Tuesday, July 31, 2018

ภาพอธิบายระบบโลกของ Kingdom Hearts

(ทำขึ้นเมื่อ 27/03/2007)

Timeline - Xehanort

(เขียนขึ้นเมื่อ 28/04/2013)


"ความมืดไม่มีวันถูกทำลาย เราได้แต่ทำให้มันอยู่ในที่ทางของมัน"
--มาสเตอร์เซอานอร์ทกล่าวต่อเทอร์ร่า
เซอานอร์ท วายร้ายแห่งตำนานเซอานอร์ท
เขาคือคีย์เบลดมาสเตอร์ผู้สั่งสอนเวนตุส ผู้ยึดมั่นในคติที่ว่าแสงสว่างและความมืดควรดำรงอยู่ร่วมกันอย่างเท่าเทียม เมื่อเซอานอร์ทได้เรียนรู้ว่าผู้ที่สามารถเปิดประตูสู่ Kingdom Hearts ได้จะสามารถสร้าง Realm ใหม่ให้เป็นไปตามความปรารถนาของตนได้ เขาจึงแสวงหาหนทางที่จะเปิดประตูสู่ Kingdom Hearts เพื่อจะสร้าง Realm ใหม่ที่แสงสว่างและความมืดจะดำรงอยู่ร่วมกันอย่างสมดุล
ระหว่างการเดินทาง เขาได้สร้างร่างแยกขึ้นมามากมาย ไม่ว่าจะเป็น
เทอร์ร่า-เซอานอร์ท ที่เกิดจากการส่งหัวใจของเขาเข้าไปครอบงำร่างของเทอร์ร่า
อันเซม-ผู้แสวงหาความมืด ร่างฮาร์ทเลสของเขา
เซมุนัส ร่างโนบอดี้ของเขา
เซอานอร์ทคือผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์สำคัญต่างๆ ที่นำพาจักรวาลไปสู่ความพินาศ ทั้งการชักนำฮาร์ทเลสจำนวนมากให้มาสู่ Realm of Light และการสร้างกลุ่มจูซังคิคังที่คอยควบคุมโนบอดี้ อีกทั้งยังนำพาความสูญเสียมากมายมาสู่คนที่ขัดขวางแผนการของเขา ทั้งเทอร์ร่าที่ถูกยึดร่าง เวนตุสที่หลับเป็นเจ้าชายนิทรา อควอที่ตกสู่ Realm of Darkness ริคุที่ถูกครอบงำจิตใจ ไคริที่ถูกพาตัวออกมาจากดาวบ้านเกิด และการเปลี่ยนแปลงชีวิตของโซระไปตลอดกาล
ชื่อของ เซอานอร์ท (Xehanort) มาจากการสลับตัวอักษรของคำว่า Another, No Heart, A Throne แล้วเพิ่มตัว X ลงไป
เส้นทางชีวิตของเซอานอร์ท
[ก่อนจะถึง Kingdom Hearts -Birth by Sleep-]
"โลกนี้ช่างเล็กเกินไป"
--เซอานอร์ทรำพันที่เกาะแห่งชะตากรรม

เซอานอร์ท เกิดและเติบโตขึ้นที่เกาะแห่งชะตากรรม ในวัยหนุ่ม เขามีความรู้สึกว่าโลกที่เขาอยู่นั้นมันเล็กเกินไป และมีความปรารถนาที่จะออกไปยังโลกภายนอก (ต่างดาว) วันหนึ่ง ร่างฮาร์ทเลสของเขาที่มีชื่อว่า อันเซม ก็ข้ามกาลเวลามาจากอนาคต และมอบความสามารถในการท่องกาลเวลาให้กับเซอานอร์ทหนุ่ม พร้อมมอบหมายหน้าที่ให้การรวบรวมร่างแยกอีก 12 ร่างที่กระจายอยู่ตามยุคสมัยต่างๆ ให้มารวมตัวกัน

หลังจากทำภารกิจตามที่อันเซมไหว้วานไว้สำเร็จ เซอานอร์ทก็เดินทางกลับมาในยุคของเขา และถูกกลไกลกาลเวลาลบเลือนความทรงจำที่ได้มาจากอนาคต ทว่าความปรารถนาที่จะเดินทางไปยังต่างโลกนั้นยังคงฝังลึกอยู่ในใจเขา ท้ายที่สุดเขาก็สามารถเดินทางออกจากดาวบ้านเกิด และมาถึง Land of Departure ในที่แห่งนั้นเขาได้พบกับคีย์เบลดมาสเตอร์คนหนึ่ง ซึ่งได้ฝึกสอนการใช้คีย์เบลดให้กับเขา พร้อมกับเพื่อนร่วมรุ่นอีกคนที่มีชื่อว่า เอราคุส
คีย์เบลดมาสเตอร์ผู้เป็นอาจารย์ของทั้งสองได้สั่งสอนไว้ว่าผู้ใช้คีย์เบลดจะต้องปกป้อง Realm of Light ให้พ้นจากความมืดมิด ทว่าแนวคิดนี้ไม่เป็นที่พอใจของเซอานอร์ทเท่าไหร่นัก บ่อยครั้งเซอานอร์ทก็ชอบแอบเดินทางไปยังดาวอื่นๆ โดยไม่ได้รับอนุญาต ในตอนแรกระหว่างการเดินทางข้ามระหว่างดาว เซอานอร์ทก็จะสวมชุดเกราะที่ช่วยปกป้องเขาจากความมืดที่อยู่ระหว่างดาว ทว่าท้ายที่สุดเขาก็เลิกใส่เกราะเพราะเห็นว่าถ้าควบคุมความมืดไว้ได้สำเร็จ เราก็ไม่จำเป็นต้องใส่ชุดเกราะเพื่อป้องกันความมืด
ภายหลังการฝึกฝนอันยาวนาน เซอานอร์ทและเอราคุสก็ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นคีย์เบลดมาสเตอร์ด้วยกันทั้งคู่ แต่เฉพาะเอราคุสเท่านั้นที่ถูกเลือกให้เป็นผู้สืบทอด ที่จะได้มีสิทธิปกครอง Land of Departure ต่อไป เมื่อเป็นเช่นนี้ เซอานอร์ทที่จบหลักสูตรและไม่ได้เป็นผู้สืบทอด จึงสามารถเดินทางไปยังดาวต่างๆ ได้ตามใจชอบ และด้วยฐานะของคีย์เบลดมาสเตอร์ เขาจึงเริ่มฝึกสอนลูกศิษย์ให้เป็นผู้ใช้คีย์เบลดรุ่นต่อไป
"ว่ากันว่าความพินาศย่อมนำมาซึ่งการสร้างใหม่ แล้วสงครามคีย์เบลดล่ะนำพาอะไรมา? เมื่อความมืดเข้าปกคลุม พวกเราจะได้พบแสงสว่างตามที่ตำนานได้กล่าวไว้หรือไม่? ข้าต้องรู้คำตอบให้ได้ X-เบลดต้องถูกสร้างขึ้นมา แล้วประตูสู่สงครามคีย์เบลดก็จะเปิดออก"
--เซอานอร์ทกล่าวกับเอราคุส

ตลอดการเดินทางของเซอานอร์ท เขาได้เรียนรู้เรื่องราวที่เล่าสืบทอดมาเกี่ยวกับคีย์เบลด เรื่องของฮาร์ทเลส ปริศนาของสงครามคีย์เบลด และ Kingdom Hearts สิ่งต่างๆ ที่เรียนรู้มาทำให้เซอานอร์ทเกิดแนวคิดที่ว่าแสงสว่างและความมืดควรจะดำรงอยู่ร่วมกันอย่างทัดเทียม ทว่าที่ผ่านมา แสงสว่างเป็นฝ่ายที่ข่มเหงความมืด และทำลายสมดุลไป ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจที่จะเปิดประตูสู่ Kingdom Hearts เพื่อให้ได้มาซึ่งพลังในการสร้าง Realm ใหม่ที่สมดุล ในบั้นปลาย เขาก็ค้นพบหนทางที่จะสร้าง X-เบลด เทียมตามตำนานออกมา และมุ่งหมายที่จะริเริ่มสงครามคีย์เบลดขึ้นอีกครั้ง ทว่าในตอนนั้น เซอานอร์ทก็เข้าสู่วัยชราแล้ว เขาจึงวางแผนที่จะใช้คีย์เบลดดึงหัวใจของเขาออกมาจากร่าง แล้วถ่ายมันเข้าไปในร่างกายของคนหนุ่ม เพื่อจะยืดชีวิตของเขาออกไป ตราบจนกว่าเป้าหมายของเขาจะบรรลุ
ครั้งหนึ่ง เซอานอร์ทได้เคยพูดคุยเรื่องการริเริ่มสงครามคีย์เบลดขึ้นอีกครั้งกับเอราคุส แต่เมื่อเอราคุสเห็นว่าเซอานอร์ททำไปเพียงเพื่อสนองความกระหายใคร่รู้ ก็ได้พยายามห้ามปรามไว้ และแม้เอราคุสจะใช้กำลังขัดขวางเซอานอร์ท แต่เซอานอร์ทก็ใช้พลังแห่งความมืดไล่เอราคุสออกไปได้ ซึ่งเหตุการณ์นี้นำมาซึ่งแผลเป็นบนใบหน้าของเอราคุส

