Tuesday, December 29, 2020

Inverse วิเคราะห์ว่า FFVII Remake ฉกพล็อตนิมิตการตายมาจาก Your Name


อันนี้บทความเขาวิเคราะห์ว่าโนะไปจกกาวมาจากชินไค 🤣

กาวที่ว่าคือ

- น้ำตาที่ร้องออกมาโดยที่เจ้าตัวก็ไม่เข้าใจ (ฉากคลาวด์ร้องไห้ที่เห็นแอริธเดินหันหลังจากไปในแสงสีเขียว เหมือนกับความฝันที่แอริธเดินเข้าป่านิทราใน timeline original)

- การที่ตัวละคร flash-forward ถึงการจากลา ซึ่งมันอาจจะเป็นใน loop อื่นหรือ timeline อื่น

- นำไปสู่การตัดสินใจของตัวเองว่า ฉันจะเปลี่ยนแปลง Destiny ให้ได้ (desperate attempt to alter the course of Destiny)

จริง ๆ ธีมการเปลี่ยนแปลงชะตากรรม, มุกควรจะลืมแต่ไม่ลืม แต่จะนึกก็นึกไม่ออก (ไนน์นึกถึงคุราซาเมะที่ตายไปแล้วไม่ออก แต่กลับรู้สึกถึงช่องว่างในหัวใจที่หายไป, พวกทีม KH ควรลืมเรื่องนามิเนะซิออนไปแล้ว แต่หัวใจยังจำได้อยู่), ความเสียใจที่อธิบายไม่ได้... ก็เป็นมุกที่ค่อนข้างแพร่หลายจน common ในพล็อตเรื่องทางฝั่งญี่ปุ่นมานานแล้ว แต่การแซว ๆ ว่าโนะจกกาวมาจากชินไค ฟังเอาขำ ๆ ก็ฮาดีเหมือนกันครับ

https://www.inverse.com/gaming/final-fantasy-7-remake-cloud-vision-aerith-death-your-name

สรุปผลการแข่งขัน Lodi X รอบแรก 2 คู่สุดท้าย


Aster 0-3 SY51
Melt Mallow 0-3 Siam Dream

Siam Dream นี่ เห็นทีท่าก่อนการแสดง ดูทุกคนสดใสร่าเริงมาก... อารมณ์เหมือนลืมความกดดันทิ้งไว้ที่บ้าน แล้วกะจะขึ้นเวทีแบบไปสนุกกันให้เต็มที่ เหมือนอารมณ์ตอนจะขึ้นเวทีปกติล่ะมั้ง ซึ่งเป็น Mind set ที่ดีแล้ว ทำให้ถ่ายทอด energy ออกมาได้ดีมาก ส่งพลังออกมาได้อย่างหนักหน่วง สมเป็น Siam Dream จริง ๆ

เห็นไอซ์บอกว่าช่วงก่อนจะแข่งนั้น วงอยู่ในช่วงผลัดเปลี่ยนเจนฯ ใหม่ มีการเตรียมออกซิงเกิลใหม่ (Long Distance) แล้วอยากมาแข่งรายการนี้มาก จึงจำเป็นต้องหาสมาชิกใหม่อย่างเร่งด่วนมาเติมจาก 3 เป็น 6 คน (ทดแทนฮารูปี แมรี ฮิคาริน) แล้วก็ได้ซ้อมกันแค่ 9 วันก่อนจะมาแข่ง

ระหว่างร้องมันจะมีช่วงฟรี ที่ปกติไอซ์จะพูดว่า "เป็นยังไงบ้างคะะ ทุก ๆ คน สนุกกันมั้ยคร้าาา" แล้วตลอดทั้งเพลงก็จะมีเสียงแฟน ๆ ส่งพลังเข้ามามีส่วนร่วมด้วยมากกว่านี้ แต่พอเป็นรายการแข่งขัน จะใช้บัฟแบบนั้นไม่ได้... พอไม่มีเสียงไอซ์พูดทักทายแฟน ๆ แบบนั้นแล้วก็ดูแปลกตาไปอยู่

แต่สุดท้าย ก็ผ่านเข้ารอบ และไอซ์ได้ MVP ทั้งน้ำตาแล้วล่ะนะ



เหลือ 10 ทีมผ่านเข้ารอบ 2 ได้แก่

Daisy Daisy
Fever
I-mi
Pretzelle
S16 New Gen

Secret 12
Siam Dream
SY51
Tossagirls
Violet Wink

รอบต่อไป จะให้ทั้ง 10 วงมาแสดง แล้วใช้กรรมการอีกชุดตัดสินแบบให้คะแนนกันจริงจัง คัดเอา 3 วงที่ได้คะแนนสูงสุดไปรอบชิงชนะเลิศ

ส่วนตัวก็เอาใจช่วย แฮม สแปม ไอซ์ ต่อไป

แต่ก็เดา ๆ ว่าดูจากรอบแรกแล้ว Tossagirls ดูโหดมาก, Daisy Daisy กับ S16 ก็มีแนวโน้มที่ดีที่จะสู้ต่อได้

Sunday, December 27, 2020

โมแคปฯ ทิฟา คลาวด์ แอริธ เซฟิรอธ โพสต์เรื่องงานและการพักผ่อนในวันคริสต์มาส


ตอนคืนวันคริสต์มาส คุณฮารุกะ โมชั่นแคปเจอร์ของทิฟา โพสต์ภาพคู่กับคุณยามาซากิ โมแคปฯ ของคลาวด์

เธอบอกว่า "Merry X'mas พึ่งเสร็จจากงานโมแคปฯ ปีนี้วิ่งงานกับคุณยามาซากิมาทั้งปีเลย ยังเหลืองานบางส่วนที่ต้องทำให้เสร็จในปีนี้ แต่ตอนนี้พักก่อน ♪"

https://twitter.com/Shibai_Haruka/status/1342461504788996097

-----------------------

ส่วนคุณอาสึกะ โมแคปฯ ของแอริธ โพสต์ตอนเช้ามืดของวันคริสต์มาสว่า เมื่อวานพึ่งถ่ายงาน 4 ชั่วโมงกับโมแคปฯ ของเซฟิรอธ สตาฟฟ์ชมเรากันใหญ่! วันนี้ก็ต้องทำงานอีกเหมือนกัน

https://twitter.com/asukayoshi.../status/1342254416393428992

ซึ่งก็อย่างที่รู้กันว่าในการตั้งกอง ถ่ายงานกันปกติ มันใช้เวลาตั้งกอง/บรีฟ/ซ้อม/ซ่อม/แก้/เก็บ กันนานอยู่แล้ว ไอ้ถ่าย 4 ชั่วโมงนี่ก็คงเป็นแค่ซีนสั้น ๆ เพียงแต่อาจจะเป็นซีนอารมณ์ที่ยาก จนทีมงานถึงต้องเอ่ยปากชมกัน

------------------------------------------------

เห็นคุณ Zakksu ร่วมทฤษเฎาไว้ว่า อยากให้ฉากที่พึ่งโมแคปฯ 4 ชั่วโมง ระหว่างแอริธกับเซฟิรอธนั้น เป็นการโมแคปฯ เพื่อนำไปทำ CGI ฉากการเสียชีวิตของแอริธ อย่างที่เราเห็นและรับรู้ ถกเถียงกันมาอย่างแพร่หลายตั้งแต่ 1997 ขึ้นมาใหม่นั่นแหละ

แต่แล้วก็ต่อเนื่องด้วยฉากที่คลาวด์ ได้สติขึ้นจากนิมิตแห่งอนาคตของ timeline อื่น (flashback/flashforward) เหมือนกับที่ Part 1 แกได้มองเห็นอนาคตของ timeline OG หลายต่อหลายครั้งไว้

https://twitter.com/Zakksu/status/1343073825785843712

ผมฟังแล้วก็คิดว่า เป็นไปได้... ต่อให้ไอ้ที่โมแคปฯ 4 ชั่วโมงไปจะไม่ได้เกี่ยวกับฉากนั้นก็ตาม, แต่ไอเดียที่ว่าคลาวด์จะเห็นนิมิตตอนแอริธเสียชีวิตอย่างละเอียด เหมือนกับที่น็อคติสและคนเล่น ก็เห็นนิมิตการเสียชีวิตของลูน่า ก็เป็นไอเดียที่น่าสนใจ (ตั้งแต่ใน Trailer Omen ที่โฆษณาก่อน FFXV วางจำหน่าย ซึ่ง Official ให้ข้อมูลตอนเผยแพร่ว่าเป็น Alternate Reality ที่เรจิส นิมิตเห็น - แล้วคุณทาบาตะ ก็มาพูดย้ำว่ามันเป็นเนื้อเรื่อง "If" จึงไม่ได้ผูกมัดว่าเนื้อเรื่องจริงจะเป็นแบบนั้น )

