่เขากำลังต่อสู้กับพวกปิศาจอยู่หน้าวัง น็อคติสสู้อยู่เพียงคนเดียว ท่ามกลางบรรยากาศที่ไร้สีสัน แต่แล้วปิศาจในชุดเกราะสีทองก็ปรากฏตัวขึ้นมาและยิงโจมตีเขา น็อคติสคิดว่าอิกนิส กลาดิโอ และพรอมท์ ควรจะอยู่กับเขาแท้ ๆ แล้วทุกคนหายไปไหนกันหมด? เหมือนมันมีอะไรไม่ชอบมาพากล

เขาเดินเข้าวังไปและรู้สึกว่านี่ไม่ใช่วังที่เขารู้จัก บัลลังก์นั้นเปล่งแสงสีน้ำเงินออกมา น็อคติสนั่งลงไป และได้ยินเสียงบอกว่านี่ไม่ใช่ที่ของเขา และไม่ใช่ของใครหน้าไหนทั้งนั้น

น็อคติสรู้สึกตัวว่าเขากำลังฝันอยู่ และคนที่กำลังพูดกับเขาก็คือบาฮามุท

“ที่นี่คือภายในคริสตัล ที่ซึ่งวิญญาณของดวงดาวสถิตอยู่ สถานที่ซึ่งเจ้าจะได้รับพลังที่ทำให้กลายเป็นราชาที่แท้จริง รับมอบความทรงจำทั้งหมดที่สั่งสมอยู่ในคริสตัล และทำหน้าที่ของตนให้สำเร็จ”

น็อคติสนึกย้อนกลับไปถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านั้น พวกเขามายังกราเลีย เมืองหลวงของจักรวรรดินิฟไฮม์ แล้วไปยังปราการซิกนอวตัส แล้วเขาก็วิ่งนำเพื่อนเข้ามาหาคริสตัลก่อน แล้วโดนคริสตัลดูดเข้าไป แล้วอาร์ดีนก็มาแนะนำตนเอง

แล้วน็อคติสก็ได้เห็นนิมิตของอดีตกาล ตอนที่คริสตัลเกิดขึ้นบนดาวอีออส (ดูเพิ่มเติมได้จาก Official Timeline ในหนังสือ Ultimania) ฟากฟ้าได้กลายเป็นสีน้ำเงิน แผ่นดินกลายเป็นทุ่งหญ้าเขียวขจี มีการสร้างสถานที่สำหรับบูชาคริสตัล จำนวนประชากรและสิ่งมีชีวิตก็เพิ่มพูนมากขึ้น พ่อแม่ของอาร์ดีนและซอมนัส ได้มอบดาบที่มี่ชื่อตามตำนานของฮินดู นั่นคือดาบ “รากษส” (Rakshasa) ให้อาร์ดีนและดาบ “ยักษา” (Yaksha) ให้ซอมนัส ด้วยความหวังว่าทั้งสองจะปกครองแผ่นดินร่วมกัน แต่แล้วหลังจากที่พ่อแม่ท่านจากไป สองพี่น้องก็เกิดความขัดแย้งกัน

จากนั้นเขาได้เห็นความทรงจำเรื่องโศกนาฏกรรมของอาร์ดีนกับเอร่า ทีแรกน็อคติสเกิดความรู้สึกเห็นใจคิดมา แต่เมื่อคิดว่าอาร์ดีนคือฆาตกรที่สังหารลูน่า เพียงเพื่อจะทำให้เขาต้องเจ็บปวด... น็อคติสก็คิดว่าต่อให้อาร์ดีนเคยทำความดีในอดีตมามากมายแค่ไหน เขาก็ไม่มีวันให้อภัย

แต่แล้วน็อคติสก็เริ่มสงสัยว่าการที่ลูน่าทำพิธีปลุกเทพเพื่อช่วยเขาเนี่ย มันเป็นภาระแก่ร่างกายและทำให้เธอตายลงอย่างช้า ๆ แล้วแบบนี้ตัวเขาเอง ก็เป็นคนที่ไม่อาจให้อภัยได้ด้วยรึเปล่านะ... แล้วไหนจะที่ซอมนัสคิดว่าจำเป็นต้องสละชีวิตผู้คนเพื่อประโยชน์ส่วนรวมของอาณาจักรอีกล่ะ?

น็อคติสเห็นภาพที่อาร์ดีนถูกจองจำในคุกหิน แล้วซอมนัสก็สร้างอาณาจักรจนรุ่งเรือง และส่งต่อให้กษัตริย์ในรุ่นต่อ ๆ มา มีกษัตริย์บางองค์ที่โหดร้าย บางองค์ก็ใจดี และก็ได้เห็นการก่อตั้งประเทศเทเนแบร นิฟไฮม์ แอ็คคอร์โด และเห็นว่าไม่ว่าจะเกิดที่ไหน มนุษย์เราก็เหมือนกันหมด

ถึงยุคหนึ่งชาวนิฟไฮม์ก็ยกทัพไปช่วยปล่อยตัวอาร์ดีนออกมาจากคุก

ถัดมาเรจิสที่อุ้มน็อคติสอยู่ในอ้อมแขนท่ามกลางฝนตก (เทรลเลอร์งาน Gamescom 2015 ที่เยอรมัน) ก็ถูกเลือกว่าต่อไปจะต้องมาเป็น 1 ใน 13 บูรพกษัตริย์ และได้รับรู้ถึงคำทำนายที่จะเกิดขึ้นกับน็อคติสในภายหลัง

น็อคติสคิดว่าหากอาร์ดีนไม่ถูกช่วยปล่อยตัวออกมาในยุคนั้น ป่านนี้เขาก็คงใช้ชีวิตในฐานะรัชทายาทตามปกติ เขาก็จะไม่ถูกเดม่อนโจมตีปางตายตอนเด็ก ไม่ได้ไปเทเนแบร ไม่ได้เจอกับลูน่า ความสัมพันธ์กับกลาดิโอและอิกนิสก็คงไม่เหมือนที่เป็นอยู่ตอนนี้ เวอร์สไตล์เองก็จะพัฒนาทหารกลไม่สำเร็จ แล้วพรอมท์ก็จะไม่ได้เกิดมา คฤหาสน์เฟเนสเทล่าก็จะไม่ถูกโจมตี ลูน่ากับเรวุสก็คงยังใช้ชีวิตอยู่กับราชินีซิลวา

ทว่าชะตากรรมนั้นได้ถูกเทพเจ้าลิขิตไว้แล้ว และไม่มีเส้นทางอื่นใด

น็อคติสเห็นเหตุการณ์ตอนที่ลูน่าตาย อิกนิสและเรวุสขึนไปยังแท่นบูชา เรวุสโอบร่างของลูน่าไว้แล้วบอกว่าต่อให้ตายไปแล้ว โหรก็ไม่ได้ไปสู่สุขคติ ต้องให้ความมืดถูกขจัดสิ้นไปและหน้าที่ของเธอสำเร็จแล้วก่อนต่างหาก แล้วร่างของลูน่าก็สลายไปในอากาศ

แล้วก็ย้อนเห็นภาพตอนที่ลูน่าทำพิธีกับศิวะ ภาพตอนที่คว้าแหวนแล้วหนีตายออกจากอินซอมเนียในภาค Kingsglaive

น็อคติสเลยพึ่งได้รู้ว่าระหว่างที่เขาและเพื่อนกำลังเพลิดเพลินจากการออกมาสู่โลกภายนอกเป็นครั้งแรก ลูน่าได้ไปตกระกำลำบากอะไรมาบ้าง ว่าแล้วเขาก็ได้แต่พูดคนเดียว “ฉันขอโทษ... ฉันขอโทษ... ฉันไม่รู้มาก่อนเลย”