ท้ายที่สุด เซอานอร์ทก็ได้พบรับ เวนตุส มาเป็นลูกศิษย์ จากการสั่งสอนทำให้เซอานอร์ทพบว่าเวนตุสอ่อนแอเกินกว่าจะเป็นร่างใหม่ให้กับเขา แต่แล้วเซอานอร์ทก็ตัดสินใจใช้เวนตุสสร้าง X-เบลดขึ้นมา ในตอนแรกเขาพยายามกระตุ้นความมืดในหัวใจของเวนตุสให้ตื่นขึ้น แต่ก็ล้มเหลว ต่อมาเขาจึงใช้คีย์เบลดสกัดความมืดในหัวใจของเวนตุสออกมาโดยตรง ทำให้เกิดเป็น วานิทัศ จากเหตุการณ์นี้ทำให้หัวใจของเวนตุสได้รับความเสียหายเป็นอย่างมาก และอยู่ในสภาพเจียนตาย เซอานอร์ทจึงพาเวนตุสไปยังเกาะแห่งชะตากรรมเพื่อจะให้เวนตุสได้ตายอย่างสงบ ทว่า ณ ที่แห่งนั้น หัวใจของเวนได้เชื่อมโยงเข้ากับหัวใจของโซระที่พึ่งเกิดขึ้นมาใหม่ได้อย่างปาฏิหาริย์ ด้วยการที่หัวใจของทั้งสองเชื่อมโยงเข้าด้วยกันนี้ หัวใจของเวนตุสก็ค่อยๆ ฟื้นตัวขึ้นมา เซอานอร์ทจึงเห็นว่าเวนตุสยังสามารถใช้เป็นวัตถุดิบในการสร้าง X-เบลดขึ้นมาได้
ต่อมาเซอานอร์ทได้พาเวนตุสไปฝากให้เอราคุสช่วยเลี้ยงดูและฝึกสอนให้เป็นผู้ใช้คีย์เบลด เพื่อทำให้แสงสว่างในตัวเวนตุสเข้มแข็งขึ้น และเพื่อให้เวนตุสอยู่ห่างจากวานิทัศ เซอานอร์ทเชื่อว่าเอราคุสที่ยึดมั่นใจแสงสว่างจะช่วยฝึกให้เวนตุสมีแสงสว่างที่เข้มแข็ง ตรงข้ามกับวานิทัศที่จะกลายเป็นความมืดอันแข็งกล้า เมื่อถึงวันหนึ่งที่ทั้งสองได้มาต่อสู้กัน X-เบลดก็จะถือกำเนิดขึ้นมา
แม้เอราคุสจะมีปัญหากับเซอานอร์ท แต่เอราคุสก็ไม่ปฏิเสธที่จะเลี้ยงดูเวนตุส เขาได้รับเวนตุสเป็นลูกศิษย์ และฝึกสอนเวนตุสร่วมกับลูกศิษย์คนปัจจุบันอย่างเทอร์ร่าและอควอ ในตอนนั้นเอง เซอานอร์ทที่ได้เห็นเทอร์ร่าผู้กระหายซึ่งพลัง ก็ตัดสินใจจะใช้เทอร์ร่าเป็นร่างใหม่ของเขา
[Kingdom Hearts Birth by Sleep]
"สืบหาความมืดที่รบกวนสมดุล ค้นหาวานิทัศแล้วจัดการเข้าเสีย... มาสเตอร์เทอร์ร่า"
--มาสเตอร์เซอานอร์ทพูดชักจูงเทอร์ร่า

ไม่กี่ปีต่อมา มาสเตอร์เอราคุสได้เชิญมาสเตอร์เซอานอร์ทมายัง Land of Departure เพื่อมาเป็นสักขีพยานให้กับเทอร์ร่าและอควอผู้กำลังจะกลายเป็นคีย์เบลดมาสเตอร์ เซอานอร์ทตอบรับคำเชิญ แต่เขาชี้ว่าเทอร์ร่าอาจมีพลังความมืดอยู่ในตัว จึงแนะนำให้เอราคุสจัดการทดสอบความเป็นมาสเตอร์ให้กับศิษย์ทั้งสอง ระหว่างการทดสอบนั้น เซอานอร์ทได้แอบใช้ความมืดลูกบอลแสงซึ่งเป็นอุปกรณ์ทดสอบอย่างหนึ่ง ซึ่งมันได้กระตุ้นความมืดในตัวของเทอร์ร่าให้เผยออกมาในระหว่างที่เขาประลองกับอควอ เมื่อการทดสอบจบลง เอราคุสก็แต่งตั้งให้อควอเป็นมาสเตอร์ และประกาศว่าเทอร์ร่าไม่ผ่านการทดสอบเพราะไม่สามารถสะกดความมืดไว้ได้ ต่อมาเซอานอร์ทจึงบอกกับเทอร์ร่าว่าเขาไม่ควรกลัวความมืด แต่ให้เรียนรู้การควบคุมมันไว้ให้ได้ จากนั้นเซอานอร์ทก็เดินทางออกจากดาวไปโดยใช้ Corridor of Darkness ทำให้เอราคุสไม่สามารถแจ้งเรื่องการคุกคามของอันเวิร์สได้ มาสเตอร์เอราคุสได้มอบหมายให้อควอและเทอร์ร่าจัดการกับอันเวิร์ส และตามหามาสเตอร์เซอานอร์ท ส่วนวานิทัศก็หลอกล่อเวนตุสให้ไล่ตามเทอร์ร่าไป

ระหว่างการเดินทาง มาสเตอร์เซอานอร์ทได้พบกับนางแม่มดผู้ชั่วร้าย มาเลฟิเซนต์ เขาได้อธิบายเรื่องการมีอยู่ของดาวอื่นๆ เจ้าหญิงแห่งหัวใจ และ Kingdom Hearts ให้เธอฟัง และยังพูดถึงการช่วงชิงหัวใจของผู้อื่นโดยใช้คีย์เบลด และเตือนให้รู้ถึงผู้ใช้คีย์เบลดทั้งสามที่ไล่ตามเขามายังโลกของเธอ
จากนั้นไม่นาน มาสเตอร์เซอานอร์ทก็ได้เชิญเทอร์ร่าไปยังดาวสุสานคีย์เบลด และเล่าเรื่องของวานิทัศและความเกี่ยวข้องกับอันเวิร์สให้ฟัง เขายังโกหกเทอร์ร่าอีกว่าในอดีตนั้นระหว่างที่เขาฝึกเวนตุสอยู่ ก็เกิดความผิดพลาดขึ้นทำให้เวนตุสจำนนต่อความมืด เซอานอร์ทจึงต้องเฉือนส่วนที่เป็นความมืดออกมาจากหัวใจ วานิทัศจึงได้เกิดขึ้นมา แล้วเซอานอร์ทก็ขอร้องให้เทอร์ร่าช่วยหยุดยั้งวานิทัศให้ด้วย โดยแนะนำว่าวานิทัศน่าจะอยู่ที่ดาวสวนประกายแสง
เมื่อมาถึงดาวสวนประกายแสง เทอร์ร่าก็เห็นมาสเตอร์เซอานอร์ทเดินเข้าไปที่ปราสาทในเมือง แต่เขาก็ถูกอันเวิร์สยักษ์เบี่ยงเบนความสนใจจนคลาดสายตาไป ระหว่างนั้นเซอานอร์ทก็ได้รู้จักและเข้าเป็นพันธมิตรกับไบรก์ พวกเขาช่วยกันเล่นละครทำเป็นว่าเซอานอร์ทถูกไบรก์ลักพาตัวไปเพื่อที่จะบีบให้เทอร์ร่าใช้พลังแห่งความมืดออกมา ซึ่งเทอร์ร่าก็เผลอปลดปล่อยแห่งความมืดออกมาจริงๆ ทำให้แก้มซ้ายของไบรก์เกิดรอยแผลเป็นและได้รับบาดเจ็บจนตาขวาบอด เมื่อไบรก์หนีไป เซอานอร์ทก็เข้ามาปลอบโยนเทอร์ร่าผู้ว้าวุ่น และเสนอให้เทอร์ร่าเชื่อฟังการชี้นำของเขา เพื่อที่พวกเขาจะไล่ตามหนทางแห่งการรักษาสมดุลระหว่างแสงสว่างและความมืดด้วยกัน เขายกยอเทอร์ร่าเป็นมาสเตอร์คนใหม่ และขอให้เทอร์ร่าออกเดินทางตามหาวานิทัศต่อไป
หลังจากที่เทอร์ร่าไปจากดาวสวนประกายแสงแล้ว ไบรก์ที่บาดเจ็บก็กลับมาต่อว่ามาสเตอร์เซอานอร์ท ที่เป็นคนคิดแผนที่ทำให้เขาต้องบาดเจ็บแบบนี้ แต่ไบรก์ก็คิดได้ว่ายังไงก็ดีกว่าการที่ต้องเสียหัวใจไป เซอานอร์ทบอกว่าเซอานอร์ทไม่สามารถช่วงชิงหัวใจของใครได้หรอก เพราะเขาเองต่างหากที่เป็นคนช่วงชิงหัวใจของออโรร่าไป