ถ้าโนะเล่นมุกคลาวด์เห็นนิมิตอันเลวร้ายนี่ จริง ๆ ตัดช่วงเซฟิรอธตอนโรยตัวลงมา เอามาใส่ในเทรลเลอร์สักตัวในอนาคต ไว้หลอกคนเล่น ก็เป็นแก็กปั่นที่ใช้ได้เหมือนกัน

ทาบาตะและคิตาเสะ เผยปณิธานอันแรงกล้าสำหรับปี 2021


เว็บไซตืแฟมิซือ ลงสกู๊ปปณิธานสำหรับปี 2021 ของนักพัฒนาเกม 110 คน

ในจำนวนนั้นมีคุณฮาจิเมะ ทาบาตะ ที่ห่างหายจากพื้นที่สื่อไปนาน และคุณโยชิโนริ คิตาเสะด้วย

----------------------------------------------------------
ฮาจิเมะ ทาบาตะ
----------------------------------------------------------

คีย์เวิร์ดสำหรับปี 2020
- Reboot

ปณิธานสำหรับปี 2021
- อะไรที่ทำไม่สำเร็จในปี 2020 จะต้องทำในปี 2021
- อะไรที่วางแผนว่าจะทำในปี 2022 ก็จะต้องทำในปี 2021 ให้สำเร็จ

ความคืบหน้าล่าสุด
- สร้างเกมอย่างเป็นทางการให้กับการแข่งขันรายการ Paralympic Games ในชื่อ The Pegasus Dream Tour แต่ก็ยังไม่รู้ว่าในปี 2021 จะจัด Olympics กับ Paralympic ได้รึเปล่า (ทั้ง 2 รายการเลื่อนมาจากปี 2020)
- https://www.jpgamesinc.com/news/20200903.html

ความคาดหวังในปี 2021
- วัคซีนไวรัสโคโรนา
- Universal Studio Japan "Super Nintendo World"
- Unreal Engine 5


----------------------------------------------------------
โยชิโนริ คิตาเสะ
----------------------------------------------------------

คีย์เวิร์ดสำหรับปี 2020
- เรื่องราวที่่ยังดำเนินต่อไป

ปณิธานสำหรับปี 2021
- FFVII Remake ที่รอคอยมายาวนานได้วางจำหน่ายในปี 2020 แล้ว โลกใบใหม่ (新しい世界) ของ FFVII พึ่งจะเริ่มต้นขึ้น นี่ไม่ใช่เพียงปณิธานในปี 2020 เท่านั้น แต่ยังไปถึงอนาคตด้วย ทว่าเนื้อเรื่องมันจะขยายออกไปยังไงต่อ ผมก็ตื่นเต้นจนคาดเดาไม่ถูก

ความคืบหน้าล่าสุด
- แน่นวล! การพัฒนา FFVII เป็นไปอย่างราบรื่นดี แต่สำหรับรายละเอียดนั้น โปรดรอกันอีกสักพัก

ความคาดหวังในปี 2021
- ไม่รู้จะไปดูคอนเสิร์ต Little Glee Monster, Hige Dandism กับพวกเทศกาลดนตรีทั้งหลายแหล่ที่เลื่อนมาเพราะ COVID-19 ได้มั้ย?
- แต่ที่คอยตาตั้งที่สุดเลย ก็คือ Evangelion 3.0+1.0

https://www.famitsu.com/news/202012/26211799.html

Tuesday, December 22, 2020

สรุปการแข่งขันศึกประชันวงไอดอล Lodi X คู่ Pretzelle x Cheesy Pie


บะหมี่ : Cheesy Pie (CM Cafe) ป่ะ

อินซ์ : ไม่รู้ววว ไม่รู้ววว

แล้วรู้ตัวอีกที Pretzelle ก็เลือก Battle กับ Cheesy Pie ของมี่แล้ว

ลาก่อยยยยยยยยยยย Orz" ตรงกับที่ฉันกลัวไปครึ่งทางแล้วว

-----------------------

ทาง CM Cafe เลือกเพลง ขอโทษที่สวย มาแสดง โอเค ดีละ เพลงนี้น่าจะได้แสดงทักษะมากกว่าเพลงอื่นในค่ายที่เต้นเบา ไม่ค่อยมีลูกเล่น

ครูจันจิ รีวิวว่าบางคนในทีมดูขาดความมั่นใจ แสดงออกทางสีหน้าชัดเจน ทั้งที่เพลงมันจะสื่อถึงความมั่นหน้ามั่นใจ และบอกว่ามี่ดูอ่อนสุดในทีม ต้องซ้อมให้หนัก

กอล์ฟ บอกว่าอะตอมกับนาว ดูแสดงความมั่นใจออกมา เต้นด้วยความมั่นใจ แต่ที่เหลือยังไม่

ส่วนครูเงาะพูดคล้ายกัน แต่ชมนาโฮะด้วยอีกคนที่ถ่ายทอดความมั่นใจออกมา ที่เหลือจะรองกว่า

ซึ่งก็ตามนั้นแหละ อะตอมเบสิคดีกว่าคนอื่น ประสบการณ์นานกว่า, นาวเป็นกัปตัน ส่วนโฮะก็โดดเด่น ก็ตามนั้น

ผลโหวตก็เรียบร้อย 3-0 เป็นไปดั่งนิมิตที่หวาดเกรงมา 1 สัปดาห์

-----------------------

CM Cafe ก็ร่วงไปแล้ว

เทปการแข่ง - https://youtu.be/lfwwqtcZ00Q

วงที่เหลือหลังจากนี้ ก็ฝากด้วยนะ แฮม สแปม ไอซ์บุยย

เห็นที่ครูเงาะพูดแล้วก็ตะเตือนไต ที่ว่าในวง มีคนที่ทักษะด้อยกว่าเพื่อน ก็ต้องไปยกระดับมาให้เท่าเทียมกัน... แล้วก็อย่าโทษตัวเอง (แต่คนฟังก็ต้องเศร้าแหละนะว่า ทีมโดนตัดคะแนนเพราะกรูวววว) ให้เก็บเรื่องนี้เป็นแรงบันดาลใจการฝึกตัวเองต่อไป

เอาใจช่วยต่อไปนะ มี่ อะตอม นาว แอนนา เบบี้ นาโฮะ

Saturday, December 19, 2020

KHUχ เผชิญหน้ากับยามิ

 ขยายความ Kingdom Hearts Union χ ตอนล่าสุด

..................................................


- ในอดีต มาสเตอร์ฯ บอกไว้ว่าเคยคุยกับพวกยามิมาก่อน เราไม่สามารถเข้าใจพวกมันได้ เพราะตรรกะพวกมันต่างจากมนุษย์ปกติ ดังนั้นเอากระบวนการคิดของมนุษย์ไปเทียบเคียงไม่ได้  ลูซูก็ทักว่าเหมือนมาสเตอร์ฯ เลย ทำเอามาสเตอร์ฯ ลื่นเกือบตกเก้าอี้... แล้วบอกว่าเคารพมาสเตอร์ฯ เอ็งหน่อยย

- มาสเตอร์ฯ บอกอีกว่าพวกมันสามารถเข้าใจบทสนทนาของมนุษย์ได้ แถมยังคอยเฝ้าดูพวกเรามาโดยตลอด บางทีตอนนี้พวกมันอาจจะดูเราอยู่ก็ได้ ทำเอาลูซูรีบหันขวับมองหา แต่มาสเตอร์บอกว่าล้อลเ่นนน

- มาสเตอร์ฯ คิดว่าถ้าแดนดิไลออนเผชิญหน้ากับยามิ ก็คงมีปัญหาบ้าง มันไม่ใช่ศัตรูที่จะเจรจาหรือต่อสู้ได้ง่าย ๆ แถมจุดแข็งของพวกมันคือการทำสงครามประสาท ทว่ายามิเกลียดพวกที่มีหัวใจแห่งแสงบริสุทธิ์ ดังนั้น เขาเลยเลือกสมาชิกกลุ่มแดนดิไลออน จากเด็กที่มีหัวใจแบบนั้น และนั่นก็คือจุดอ่อนของยามิ

- มาสเตอร์ฯ เสริมว่ายามิไม่เข้าใจเรื่องหัวใจและอารมณ์ของมนุษย์ ดังนั้นต่อให้พวกมันรู้ว่าเราจะทำอะไร มันก็ไม่รู้ว่าทำไปเพื่ออะไร