ว่าแล้วก็เลยเข้าใจว่าทำไมเรวุสโกรธเขาขนาดนี้ เพราะเขาไม่เป็นผู้ใหญ่ และไม่รู้เรื่องอะไรเลย

ไม่แม้แต่จะใส่ใจคนที่ยื่นมือมาช่วยและสนับสนุนเขา เพราะแบบนี้เอง คอร์และกลาดิโอถึงบอกให้เขาปรับปรุงตัว

แล้วเขาก็เห็นการเสียสละของอิกนิสที่อัลทิสเซีย จนเข้าใจว่าที่อิกนิสปิดบัง ไม่ยอมบอกเขาว่าแท้จริงแล้วเกิดอะไรขึ้น ก็เพราะไม่อยากให้เขาต้องเจ็บปวดยิ่งกว่าเดิม

ยิ่งรู้ก็ยิ่งเข้าใจ ว่าตัวเองอ่อนหัดขนาดไหน รู้ว่าที่ผ่านมาทุกคนได้ช่วยกันปกป้องตัวเองมาโดยตลอด และไม่รู้ว่าจะตอบแทนทุกคนได้รึเปล่า

นอกจากภาพในอดีตแล้ว ยังเห็นภาพในอนาคตที่ตัวเองต่อสู้กับอาร์ดีน เห็นตัวเองสละชีวิตบนบัลลังก์และเดินทางไปสู่โลกหน้า แล้วก็สลายไป

ความจริงที่ว่าเขาต้องสละชีวิตเพื่อช่วยโลกจากการดูดความมืดปกคลุม เป็นชะตากรรมที่เขาไม่อยากจะยอมรับ แต่ก็รู้ว่า... นั่นคือโชคชะตาที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง เขาหวาดกลัว ไม่อยากจะสูญเสียทุกอย่างไป ไม่อยากตายแต่ก็ไม่อยากให้โลกตกสู่ความมืด อยากจะมีชีวิตอยู่ต่อไป

เขาเงยหน้าขึ้น มองเห็นพ่อ บัดนี้น็อคติสเข้าใจแล้วว่าพ่อเลี้ยงเขามาโดยรับรู้ชะตากรรมที่จะเกิดขึ้นมาโดยตลอด จึงพยายามเลี้ยงเขาให้มีความสุข บัดนี้พ่อมาส่งเขาอีกครั้งด้วยรอยยิ้มและคำขอโทษ เรจิสบอกว่าพ่อแม่นั้นควรเป็นห่วงลูก แต่ลูกไม่ควรจะต้องมาเป็นห่วงพ่อแม่ แต่ว่าตอนนี้ลูกก็ไม่ใช่เด็กอีกต่อไปแล้ว

“ราชาจะปกครองโดยย่ำอยู่กับที่ไม่ได้ ราชาต้องก้าวไปข้างหน้าเสมอ ยอมรับผลที่จะตามมา และไม่มาเสียใจภายหลัง” (ประโยคเดียวกับที่อิกนิสพูดในเกม Chapter 10 แสดงว่าอิกนิสเคยฟังจากเรจิสมาก่อน)

แล้วเรจิสก็ยื่นดาบของตนให้น็อคติส พร้อมบอกว่าเอาไว้ปกป้องประชาชนและคนที่เขารัก ก่อนที่จะหายไป

น็อคติสนึกถึงผู้คนและสิ่งต่าง ๆ ที่เขารัก ผู้คนและสถานที่ที่เขาพบเจอมาตลอดการเดินทาง เหนือสิ่งอื่นใด เขาไม่อยากให้การเสียสละของลูน่าต้องสูญเปล่า เขาอยากจะปกป้องเธอมากกว่าอะไรทั้งนั้น ถึงแม้จะเป็นไปไม่ได้ อย่างน้อยที่สุดก็อยากจะปกปักรักษาหลักฐานที่พิสูจน์ว่าครั้งหนึ่งเธอเคยมีชีวิตอยู่

ในนิมิตนั้น น็อคติสนั่งบนบัลลังก์อีกครั้ง บอกกับตัวเองว่านี่คือเวลาที่จะต้องคิดและเลือก จากนั้นเขาก็ตื่นขึ้นที่คุกหินภายในเกาะแองเจิลการ์ด

************************

เมื่อตื่นขึ้นมาแล้ว น็อคติสก็เจออัมบราที่มารอต้อนรับ และได้รับไดอารีที่ลูน่าเขียนไว้ให้ หน้าแรกสุดที่เขายังไม่ได้อ่านเขียนว่า “ปลอดภัยดีแล้ว” หลังจากนั้นก็เป็นเรื่องราวตลอดการเดินทางใน Episode Luna พอน็อคติสรู้ว่าลูน่าฟื้นขึ้นมาแล้วก็ร้องไห้ ระหว่างที่น็อคติสใช้นิ้วไล่อ่านตัวอักษรของลูน่าไปเรื่อย ๆ ภาพที่เห็นก็เริ่มพร่าเบลอจากน้ำตา ด้วยความเสียใจที่วันนั้นปกป้องลูน่าไว้ไม่ได้ จากการอ่านไดอารีนี้เขาจึงรู้ว่าบัดนี้เวลาได้ผ่านไป 10 ปีแล้ว คริสตัลนั้นเพียงแสดงภาพความทรงจำต่าง ๆ จนถึงวันที่เขาเข้าไปในคริสตัลเท่านั้น

น็อคติสสาบานว่าจะไม่ยอมสูญเสียใครไปอีก เหมือนกับที่เขาสูญเสียลูน่าไป และบอกอัมบราว่าเขาจะเอาไดอารีเล่มนี้ไปคืนลูน่าด้วยมือของเขาเอง

ข้อความสุดท้ายในไดอารีที่ลูน่าเขียนทิ้งไว้คือ จะรอคุณอยู่ที่วัง

น็อคติสกับอัมบราออกนั่งเรือไปยังท่ากัลดินคีย์ แล้วได้พบกับโซลที่พอซิ่งมอเตอร์ไซค์ส่งลูน่าที่อินซอมเนียเสร็จแล้วก็บึ่งรถมารอรับน็อคติสต่อ

น็อคติสได้อ่านเรื่องของโซลจากไดอารีมาแล้ว เลยรู้ว่าสามารถไว้ใจเธอคนนี้ได้ โซลอาสาจะพาน็อคติสไปส่งที่วังเอง พอโซลอาสาจะนำทางต่อแล้ว อัมบราก็หายไป

จากนั้นโทรศัพท์ของโซลก็ดังขึ้น เธอรับสายขึ้นมาและบอกว่าตอนนี้เธออยู่กับราชาแล้ว และส่งโทรศัพท์ให้น็อคติสคุยด้วย ปรากฏว่าคนที่โทรมาคือกลาดิโอเอง กลาดี้บอกว่าให้ไปเจอกันที่แฮมเมอร์เฮดก่อน แล้วก็วางสายไปเพราะไม่สะดวกคุยในตอนนี้

น็อคติสถามโซลว่าพระสหายทั้งสามคนของเขาสบายดีมั้ย? เขาเป็นห่วงอิกนิสที่ตาบอดและพรอมท์ที่อาจจะมีปัญหาในการยิงปืนท่ามกลางความมืด โซลบอกว่าพรอมท์ช่วยงานซิดนีส่งของต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี ส่วนอิกนิสก็เคยบอกไว้ว่าในความมืดนี่ คืออื่นก็มองอะไรไม่ค่อยเห็นเหมือนกันกับเขาที่ตาบอดน่ะแหละ แต่ทุกคนจะต้องดีใจมากที่น็อคติสกลับมาแล้วแน่ ๆ

ระหว่างนั่งมอเตอร์ไซค์ โซลก็เล่าให้ฟังว่าตอนเจอลูน่าครั้งแรก ลูน่าโดดขึ้นรถเทียมข้างมอเตอร์ไซค์ของเธอ แล้วก็โยนข้าวของออกไปหมด ตอนอยู่ด้วยกัน ลูน่าเล่นไพ่ได้ห่วยมาก แต่ดันเล่นเกมวัดใจเอามีดแทงสลับระหว่างนิ้วทั้ง 5 ได้อย่างช่ำชองเหลือเชื่อ...