จากนั้น มาสเตอร์เซอานอร์ทก็ให้วานิทัศไปลักพาตัวมิคกี้เมาส์มา เพื่อล่อให้เวนตุสมายังดาวสุสานคีย์เบลด ซึ่งเขาก็ได้เปิดเผยเรื่องราวในอดีตของเวนตุส และแผนในการสร้าง X-เบลด ของเขา และยังเป่าหูเวนตุสอีกว่าเหตุที่มาสเตอร์เอราคุสไม่ยอมให้เวนตุสออกมาจาก Land of Departure ก็เพื่อป้องกันการกำเนิดของ X-เบลด อีกทั้งที่เอราคุสไม่ยอมบอกความจริงเรื่องนี้ให้เวนตุสฟังก็เพราะเอราคุสไม่เชื่อใจเวนตุส จากนั้นเซอานอร์ทก็ส่งเวนตุสไปยังดาว Land of Departure ด้วยความคาดหวังว่าเวนตุสจะไปเผชิญหน้ากับเอราคุส เสร็จแล้วเซอานอร์ทก็รีบติดต่อเทอร์ร่าแล้วเป่าหูให้เทอร์ร่ารีบตามไปช่วยเวนตุส ซึ่งเทอร์ร่าก็มาช่วยเวยตุสได้ทัน เขาโยนเวนตุสเข้าช่องวาร์ปไป จากนั้นก็ต่อสู้กับเอราคุสแทน เมื่อสู้ไปได้สักพักทั้งสองก็เสียใจกับการกระทำของตนและยุติการต่อสู้ลง ทว่าเซอานอร์ทก็ปรากฏตัวขึ้นมาปลิดชีพเอราคุสแทน ร่างของเอราคุสก็เลือนหายไปในอ้อมแขนของเทอร์ร่า
เซอานอร์ทเปิดเผยแผนการแท้จริงที่อยากให้เทอร์ร่าจำนนต่อความมืดให้เทอร์ร่าฟัง ว่าแล้วเซอานอร์ทก็ล่อเทอร์ร่าให้ไปเผชิญหน้ากันที่ดาวสุสานคีย์เบลด โดยขู่ว่าเวนตุสและอควอจะต้องตายอยู่ที่นั่น จากนั้นเซอานอร์ทก็เรียกคีย์เบลดขึ้นมาปลดปล่อยความมืดมิดที่เข้าทำลายดาวทั้งดวง เหลือไว้เพียงตัวปราสาทที่เอราคุสใช้ฝึกสอนลูกศิษย์เรื่อยมา แล้วเซอานอร์ทก็หนีไป

(ระหว่างนี้เมื่อเทอร์ร่า เวนตุส และอควอ ย้อนกลับมาที่ดาว Land of Departure อีกครั้ง พวกเขาจะพบกับเซอานอร์ทตอนหนุ่มที่ข้ามกาลเวลามา และปกปิดตัวตนไว้ด้วยชุดคลุมสีดำ หลังจากเซอานอร์ทหนุ่มพ่ายแพ้ก็จะหนีไปช่วงยุคอื่นต่อไป)
เทอร์ร่า เวนตุส และอควอ เดินทางไปเผชิญหน้ากับมาสเตอร์เซอานอร์ทและวานิทัศที่ดาวสุสานคีย์เบลด ที่ซึ่งเซอานอร์ทได้แสดงพลังเวทย์ที่ยิ่งใหญ่ของเขาออกมา ไม่ว่าเวทย์ธาตุดินที่รุนแรงขนาดสร้างหน้าผายักษ์ขึ้นมาได้ หรือเวทย์ธาตุลมที่สร้างกระแสลมพายุซึ่งหอบเอาคีย์เบลดมากมายไล่ถล่มพวกเทอร์ร่า จนเทอร์ร่าพลัดตกหน้าผาไป ส่วนเวนตุสก็ถูกเซอานอร์แช่แข็งแล้วโยนตกจากผา ทว่าอควอก็ตามไปรับไว้ได้ทัน จากนั้นเซอานอร์ทก็ปล่อยพลังเวทย์ขึ้นไปบนฟ้า ทำให้เมฆหมอกด้านบนเปิดออก เผยให้เห็น Kingdom Hearts ที่ปรากฏขึ้นมาอย่างลี้ลับ

เทอร์ร่าตามขึ้นไปบนยอดผาอีกครั้ง ขณะที่วานิทัศก็ลงจากผามาหาเวนตุส เซอานอร์ทจึงมีโอกาสได้สู้ตัวต่อตัวกับเทอร์ร่า ซึ่งเซอานอร์ทก็ยั่วให้เทอร์ร่าปลดปล่อยพลังความมืดออกมา ขณะที่การต่อสู้ใต้ผาระหว่างเวนตุสกับวานิทัศกำลังเข้มข้น เซอานอร์ทก็ใช้คีย์เบลดของเขาดึงหัวใจออกจากร่าง และส่งหัวใจของเขาเข้าไปสิงสถิตในร่างของเทอร์ร่า ด้วยความตั้งใจที่จะมีชีวิตที่ยืนยาวอยู่จนกว่าจะได้เห็นผลลัพธ์ของสงครามคีย์เบลด ตอนนั้นเอง เทอร์ร่า-เซอานอร์ทก็ได้กลายเป็นตัวตนใหม่ของเซอานอร์ท ขณะที่ร่างเก่าของเขาก็หายไปในแสงสว่างพร้อมกับรอยยิ้ม
[Blank Points]
"แกเป็นเพียงหนึ่งในหนทางอันมากมาย ที่ข้าได้เลือกไว้เท่านั้น"
--มาสเตอร์เซอานอร์ทกล่าวกับเทอร์ร่า