- กลับมาปัจจุบัน ยามิบอกเอเฟเมร่าว่าพวกมันไม่ได้มีเป้าหมายอะไร... มันไม่ได้มีวิธีคิดเหมือนมนุษย์ ที่จะทำอะไรแล้วต้องตั้งเป้าหมายไว้ก่อน ปกติพวกมันเป็นสิ่งมีชีวิตที่มองไม่เห็น แต่พวกมันสามารถทำให้เรามองเห็นได้ และการที่มันเปล่งเสียง หรือปล่อยควันออกมา เพื่อให้รู้ว่าพวกมันอยู่ตรงไหน มันบอกว่าเป็นบริการพิเศษ

- ลอวเรียมถามว่า แก (สิงเวน) ฆ่าน้องสาวฉันทำไม? ยามิบอกว่าเพราะนั่นคือสิ่งที่เวนตุสต้องการ (ยามิพูดกำกวมเพื่อหลอกให้ทุกคนคิดว่าเวนตุสอยากฆ่าสเตรลิตเซียเอง - ตัวอย่างสงครามประสาทที่มาสเตอร์ฯ บอกไว้)

- สคูลด์บอกว่าไม่จริง! เวนไม่รู้จักสเตรลิตเซียมาก่อนด้วยซ้ำ เขาจะไปต้องการแบบนั้นได้ยังไง!! ...ยามิเลยบอกว่าแต่เวนต้องการพลังของแกนนำกลุ่ม พวกเขาก็เลยจัดให้ (ด้วยการสิงเวนไปฆ่าสเตรลิตเซีย แล้วสร้างความทรงจำปลอม สวมรอยเป็นแกนนำแทน)

- เอเฟเมร่าบอกว่า ถึงต่อให้เวนต้องการพลังจริง ๆ ...แต่ก็ไม่ใช่พลังที่มาจากการแย่งชิงตำแหน่งแกนนำแบบนี้ (เอเฟเมร่าสื่อว่า ยามิก็กำลังพูดความจริงครึ่งนึง แต่งเติมครึ่งนึง เพื่อปั่นให้ดูทุกคนดูเวนตุสแย่ - ตัวอย่างสงครามประสาทอันที่ 2)


- ยามิแว้บไปโผล่ด้านหลังลอวเรียมและเอเฟเมร่า ซึ่งเป็นด้านหน้าของสคูลด์... ลอวเรียมกับเอเฟเมร่ารีบหันขวับไปเอาคีย์เบลดฟาดทันที ยามิหายตัวไป ส่วนสคูลด์ยกคีย์เบลดขึ้นมากันไว้ได้ (ตัวอย่างสงครามประสาท 3)


- ลอวเรียมกระโดดตามไปฟาดใส่ยามิ แต่กลับโดนเคาเตอร์กลับ โป้งเดียวสลบ (อย่าลืมว่าลอวเรียมเอง ก็กรอบจากการสู้กับมาเลฟิเซนต์มา สภาพ hp ตอนนี้ไม่น่าเกิน 30%)

- เบรนถามว่าทำไมยามิถึงเลือกสิงเวน? ยามิบอกว่าเพราะในตำราพยากรณ์เขียนว่าเวนเป็นเด็กที่ถูกลิขิตให้เป็นภาชนะของความมืด ที่รู้ก็เพราะเขาข้อความในตำรา ตั้งแต่ตอนที่มาสเตอร์ฯ เขียนตำราพยากรณ์ขึ้นมา เรากับมาสเตอร์ฯ เป็นเพื่อนเก่าเพื่อนแก่กัน


- เอเฟเมร่าตกใจ รีบถามว่าพวกยามิกับมาสเตอร์ฯ ร่วมมือกันเหรอ? ยามิตอบว่าเราไม่มีความจำเป็นต้องร่วมมือกับมนุษย์

- เบรนถามว่าพวกยามิซ่อนตัวมาตลอด ทำไมถึงพึ่งปรากฏตัวตอนนี้? ยามิบอกว่าไม่ใช่พวกเขาซ่อนตัว แต่พวกแกแค่ไม่รู้ถึงการมีอยู่ของพวกเรา จนพึ่งจะมาพบเองต่างหาก

เบรน : คำถามสุดท้าย ไอ้ที่เรียกแทนตัวเองว่า "พวกเรา" หมายความว่ายังไง?

ยามิ : ความมืดนั้นมีมากกว่าแสงสว่างไง

เบรน : เข้าใจละ งั้นขออีกอย่าง ตอนนี้ในห้อง มีนายอยู่แค่ตนเดียวใช่มั้ย

ยามิ : อืม

เบรน : โอเค เข้าใจละ

/เบรนชัก Master Keeper ออกมา


/ยามิลอยขึ้นฟ้า เตรียมเข้าโหมดต่อสู้

เบรน : เอเฟเมร่า สคูลด์ นี่คือศัตรูที่แข็งแกร่งที่สุด เอาจริงกันได้เลย!!

/เบรนกระโดดขึ้นง้างคีย์เบลด เตรียมจะฟาดใส่ยามิ


ย้อนกลับไปอดีต ลูซูกังวลว่าพวกแดนดิไลออน จะรับมือยามิไหวมั้ย? มาสเตอร์ฯ บอกว่าหน้าที่ของลูซูคือการเฝ้าสังเกตการณ์เท่านั้น จะคอยเฝ้าดูแลพวกเขาบ้างก็ได้ แต่ห้ามเข้าไปแทรกแซงอะไรเด็ดขาด....

แปลว่าในการต่อสู้ระหว่างพวกเบรนกับยามินั้น ลูซูก็เฝ้าดูอยู่ เพียงแต่ลูซูจะเข้าไปขัดขวาง หรือสู้แทนไม่ได้

https://youtu.be/zh-hcNHsK1I

https://youtu.be/CrKwtP3QNnU

Wednesday, December 16, 2020

สื่อเกาหลีรายงาน FFXI เวอร์ชั่นมือถือ ถูกยกเลิกการพัฒนาแล้ว

 

เว็บไซต์ MTN สื่อเกาหลีรายงานว่าค่าย Nexon ที่ซุ่มพัฒนา Final Fantasy XI เวอร์ชั่นมือถือ ร่วมกับ Square Enix มา 5 ปีนับตั้งแต่ 2015 ได้ยกเลิกการพัฒนาแล้ว พร้อมหันไปทุ่มการพัฒนาให้กับโปรเจคท์ใหม่ที่ชื่อ '프로젝트NGR' และ '테일즈위버M' แทน... (อ่านไม่ออก)

MTN อ้างแหล่งข่าวว่าทาง Nexon ได้เปิดเผยเองเมื่อวันที่ 9 ธ.ค. ว่า FFXI ฉบับมือถือได้ถถูกยกเลิกการพัฒนา โดยผู้กำกับ 심기훈 (อ่านไม่ออกเหมือนเดิม) ก็โยกไปคุม '테일즈위버M' แทน

FFXI ฉบับมือถือนั้น เริ่มต้นวางแผนพัฒนาด้วย Unreal Engine 4 กันมาตั้งแต่ 2015 และเริ่มต้นการพัฒนาในช่วงต้นปี 2016 ว่าการพัฒนาไม่ราบรื่นสักเท่าไหร่ แล้วก็มีการเปลี่ยนแปลงแนวทางการพัฒนากันภายในเรื่อยมา ก่อนหน้านี้เคยวางแผนจะวางจำหน่ายในช่วงครึ่งปีหลังของ 2019 แต่ Nexon ก็เลื่อนเนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งผู้บังคับบัญชากันในช่วงไตรมาส 3 ของปี 2019 แล้วก็เริ่มมีการทบทวนโปรเจคท์กันใหม่ รองประธานบริษัท Nexon ที่ชื่อ 김대훤 (คิมแดฮวง?) ที่ขึ้นรับตำแหน่งในช่วงเวลาดังกล่าว ก็ได้แต่งตั้ง 심기훈 ขึ้นมาเป็น ผกก. คนใหม่ของโปรเจคท์ FFXI ฉบับมือถือ

หลัง 심기훈 ขึ้นเป็น ผกก. แทน ก็มีการปรับแนวทางของเกมใหม่ ให้เป็นการผสมผสานระหว่างแนว RPG และ TCG แล้วก็พัฒนากันต่อมาเกือบปี ก่อนจะตัดสินใจปิดฉากลง