น็อคติสจำได้ว่าเขาเคยเห็นเรวุสเล่นเอามีดแทงสลับระหว่าง 5 นิ้วมาก่อน เลยจำมาฝึกบ้าง แต่โดนอิกนิสมองค้อนใส่ตลอด

แล้วโซลก็บอกว่า “หน้าที่” ใหม่ที่ลูน่าได้รับจากเทพมาคือ การไปสู้กับอาร์ดีน... ทำให้น็อคติสตกใจมาก

ยิ่งคิดก็ยิ่งงง ก็ในไดอารีลูน่าเขียนว่าเธอไปที่วังเพื่อจะไปเจรจากับอาร์ดีน แต่เธอไม่ได้เขียนไว้ว่าบาฮามุทสั่งให้เธอไปฆ่าอาร์ดีน แล้วบาฮามุทจะสั่งให้เธอไปฆ่าอาร์ดีนได้ยังไงก็ในเมื่อแหวนลูซิไออยู่กับเขา วิธีฆ่าอาร์ดีนก็น่าจะมีแค่การใช้แหวนอย่างเดียว

โซลยังเล่าให้ฟังอีกว่าตอนนี้ลูน่าได้พลังใหม่ในการดูดกลืนเดม่อนมา เธอได้ขอให้ลูน่าช่วยชีวิตอราเนียไว้ พอลูน่าดูดเชื้อจากอราเนียมา เลยกลายเป็นเดม่อนไปครึ่งตัว โซลรู้สึกผิดที่เธอมีส่วนทำให้ลูน่าเป็นแบบนี้ แต่น็อคติสบอกว่าลูน่าเป็นคนแบบนี้แหละ ยังไงเธอก็ต้องช่วยอยู่แล้ว

ยิ่งฟังก็ยิ่งเป็นห่วงน็อคติสเลยบอกว่าเขาจะรีบไปช่วยลูน่าที่วังก่อนเลย จะไม่รอพบพวกกลาดิโอที่แฮมเมอร์เฮดแล้ว และฝากโซลบอกกลาดิโอด้วย

น็อคติสเข้าใจแล้วว่าลำพังพลังที่เทพเจ้าให้มา มันไม่สามารถช่วยเหลือทุกคนได้

ดังนั้นหากว่าเขาอยากจะช่วยทุกคนให้ได้ เขาก็ต้องตัดสินใจ และทำด้วยตัวของเขาเอง

************************

อีกทางด้านหนึ่ง ลูน่ายังเจรจาขอความร่วมมือจากอาร์ดีนไม่สำเร็จ อาร์ดีนเย้ยว่าใครจะไปโง่ร่วมมือกับหุ่นเชิดของเทพเจ้าที่คิดจะกำจัดเขา แต่แล้วลูน่าก็บอกว่าบาฮามุทวางแผนที่จะทำลายทุกสิ่งทุกอย่างในดาวอีออสนะ

อาร์ดีนฟังแล้วก็ไม่สะทกสะท้าน และบอกว่าแบบนั้นก็ดีเลย แล้วก็ไล่ให้เธอออกไปได้แล้ว ตอนนี้เขาจะรอต้อนรับแขกอื่น (น็อคติส)

ลูน่าเลยบอกว่าเอร่า ก็ขอร้องให้เธอช่วยอาร์ดีนไว้ด้วย...

อาร์ดีนได้ยินแล้วก็ของขึ้นแล้วบอกให้ลูน่าหุบปาก!! แต่ลูน่ายังไม่หยุด อาร์ดีนเลยเรียกอิฟรีทออกมา หมายจะจัดการลูน่าซะ



น็อคติสแยกทางกับโซลที่แฮมเมอร์เฮด แล้วตรงดิ่งไปยังวังหลวงคนเดียวโดยไม่รอใคร

พอเข้ามาถึงภายในเมือง เขาก็เจอกับบูรพกษัตริย์องค์หนึ่งที่โดนพิษเดม่อนอาบเข้าให้ด้วยฝีมือของอาร์ดีน (แบบใน Royal Edition) แล้วน็อคติสก็ต้องต่อสู้อย่างยากลำบากด้วยตัวคนเดียว แต่ก็สามารถเอาชนะ และทำหน้ากากของบูรพกษัตริย์องค์นั้นแตกออกมา เผยให้เห็นใบหน้าจริงได้สำเร็จ

กษัตริย์ที่อยู่ใต้หน้ากากคนนั้นก็คือซอมนัส ซึ่งมีใบหน้าที่ละม้ายคล้ายกับตัวเขาเอง น็อคติสก็เลยยิ่งเข้าใจว่าอาร์ดีนมองหน้าเขาแล้ว คงรู้สึกยังไง

ซอมนัสเองก็เสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับอาร์ดีน และได้ขอให้น็อคติสได้โปรดช่วยอาร์ดีนด้วย ซึ่งน็อคติสก็รับปากว่าจะช่วยอาร์ดีนให้ได้ แต่ก็ได้ย้อนถามว่าทำไมเทพเจ้าถึงไม่ให้พลังแบบอาร์ดีนแก่ซอมนัส หรือใครอื่นเลยล่ะ? แล้วทำไมป่านนี้ถึงพึ่งมาให้พลังแบบเดียวกันแก่ลูน่าล่ะ?

แน่นอนว่านั่นไม่ใช่คำถามที่ซอมนัสจะตอบได้เหมือนกัน

************************

ขณะเดียวกันฝั่งอาร์ดีนที่เรียกอิฟรีทออกมาหมายจะจัดการลูน่า แต่ลูน่ารับมืออิฟรีทได้ และพยายามดูดกลืนพิษเดม่อนออกไปจากตัวของอิฟรีท ขณะที่ดูดไป ก็พยายามตั้งสติเจรจากับอาร์ดีนไปด้วย

อาร์ดีนบอกว่าต่อให้โลกจะถูกทำลายย่อยยับ เขาก็ไม่ว่าอะไร... แต่ถ้าเขาสามารถฆ่าบาฮามุทได้ด้วย แบบนั้นก็จะสมบูรณ์แบบเลย

ลูน่าอธิบายว่าบาฮามุทนั้นฆ่าไม่ตาย ตราบใดที่มันยังมีตัวตนอยู่ในโลกหน้าด้วย เธอจึงอยากให้อาร์ดีนร่วมมือกัน... เธอพูดด้วยสีหน้าที่เจ็บปวดจากการยื้อกับอิฟรีทไว้

แต่แล้วลูน่าก็สามารถดูดพิษเดม่อนไปจากตัวอิฟรีทได้จนหมด เป็นการปลดปล่อยอิฟรีทจากการครอบงำของอาร์ดีน

พออิฟรีทได้สติ จึงหันไปเตรียมจะระบายแค้นกับอาร์ดีนแทน... แต่ลูน่ารีบเข้ามาห้ามไว้ และขอให้อิฟรีทช่วยทำพิธีกรรมกับเธอ ซึ่งอิฟรีทก็ยอมตอบตกลงด้วยดี