มาสเตอร์เซอานอร์ทยังคงต่อล่อต่อเถียงกับเทอร์ร่าภายในร่างของเซอานอร์ทคนใหม่ ซึ่งเซอานอร์ทก็ยืนยันว่าในไม่ช้าหัวใจของเทอร์ร่าก็จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของเขา แต่กระนั้นเทอร์ร่าก็เชื่อมั่นว่าเขาจะสามารถขับไล่มาสเตอร์เซอานอร์ทออกไปได้ นอกจากนี้มาสเตอร์เซอานอร์ทยังพบว่าเทอร์ร่าได้ให้หัวใจของเอราคุสอาศัยอยู่ในหัวใจของเขาด้วย ซึ่งนั่นจะทำให้เทอร์ร่าสามารถต้านทานความมืดได้นานกว่าที่คาดเอาไว้ ทว่าเซอานอร์ทก็ได้เปรยไว้ว่าเขายังมีแผนอื่นๆ ที่ดำเนินไปพร้อมกันอีกเพียบ
[ระหว่าง Kingdom Hearts Birth by Sleep และ Kingdom Hearts II]
มาสเตอร์เซอานอร์ทได้เตรียมแผนรองรับมากมายไว้เผื่อในกรณีที่แผนการสร้าง X-เบลด จากเวนตุสและวานิทัศจบลงด้วยความล้มเหลว หนึ่งในนั้นก็คือการเข้าหาไบรก์ องครักษ์ที่จอมปราชญ์อันเซมไว้ใจ ให้มารับเป็นที่ปรึกษาและพวกพ้องของ เทอร์ร่า-เซอานอร์ท ที่สูญเสียความทรงจำภายหลังการต่อสู้กับอควอ และด้วยการชี้นำของไบรก์ เซอานอร์ทในร่างใหม่ก็ได้เริ่มต้นทำการทดลองเรื่องธรรมชาติของหัวใจและความมืดที่อยู่ข้างใน ด้วยความมุ่งหมายที่จะหาทางถอดหัวใจของตนออกมาจากร่าง ทั้งเซอานอร์ทและไบรก์ได้ชักจูงลูกศิษย์คนอื่นๆ ของอันเซมให้มาช่วยทำการทดลอง ซึ่งการกระทำนั้นได้เป็นการปลดปล่อยฮาร์ทเลสจำนวนมหาศาลเข้ามาสู่ Realm of Light
ลูกศิษย์ทั้งหลายได้ร่วมกันขับไล่จอมปราชญ์อันเซมไปสู่ Realm of Darkness จากนั้นพวกเขาก็ทำการทดลองกันต่อไป จนกระทั่งหัวใจของพวกเขาเองได้ตกสู่ความมืดมิด ซึ่งตอนนั้นเซอานอร์ทก็ได้ความสามารถในการใช้คีย์เบลดกลับคืนมา เขาถอดหัวใจของไบรก์ออกมาจากร่าง ก่อนที่จะยอมถวายหัวใจให้แก่ความมืด สิ่งที่เกิดขึ้นตามมาคือร่างฮาร์ทเลสของเขาที่เรียกว่า "อันเซม" อันเป็นการสวมรอยจอมปราชญ์อันเซมตัวจริง อีกทั้งยังเป็นการให้กำเนิดโนบอดี้ผู้มีนามว่า "เซมุนัส"
อันเซมและเซมุนัสต่างช่วยกันดำเนินแผนของมาสเตอร์เซอานอร์ทในคนละส่วน อันเซมได้ชักจูงให้นางแม่มดมาเลฟิเซนต์ช่วยรวบรวมหัวใจแห่งแสงบริสุทธิ์ทั้งเจ็ด ขณะที่เซมุนัสและโนบอดี้ของไบรก์ซึ่งมีชื่อว่า ซิกบาร์ ก็ได้ก่อตั้งองค์กรสิบสาม (จูซังคิคัง) ขึ้นมา ด้วยความตั้งใจที่จะหลอกสมาชิกขององค์กรให้กลายมาเป็นร่างภาชนะสำหรับใส่หัวใจของมาสเตอร์เซอานอร์ท ทว่าอันเซมก็คาดหมายไว้ว่าสมาชิกองค์กรชุดปัจจุบันอาจเป็นภาชนะที่ไม่เหมาะสม ด้วยเหตุนี้อันเซมที่ปราศจากร่างกาย เป็นเพียงหัวใจ จึงได้เดินทางข้ามกาลเวลาย้อนกลับไปหาเซอานอร์มในวัยหนุ่ม และมอบความสามารถในการท่องกาลเวลาให้ พร้อมมอบหมายให้เซอานอร์ทหนุ่มทำการรวบรวมตัวเขาในร่างต่างๆ จากแต่ละยุคสมัยให้มารวมตัวกัน
ขณะเดียวกัน อันเซมและเซมุนัสต่างก็มีความต้องการจะได้มาซึ่งพลังของ Kingdom Hearts อันเซมจึงควบคุมฮาร์ทเลสให้ไปกลืนกินหัวใจของดวงดาวต่างๆ ซึ่งหัวใจเหล่านั้นก็จะมารวมตัวกันเป็น Kingdom Hearts ที่ส่วนลึกของ End of the World ขณะที่เซมุนัสเองก็ให้ร็อคซัสและซิออนรวบรวมหัวใจจากฮาร์ทเลสประเภท Emblem จากนั้นก็หลอกล่อให้โซระทำแบบเดียวกัน เพื่อสร้าง Kingdom Hearts จากหัวใจของผู้คนขึ้นเหนือฟากฟ้าของดาว The World that Never Was ทว่าแผนเหล่านี้ก็ถูกยับยั้งโดยโซระและผองเพื่อน
[Kingdom Hearts coded]
"คนอย่างเซอานอร์ทคงได้เปิดหนทางทิ้งเอาไว้มากมาย"
--เยนซิดกล่าวต่อมิคกี้
เมื่อมิคกี้กลับไปยังหอคอยปริศนาอีกครั้ง เยนซิดได้อธิบายให้ฟังว่าการทำลายอันเซมและเซมุนัส ได้นำไปสู่การคืนชีพของมาสเตอร์เซอานอร์ทอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

เยนซิดใคร่ครวญว่าเซอานอร์ทคงได้วางแผนการ เตรียมหนทางให้กับตนเองไว้มากมาย และเยนซิดก็เชื่อว่าในอนาคตพวกเขาอาจต้องปะทะกับเซอานอร์ทมากกว่าหนึ่งคน ด้วยเหตุนี้ เขาจึงสั่งให้มิคกี้ไปเชิญโซระและริคุมายังหอคอย เพื่อเข้ารับการทดสอบเป็นมาสเตอร์
[Kingdom Hearts 3D: Dream Drop Distance]
"ฉันคือเซอานอร์ทจากอดีตอันไกลโพ้นที่สุด ตัวฉันในอนาคตได้มอบหมายหน้าที่ให้ฉันไปพบร่างแยกของฉันในดาวต่างๆ แล้วพาพวกเขามายังที่นี่ในวันนี้"
--เซอานอร์ทหนุ่มกล่าวต่อริคุ
เซอานอร์ทหนุ่มสามารถรวบรวมร่างแยกของเขาจากหลายยุคสมัยให้มารวมตัวกันได้สำเร็จ เมื่อรวมตัวเขาและมาสเตอร์เซอานอร์ทแล้ว ก็นับเป็นจำนวน 12 คน
ในตอนเริ่มการทดสอบความเป็นมาสเตอร์ของโซระและริคุ อันเซมที่ไร้ร่างกายได้ปรากฏตัวขึ้นในชุดคลุมสีน้ำตาล เขาได้สร้างตราสัญลักษณ์แห่งความนอกรีตไว้บนตัวของโซระ ซึ่งสัญลักษณ์นั้นทำให้พวกของเซอานอร์ทสามารถสะกดรอยตามโซระได้ นอกจากนี้พวกเขายังได้ชักจูงโซระให้ไดฟ์ไปตามสถานที่ที่พวกเขาต้องการ

ภายใน Realm of Sleep เซอานอร์ทหนุ่มได้ปรากฏตัวต่อหน้าโซระและริคุหลายครั้งหลายครา โดยมักจะมีอันเซมหรือเซมุนัสติดตามมาด้วยเสมอ เขามักพูดถึงเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างโซระกับหัวใจของผู้อื่น เรื่องอดีตอันมืดมนของริคุ และเรื่องที่ว่าพวกเขากำลังติดอยู่ในความฝัน
เนื่องจากริคุสามารถพัฒนาตนเองจนต้านทานต่อความมืดได้ เซอานอร์ทหนุ่มจึงเลือกให้โซระเป็นภาชนะสำหรับการบรรจุหัวใจของมาสเตอร์เซอานอร์ทลำดับที่ 13 ท้ายที่สุดโซระก็ถูกชักจูงออกมายัง The World that Never Was ในส่วนโลกแห่งความจริง ซึ่งไบรก์ (ซิกบาร์) ก็ได้อธิบายให้ฟังว่าตลอดการเดินทางที่ผ่านมาในครั้งนี้ โซระได้เดินไปตามแผนของพวกเขามาโดยตลอด จากนั้นเซอานอร์ทหนุ่มก็ทำให้โซระตกอยู่ในสภาพที่หลับลึก และทำให้โซระเห็นภาพลวงตาในอดีต โซระได้ฝันถึงผู้คนมากมายที่เชื่อมโยงกับเขา แต่ยิ่งเขาไล่ตามภาพลวงตาของความฝันนั้นไปมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งตกสู่การหลับใหลที่ลึกยิ่งขึ้นเรื่อยๆ แต่แล้วโซระก็สามารถตื่นขึ้นมาเผชิญหน้ากับไบรก์และเซมุนัส ซึ่งทั้งสองก็ได้เปิดเผยจุดประสงค์ที่แท้จริงขององค์กรสิบสาม และยอมรับว่าโนบอดี้สามารถงอกเงยหัวใจขึ้นใหม่ได้ โซระได้ต่อสู้กับเซมุนัสจนทำให้เซมุนัสที่พ่ายแพ้หนีไป แต่การต่อสู้นั้นทำให้เขาอยู่ในสภาพบอบช้ำจนเกือบจะหลับใหล แล้วเซอานอร์ทหนุ่มก็ปรากฏตัวขึ้นมาอีกครั้ง และย้ำเรื่องว่าตลอดการเดินทางในครั้งนี้โซระเพียงแต่เดินไปตามเส้นทางที่พวกเขาปูพรมไว้ ขณะที่โซระกำลังจะหมดสติไป เซอานอร์ทก็กล่าวทิ้งท้ายว่าโซระจะกลายเป็นสมาชิกองค์กรคนที่ 13 ให้กับพวกเขา
ขณะเดียวกัน ริคุที่มาถึง The World that Never Was ในส่วนโลกแห่งความฝัน ก็สามารถกำจัดอันเซมและออกมายังโลกแห่งความจริงได้ เขาไล่ตามโซระไปจนถึงปราสาทอันเป็นฐานทัพขององค์กรสิบสาม แต่แล้วเซอานอร์ทหนุ่มก็ปรากฏตัวขึ้นมาขัดขวางริคุไม่ให้เข้าใกล้โซระ เซอานอร์ทหนุ่มที่กลัวริคุและผู้เล่นไม่เข้าใจว่าพวกเขาจับโซระมาทำไม จึงได้กรุณาอธิบายจุดประสงค์ที่แท้จริงขององค์กรสิบสาม หน้าที่ของเขาในการรวบรวมร่างแยกต่างๆ จากแต่ละยุคสมัย ไล่มาถึงข้อสรุปที่ว่าเขาได้เลือกโซระให้เป็นภาชนะลำดับที่สิบสาม ว่าแล้วสมาชิกคนอื่นๆ ก็ปรากฏตัวขึ้นมาทีละคน แต่ก่อนที่มาสเตอร์เซอานอร์ทกำลังจะโผล่ออกมานั้น มิคกี้ก็ปรากฏตัวขึ้นพร้อมร่ายเวทย์ Stopza หยุดเวลารอบบริเวณนั้น มาสเตอร์เซอานอร์ทที่จิตมาถึงที่แห่งนั้นแล้ว จึงได้ย้ายจิตของเขาเข้าไปครอบงำร่างกายของเซอานอร์ทหนุ่ม ทำให้เซอานอร์ทหนุ่มสามารถเคลื่อนไหวในเวลาที่ถูกหยุดพร้อมทั้งเรียกคีย์เบลดออกมาได้ เซอานอร์ทหนุ่มที่ถูกมาสเตอร์เซอานอร์ทครอบงำอยู่ได้เข้าต่อสู้กับริคุ ซึ่งริคุดูจะเหนือกว่า ทว่าผลของเวทย์ Stopza ที่มิคกี้ร่ายไว้ก็หมดลง ทำให้กาลเวลากลับมาเดินตามปกติอีกครั้ง มาสเตอร์เซอานอร์ทจึงย้ายจิตกลับเข้าร่างของตนที่ถูกส่งมาถึงแล้ว
"ทว่าชะตากรรม เป็นสิ่งที่ไม่เคยเปิดโอกาสให้กับความบังเอิญ"
--มาสเตอร์เซอานอร์ทกล่าวต่อมิคกี้