ทางสื่อ MTN เชื่อว่าทั้งนี้ การระบาดของไวรัสโควิด 19 อันทำให้ Square Enix หันมาใช้การสื่อสารทางไกลเต็มรูปแบบในการทำงานแทน ก็อาจส่งผลทำให้ Nexon กับ Square Enix ทำงานร่วมกันยากขึ้น จนเป็นเหตุผลหนึ่งของการยกเลิกการพัฒนา และเชื่อว่ามันเป็นการยกเลิกด้วยดี ทาง Nexon กับ Square Enix ไม่ได้มีปัญหากันแต่อย่างไร

서정근 (ซอจึงกิน?) นักข่าว MTN รายงาน

https://news.mtn.co.kr/newscenter/news_viewer.mtn?gidx=2020120913453521144

Updated 23 มี.ค. 2021 - Gamebiz ฝั่งญี่ปุ่นให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ยกเลิกการพัฒนาเพราะคุณภาพงานไม่ถึงระดับที่ควรคาดหวังจากซีรีส์

https://gamebiz.jp/?p=291748

Tuesday, December 15, 2020

สรุปการแข่งขันศึกประชันวงไอดอล Lodi X คู่ Daisy Daisy รอบแรก

 สรุปการแข่งขันศึกประชันวงไอดอล Lodi X สัปดาห์ที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้... (เทปวันนี้)

- กรรมการจับสลากวงที่จะได้แข่งขึ้นมาเป็น Daisy Daisy

- มีทีมหยอดเหรียญ ขอ here come a new challengers สู้ด้วย 2 ทีม ได้แก่ Pretzelle และ Sumomo

- ทาง Daisy Daisy ปรึกษากันว่าจะแบทเทิลกับใครดี... แฮมมีบอกว่า Pretzelle มีกัน 3 คน ในการแข่งขันแบบนี้ ยิ่งคนน้อย ความผิดพลาดจะน้อยกว่า (ยิ่งคนเยอะ โอกาสที่จะมีใครคนหนึ่งเต้นผิดจังหวะไปจากเพื่อน ก็ยิ่งมีเยอะกว่า) ดังนั้น จัดไป Sumomoooo (ซึ่งคิดถูกแล้วว Pretzelle อันตรายยย)

- Daisy Daisy ขึ้นโชว์ก่อน โดยวันนี้เล่น Medley เพลง Heal + Daisy Daisy

- ตอนแรก ๆ ผมก็เฉย ๆ กำลังนั่งทำ Lightroom ภาพงานแกรดฯ ของเทพมินซ่าสสส์ไปด้วย ดูไปด้วย เลยแบ่งสมาธิมาดูแค่ครึ่งเดียว

- จนกระทั่งเพลง Heal ก็หยุดลง แล้วเจ้าแฮม Hammy DAISY DAISY ร้องโซโล่เดี่ยว "cause my love is like Daisy Daisy รู้รึเปล่า... You're the part of me..."

- ภาพตัดไปที่ทุกคนบนเวที ต่างพากันขนลุก จับแขนของตัวเอง, คุณกอล์ฟ (กรรมการ) ก็ยิ้มปากกว้างง เก็บอาการไม่อยู่, ภาพตัดไปที่พิธีกรร้องว้าววว , ตัดกลับไปเหล่าเมมเบอร์วงอื่น ๆ บนเวที ทุกคนทั้งปรบมือ ร้องเชียร์ บางคนต้องกอดอกเขย่าตัวด้วยความสั่นเทิ้่มมม

- ส่วนผมปาเมาส์ แล้วผละจากหน้าจอ Lightroom หันมานั่งกุมมือ ดูการแสดงต่ออย่างยิ้มไม่หุบไปด้วย

- พอซัดเข้าท่อน Daisy Daisy คราวนี้เป็นเวอร์ชั่นผสมเนื้อร้อง ญี่ปุ่น+ไทย

- กอล์ฟฟินตัวแตกไปแล้ววว เก็บอาการไม่อยู่ จนกรรมการท่านอื่นแซว เรียกดึงสติกันใหญ่

- ถึงเวลาวิจารณ์ - กอล์ฟฟินตัวแตก ไม่สามารถติอะไรได้ ได้แต่ล่องลอยอยู่ในทุ่ง Daisy Daisy ไปเรียบร้อย, ส่วนกรรมการอีกสองท่าน บอกว่าแคแรคเตอร์ของแต่ละคน ยังไม่โดดเด่นชัดเจนออกมา มันซ้ำ ๆ กันไปหมด, และยังมีบางช่วงที่เต้นไม่พร้อมเพรียงกัน มันยังปังไม่พอ

- ส่วน Sumomo แสดงได้ดีมาก ๆ ตามมาตรฐาน... แต่ก็ถูกรรมการตำหนิในลักษณะคล้ายกัน คือแคแรคเตอร์ของแต่ละคนที่ไม่แตกต่างกันชัดเจน กับความไม่พร้องเพรียง ดีเทลในการเต้น

- ส่วนตัว ถ้าตัดความเป็นติ่ง Daisy Daisy ในตัวผมออกไป... ผมว่าทั้งสองวง ทำได้สูสีกันมาก....

- กรรมการตัดสิน Daisy Daisy 3 - 0 Sumomooooooo

- หนิงหนิงได้รับเลือกเป็น MVP ในฐานะที่ตกกอล์ฟจนละสายตาไม่ได้ ทำเอากอล์ฟต้องขอขึ้นไปกรุ๊ปช็อตกับทั้งวงไปด้วยยยย (เก็บอาการหน่อยโว้ยยยยย)

- ยินดีกับแฮมด้วย เย้~~~~~~~


- ส่วนอีกคู่ WISH23 1 - 2 I-MI

- เมมหลายคนของ I-MI ก็เป็นอดีตยูนิต FMA Parfait ของ CM Cafe มาก่อน เห็นอินอินดีใจจนร้องไห้ แถมมายเดียร์ยังได้ MVP อีก ผมก็ยินดีกับกับทั้งสองคนไปด้วย ทำได้แล้วนะะะ


- พรีวิวสัปดาห์หน้า กรรมการจับสลากขึ้นมาได้ Pretzelle ....

- ผมมีลางสังหรณ์ว่าอีกไม่นาน Cheesy Pie ของเจ้ามี่ก็น่าจะได้ออกโรงแล้วล่ะ... ดีไม่ดีถ้าไป challege กับ Pretzelle ก็น่าจะจบกันตรงนี้เลย...

- เพื่อนผมคนนึง ชื่อคุณเบนซ์-Zeneros คอยตามมี่ด้วยกัน แกเชียร์ Shinning Star กับ Sumomo ด้วย แต่ทั้งสองวงก็ตกรอบแล้วไปแล้ว.... นี่ถ้า Cheesy Pie ตกรอบแรกตามไปด้วยอีกวง ผมว่าคุณ Zeneros เองก็ดวงอีแร้งใช้ได้นะครับบบบ 😂🤣 เชียร์ทีมไหน ตายเรียบ

Sunday, December 13, 2020

โยชิดะเล่าความหลังตั้งแต่วันแรกที่รู้จักไมดี้ซัง


นาโอคิ โยชิดะ เล่าผ่าน Blog ของ Final Fantasy XIV ว่าเพื่อนผู้รักโลกแห่งเกมออนไลน์ไม่น้อยไปกว่าเขา ได้จากโลกนี้ไป... เขาคิดว่า 'มันเร็วเกินไป' และยังไม่อยากจะเชื่อเลย

โยชิดะซังเล่าว่าเขาได้รับแจ้งเรื่องนี้ตอนวันที่ 6 ธ.ค. 2020 จากอีเมลของ P ซัง โปรดิวเซอร์ที่เป็นคนนำเรื่องแผนกระชับความสัมพันธ์กับพ่อในนาม "โปรเจคท์คุณพ่อแห่งแสง" มาปรับแต่งเป็นละครดราม่า

ครั้งสุดท้ายที่โยชิดะซังได้คุยกับคุณไมดี้ ก็คือ 21 ต.ค. 2020 หรือประมาณ 6 สัปดาห์ที่แล้ว ตอนนั้นไมดี้ซังบอกว่าอาการไม่ค่อยดี เหลือเวลาอีกไม่นานแล้ว... ตอนนั้นโยชิดะซังบอกไมดี้ว่าเขามีอะไรบางอย่างอยากจะบอก วันถัดมาโยชิดะก็เขียนอีเมลยาวเหยียดส่งไปให้ไมดี้ซัง ทว่าไมดี้ซังไม่ได้ตอบกลับมา แต่มีเอ่ยถึงนิดหน่อยใน blog ของเจ้าตัว ซึ่งการที่เจ้าตัวตอบมาแบบนั้น แปลว่าสิ่งที่โยชิดะซังอยากบอก ได้สื่อถึงเจ้าตัวแล้ว และเจ้าตัวก็ได้ตอบผ่าน blog ตามวิถีของเจ้าตัวเอง