อิฟรีททำพิธีกรรมให้ลูน่าจนเสร็จ อาร์ดีนก็ปรบมือให้ แล้วบอกว่าเป็นโชว์ที่สนุกมาก หลังจากนั้นลูน่าก็ที่อ่อนเปลี้ย ก็หมดสติไป

************************

น็อคติสที่เข้ามาในวังแล้ว ก็ขึ้นลิฟต์มาจนถึงห้องบัลลังก์ พอเปิดประตูเข้ามา ก็เจออาร์ดีนพูดประโยครับแขกของเขาว่า เสียใจด้วยที่ถึงคราวเคราะห์แล้ว... เจ้ามาช้าไปนะ

ตอนนี้ลูน่าได้กลายเป็นมอนสเตอร์ไปอย่างสมบูรณ์แล้ว และคว้าหอกพุ่งเข้ามาจู่โจมเข้าใส่น็อคติส น็อคติสรีบถามอาร์ดีนทันทีว่าแกทำอะไรกับเธอ!! แต่อาร์ดีนบอกว่าเธอตัดสินใจดูดโรคแห่งดวงดาวออกไปจากตัวอัคคีเทพด้วยเจตจำนงค์ของเธอเอง

ยังไม่ทันไร ก็มีดาบยักษ์ร่วงลงมาจากฟ้า แหวกอากาศลงมาปักที่พื้น

แล้วเสียงของบาฮามุทก็ดังขึ้น บอกว่าบทบาทของราชาได้สิ้นสุดลงแล้ว ที่ผ่านมาเขาได้มอบพลังที่จะยับยั้งโรคแห่งดวงดาวให้กับมนุษย์ แต่พวกเจ้ากลับเอาพลังไปใช้อย่างโง่เขลาซ้ำแล้วซ้ำเล่า ดังนั้น จะไม่มีการปกป้องอีกต่อไปแล้ว และ... จะยุติชีวิตทั้งหมดบนดาวอีออสนี้ลง นี่คือพรหมลิขิตใหม่ที่พวกเจ้าต้องยอมรับ

แล้วบาฮามุทก็สั่งให้ลูน่าปลดปล่อยพลังออกมาเต็มที่ กลายเป็นราชันย์แห่งเดม่อน

ร่างของลูน่าลอยขึ้นไปกลางฟากฟ้า และปลดปล่อยคลื่นพลังงานออกมา ทำลายห้องบัลลังก์ที่น็อคติสและอาร์ดีนอยู่จนพินาศสิ้น ทั้งสองกระเด็นออกมาและสลบไป

อาร์ดีนพื้นขึ้นมาก่อน และเห็นร่างของลูน่าลอยอยู่กลางฟ้า และมีร่างแยกของบาฮามุท ขนาดเล็กกว่าตัวจริง รายล้อมเธออยู่ อาร์ดีนเข้าใจได้ทันทีว่าบาฮามุทกำลังเตรียมการเพื่อยิงเทร่าแฟลร์ และจากการที่บาฮามุทมีตัวตนอยู่ทั้งในโลกอีออสและในโลกหน้า หมายความว่าเขาไม่สามารถฆ่าบาฮามุทให้ตาย และไม่อาจทำให้มันติดเชื้อได้ แต่ถ้าบาฮามุทใช้เทร่าแฟลร์ออกมาแล้วทำลายดาวไม่สำเร็จ มันก็อาจจะหมดพลังและต้องกลับไปจำศีล เหมือนกับที่เคยหายตัวไปยาว ๆ ภายหลังสงครามระหว่างเทพก็เป็นได้

ว่าแล้วทางด้านบาฮามุท ก็ส่งพลังยกวังลูซิสให้ลอยขึ้นไปบนฟ้า เพื่อให้มนุษย์ไม่อาจแตะต้องคริสตัลที่อยู่ในวังได้อีก แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาสำหรับอาร์ดีน สายเลือดตระกูลลูซิสที่สามารถวาร์ปได้อยู่แล้ว

น็อคติสฟื้นตามขึ้นมา และเห็นวังลูซิสลอยขึ้นไปอยู่กลางฟ้ามืด โดยมีลูน่าในร่างปิศาจลอยอยู่บนนั้นด้วย เธอกำลังร้องเพลงอันเป็นพิธีอัญเชิญครั้งสุดท้าย ซึ่งก็คือการให้บาฮามุทยิงเทร่าแฟลร์ออกมา

ด้วยความหวาดกลัวว่าจะสูญเสียเธอไปอีกครั้ง น็อคติสรีบวาร์ปตามขึ้นไปที่วัง แต่กลับถูกพวกร่างแยกของบาฮามุทขัดขวางไว้ และจำนวนของพวกมันมากเกินกว่าที่เขาจะกำจัดไหว

ทันใดนั้น อิกนิส กลาดิโอ และพรอมท์ก็ปรากฏตัวขึ้นมาช่วย กลาดิโอบอกว่าน็อคท์มาช้านะ ซึ่งน็อคท์ก็ตอบว่าพวกนายก็ด้วย!!

แล้วน็อคติสก็พูดประโยคแบบเวลาให้อิกนิสใช้ท่า Overwhelm คือเรียกให้อิกนิสให้สัญญาณ อิกนิสตะโกนให้ทุกคนเข้ามารวมพลัง แล้วก็ทั้ง 4 คนก็พุ่งเข้าไปจัดคอมโบชุดใหญ่ใส่ฝูงบาฮามุทที่รายล้อมพวกเขาอยู่ด้วยกัน

ระหว่างสู้ น็อคติสก็ชมว่าสหายของเขาสู้เข้าขากันได้ดีเหมือนเมื่อสิบปีก่อน ไม่สิ... พรอมท์เก่งขึ้น กลาดิโอแข็งแกร่งกว่าเดิม ส่วนอิกนิสก็ก้าวข้ามปัญหาการมองไม่เห็นไปแล้ว ทุกคนได้เติบโตขึ้นไปมาก

แล้วโซล อราเนีย บิ๊กส์ เวจด์ ก็นั่งเรือเหาะตามมา และบอกให้ทั้ง 4 รีบขึ้นมา เรือเหาะนั้นได้มุ่งหน้าขึ้นไปหาลูน่าและวังลูซิสที่ลอยอยู่บนฟ้า แต่แล้วฝูงบาฮามุทก็โจมตีเรือเหาะนั้นจนเรือเหาะร่วง... แต่ยังดีที่ร่วงไปตกบนลานหน้าวัง ซึ่งตอนนี้เป็นเสมือนเกาะลอยฟ้า (น่าจะมุกเดียวกับตำหนักหมื่นมาร Pandemonium ที่เป็น Last Dungeon ใน FF Type-0 เลย)

และแล้วฝูงบาฮามุทตัวเล็กก็หยุดโจมตีพวกเขา น็อคติสเข้าใจว่าพวกมันคงไม่อยากเสี่ยงที่จะทำให้คริสตัลเสียหาย พวกโซล อราเนีย บิ๊กส์และเวจด์ ช่วยกันซ่อมแซมเรือเหาะที่เสียหาย โดยโซลขอให้น็อคติสช่วยลูน่าให้ได้ น็อคติสกับสหายจึงออกจากเรือเหาะเพื่อไปช่วยลูน่าและหยุดยั้งบาฮามุท

น็อคติสปรึกษากับอิกนิสว่าเขาอยากส่งข้อความไปยังเมืองเลสทัลลัม ให้เตรียมอพยพคนหนี... แต่ก็ได้แต่พูดไปแบบนั้น เพราะถ้าดาวจะระเบิดขึ้นมา ก็ไม่รู้ว่าจะหนีไปที่ไหนได้

ระหว่างที่น็อคติสเดินคุยอยู่กับอิกนิส อาร์ดีนก็ปรากฏตัวขึ้น

“ไม่ได้จะมาปลิดชีพข้าเหรอ?”