มาสเตอร์เซอานอร์ทยอมรับต่อมิคกี้และริคุว่า ในอดีตเขาได้กระทำการโดยบุ่มบ่ามไป จึงไม่สามารถสร้าง X-เบลด ได้สำเร็จ แต่ตอนนี้เขามีหนทางในการสร้าง X-เบลด อีกวิธีหนึ่ง และนั่นจะทำให้สงครามคีย์เบลดปะทุขึ้นอีกครั้ง เขาเล่าว่าบทสรุปของสงครามคีย์เบลดเมื่อครั้งโบราณกาล ทำให้ Xเบลด ได้แตกออกเป็นความมืดทั้ง 13 และแสงสว่างทั้ง 7 เขาเป็นคนอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้มากมาย รวมถึงการให้นางแม่มดมาเลฟิเซนต์ไปจับตัวเจ้าหญิงแห่งหัวใจทั้ง 7 คน และการสร้างองค์กรสิบสามขึ้นมาเป็นภาชนะรองรับความมืดซึ่งก็คือชิ้นส่วนหัวใจของเขาเอง แต่ด้วยการแทรกแซงของริคุและโซระ ความอ่อนแอและการก่อกบฎของสมาชิกบางคน ทำให้แผนที่แบ่งเป็น 2 ส่วนทำท่าว่าจะล้มเหลว แต่กระนั้น อันเซมก็ได้ให้ถ่ายทอดความสามารถในการท่องกาลเวลาให้กับเซอานอร์ทหนุ่ม เซอานอร์ทหนุ่มจึงสามารถสร้างองค์กรสิบสามขึ้นใหม่จากตัวเขาเอง เหล่าร่างแยก และร่างภาชนะอื่นๆ ที่จะจับมาบรรจุหัวใจของเขาลงไป ทั้งหมดนี้ก็เพื่อจะนำมาเผชิญหน้ากับแสงสว่างทั้ง 7
มาสเตอร์เซอานอร์ทได้แบ่งหัวใจของเขาบางส่วนออกมา แล้วส่งมันเข้าหาโซระ ทว่าด้วยการปรากฏตัวขึ้นขัดขวางของลีอา โดนัลด์ และกู๊ฟฟี่ ก็ทำให้กลุ่มองค์กรที่ยังไม่สมบูรณ์ต้องล่าถอยไปก่อน แต่ก่อนที่มาสเตอร์เซอานอร์ทจะหายไป เขาได้กล่าวทิ้งท้ายไว้ว่าเมื่อถึงเวลา แสงสว่างทั้ง 7 และความมืดทั้ง 13 ก็จะครบจำนวนของมันเอง
เยนซิดและมิคกี้เห็นพ้องว่าพวกเขาคงต้องยอมเต้นไปตามแผนของมาสเตอร์เซอานอร์ท แต่พวกเขาจะทุเลาปัญหา ด้วยการรวบรวมผู้ใช้คีย์เบลด 7 คนมาเป็นผู้พิทักษ์แสงสว่างที่จะเผชิญหน้ากับความมืดทั้ง 13 แทนเหล่าเจ้าหญิงแห่งหัวใจ


(ภาพบน) เซอานอร์ทในวัยหนุ่ม และเซอานอร์ทในร่างชุดเกราะ

(ภาพบน) เซอานอร์ทหนุ่มที่ท่องกาลเวลามายังยุค Birth by Sleep ในฐานะพี่โม่งปริศนา
ขอบคุณภาพและข้อมูลประกอบจาก KHwiki.net

Monday, July 30, 2018

ริคุผู้ปรารถนาที่จะปกป้อง และโซระที่พอใจกับการเป็นส่วนเล็ก ๆ ของสิ่งที่ยิ่งใหญ่

19 มี.ค. 2013 

เมื่อวาน ผมพึ่งได้เริ่มเล่น KH 1.5 ไปนิดหน่อย (พึ่งเข้าวันเดอร์แลนด์) ถึงกระนั้นเนื้อหาช่วงต้นเกมก็น่าสนใจ และมีอะไรให้พูดถึงมากมาย นอกจากเรื่องเทคเจอร์ที่ถูกรีทัชจนคมกริบ ระบบบังคับตัวละคร 8 ทิศทางสุดเห่ย... โดนัลด์กับการกำกับที่ฮากระจายแล้ว เนื้อหาที่ผมอยากพูดถึงที่สุด ก็คือแนวคิดของริคุ 

ริคุคิดอยู่เสมอว่าทำไมพวกเขาถึงอยู่ที่เกาะนี้ ถ้ายังมีดาวอื่นๆ อีกมากมาย ทำไมพวกเขาถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะ? ถ้ามีดาวดวงอื่นอยู่จริง ดาวดวงนี้ก็คงเป็นแค่ชิ้นส่วนเล็กๆ ของสิ่งที่ยิ่งใหญ่ ดังนั้นเราก็น่าจะไปที่อื่นได้จริงมั้ย? 

ในขณะที่ริคุคิดแบบหัวก้าวหน้า พยายามเดินทางออกจากเกาะเล็กๆ นี้ตามรอยเซอานอร์ท และอยากจะก้าวไปสู่สิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่า พยายามเป็นตัวตนที่เข้มแข็ง ประสบความสำเร็จ ทว่าโซระกลับกล่าวไว้ในภาค 3D อย่างเสียดสีกันว่า "ฉันภูมิใจ ที่ได้เป็นส่วนเล็กๆ ของสิ่งที่ยิ่งใหญ่" 

โซระพูดออกมาหลังจากได้รู้ว่าพลังคีย์เบลดที่เขาปลดปล่อยมา ไม่ใช่พลังของเขาซะทีเดียว แต่เป็นพลังที่มาจากหัวใจของทุกคน ถึงคีย์เบลดจะไม่ได้เลือกตัวเขา แต่ใช้เขาเป็นทางผ่านในการปลดปล่อยพลังของทุกคน เป็นแบบนี้ก็ OK ดีอยู่แล้ว 

จะเป็นส่วนเล็กๆ หรือส่วนใหญ่ๆ.... ผมว่าเรื่องนี้คิดแบบไหนก็ไม่มีผิดถูก สังคมเราต้องประกอบด้วยทั้งผู้นำและผู้ตาม หากทุกคนแย่งกันเป็นผู้นำสังคมคงพินาศ.... การประกอบอาชีพก็เช่นกัน ไม่มีอาชีพไหนสำคัญที่สุด แต่ทุกอาชีพต้องเกื้อหนุนค้ำจุนกันและกัน การที่ริคุและโซระมีนิสัยที่แตกต่างกันสุดขั้ว แต่กลับอยู่ด้วยกันได้ เกื้อหนุนกันอย่างลงตัว ก็เหมือนภาพสะท้อนของสังคมที่ประกอบด้วยผู้คนที่แตกต่างกัน ทว่าทุกคนสามารถอยู่ด้วยกันอย่างปรองดองและทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุดแล้ว 