โยชิดะซังเล่าอีกว่า บังเอิญเหมือนกันที่เขาเริ่มรู้จักคุณไมดี้ ก็คือวันนั้นเมื่อ 10 ปีที่แล้ว (6 ธ.ค. 2010) ท่ามกลางกระแสวิพากษ์วิจารณ์ความย่อยยับของ FFXIV (เวอร์ชั่นเดิม) และคุณโยชิดะได้รับมอบหมายให้มาเป็นโปรดิวเซอร์และไดเรคเตอร์คนใหม่ เขาเริ่มคุยกับพวกสตาฟฟ์ในวันศุกร์ที่ 3 ธ.ค. 2010 แล้วสุดสัปดาห์นั้นก็ได้ไปดริงค์กับหลาย ๆ คน รับฟังพวกเขาระบาย เม้าธ์มอยปัญหาในการพัฒนา เรื่องทุกข์ใจต่าง ๆ พอวันจันทร์ที่ 6 ธ.ค. ก็เริ่มเช็คฟีดแบ็คของผู้เล่นตามเว็บไซต์ต่าง ๆ จนได้มาเจอกับ blog ของไมดี้ซัง

CEO ของค่ายในตอนนั้น (โยอิจิ วาดะ) ได้ออกแถลงการณ์ช่วยนั้นว่าเกมมันยังไปไม่ถึงระดับที่นับว่าสนุกได้เลย จึงจำเป็นที่จะต้องปรับปรุงขนานใหญ่.... ซึ่งหลังแถลงการณ์นี้ออกมา ไมดี้ซังเขียน blog ระบายแบบเกรี้ยวกราดมาก ไม่ใช่เกรี้ยวกราดเพราะ "เกมมันยังไปไม่ถึงระดับที่นับว่าสนุก" แต่เพราะไมดี้ซังไม่อยากให้ SQUARE ENIX ผู้ยิ่งใหญ่ยอมรับเรื่องแบบนั้นออกมา! จำได้ว่าตอนนั้นไมดี้ซังเขียนว่า "เราก็สนุกกับเกมดีอยู่แล้ว! อย่ามาพูดอะไรไร้สาระน่า!"

ไมดี้ซังเป็นคนที่จะมักจะชอบมอบโลกในแง่บวก ค้นหาสิ่งดี ๆ ในตัวคนอื่น และพยายามใจดีกับผู้คนมากมายที่เขาได้พบเจอ ให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และ blog ของเขาก็นำเสนอบุคลิกนั้นออกมาอย่างเต็มเปี่ยม

แต่นั่นเอง โยชิดะซังเลยยิ่งรู้สึกโคตรผิด ที่เหมือนบังคับขืนใจให้ผู้เล่นต้องเล่นต้องคิดอะไรแบบนั้น และตัดสินใจว่าจะต้องสร้าง FFXIV ที่สนุกกว่าที่เป็นอยู่ตอนนั้นให้ได้ จากวันนั้นมา โยชิดะซังก็เข้าไปอ่าน blog ของไมดี้เป็นกิจวัตรประจำวัน ซึ่งไมดี้ก็เช็ค traffic แล้วก็รู้ว่ามีคนจาก Square Enix มาอ่าน ก็เลยมักจะเขียนว่า "ยังเล่นอยู่นะ!" ทุก ๆ วัน แล้วโยชิดะซังก็จะเข้า blog ไป เพื่อส่งสัญญาณตอบกลับว่า "กูก็อ่านอยู่!" แล้วก็เล่นแบบนี้วนกันไปมาเรื่อย ๆ 

จนกระทั่งไมดี้ซังคิดโปรเจคท์ "คุณพ่อแห่งแสง" ขึ้นมา โดยการฮั้วกับเพื่อน ร่วมกันพาคุณพ่อออกผจญภัยกระชับความสัมพันธ์ เรื่องนี้ก็ไปเข้าตาโปรดิวเซอร์คนหนึ่งมากจนอยากนำเรื่องเล่านี้ไปทำเป็นละครโทรทัศน์ออกมา

ในวันที่ 28 ก.ค. 2016 บนเส้นทางสู่การถ่ายทำละครดราม่า โยชิดะซังรู้สึกว่าควรจะต้องพบไมดี้ซังตัวเป็น ๆ แล้ว ก็เลยเชิญมาพบกันที่ห้องประชุมในออฟฟิศของ Square Enix ซึ่งไมดี้ซังก็เป็นคนสุภาพเรียบร้อยอย่างดีคิดไว้ แต่พอรู้ว่าเราต่างเป็นติ่งกันดั้มเหมือนกัน ก็เข้ากันได้แทบจะในทันที ยิ่งไปกว่านั้น การที่เขาไล่ตามอ่าน blog ของไมดี้มา 5 ปีครึ่ง มันก็ทำให้เขารู้จักไมดี้ไม่น้อยไปกว่าตัวเขาเอง

จากวันนั้นมา ไมดี้ซังกับโยชิดะซัง ก็ติดต่อกันในฐานะเพื่อนเกมเมอร์ที่เป็นคอเกมออนไลน์เหมือนกัน และในฐานะพวกพ้อง ได้หัวเราะร่วมกัน บางครั้งก็ได้คุยกันจริงจัง ถกเรื่องกันดั้มกันอย่างดุเดือด... จนกระทั่งพอบทละครโทรทัศน์กับฉบับภาพยนตร์ได้กลายเป็นจริง เราต่างแสดงความทึ่งต่อกันว่าเกมออนไลน์แม่งมีศักยภาพที่แสนมหัศจรรย์ หากไม่ใช่เพราะเกมออนไลน์ เราก็คงไม่ได้มารู้จักกัน แต่เพราะมีเกมออนไลน์อยู่ เราจึงได้มาคุยกัน เสมือนว่าเราเป็นเพื่อนที่รู้จักกันมาอย่างยาวนาน หลายต่อหลายคนได้เริ่มย่างเท้าเข้ามาใน Eorzea ก็เพราะละคร "คุณพ่อแห่งแสง" และก็เชื่อว่าผู้คนมากมายมีชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไปเพราะละครเรื่องนี้ โยชิดะซังจึงอยากแสดงความเคารพและขอบพระคุณสูงสุด ที่ไมดี้ซังได้นำเสนอความเป็นไปได้อันมากล้น ที่เกมออนไลน์สามารถมอบให้แก่เราได้

หลังละครออกอากาศจนจบแล้ว โยชิดะซังก็ได้มีโอกาสไปดินเนอร์กับไมดี้ และคุณพ่อแห่งแสงคนนั้น

ก่อนวันนั้น พ่อของไมดี้เคยส่งข้อความมาสารภาพให้ฟังว่า "ผมภูมิใจในตัวลูกมาก"

ส่วนในวันที่เจอกันนั้น ที่คุณพ่อแห่งแสงได้มานั่งต่อหน้าโยชิดะซัง คุณพ่อบอกว่า "ลูกของผมยังมีเส้นทางอีกยาวไกล ช่วยเป็นเพื่อนกับเขาต่อไป และสั่งสอนอะไรต่าง ๆ ให้เขาด้วยนะครับ" 

ไมดี้ซังได้ยินก็ทำหน้าบูดเบี้ยว แล้วบอกว่า "พ่อผมก็เป็นซะแบบนี้แหละ" ว่าแล้วก็ยกเบียร์ขึ้นกระดก

ภาพในวันที่นั่งซดเบียร์กันนั้น ยังคงชัดเจนเสมือนว่าพึ่งเกิดขึ้นเพียงเมื่อวาน... ทว่าโยชิดะซัง จะไม่ได้เจอไมดี้ซังอีกแล้ว


ประมาณ พ.ย. 2018 ไมดี้ซังตรวจพบว่าเป็นมะเร็งและต้องเข้ารับการผ่าตัด ไมดี้พยายามหลีกเลี่ยงไม่บอกโยชิดะซังจนกระทั่งวินาทีสุดท้าย ก็เพราะไม่อยากจะให้โยชิดะต้องเป็นห่วง แต่โยชิดะรู้สึกว่าทำแบบนี้ไม่น่ารักเลย