“ฉันไม่มีเวลามาเล่นกับแก!”

อาร์ดีนบอกว่าถ้าไปช่วยลูน่าที่กลายเป็นปิศาจร้องเพลงเตรียมอัญเชิญเทร่าแฟลร์ตอนนี้ มันจะเป็นการขัดขวางแผนที่ลูน่าวางไว้ ลูน่าได้มาคุยกับเขา ขอให้เขาร่วมมือด้วย และบอกให้ปล่อยบาฮามุทยิงเทร่าแฟลร์ออกมา แล้วเหล่าเทพที่เหลือจะไปช่วยกันรับการโจมตีอีกครั้งเหมือนเมื่อในอดีต หากรับการโจมตีไว้ได้สำเร็จ... บาฮามุทที่ยิงพลังมาสุดแรงเกิดจะหมดก๊อก จนต้องเข้าสู่การหลับใหลอีกครั้ง และเนื่องจากบาฮามุทมีตัวตนอยู่ในทั้งโลกนี้และโลกหน้า จึงไม่สามารถฆ่าให้ตายได้ เราได้แต่ทำให้มันหมดสภาพและหลับใหลไปก่อน

อิกนิสบอกว่าแผนนี้มันบ้าบิ่นเกินไป ซึ่งอาร์ดีนเองก็เห็นด้วย แต่ก็ไม่มีทางเลือกอื่นที่ดีกว่าในตอนนี้

แล้วอาร์ดีนก็บอกให้น็อคติสส่ง “แหวนลูซิไอ” มาให้เขาซะ แล้วก็เข้ามาจู่โจมเพื่อชิงแหวน

ด้านน็อคติสตระหนักได้ว่าในสถานการณ์เช่นนี้ “หน้าที่” ที่เทพมอบหมายมาให้กำจัดอาร์ดีนนั้น ไม่มีความหมายใด ๆ อีกต่อไปแล้ว แต่ถ้าอาร์ดีนปรารถนาให้มี “การต่อสู้ของราชันย์” มาโดยตลอด เขาก็จะจัดให้

อาร์ดีนกับน็อคติสเข้าต่อสู้กัน (เพื่ออออออ!? อีกสัก 5 นาทีดาวนาเม็กจะระเบิดแล้วนะเฟ้ย!!) ระหว่างฟาดกันไปก็คุยกันไป อาร์ดีนบอกว่าเขาจะรับพลังของบูรพกษัตริย์ไว้เอง แล้วเดินทางไปยังโลกหน้า ไปต่อสู้กับอีกร่างของบาฮามุทที่อยู่ในนั้น

ที่จริงแล้วอาร์ดีนเอง ก็มีวิญญาณบางส่วนอยู่ในโลกหน้าแล้วเหมือนกัน (ที่ผ่านมาอาร์ดีนถึงได้เป็นอมตะ) แต่วิญญาณบางส่วนนั้นมันไม่มีพลังที่จะไปต่อกรกับบาฮามุทได้

แล้วอาร์ดีนก็ยั่วว่าพลังของราชาที่แท้จริงมีแค่นี้เองเหรอ? นี่เขาถูกลิขิตให้ต้องมาแพ้ราชาที่กระจอกแบบนี้เลยเหรอเนี่ย?

น็อคติสก็ไม่ได้สนใจ แต่หัวคิดไปถึงนิมิตหนึ่งที่ตัวเองเห็นตอนอยู่ในคริสตัล เป็นภาพในอดีตตอนที่อาร์ดีนเผชิญหน้ากับบาฮามุทใน Episode Ardyn... ตอนนั้นอาร์ดีนได้ต่อต้าน ไม่ยอมจำนนต่อชะตากรรมที่บาฮามุทมอบให้

แล้วน็อคติสก็ถามอาร์ดีนว่าหากกำจัดบาฮามุทได้สำเร็จ... ก็ถือว่าช่วยอาร์ดีนไว้ได้เหมือนกันใช่มั้ย?

แต่อาร์ดีนบอกว่า เขาไม่สนหรอกว่าตัวเองจะถูกช่วยไว้ได้หรือไม่ได้

จังหวะนั้นเอง น็อคติสก็อัญเชิญดาบของเรจิสออกมา แล้วแทงจ้วงเข้าไปในตัวของอาร์ดีน แต่ก็แทงไม่ลึกพอที่จะฆ่าเขาได้

อาร์ดีนถามว่า ทำไมไม่รีบทำหน้าที่ให้สำเร็จ... น็อคติสก็ตอบว่าเขาออกมาจากคริสตัล มาฆ่าอาร์ดีนเพราะคิดว่าจะช่วยขจัดความมืดมิดที่ปกคลุมโลกออกไปได้ แต่ตอนนี้บาฮามุทตั้งใจจะฆ่าทุก ๆ คน ดังนั้นไม่มีประโยชน์อะไรที่จะฆ่าอาร์ดีนแล้ว

น็อคติสดึงดาบที่แทงอาร์ดีนอยู่ออกมา และถามอาร์ดีนว่าหากอาร์ดีนกำจัดบาฮามุทในโลกหน้าได้สำเร็จ มนุษยชาติจะรอดตายใช่มั้ย? อาร์ดีนบอกว่าคงจะใช่ แต่เขาไม่ได้ทำเพราะอยากจะช่วยใครหรอกนะ

น็อคติสบอกว่าเขาได้ตัดสินใจแล้วว่าจะไม่ยอมสูญเสียใครไปอีกเพื่อกอบกู้โลก เขาไม่อาจให้อภัยอาร์ดีนที่ฆ่าลูน่าได้ เกลียดเข้าไส้

แต่อาร์ดีนก็เป็นส่วนหนึ่งของโลก ที่เขาสาบานว่าจะปกป้องไว้ให้สำเร็จ

อีกทั้งปฐมกษัตริย์ซอมนัส ก็ยังได้ขอให้เขาช่วยอาร์ดีนด้วย...

“ฉันไม่อยากสูญเสียใครไปอีก แต่หากว่ามันจะช่วยนายได้...”

เจอประโยคนี้เข้าไป อาร์ดีนก็ได้แต่อึ้ง... และเป็นครั้งแรกที่อาร์ดีนยอมรับว่า น็อคติสได้เติบโตขึ้น จนเหมาะสมที่จะเป็นราชาที่แท้จริงแล้ว ทว่าความรู้สึกนั้นก็ทำให้อาร์ดีนขุ่นเคืองอยู่ไม่น้อย

ว่าแล้วน็อคติสก็อัญเชิญเหล่าบูรพกษัตริย์ทั้งหมดออกมา และขอให้ทั้งหมดอนุญาตให้อาร์ดีนเป็นผู้ใช้แหวนลูซิไอแทนเขาต่อไป เพื่อที่จะกอบกู้โลกใบนี้ให้สำเร็จ


ซอมนัสปรากฏตัวขึ้นและตอบตกลงในทันที และบอกอาร์ดีนว่าอย่างน้อยที่สุดก็ขอให้เขาได้เอ่ยคำขอโทษด้วย

“ข้าไม่คาดหวังว่าจะได้รับการให้อภัย อย่างไรก็ตาม ข้าขอโทษ... และจะให้กล่าวคำขอโทษกี่ครั้งก็ได้ตามแต่ที่เจ้าต้องการ”

แล้วเหล่าบูรพกษัตริย์ก็เตือนอาร์ดีนว่าหากอาร์ดีนใช้แหวนด้วยร่างกายที่อุดมไปด้วยพิษเดม่อนแบบนี้ ต่อให้เป็นสายเลือดของตระกูลลูซิสไคลัมก็ตาม เขาจะต้องเจ็บปวดราวกับถูกเผาทั้งเป็น แล้วมลายกลายเป็นผุยผง จนไม่เหลือซาก

(ทว่าน็อคติสซึ่งไม่ได้ติดพิษเดม่อน ตอนจะรับพลัง Providence ก็ยังเจ็บปวดจนตายจากไป แบบเดียวกันไม่ใช่เหรอ? ดังนั้นการติดพิษไม่น่าจะเป็นเงื่อนไขให้เจ็บปวดยิ่งขึ้นได้นี่นา?)