28 มี.ค. 2015 

วันนี้เมื่อ 13 ปีที่แล้ว Kingdom Hearts ภาคแรกได้เริ่มวางจำหน่ายในญี่ปุ่น และนั่นก็ถือเป็นจุดกำเนิดของซีรีส์ใหม่ที่ได้รับความนิยมล้นหลามไปทั่วโลก 

ตัวเกมดังกล่าวได้รับคะแนนเฉลี่ยจากสำนักวิจารณ์เกมทั่วโลก อยู่ที่ 85/100 คะแนน ทำยอดขายรอบโลก 6.4 ล้านชุด โดยมีลูกค้าส่วนใหญ่อยู่ในแถบอเมริกาเหนือ 

สำหรับเรื่องราวนั้น อาจกล่าวได้ว่า Kingdom Hearts คือร่างรวมของหัวใจของทุกสรรพสิ่งในจักรวาล (สถานะคล้ายไลฟ์สตรีมหรือเกรทสปิริต แต่เป็นระดับจักรวาลว่างั้นเถอะ) ทุกหัวใจล้วนเกิดมาจาก Kingdom Hearts และกลับคืนสู่ Kingdom Hearts ด้วยความที่มันเป็นแก่นแท้ของสิ่งมีชีวิตทั้งมวล มันจึงมีพลังงานมหาศาล และมีวายร้ายที่หมายปองจะครอบครองมันเพียงหนึ่งเดียวเพื่อจุดประสงค์ในการสร้างจักรวาลในอุดมคติ 

เรื่องราวดังกล่าว คงจะไม่สมบูรณ์ หากขาดซึ่ง "โซระ" เด็กหนุ่มผู้มีหัวใจซื่อบริสุทธิ์ เด็กผู้มีพรสวรรค์ระดับหนึ่ง แต่มีโชคลาภวาสนาและอำนาจลี้ลับจากผู้กำกับหนุนหลังอย่างไม่น่าให้อภัย ประกอบกับเพื่อนซี้ "ริคุ" ที่มากด้วยพรสวรรค์และความสามารถ แต่เก่งเกินไปจนโดนตัวร้ายยึดร่างบ้างล่ะ เป็นได้แค่พระรองบ้างล่ะ 

ในขณะที่ริคุคิดว่าโลกที่เขาอยู่ช่างเล็กยิ่งนัก เขาอยากออกไปท่องจักรวาล ค้นหาจักรวาลอันกว้างใหญ่ ฝึกฝนตัวเองให้แข็งแกร่งขึ้นเพื่อที่จะปกป้องผู้อื่นได้ แต่โซระกลับคิดว่า เขาไม่เก่งก็ไม่เป็นไร ให้เขาเป็นเพียงภาชนะของผู้ใช้คีย์เบลดที่แท้จริงก็ได้ จะให้เขาเป็นเพียงทางผ่านในการส่งพลังของทุกคนมารวมกันก็ได้ เขาภูมิใจที่ได้เป็นส่วนเล็ก ๆ ของสิ่งที่ยิ่งใหญ่ 

สำหรับ Kingdom Hearts III นั้นมีข่าวคราวครั้งล่าสุดเมื่อปลายปีที่แล้ว ซึ่งได้มีการเอาเทรลเลอร์ล่าสุดไปฉายในงานวางจำหน่ายเกมที่อเมริกา แต่ไม่มีการเปิดเผยเทรลเลอร์นั้นออกสู่สาธารณะ และในช่วงเดือนธันวาคมที่ผ่านมานั้น ทีมงานยังไม่สามารถคัดเลือกดาว Disney ที่จะมาปรากฏในเกมได้ เนื่องจากขั้นตอนการพิจารณาคัดเลือกดาวที่เหมาะสมกับเนื้อเรื่องนั้นใช้เวลาพอสมควร และยังต้องใช้เวลาในการเจรจากับทาง Disney นานกว่าจะได้ข้อสรุปว่าจะเอาดาวแต่ละดวงมาใช้ได้หรือไม่ และทาง Disney จะยินยอมให้เอาคาแรคเตอร์มาใช้ได้มากเพียงไร ในตอนนี้ทางค่ายเลยได้แต่สร้างและพากย์เสียงเนื้อหาในส่วนของดาวออริจินอลไปพลาง ๆ 

บทแปลฉากสุดท้ายของเกม Kingdom Hearts (ภาคแรก)

(เขียนขึ้นเมื่อ 16/03/2007)

โซระ : เหอ?

โดนัลด์ : มีอะไรผิดปกติเหรอ?

โซระ : นายไม่ได้ยินเสียงอะไรเหรอ อ๊ะ! นั่นไง

มิคกี้ : ระวังให้ดี นี่คือจุดพักสุดท้ายที่เธอจะสามารถหาได้ในที่แห่งนี้ พ้นจากนี้ไปจะไม่มีแสงสว่างใดที่จะช่วยปกป้องเธอได้ แต่ไม่ต้องกลัว หัวใจของเธอคืออาวุธที่ทรงพลังที่สุด จำไว้นะ เธอคนเดียวเท่านั้นที่สามารถเปิด Door to the Light ได้

โดนัลด์ : ฉันไม่เห็นได้ยินเสียงอะไรเลย

โซระ : แปลกจัง... ทั้งที่เป็นเสียงที่คุ้นเคย ทว่าบางทีฉันคงคิดไปเอง

โดนัลด์ : นายไปพักดีกว่านะ!

(โซระเปิดประตูไปยังดินแดนที่ดูเหมือน Destiny Islands)

โซระ : นี่มัน...นี่มันเกาะของฉัน?

(เพื่อนๆตามโซระที่วิ่งเข้าไปยังถ้ำลับของเขา)

เสียงของเซอานอร์ทฮาร์ทเลส : โลกนี้ได้ถูกเชื่อมต่อแล้ว

(สิ่งต่างๆบนเกาะเริ่มหายไป)

กูฟฟี่ : อะไรกันเนี่ย?

เสียงของเซอานอร์ทฮาร์ทเลส : พันธนาการกับความมืดมิด... และในไม่ช้าก็จะมืดสนิทลง ยังมีเรื่องอีกมายมายที่ต้องเรียนรู้

(มหาสมุทรถูกย้อมด้วยสีม่วง)

เสียงของเซอานอร์ทฮาร์ทเลส : แกเข้าใจอะไรแค่เสี้ยวเศษ ความพยามยามที่ไร้ความหมาย คนที่ไม่รู้อะไรเลยย่อมไม่สามารถจะเข้าใจอะไรได้เลย

(ริคุในร่างมืดปรากฏตัวขึ้น กลุ่มของโซระตามเข้าไปประชิดทันที)

เซอานอร์ทฮาร์ทเลส : เมื่อมองดูสถานที่เล็กๆแบบนี้ มองไปยังหัวใจที่เสาะหาอิสรภาพ สำหรับพวกเขาเกาะนี้ก็ไม่ต่างอะไรไปจากคุกที่ถูกโอบล้อมโดยผืนน้ำ เจ้าเด็กคนนี้ได้มองหาหนทางที่จะออกจากคุกแห่งนี้ เขามองหาหนทางที่จะก้าวข้ามไปยังโลกใบอื่น แล้วเขาก็ได้เปิดใจยอมรับความมืดมิด

(ริคุกลายร่างเป็นเซอานอร์ท)

โซระ : ริคุ!

เซอานอร์ทฮาร์ทเลส : อย่ามารบกวน เสียงของแกไม่มีวันไปถึงที่ๆ เขาอยู่หรอก หัวใจของเขาได้ตกเป็นของความมืดอีกครั้ง โลกทุกใบล้วนเริ่มขึ้นจากความมืดมิด และล้วนต้องกลับคืนสู่ความมืดมิด หัวใจก็ไม่ต่างกัน ความมืดจะแผ่ขยายอยู่ข้างใน มันจะงอกเงยและกลืนกินหัวใจตามธรรมชาติของมัน ท้ายที่สุด หัวใจทุกดวงก็จะกลับคืนสู่ความมืดมิดซึ่งเป็นที่ๆ มันจากมา

(เซอานอร์ทหายวับไปและปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศบริเวณด้านหลังของพวกโซระ)

เซอานอร์ทฮาร์ทเลส : เข้าใจรึยัง ความมืดก็คือแก่นแท้ของหัวใจ

โซระ : ไม่จริง! หัวใจอาจเป็นสิ่งที่อ่อนแอ และในบางครั้งมันก็อาจพ่ายแพ้ ทว่าฉันได้เรียนรู้... ว่าส่วนลึกของมัน ที่นั่นมีแสงสว่างซึ่งไม่มีวันดับสูญ!