หลังตัดสินใจได้ว่าจะต้องไปเยี่ยมที่โรงพยาบาล โยชิดะก็สอยนิวกันดั้ม Ver.Ka ติดมือไปเป็นของเยี่ยมไข้ เอาจริง ๆ ก็ไม่ได้อยากให้ต่อกันพลาระหว่างที่ยังนอนเดี้่ยงอยู่ในโรงพบาบาล แต่อยากให้ไมดี้มีเป้าหมายในการต่อสู้กับโรคร้าย... ก็เลยทำสัญญาต่อกัน

"ต่อเสร็จแล้วเอามาคืนกูด้วย กูจะเอาไปตั้งโชว์บนโต๊ะทำงาน" โยชิดะพูด ว่าแล้วไมดี้แม่งก็มองเขาอย่างสตั๊น ก่อนที่ไมดี้จะหัวเราะออกมา "เออ เก๊ตละ"

แต่แล้วภายหลัง มะเร็งร้ายมันก็กลับมาหาไมดี้อีก ช่วงที่ไมดี้ได้ออกจากโรงพยาบาล โยชิดะตัดพ้อว่าเขาน่าจะแนะนำให้ไมดี้ไปหาผู้เชี่ยวชาญกว่านั้นเพื่อตรวจเช็คทุกอย่างอย่างละเอียด เขาน่าจะใส่ใจติดตามอาการของไมดี้ให้มากกว่านั้น แถมยังมีโอกาสตั้งมากมายที่จะได้ออกไปหาอะไรกินกันแท้ ๆ แต่ก็ไม่ได้ทำลงไป เพราะโยชิดะซังเห็นไมดี้ยิ้มตลอดเวลา แล้วก็เข้าใจว่าไมดี้โอเคดี แต่ตอนนี้พอมาคิดดูแล้ว ไมดี้ก็ยังไม่ได้เริ่มต่อกันดั้มที่เขาให้ไปเลย อาจเพราะไมดี้รู้อยู่แก่ใจมาโดยตลอดว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น... 



ถึงตอนนี้ โยชิดะซัง ก็ยังไม่ได้รับนิวกันดั้มที่ไมดี้ซังควรจะต่อให้เขา คืนกลับมา... แต่โยชิดะซังเชื่อว่าไมดี้คงหิ้วติดตัวไปโลกภพโน้นด้วย ไมดี้เป็นคนชอบของเล่นมาก ถ้าไม่มีกันพลาติดตัวไปด้วยคงแย่ ไมดี้เป็นคนจิตใจดีและมองโลกในแง่ดี ไมดี้จะต้องยังคงชักชวนเหล่านักรบแห่งแสง และออกเดินทางร่วมกันต่อไปในโลกภพโน้นอยู่แน่ ๆ ก็หวังว่าไมดี้คงกำลังต่อนูกันดั้มอย่างเป็นสุข พร้อมหัวเราะร้อง "ความโสดจงเจริญญญญญ"

โยชิดะซังบอกว่า ตอนนี้เขายังไม่พร้อมจะไปหาไมดี้ ...และไมดี้เองก็คงยังไม่อยากให้เขาไปหาด้วยเหมือนกัน

โยชิดะซังยังมีภารกิจ ในการเผยแพร่โลกของเกมออนไลน์ที่ไมดี้รัก ในนามของ FFXIV เพื่อที่คนมากมาย จะได้เข้ามาร่วมสนุกกันอีกต่อไปเรื่อย ๆ

ตอนที่ตัดสินใจเอา "คุณพ่อแห่งแสง" มาทำเป็นบทละคร โยชิดะกับไมดี้ได้สัญญากันไว้ ไมดี้จะต้องเล่น FFXIV ต่อไปเรื่อย ๆ ส่วนโยชิดะ ก็จะขยันสร้าง content ให้ต่อไป แต่นอกจากงานนี้แล้ว เราคือพวกพ้องที่รักในเกมออนไลน์ และกันดั้มเหมือนกัน

เมื่อถึงเวลา โยชิดะซังเชื่อว่าสักวันหนึ่งก็จะได้เจอกับไมดี้ซังอีกครั้ง ถึงตอนนั้น แกเชื่อว่าไมดี้จะเห็นต้นกล้าบนหัวของโยชิดะที่ไม่รู้เหนือรู้ใต้ (สัญลักษณ์ของ Newbie ใน FFXIV) แล้วไมดี้ที่มีพรรคพวกล้อมอยู่ก็จะยื่นมือออกมาพลางพูด "เฮ่ย newbie นี่นา! ไม่เป็นไรนะ ทางฝั่งนี้มีอะไรสนุก ๆ อยู่เพียบ ไปผจญภัยกันเถอะ!"

ซึ่งในอุ้งมือนั้น จะต้องมีนิวกันดั้มอยู่ด้วยอย่างแน่นอน...

สู่สุขคตินะไมดี้ นายทำได้ดีมาก จนกว่าจะได้พบกันใหม่


10 ธ.ค. 2020

มนุษย์ออนไลน์ & นักรบแห่งแสง, นาโอคิ โยชิดะ

https://na.finalfantasyxiv.com/blog/003072.html

Friday, December 11, 2020

ไมดี้ซัง ต้นกำเนิด FFXIV Daddy of Light เสียชีวิตแล้ว

ทวีตภพหลักของ Final Fantasy XIV - Drama Series Daddy of Light แจ้งว่าคุณไมดี้ ที่ต่อสู้กับโรคร้ายมาพักใหญ่ ๆ ตามที่เคยแจ้งข่าวไว้นั้น ได้จากไปแล้ว ขอบคุณสำหรับแฟน ๆ ที่ให้การสนับสนุนมาโดยตลอด และขอให้ร่วมกันภาวนาให้แก่ดวงวิญญาณของคุณไมดี้ ให้ไปสู่สุขคติ

https://twitter.com/ff14_dol/status/1336958837312503808

FFVII Remake รับรางวัล GOTY 2020 จาก IGN Japan

 


IGN ญี่ปุ่นจัดอันดับ Top 10 Game of the Year 2020

ไม่รู้ว่าเพราะความเป็น IGN สังกัดฝั่งญี่ปุ่นรึเปล่า แกถึงยกให้ Final Fantasy VII Remake ขึ้นแท่นอันดับ 1 โดยมีอันดับต่าง ๆ ดังนี้

1. Final Fantasy VII Remake

2. The Last of Us Part II

3. Animal Crossing New Horizon

4. Half Life: Alyx

5. ASTRO’S PLAYROOM

6. Ghost of Tsushima

7. Sakuna: Of Rice and Ruin

8. DOOM Eternal

9. Yakuza: Like a Dragon

10. A Short Hike

คลิปประกาศผล : https://youtu.be/oLYSRVioKLI

ส่วนของ The Game Awards ก็รอดูพรุ่งนี้

https://jp.ign.com/goty-2020/48764/feature/ign-japan-2020-top-10

Friday, December 4, 2020

การเด๊ดห่าถาวรใน SaGa Frontier (Permadeath)

 

"มีเมคานิคหนึ่งที่ทุกเผ่าพันธุ์ใช้ร่วมกัน; นั่นคือตัวละครสามารถเด๊ดห่าถาวรได้"

"ตัวละครทั้งหมดต่างมีองค์ประกอบที่เรียกว่า Life Point หรือ LP ซึ่งมักจะอยู่ระหว่าง 5-10 และก็ลดลงเมื่อตัวละคร HP หมด"

"เมื่อตัวละคร LP หมด พวกเขาก็ตาย ตายแบบ ตายจริง ๆ"

"ตายแบบ ไม่สามารถใช้ตัวละครนี้ได้อีกตลอดไป"

"นี่แหละคือ JRPG ที่มีการเด๊ดห่าถาวร ซึ่งเกมนี้ก็มีมาตั้งแต่ 1997"

"การโจมตีบางอย่างของศัตรูยังทะลุ HP แล้วโจมตีเข้าสู่ LP โดยตรง เลยยิ่งทำให้การต่อสู้ยิ่งโคตรยากมหาประลัย ยิ่งถ้าคุณไม่มีไอเทมที่จะใช้ป้องกันตัวละครจากการโจมตีเหล่านั้น"

"เพราะเมคานิค LP เนี่ยแหละ SaGa Frontier เลยกลายเป็นเกมที่โคตรยากสำหรับคนที่ไม่ได้เป็นเกมเมอร์ฟ้าประทาน"

"การตัดสินใจที่ไม่ดีจะส่งผลให้ Game Over ได้ในทันที นี่จึงไม่ใช่เกมสำหรับคนที่ยังไม่นับว่าตัวเองเป็นแฟน Hardcore RPG"