ทว่าอาร์ดีนก็ตอบรับอย่างไม่ลังเล ด้วยความมั่นใจว่าไม่มีความเจ็บปวดใด ๆ ที่เป็นเรื่องใหม่สำหรับเขา

น็อคติสมอบแหวนให้อาร์ดีน แล้วก็เดินเข้าวังไปกับสหายทั้ง 3 ซึ่งตอนนี้ลิฟต์ภายในวังไม่สามารถใช้การได้แล้ว พวกเขาเลยต้องเดินขึ้นบันไดไปชั้นบนแทน เจ้าพรอมท์ก็บ่นไปตลอดทาง

พวกน็อคติสขึ้นมาจนถึงดาดฟ้าของราชวังลูซิส มองเห็นลูน่าในร่างปิศาจยังคงขับร้องเพลงและรวบรวมพลังงานความมืดอยู่ พวกเขาครุ่นคิดกันว่าจะหยุดเธอได้ยังไง ระหว่างนั้นเองกองทัพร่างแยกบาฮามุทตัวเล็ก ก็ปรากฏตัวขึ้นมาจู่โจมพวกเขาอีกครั้ง อิกนิสจึงตะโกนบอกให้น็อคติสไปซะ ปล่อยให้พวกเขารับมือกับฝูงบาฮามุทเอง

แล้วอิฟรีทก็ปรากฏตัวขึ้นมา บอกน็อคติสว่าเขาได้ทำพิธีกับลูน่าเรียบร้อยแล้ว ลูน่าได้ปลดปล่อยเขาจากโรคแห่งดวงดาว ทำให้เขาหลุดพ้นจากการครอบงำของอาร์ดีน ทำให้น็อคติสเข้าใจว่าลูน่าได้เตรียมการเพื่อช่วยเขาไว้อีกครั้ง

จากนั้นศิวะ ไตตัน รามู และลิเวียธาน ก็ปรากฏตัวขึ้นมาเคียงข้างฝั่งน็อคติสด้วยอีกเช่นกัน

แล้วเสียงของบาฮามุทก็กังวานขึ้น “พลังได้ถูกสั่งสมจนเต็มเปี่ยมแล้ว ดาบของข้าจะทำลายมนุษยชาติผู้โง่เขลาให้สิ้นซาก”

ว่าแล้วเทพทั้ง 5 ก็ร่วมมือกันกางบาร์เรียร์พลังงาน ปกคลุมไปทั่วดาวอีออส

บาฮามุทประกาศเตือนอีกครั้งว่า หากเทพทั้ง 5 เลือกที่จะอยู่เคียงข้างฝั่งมนุษย์ เขาก็จะทำลายเทพทั้งหมดให้สิ้นซากไปด้วยเช่นกัน

แล้วลูน่าในร่างปิศาที่ลอยขับร้องเพลงอยู่ ก็โดนบาฮามุทดูดพลังไปจนหมดเกลี้ยง ร่างของเธอตกลงมาจากฟ้า น็อคติสรับเธอไว้ และวาร์ปเธอไปหลบในที่ปลอดภัย

************************

ลูน่าที่หมดสติฝันถึงทุ่งดอกจีล (Sylleblossom) อีกครั้ง น็อคติสยืนอยู่ต่อหน้าเธอแล้ว บรรยากาศคลับคล้ายเหมือนเหตุการณ์ก่อนที่เธอจะเสียชีวิตลงเมื่อ 10 ปีที่แล้ว

น็อคติสในความฝันบอกว่าเขามาหาเธอตามสัญญาแล้วนะ เขามาไกลถึงจุดนี้ได้ก็เพราะความช่วยเหลือจากทุก ๆ คน

ด้านลูน่าบอกว่าที่ผ่านมาเธอใช้ชีวิตเพียงเพื่อทำหน้าที่ในฐานะของโหรให้สำเร็จมาโดยตลอด แต่หลังจากที่ได้รู้จักกับโซล ได้รู้ว่าความปรารถนาที่แท้จริงของตัวเองคืออะไร และนอกจากการสละชีวิตเพื่อหน้าที่หรือเพื่อประโยชน์ของคนอื่นแล้ว บัดนี้เธอได้เรียนรู้ที่จะมีชีวิตอยู่เพื่อตัวเธอเอง

แล้วร่างของลูน่าและน็อคติสในความฝัน ก็กลายเป็นร่างผู้ใหญ่... น็อคติสในวัย 30 ปีได้เรียกชื่อเธอด้วยน้ำเสียงที่แก่ขึ้นเป็นครั้งแรก

“นี่อาจจะเป็นการจากลากันจริง ๆ แล้ว ดังนั้น ขอให้ฉันได้พูดเถิดว่า”

“น็อคติสซามะ ฉัน... อยากจะอยู่เคียงข้างคุณ” ("私は、あなたと、生きたい" )

แล้วลูน่าก็เริ่มจมดิ่งลงไปในน้ำอีกครั้ง เธอและน็อคติสพยายามเอื้อมมืออกมาหากัน

“อยู่ด้วยกันกับฉันนะ!” ("オレと一緒に生きよう!")

ครั้งนี้ต่างไปจากเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ครั้งนี้เธอได้ยินเสียงของน็อคติสที่ร้องเรียกเธอออกมาอย่างชัดเจน

ก่อนที่ทุกอย่างจะมืดหายไป ลูน่ารู้สึกได้ว่าเขาคนนั้นเอื้อมมาสัมผัสมือของเธอได้สำเร็จ...

************************

ลูน่าตื่นขึ้นมาในอ้อมแขนของน็อคติสอีกครั้ง โดยมีพระสหายที่เปื่อยจากการต่อสู้กับฝูงบาฮามุทแล้วอยู่รายล้อม แล้วก็สลบต่อ

เมื่อน็อคติสมั่นใจแล้วว่าลูน่าปลอดภัย ก็ฝากเธอไว้ให้สามสหายดูแลต่อ แล้วเขาก็วาร์ปขึ้นไปสู้กับบาฮามุท

ขณะเดียวกัน อาร์ดีนได้กลับเข้าไปในห้องบัลลังก์ภายในวัง แล้วค่อย ๆ เดินขึ้นบันไดไปนั่งลงบนบัลลังก์ ที่ผ่านมาเขาคิดว่าที่นั่งนี้ไม่เหมาะกับเขามาตลอด เพราะเขาเลือกเส้นทางแห่งความมืดที่ชุ่มโชกเลือด ที่ผ่านมาเขารอให้น็อคติสกลับมาที่นี่มาโดยตลอด ทว่าตอนนี้น็อคติสกลับมาอนุญาตให้อาร์ดีนนั่ง ทำให้อาร์ดีนอึ้งว่าขนาดอยู่มา 2,000 ปีก็แล้ว แต่ยังมีเรื่องที่ทำให้เขาคาดไม่ถึงอยู่

แล้วอาร์ดีนนึกถึงประโยคที่น็อคติสบอกว่า

“พูดตามตรง ฉันไม่ให้อภัย ฉันเกลียดนาย ถึงแบบนั้น... ฉันก็อยากจะช่วยทุก ๆ คน และสำหรับฉัน ตอนนี้ นายก็เป็นส่วนหนึ่งของโลกที่ฉันต้องช่วยให้สำเร็จ”

อาร์ดีนรำพึงว่าใครเป็นคนเลี้ยงเจ้าชายผู้อาภัพนี่ขึ้นมานะ? แล้วเขาก็นึกถึงตอนที่เจอน็อคติสครั้งแรกที่กัลดินคีย์ จากวัยรุ่นคนหนึ่งในวันนั้น บัดนี้น็อคติสได้ก้าวแซงไปถึงจุดที่คนที่มีชีวิตอยู่มาร่วม 2,000 ปีก็ยังไปไม่ถึงซะแล้ว และนั่นทำให้อาร์ดีนตระหนักถึงความล้มเหลวของตนเอง

อาร์ดีนหยิบแหวนของลูซิไอขึ้นมาสวม บอกว่าเพื่อที่จะล้างแค้นให้สำเร็จ

“เหล่าบูรพกษัตริย์แห่งลูซิส... จงออกมา!”