(เซอานอร์ทฮาร์ทเลสลอยขึ้นเล็กน้อย)

เซอานอร์ทฮาร์ทเลส : พวกแกมาถึงขั้นนี้แล้ว แต่กลับยังไม่เข้าใจอะไร แสงสว่างทั้งหมดต้องเลือนหายไป หัวใจทุกดวงต้องกลับคืนสู่ความมืดมิด!

(พวกโซระตุ๊บตั๊บและตั๊บตุ๊บกับเซอานอร์ท หลังจากที่ระฆังยกสามดังขึ้นแล้ว กลุ่มของโซระก็ได้มาอยู่ท่ามกลางความว่างเปล่าอันมืดมิด)

โซระ : เหวอ

เซอานอร์ทฮาร์ทเลส : ดูที่ห้วงเหวอันไร้ที่สิ้นสุดสิ! ด้านในนั้นเป็นที่ตั้งของ Heart of all Worlds : Kingdom Hearts!

(ประตูสีขาวปรากฏขึ้นมา สิ่งนั้นคือ Kingdom Hearts ของเซอานอร์ท)

เซอานอร์ทฮาร์ทเลส : ดูซะให้เต็มตา แกจะไม่พบแม้กระทั่งแสงสลัวเล็กๆ จากห้วงลึกซึ่งเป็นที่ๆ หัวใจทุกดวงได้ถือกำเนิดขึ้นมา รวมทั้งหัวใจของแก

เซอานอร์ทฮาร์ทเลส : ความมืดได้พิชิตโลกทั้งหมดแล้ว!

(ทันใดนั้น กูฟฟี่และโดนัลด์ก็ถูกดูดเข้าไปในช่องมิติ โซระที่อยู่ท่ามกลางห้วงเหวอันไร้ที่สิ้นสุดกำลังตกลงมา ทว่า...ทันใดนั้นเอง...)

เสียงของริคุ : ยอมแพ้แค่นี้เหรอ? เอาเลยโซระ ฉันเชื่อว่านายแข็งแกร่งยิ่งกว่านี้!

(ด้วยเสียงของริคุ โซระจึงฮึดขึ้นมาอีกครั้ง ฮีโร่ของเราบินไปช่วยกูฟฟี่และโดนัลด์ก่อนที่พวกเขาจะมาช่วยกันรุมซ้อมเซอานอร์ทจนหมดสภาพ)

เซอานอร์ทฮาร์ทเลส : ไร้ประโยชน์น่ะ ลำพังคีย์เบลดไม่สามารถปิดผนึก Door to the Darkness ได้หรอก, Kingdom Hearts! จงเพิ่มพลังแห่งความมืดให้แก่ข้า...

(ประตูของ Kingdom Hearts เปิดออกโดยที่มีหมอกควันสีดำล่องลอยออกมา)

เซอานอร์ทฮาร์ทเลส : ความมืดอันสุดยอด...

โซระ : นายผิดแล้ว! ในที่สุดฉันก็เข้าใจอย่างแจ่มแจ้งว่า Kingdom Hearts คือแสงสว่าง!

(แสงปรากฏขึ้นจากประตูของ Kingdom Hearts แสงอันสว่างจ้าจนทำให้เซอานอร์ทแสบตา)

เซอานอร์ทฮาร์ทเลส : แสงสว่าง? ทำไมกัน...?

(เซอานอร์ทฮาร์ทเลสหายไป แต่ประตูของ Kingdom Hearts ยังคงเปิดอ้าอยู่เล็กน้อย พวกโซระรีบวิ่งเข้าไปโดยหมายที่จะปิดมัน)

โซระ : ไปกันเถอะ!

(ขณะที่พวกโซระกำลังออกแรงดันประตู กูฟฟี่ถึงกับต้องชะงักเมื่อเขาเห็นอะไรบางอย่าง)

โดนัลด์ : เลิกจ้องแล้วดันต่อไปสิ!

(ทันใดนั้นเอง ทั้งสองก็ได้มองเห็นฮาร์ทเลสจำนวนมหาศาลที่อยู่ด้านหลังประตู)

โดนัลด์และกูฟฟี่ : พวกฮาร์ทเลส!?

โดนัลด์ : ต้องรีบแล้ว!

โซระ : ฉันทำไม่ได้...

ริคุ : อย่ายอมแพ้สิ!

(ริคุปรากฏตัวขึ้นที่อีกฟากหนึ่งของประตู)

ริคุ : เอาเลยโซระ! พวกเราช่วยกันทำได้แน่!

โซระ : โอเค!

(ขณะที่ทุกคนกำลังช่วยกันปิดประตู เหล่าฮาร์ทเลสก็เริ่มเข้าประชิดริคุ)

โดนัลด์ : ไม่มีทางแล้ว!

(ทันใดนั้นเองฮาร์ทเลสก็ค่อยๆถูกสอยคว่ำทีละตัวสองตัว กูฟฟี่และโดนัลด์มองเห็นใครบางคนที่โอบล้อมแสงสว่างอันสุกสกาวอยู่ด้านใน เขาคือราชามิคกี้นั่นเอง)

โดนัลด์กับกูฟฟี่ : ฝ่าบาท!

มิคกี้ซึ่งชูคีย์เบลดสีทองขึ้นมา : ตอนนี้แหละโซระ! มาปิดประตูกันเถอะ!

โดนัลด์ : ปิดมันเร็ว!

โซระ : แต่ว่า...

มิคกี้ : ไม่ต้องห่วง มันจะต้องมี Door to the Light อย่างแน่นอน

กูฟฟี่ : โซระ เชื่อฝ่าบาทเถอะ

ริคุ : เดี๋ยวนี้เลย! พวกมันมาแล้ว!

มิคกี้ : โดนัลด์ กูฟฟี่ ขอบใจนะ

(ทุกคนช่วยกันปิดประตู แต่ก่อนที่ประตูจะปิดสนิทลง ริคุมีประโยคหนึ่งที่จะอยากจะบอกกับโซระ)

ริคุ : ดูแลเธอด้วยนะ...

(โซระพยักหน้าก่อนที่ประตูจะปิดลง เขาและมิคกี้ใช้ต่างใช้คีย์เบลดของตัวเองเพื่อปิดผนึกประตูลงพร้อมๆกัน ทว่าหลังจากนั้นเอง โซระก็ได้ก็ได้มองเห็นไครี่ที่กำลังถูกปรากฏการณ์ธรรมชาติส่งกลับไปยังโลกของเธอ โซระรีบเข้าไปหาไครี่ โดนัลด์กำลังจะวิ่งตามเข้าไปแต่กูฟฟี่ก็เข้ามาห้ามไว้เสียก่อน)

โซระ : ไครี่!

ไครี่ : โซระ!

(ผืนดินที่ทั้งสองคนต่างย่ำอยู่ค่อยๆแยกออกจากกัน โซระและไครี่ต่างก็รีบจับมือของกันและกันไว้)

โซระ : ไครี่ ยังจำสิ่งที่เธอพูดก่อนหน้านี้ได้มั้ย? ฉันจะอยู่กับเธอเสมอ แล้วฉันจะกลับมาหาเธอนะ ฉันสัญญา!

ไครี่ : ฉันเชื่อว่าเธอจะกลับมา!

(เขาทั้งสองไม่อาจเหนี่ยวรั้งกันและกันไว้ได้อีกต่อไป ไครี่ถูกทิ้งให้อยู่ตามลำพัง ทันใดนั้นบทเพลงแห่งแสงสว่างอำไพก็ได้ถูกบรรเลงขึ้นมา เธอได้กลับมาสู่เกาะของเธอตามเดิม เกาะที่ทุกๆสิ่งทุกๆอย่างกำลังฟื้นคืนกลับมา แสงแห่งความหวังอันระยิบร่วงหล่นมาบนมือของเธอ เธอเงยหน้าขึ้นไปมองฟากฟ้าและเห็นหมู่ดาวอันสุกสกาว ฝนดาวตกอันงดงามกำลังร่วงหล่นลงมา ธรรมชาติอันงดงามกำลังจะกลับคืนมาอีกครั้ง)

(เมื่อทุกอย่างกลับเป็นปกติแล้ว ไครี่จึงได้เข้าไปในถ้ำลับที่เธอกับโซระเคยมาฝากงานศิลปะเอาไว้ เมื่อเธอได้เห็นภาพที่โซระมอบผล Paopu ให้ไครี่ทาน ภาพแห่งความทรงจำของโซระปรากฏขึ้นและฉีกยิ้มให้กับไครี่ก่อนที่จะหายไป ไครี่ยิ้ม...ก่อนที่หยาดน้ำตาของเธอจะค่อยๆไหลรินออกมาจากนัยน์ตาดวงเล็กๆ เธอหยิบก้อนหินก้อนหนึ่งขึ้นมา และเริ่มต่อเติมรูปนั้นจนกลายเป็นภาพที่โซระและไครี่ต่างก็กำลังมอบผล Paopu ให้แก่กันและกันทาน)

(อีกด้านหนึ่ง พวกของโซระกำลังเดินอย่างอิดโรยอยู่บนถนนกลางทุ่ง)

โดนัลด์ : ตอนนี้เราจะทำอะไรกันดี?