"แถม Grinding ก็ไม่ได้ช่วยให้เอาชนะการต่อสู้ เพราะมอนสเตอร์ข้างทางมันแข็งแกร่งขึ้นตามความเก่งกาจของตัวละครหลักคุณ"

---- Quote จากแชนแนล The RPG Fanatic Review Show - SaGa Frontier Review Retrospective : https://youtu.be/q3oWu39iO1E

ภาพประกอบเป็นหนังสือ SaGa Frontier ของผมกับพี่สาว เนื่องจากพี่สาวเป็นคนรักษาของมาก สมัยเด็ก ๆ เลยไม่ค่อยให้ผมยืมหรือแตะต้องของใด ๆ ของเขา ...ผมเลยต้องไปซื้ออีกเล่มนึงมาใช้ ปัจจุบันใน Shoppee ขายหนังสือเล่มนี้กันในราคา 300 บาท

คิตาเสะหยอด Remake FFVII มาเพราะอยากสร้างคลาวด์และแอริธใน PS เจนฯ นี้


โยชิโนริ คิตาเสะ ผู้อำนวยการสร้าง Final Fantasy VII Remake และอดีตผู้กำกับ Final Fantasy VII ให้สัมภาษณ์ในงาน PlayStation®Partner Awards 2020 Japan Asia หลังจากเกมได้รับรางวัล Grand Award

โดยคุณคิตาเสะ อธิบายเหตุผลของการสร้างภาค Remake ขึ้นมาว่า อย่างแรกเลยมันคือสิ่งที่ตัวเขาซึ่งเป็นทีมงานดั้งเดิม ตัวคุณชินจิ ฮาชิโมโตะ และเท็ตสึยะ โนมุระด้วย อยากจะ Remake ให้ได้สักวันหนึ่งอยู่แล้ว แต่ที่ผ่านมาก็ยังไม่มีโอกาส เนื่องจากมันเป็นงานใหญ่ ก็จะต้องเตรียมการต่าง ๆ ให้ดีก่อนที่จะทำ อีกทั้งเขายังอยากสร้างแคแรคเตอร์คลาวด์และแอริธ ที่สมจริงขึ้นมาใน PlayStation ยุค Gen นี้

ส่วนความรู้สึกของการได้รับรางวัล Grand Award นั้น คุณคิตาเสะบอกว่าตอนสมัยภาคออริจินอลก็ได้รางวัลในงาน PlayStation Awards มาก่อนแล้ว พอมาในตอนนี้ที่เป็นงาน PlayStation Partner Awards ก็ได้รับรางวัล Grand Award อีก แกก็มองว่ามันเป็น "ชะตากรรม"

เมื่อถามถึงความกดดันในการทำภาค Remake คุณคิตาเสะบอกว่ามันมีอุปสรรคมากมายตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นการพัฒนา แต่ท้ายที่สุดด้วยความช่วยเหลือของสตาฟฟ์ที่ผ่านงานซีรีส์ Final Fantasy มามากมาย อย่างเช่น ผกก. ร่วม โมโตมุ โทริยามะ และนาโอคิ ฮามากุจิ งานมันก็สำเร็จมาได้ ภายใต้ความกดดันนั้น เราก็พบคอนเซปต์ว่า "ร่วมกันสร้างสิ่งที่ชวนให้รำลึกถึงความหลังขึ้นมาใหม่" เพราะคอนเซปต์นี้แหละ ทำให้เราเอาชนะอุปสรรคต่าง ๆ กันมาได้ (ก็คือไม่ได้ยึดติดกับของเดิมเป๊ะ แต่สร้างสิ่งใหม่ที่ทำให้นึกถึงของเดิมได้)

พอสื่อถามถึงความแตกต่างระหว่างรีแอคชั่นจากผู้ที่เล่นภาคออริจินอลมา กับผู้เล่นหน้าใหม่ที่พึ่งมาเล่น Remake? คุณคิตาเสะบอกว่ามันยากที่จะจับ Reaction ของผู้เล่นใหม่ได้ แต่ส่วนผู้เล่นเก่าที่เล่นออริจินอลมา ก็กลายมาเป็น Influencer กันเยอะ ก็เห็นว่าผู้เล่นที่มีความทรงจำของภาคออริจินอลตราตรึงแน่น จะเล่นภาค Remake ด้วยความตื่นเต้น และถ่ายทอดความรู้สึกนั้นออกไปให้คนที่ไม่เคยเล่นภาคออริจินอลมาก่อนได้รับรู้ อย่างลูกเขาเองก็ไม่ได้รู้เรื่องภาคออริจินอล แต่ก็รู้ว่าทั่วโลกนั้นเลื่องลือถึงภาค VII กันมากเพียงไร

คุณคิตาเสะยังเล่าอีกว่าตอนแกไปทัวร์โปรโมตเกมในยุโรป แกได้รับคำถามจากสื่อมากมายถึงเรื่องปัญหาสภาพแวดล้อมในโลกเกม หมายถึงเรื่องอย่างการใช้มาโค, ชีวิตของดวงดาว ซึ่งมันเป็นธีมที่ไม่ปรากฏในเกมอื่น ๆ ในช่วงเวลานั้น ( ทางฝั่งญี่ปุ่นเองก็ตั้งความหวังกับแคแรคเตอร์และเซตติ้งของโลกไว้มาก พอแกเห็นว่าธีมของเกม มันก็เวิร์ก ได้รับการยอมรับจากต่างประเทศเหมือนกัน ก็ประทับใจ

คุณคิตาเสะทิ้งท้ายว่าตอนแรกก็เป็นกังวลว่าผู้เล่นเก่าจะยอมรับภาค Remake นี้มั้ยวะ? แต่ก็ข้ามผ่านอุปสรรคมามากมาย ได้รับการสนับสนุนจากทุกคน ตัว FFVII Remake นั้นพึ่งเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น นี่เป็นเพียงการก้าวออกไปสู่โลกภายนอกที่จะแผ่ขยายออกไป แรงสนับสนุนจากทุกคนก็ได้ช่วยเป็นพลังให้กับพวกเรา ก็ขอให้ติดตามรอดูผลงานในอนาคตกันต่อไป

https://blog.ja.playstation.com/2020/12/03/20201203-pspawards

Wednesday, December 2, 2020

เฉลยความลับในเนื้อเรื่อง Emelia จาก The Essence of SaGa Frontier

 


คน ๆ เดียวที่เคยแหกคุก Despair หนีออกมาได้ก่อนพวกเอมิเลีย แอนนี ลิซ่า ก็คือรูฟัส (คนละคนกับทายาทตระกูลชิน...) รูฟัสเป็นคนให้ข้อมูลเรื่องคุกกับพวกลิซ่า พวกเธอจึงแหกหนีตามออกมาได้

สาเหตุที่แอนนีเข้าร่วมกลุ่มกราดิอุส อันนี้แอนนีมีบอกใหนเกมว่าเธอเลือกที่จะทำงานเสี่ยงอันตรายเพื่อให้ได้เงินเยอะ ๆ เอาไปจุนเจือครอบครัว, ส่วนลิซ่านั้น คุณคาวาซึขอปล่อยให้แฟน ๆ จินตนาการสาเหตุกันเอาเอง แต่อาจจะมีเรื่องของรูฟัสมาเกี่ยวข้องในเหตุผลนั้นด้วย

ตอนเอมิเลียปลอมตัวไปสำรวจ Trinity Lambda Base ช่วงที่จบภารกิจแรก เธออุทานออกมาว่า …バカヤロー นั่นเป็นเพราะเธอไม่พอใจที่ยารุโตะ (ผู้บัญชาก่อนของ Trinity Base) หนีไปได้, กองกำลังเสริมไม่ปรากฏตัว แถมรูฟัสยังหลอกเธอให้ลอบเข้ามาในฐาน

มอนโดมอบ Angel Brooch ให้แก่เอมิเลีย เพราะเธอคล้ายกับผู้หญิงที่เขาเคยแอบชอบ ซึ่งสุดท้ายเธอก็เลือกสมรสกับเอียน (Ian) เพื่อนรักของมอนโด เขาเลยตัดสินใจว่าจะปิดบังความรู้สึกนั้นไว้ดีกว่า จนได้มาเจอเอมิเลียอีกครั้ง เลยมอบ Angel Brooch ที่เคยตั้งใจจะให้เธอคนนั้น แก่เอมิเลียแทน