อาร์ดีนยกดาบขึ้นตระหง่านเบื้องหน้า แล้ววิญญาณ 13 บูรพกษัตริย์ปรากฏขึ้น ชักอาวุธขึ้นมาหันไปทางอาร์ดีน แล้วก็พุ่งทะยานเข้ามากระหน่ำแทง เขารู้สึกเหมือนไฟที่แผดเผาเข้าสู่ร่าง และแม้จะมั่นใจว่าตนเองเคยเผชิญเรื่องเลวร้ายทั้งหมดมาแล้ว แต่นี่กลับเป็นความเจ็บปวดที่แตกต่างจากความเจ็บปวดทั้งหมดที่ผ่านมา กระทั่งความเจ็บปวดตอนที่เอร่าตัวปลอมของบาฮามุทเอาตรีศูลแทงเขา ก็ยังไม่เทียบไม่ได้กับความเจ็บปวดตอนนี้

แต่ละดาบที่เสียบเข้าไป ทำให้สติของอาร์ดีนเลือนลางลงเรื่อย ๆ ไอ้ที่พวกซอมนัสเตือนไว้ก่อนว่าทำแบบนี้แล้วอาจกลายเป็นผุยผงมันไม่ใช่เรื่องล้อเล่นจริงด้วย... ทว่าอาร์ดีนก็ยังอดทนมาได้จนถึงดาบสุดท้าย

อาร์ดีนลืมตาขึ้น มองไปด้านหน้า ซอมนัสในชุดเกราะ The Mystic อยู่ต่อหน้าเขา และพุ่งทะยานเข้ามา

“ซอม... นัส... สไตรค์”

วินาทีที่ดาบของซอมนัสทะลวงร่างของเขา อาร์ดีนได้ยินเสียงอันแผ่วเบาของซอมนัสร้องเรียก “ท่านพี่..”

************************

สลับกลับมาทางน็อคติส เขาได้เห็นบาฮามุทยิงเทร่าแฟลร์เต็มกำลังออกมาแล้ว... และ 5 เทพที่เหลืออยู่ก็ช่วยกันรับการโจมตีไว้ได้สำเร็จอีกครั้ง

(แหม่ อยากเห็นเป็นภาพจัง เป็นฉากที่น่าจะหาทางกำกับได้อลังการ)

น็อคติสคิดว่าบาฮามุทนั้นดูดพลังงานความมืดทั้งหมด มาเสริมกับพลังของตัวเอง ดังนั้นความมืดที่ปกคลุมโลกก็น่าจะสลายไปแล้ว? แล้วไหงท้องฟ้ายังดำสนิทฟะ... เป็นเพราะจริง ๆ แล้วบาฮามุทดูดความมืดไปไม่หมดและยิงเทร่าแฟลร์ที่ไม่สมบูรณ์ออกมา? หรือเพราะความมืดมันเยอะเกินกว่าจะดูดให้หมดได้นะ? คิดไปก็ไม่เข้าใจ

แล้วบาฮามุทก็พิโรธใส่น็อคติส ที่เป็นเพียงมนุษย์ผู้อ่อนแอธรรมดา แต่กลับคิดกำแหงต่อกรกับเทพสูงสุด

น็อคติสบอกว่าเขาไม่ได้ต่อสู้ด้วยพลังของตัวเองเพียงคนเดียว ต่อให้บาฮามุทเป็นคนสร้างแหวนแห่งลูซิไอขึ้นมา แต่พลังของแหวนก็สั่งสมมาจากทายาทของตระกูลลูซิสที่ได้ส่งมอบมันสืบต่อกันมาหลายร้อยรุ่น

แล้วน็อคติสก็ปลดปล่อยพลัง God Mode วาร์ปขึ้นไปต่อสู้กับบาฮามุทกลางฟากฟ้าแบบเดียวกับที่เขาเคยขึ้นไปดวลกับลิเวียธานที่อัลทิสเซีย ทว่าเขากลับโดนบาฮามุทเหวี่ยงกระเด็นออกไปไกล ด้วยพลังที่ห่างชั้นกว่ากันมาก

ทว่าตัวเขาที่กระเด็นออกมานั้น ก็ถูกรับไว้ในอุ้งมือของอิฟรีท

แล้วเทพทั้ง 5 ก็ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง และเน้นย้ำว่าจุดยืนของพวกเขาคือการปกป้องดาวอีออส

แม้เทพทั้ง 5 จะอ่อนเปลี้ยเพลียแรงจากการร่วมมือกันป้องกันเทร่าแฟลร์ แต่ก็สมควรแก่เวลาแล้วที่จะร่วมมือกัน บุกเข้าไปรุมบาฮามุท น็อคติสประสานการโจมตีจากเพลิงโลกันต์ของอิฟรีทและน้ำแข็งของศิวะ จนทำให้หน้ากากของบาฮามุทแตกออกมาได้

ตอนนั้นเองที่น็อคติสเห็นว่า บาฮามุทนั้นมีใบหน้าแท้จริงที่เหมือนกับเขาและซอมนัส

แล้วน็อคติสก็สงสัยขึ้นมาอีกว่า บาฮามุทตั้งใจลิขิตให้ซอมนัสซึ่งมีหน้าตาเหมือนกับตัวเองขึ้นมาเป็นปฐมกษัตริย์ตั้งแต่แรก? หรือว่าเลือกอาร์ดีนก่อน แล้วพอซอมนัสโตขึ้นมามีหน้าตาไปเหมือนกับบาฮามุท จึงค่อยเปลี่ยนมาเลือกซอมนัสนะ? แต่ก็ไม่มีคำตอบ...

(สังเกตว่าใน Episode Noctis เจ้าตัวมีตั้งข้อสงสัย ที่ไม่มีการเฉลยคำตอบไว้เยอะมาก)

************************

ขณะเดียวกันอาร์ดีนที่อยู่ในโลกหน้า ได้ไปยืนหยัดเผชิญหน้ากับบาฮามุท เขาชูกำปั้นออกไปยังเบื้องหน้าแล้วเรียกให้วิญญาณของเหล่าบูรพกษัตริย์ทั้ง 13 พระองค์ออกมา โดยคราวนี้ซอมนัสก็ไปยืนอยู่ข้างอาร์ดีนอย่างไม่ลังเล

แล้วอาร์ดีนกับ 13 กษัตริย์ก็ปลดปล่อยพลังทั้งหมด โถมอาวุธเข้าใส่บาฮามุท ทั้งดาบหอกศรกระสุน พุ่งเข้าฉีกเกราะของบาฮามุทจนแตกเป็นเสี่ยง ๆ แล้วทะลุร่างกายของมัน

ในวาระสุดท้ายของบาฮามุท มันได้ด่าอาร์ดีนว่าโง่เขลา การสังหารเทพสูงสุดจะทำให้คริสตัลและเทพทั้ง 6 สลายไป

(แต่ Ultimania บอกว่าดวงดาวสร้างคริสตัลขึ้นมา... บาฮามุทไม่ใช่ผู้สร้างคริสตัลสักหน่อย… แล้วจะเชื่อมโยงให้คริสตัลหายไปได้ไง?)

อาร์ดีนบอกว่าเขารู้ดี แต่นั่นก็คือหน้าที่ของเขา และในวาระสุดท้ายของอาร์ดีน ก่อนที่เขาจะสลายไป เขาก็ได้เห็นเอร่าต่อหน้าอีกครั้ง โดยไม่รู้ว่านั่นเป็นภาพมายาที่คิดไปเองหรือเป็นวิญญาณของเอร่าจริง ๆ ที่อยู่ในภพนี้ เอร่าบอกว่าต่อให้ทั้งโลกจะลืมอาร์ดีนไป แต่เธอจะไม่มีวันลืม แล้วอาร์ดีนก็ขอให้เอร่าอยู่กับเขาตลอดไป ซึ่งก่อนที่อาร์ดีนจะสูญสลายไปตลอดกาล เขาก็ได้ยินคำตอบของเธอ

************************

กลับมาที่โลกมนุษย์ ความมืดที่ปกคลุมท้องฟ้าอยู่เริ่มจะปริแตกออกมา บาฮามุทที่รู้ว่าร่างวิญญาณของตัวเองที่อยู่ในโลกหน้าได้สลายไปแล้ว ก็คร่ำครวญถึงความโง่เขลาของมวลมนุษย์ และบอกว่าพวกมนุษย์ได้ทำในสิ่งที่จะย้อนกลับมาเป็นอันตรายต่อตัวเอง พวกมันจะสูญเสียผู้ชี้นำ และการคุ้มครองจากทวยเทพ

น็อคติสตอบว่าถึงมนุษย์จะงี่เง่าและทำผิดพลาดซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่เราก็ไม่ต้องการผู้นำที่เอาแต่ใจแบบนี้!

แล้วน็อคติสก็ฟาดดาบปลิดชีวิตบาฮามุท เทพสูงสุดลงได้สำเร็จ

เมื่อไม่มีพลังจากบาฮามุทแล้ว วังลูซิสที่ถูกบาฮามุทใช้พลังยกลอยขึ้นมาเสมือนเป็นเกาะลอยฟ้า โดยที่ทุกคนอยู่บนเกาะนั้น ก็ร่วงตกลงมา ทว่าไตตันได้ใช้มือคว้ารับเอาไว้ได้ทัน ส่วนคริสตัลที่อยู่ภายในวังก็ดูดกลืนความมืดและพิษเดม่อนที่เหลืออยู่บนโลกเข้าไป และก็แตกกระจายออกจากกัน

พอคริสตัลแตกกระจายแล้ว วังลูซิสก็พลอยจะถล่มไปด้วย ไตตันก็ให้ทุกคนโดดขึ้นมืออีกข้างนึงของเขา แล้วก็วางทุกคน ส่งลงสู่ผืนแผ่นดินด้านล่างโดยปลอดภัย

ลูน่าที่สลบอยู่ก็ยังไม่ได้สติ จนน็อคติสเริ่มเป็นห่วงว่าเธอจะฟื้นขึ้นมาอีกรึเปล่า? ในเมื่อบาฮามุทเป็นคนคืนชีพลูน่าขึ้นมา หากไม่มีบาฮามุทแล้วลูน่าก็จะไม่ตื่นขึ้นมาอีกใช่มั้ย? แต่แล้วศิวะ ในร่างเจนเทียน่าก็เข้ามาหาน็อคติส บอกว่าถึงเวลาที่ต้องจากลากันแล้ว ต่อจากนี้ไปจะเป็นโลกของเหล่ามนุษย์ โลกที่ไม่มีเทพและคริสตัลอีกต่อไป แล้วเจนเทียน่าก็ได้ให้ของขวัญก่อนลาจาก ไม่ใช่ในฐานะเทพผู้พิทักษ์ดวงดาว แต่เป็นของขวัญจากลาในฐานะเพื่อน เธอไล้บริเวณดวงตาของหญิงสาว แล้วลูน่าก็ฟื้นคืนสติขึ้นมา

เจนเทียน่าอวยพรให้ทั้งคู่มีใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ทำให้ทั้งสองนึกถึงสมัยเด็กในเทเนแบร เจนเทียน่าเคยบอกกับน็อคติสว่า ราชาและคันนากิ (โหร) จะต้องอยู่เคียงคู่กัน พูดด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน แล้วเจนเทียน่าก็หายตัวไป ลูน่าเอ่ยคำอำลาเจนเทียน่าทั้งน้ำตา ส่วนน็อคติสก็จับมือของลูน่าไว้ แล้วกล่าวสาบานในใจว่า จะไม่มีวันปล่อยให้เธอหลุดมือไปไหนอีกแล้ว

แสงสีขาวเส้นบาง ๆ เริ่มปรากฏขึ้นที่ปลายขอบฟ้า ลูน่าก็แบบ นั่นมัน..? แล้วกลาดิโอก็ชิงพูดขึ้นมาว่า แสงแห่งรุ่งอรุณไงล่ะ (夜明け) น็อคติสแทรกขึ้นว่า “แย่งพูดก่อนทำไมวะ!!” แล้วอิกนิสก็ขำ น็อคติส กลาดิโอ พรอมท์ ลูน่าก็เลยหัวเราะด้วย เป็นยามเช้าที่ห่างหายไปนานหลายปี ซึ่งฉาบไว้ด้วยเสียงหัวเราะของความยินดีจากทุกคน

************************

[บทส่งท้าย]

เป็นคำบรรยายจากมุมมองของวิญญาณกษัตริย์เรจิสผู้ล่วงลับ บอกเล่าว่าทุกดินแดนค่อย ๆ ฟื้นกลับมาเป็นอย่างไร แล้วก็มีการจัดพระราชพิธีราชาภิเษกสมรสระหว่างน็อคติสและลูน่าขึ้นที่โบสถ์อัลเทเมเรีย ในเมืองอัลทิสเซีย โดยที่นายกฯ คาเมเลีย เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงใหญ่ ลูน่าใส่ชุดแต่งงานแบบเดียวกับของที่ออกแบบไว้เมื่อ 10 ปีก่อน โดยตอนที่ชาวเมืองอัลทิสเซียอพยพหนีไปยังเมืองเลสทัลลัม (หลังเหตุการณ์นิฟไฮม์ปะทะลิเวียธาน และความมืดเข้าปกคลุมโลก) ช่างฝีมือได้หอบแบบของชุดไปด้วย ปัจจุบันก็ได้ตัดเย็บชุดกันขึ้นมาใหม่ ส่วนเค้กแต่งงาน ก็ใช้สูตรของแม่ครัวเสื้อแดงค็อคทูราที่กัลดินคีย์ทำให้

เรจิสกล่าวคำขอบคุณคอร์ ซิด ซิดนี กลาดิโอ อิกนิส และพรอมท์ ที่ทุกคนร่วมกันนำพาน็อคติสและมนุษยชาติมาถึงวันนี้ได้

และแสดงความยินดีกับพระราชพิธีราชาภิเษกสมรสระหว่างน็อคติสและลูน่า ขอให้ราชาและราชินีแห่งลูซิสมีความสุขร่วมกันตลอดไป ขอจงทรงพระเจริญ....

Final Fantasy XV - Alternate Reality
- จบบริบูรณ์ -