เดิมที่แล้วบอสใหญ่ที่แท้จริงในเนื้อเรื่องของเอมิเลียก็คือโจ๊กเกอร์ แต่ถ้าจะให้สู้กับโจ๊กเกอร์ในร่างไซส์เท่าตัวละครมนุษย์ทั่วไป มันก็ดูเห่ย ครั้นจะให้แกแปลงร่างเป็นอสูรกายยักษ์มันก็ดูเยอะไป สุดท้ายเลยให้ Diva ซึ่งเป็นลูกน้องของโจ๊กเกอร์ มาเป็นบอสสุดท้ายของเนื้อเรื่องเอมิเลียแทน

ส่วน The Cube ที่ตามหากันนั้น ก็ไม่ได้อยู่ที่โบสถ์ร้าง การบอกว่าอยู่ที่โบสถ์ร้างนั้นเป็นกับดักที่ล่อให้โจ๊กเกอร์เข้ามาติดกับ เพื่อที่กลุ่มกราดิอุสจะได้จัดการกับโจ๊กเกอร์ได้ แท้จริงแล้ว The Cube อยู่ที่ Tartaros

The Cube นั่นเป็นอุปกรณ์ที่ปล่อยพลังงานออกมาได้อย่างมหาศาล และเป็นขุมพลังของฝ่าย RB3 และยังเกี่ยวพันลึกซึ้งกับจักรวาล ในช่วงแรกของการพัฒนา ยังเคยคิดสร้างให้ The Cube เป็นไอเทมที่สามารถแสวงหามาได้ในเนื้อเรื่อง พอได้มาแล้วก็สามารถท่องไปในจักรวาลได้อย่างอิสระ

สำหรับตัวตนที่แท้จริงของโจ๊กเกอร์นั้น คุณคาวาซึบอกว่ามีด้วยกัน 2 แบบ ขึ้นอยู่กับว่าเราไปเจอฉากจบแบบไหน

ใน Bad Ending - ตัวตนแท้จริงของโจ๊กเกอร์ ก็คือเร็น ที่จิตใจเปลี่ยนไป กลายเป็นคนที่ต้องการ The Cube แล้วเอาหน้ากากธรรมดามาใส่ เพื่อปิดบังใบหน้าของตนเอง

ใน Good Ending - โจ๊กเกอร์คือผีในหน้ากาก ซึ่งไอ้หน้ากากนี้ก็ยังคงเป็นปริศนา ไม่รู้ว่าถูกใครสร้างขึ้นมาในอดีตที่แสนไกล หรือว่าจู่ ๆ หน้ากากมันก็มีชีวิตของมันขึ้นมาเอง? แต่เจ้าหน้ากากนี้ก็เข้าครอบงำร่างกายและจิตใจของผู้ที่สวมใส่มัน ใช่ร่างของผู้สวมใส่เพื่อทำตามวัตถุประสงค์ต่าง ๆ ซึ่งวัตถุประสงค์รอบนี้คือการครอบครอง The Cube

จนกว่าหน้ากากจะหาร่างภาชนะใหม่ได้ หรือจนกว่าหน้ากากถูกทำลายลง ผู้ที่สวมใส่หน้ากากก็จะไม่มีทางหลุดพ้นจากการครอบงำของมันได้

ทั้งนี้ เร็นถูกออกแบบมาให้เป็นผู้ชายเท่ ๆ เพื่อให้เป็นที่ชื่นชอบของทุกคน เขาเป็นคนติดดิน ต่างจากเอมิเลีย-คู่หมั้น ที่เป็นเจ้าแม่แฟชั่นซูเปอร์โมเดล เรียกได้ว่าเป็นคนธรรมดาที่เผอิญได้แฟนเป็นนางแบบ

Tuesday, December 1, 2020

เฉลยความลับในเนื้อเรื่อง T260G จาก The Essence of SaGa Frontier


ในยุคโบราณ มี 2 ขั้วอำนาจต่อสู้กัน ระหว่างฝ่ายกัปตันและยานเหาะในสังกัด HQ กับฝ่าย RB3

กองกำลังยานบินของ HQ เป็นฝ่ายเปิดฉากโจมตีใส่ RB3 ก่อน แต่แล้วกลายเป็นว่า RB3 พลิกกระดานมาโค่น HQ ได้

T260 คือชื่อ คอร์ คอมพิวเตอร์ของยานเหาะลำนั้น ตัว T260 นั้นสามารถเปลี่ยนแปลงรูปร่างได้ตามภารกิจและสถานการณ์ โดยอยู่ในรูปของยานแค่เพียงฉากเปิดเรื่องเท่านั้น ส่วนในเกม ก็เปลี่ยนรูปร่างเป็นหุ่นยนต์ได้อีก 8 แบบ

T260 ถูกออกแบบโปรแกรมบุคลิกมาให้เป็นผู้หญิง ตามความเชื่อโบราณที่ปกติก็เรียกเรือ, ยานพาหนะ เป็นสตรีเพศอยู่แล้ว

ตอนแรกคุณอาคิโตชิ คาวาซึ (บิดาแห่งซีรีส์ SaGa และ Final Fantasy Crystal Chronicle) จะให้กัปตันยานเรียกยานว่า T ซึ่งมาจากชื่อ Tatyana ตัวละครหญิงใน Romancing SaGa 3 แต่สุดท้ายก็ตัดทิ้งไป

ในตอนเริ่มเรื่องนั้นเราสามารถตั้งชื่อให้ T260 ได้ แต่ไม่ว่าจะตั้งอะไร เจ้าปลาหมึก Taco ที่เป็นคนซ่อม T260 ให้ ก็จะบังคับให้เติม G ลงไปท้ายชื่อทุกครั้ง คุณคาวาซึบอกว่าตามเนื้อเรื่องก็คือ Taco มันอาจจะไปชอบรายการโทรทัศน์ที่ลงท้ายด้วย G, แต่เหตุผลในการพัฒนาจริง ๆ คือตัวแกเองเอามาจากการ์ตูนเรื่อง CYBORG Jiichan G ในโชเนนจัมป์

ขณะที่ Ancinet Ship ที่ตกอยู่ในดาว Shingrow คุณคาวาซึบอกว่าไม่ใช่ยานเหาะที่เป็นร่างของ T260 ในฉากเปิดเกม แต่ก็เป็นยานที่ถูกสร้างขึ้นในยุคสมัยเดียวกัน และน่าจะเสียดายจากการต่อสู้กับ RB3 เหมือนกัน จึงตกลงไปในดาวนั้น

สำหรับเลข ID ของ T260G ที่ใช้หมายเลข 7074-8782-1099 แฟน ๆ บางส่วนลองอ่านแบบเล่นคำ (ゴロ合わせ) พบว่า 7074-8782 มันแปลว่า 名はナシ、ヤなヤツ…… ซึ่งหมายถึงการไม่มีชื่อ แต่คุณคาวาซึตอบกลับทฤษเฎานี้ว่า "คิดมากไปแล้ว" (หัวเราะ) มันก็แค่ชุดตัวเลขที่กดง่ายบนแป้นตัวเลขเท่านั้น ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ

ส่วนหุ่นเพื่อนร่วมปาร์ตี้ที่ชื่อ ZEKE นั้น ในเกมมีบอกว่าไม่ได้เอาบุคลิกมาจากพนักงานของ Nakajima Robotics ที่ชื่อฮิโรชิ แต่เอามาจากโคอิซึมิ.... ซึ่งโคอิซึมิที่ว่า เป็นมุกหมายถึงเคียวจิ โคอิซึมิ ผู้สร้างระบบต่อสู้ของเกมนี้

ขณะที่การที่ pzkwV เรียก Leonard ว่าเซนเซย์หรือ Doctor ในเวอร์ชั่นอังกฤษ อันนั้นแค่แต่งเรื่องไว้ว่าในอดีต pzkwV เคยไปให้ Leonard ซ่อมแซมตัวเองให้

สำหรับความลับสุดท้าย ทำไม RB3 ถึงเงียบหายไป ไม่เคลื่อนไหวจนกระทั่ง HQ กลับมาปฏิบัติการณ์ได้? นั่นเป็นเพราะ HQ ได้ติดไวรัสและหยุดการทำงานไป ทำให้ RB3 ไม่สามารถค้นหาพิกัดสถานที่ของ HQ ได้ จากนั้นมา RB3 จึงอยู่ในโหมดประหยัดพลังงาน ใช้พลังงานให้น้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ จนกว่าจะพบเบาะแสของ HQ นั่นเอง

-------------------------------------------

ลิงก์เว็บคุณ Sevon ที่คลั่งแปล The Essence of SaGa Frontier ทั้งเล่ม

https://essenceofsaga.wordpress.com/home/about/