โซระ : เราต้องหาริคุและราชามิคกี้ให้พบ

กูฟฟี่ : แต่เอ่อ...แล้วเราจะเริ่มต้นหา Door to the Light จากที่ไหนล่ะ?

(เมื่อรู้ว่าไร้ซึ่งหนทางที่จะไป พวกของโซระจึงถอนหายใจและคอตกลงพร้อมกัน แต่ในตอนนั้นเอง โซระก็ได้เห็นพลูโตเดินตัดหน้า แถมยังคาบอะไรเอาไว้ในปากด้วย)

โดนัลด์ : พลูโต?

กูฟฟี่ : เฮ้ พลูโต แกไปไหนมา?

โดนัลด์ : (มองไปยังสิ่งที่พลูโตคาบอยู่) เฮ่ย!

กูฟฟี่ : เกาวรสฮ์~ นั่นมันตราของราชานี่นา!

โซระ : เฮ้ นายเห็นราชามิคกี้บ้างมั้ย?

(พลูโตไม่ตอบแต่กลับวิ่งนำทางไป)

โซระ : ทุกคน ไปกันเถอะ!

(พวกโซระไล่ตามพลูโตไปเรื่อยๆ ใบหน้าของโซระเผยให้เห็นรอยยิ้มของความยินดี โดนัลด์กับพลูโตก็กำลังอารมณ์ดีราวกับว่าพวกเขากำลังก้าวลงเรือที่กำลังจะออกไปผจญภัยครั้งใหม่)

มิคกี้ : จำไว้นะโซระ เธอคนเดียวเท่านั้นที่สามารถเปิด Door to the Light ได้

บทแปล Secret Ansem Reports จากเกม Kingdom Hearts II

(เขียนขึ้นเมื่อ 18/03/2007)

= = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = =
Secret Ansem Report 1
= = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = =

(ในที่สุด) ความมานะบากบั่นพยายามในช่วงที่หลายปีที่ผ่านมาก็ฉันก็ได้บรรลุผลแล้ว เมื่อโลกที่ฉันปกครองอยู่ได้กลายมาเป็นสรวงสวรรค์อันควรค่าแก่การเรียกว่า Radiant Garden

ด้วยการหล่อเลี้ยงของหยาดน้ำบริสุทธิ์ที่เป็นบ่อเกิดของชีวิต ดอกไม้อันหอมหวนอบอวลจึงเบ่งบานออกมาอย่างอุดมสมบูรณ์ ในแต่ละวันใบหน้าของเหล่าผู้คนจึงล้วนเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มแห่งความหวัง

ทว่าที่ใดที่มีแสงสว่าง ที่นั่นย่อมมีความมืดแอบแฝงอยู่

ดังที่กล่าวไว้ในบันทึกฉบับก่อนๆของฉัน ฉันต้องคลี่คลายปริศนาของ ความมืดในหัวใจ ให้จงได้ ความเป็นอยู่ของสวรรค์แห่งนี้ขึ้นอยู่กับมันแล้ว

ฉันได้ตระเตรียมการทดลองเพื่อค้นหาความหยั่งลึกในหัวใจของมนุษย์ ศิษย์คนหนึ่งของฉัน เซอานอร์ท ได้อาสามาเป็นร่างทดลองให้

ชายหนุ่มผู้นี้ได้เข้ามารับใช้ฉันตั้งแต่คราที่ฉันได้พยาบาลเขา จนเขารอดกลับมาจากหน้าประตูยมโลกเมื่อหลายปีก่อน

ในตอนนั้นเขาได้สูญเสียความทรงจำทั้งหมดที่เขามี แต่หลังจากนั้นเขาก็ได้โชว์ศักยภาพในการกระหายใคร่รู้อันน่าทึ่ง เขาเรียนรู้สิ่งที่ฉันเพียรสอนได้อย่างรวดเร็ว และได้รับพลังปัญญาอันลึกซึ้งยิ่ง แน่นอนว่าสภาวะจิตใจที่ยังไม่โตเต็มที่ของเขานี้ เป็นผลมาจากความที่เขายังอ่อนเยาว์อยู่นั่นเอง

ถ้าฉันตรวจสอบจิตใจของเซอานอร์ทด้วยวิธีการทางจิตวิทยา บางทีฉันอาจสามารถรื้อฟื้นความทรงจำที่ถูกผนึกอยู่ภายในจิตใจของเขาก็เป็นได้ เอเว่น ศิษย์ของฉันได้แสดงความสนใจเกี่ยวกับเรื่องความทรงจำของเซอานอร์ทเช่นกัน

แต่...เขาเป็นร่างทดลองที่ถูกต้องอย่างแท้จริงแล้วหรือ?

เซอานอร์ทน่ะ ได้แสดงพรสวรรค์อันมากมายที่พิเศษเหนือกว่าคนธรรมดาออกมานะ

พิเศษจนเกินไปด้วยซ้ำ...

บางที นานาพรสวรรค์ของเขาคงเทียบได้ดั่งยอดมนุษย์เลยกระมัง

= = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = =
Secret Ansem Report 2
= = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = =

ฉันได้สร้างความผิดพลาดอันร้ายแรงขึ้นมา

การวิจัยเรื่อง ความมืดในหัวใจ ของฉันได้เริ่มต้นด้วยวิธีการทางจิตวิทยาง่ายๆ แล้วก็ทวีความเปลี่ยนแปลงขึ้นอย่างรวดเร็ว

ด้วยคำแนะนำย้ำเตือนของศิษย์ผู้เยาว์วัยที่สุดของฉัน เยนโซ ฉันจึงสร้างห้องทดลองขนาดมหึมาขึ้นที่ชั้นใต้ดินของปราสาทของฉัน

จากนั้นศิษย์ทั้ง 6 ของฉันก็ได้เริ่มรวบรวมร่างทดลองปริมาณมากสำหรับการตระเตรียมการทดลองสุดอันตรายในหัวข้อ ความมืดในหัวใจ โดยที่ฉันไม่รู้

เมื่อฉันจับได้ ฉันจึงเรียกศิษย์ทุกคนมาพบอย่างพร้อมเพียง และออกคำสั่งแก่พวกเขา ไม่เพียงแต่สั่งให้ยุติการวิจัย แต่ยังสั่งให้ทำลายผลการทดลองทั้งหลายที่พวกเขาค้นพบจากการวิจัยให้จบลงแต่เพียงเท่านี้

เกิดอะไรขึ้นภายในหัวใจของศิษย์ทั้ง 6 ที่ฉันรัก?

ขณะที่กำลังไล่ตามปริศนาของความมืดในหัวใจ พวกเขาได้หลงเข้าไปในความลุ่มลึกของของมันอย่างนั้นหรือ?

ฉันคงเป็นคนที่โง่งมที่สุด ที่เริ่มต้นการทดลองเหล่านี้ขึ้นมา

พวกเราไม่ควรที่จะแทรกแซงลงไปในความลุ่มลึกของจิตใจผู้อื่น ไม่ว่าพวกเราจะมีเหตุผลใดๆก็ตาม...

และแล้วความผิดพลาดนี้ ก็ได้ทำให้ฉันตกอยู่ในความสิ้นหวัง

ผู้มาเยือนจากโลกอื่นได้เข้ามาปลอบโยนดวงวิญญาณของฉันที่กำลังเศร้าซึม

ราชาร่างเล็กนามมิคกี้ผู้มาพร้อมกับกุญแจในตำนานที่ถูกกวัดแกว่งไปมา ชื่อที่น่ารังเกียจที่สุด คีย์เบลด ซึ่งถูกเล่าขานว่ามันจะนำทั้งหายนะและความรุ่งเรืองมาสู่โลก

เขาช่างเป็นผู้ที่รอบรู้ในเรื่องราวต่างๆมากมาย มิตรภาพระหว่างเรายิ่งลึกซึ้งมากขึ้นเมื่อเราสามารถพูดคุยกันได้อย่างถูกคอ

ด้วยคำแนะนำของเขา ฉันจึงตัดสินใจที่จะรวบรวมข้อมูลที่ได้จากห้องทดลองใต้ดิน

นั่นคือเวลาที่ฉันได้ค้นพบ Ansem Reports

แม้ว่าพวกเขาจะเบื่อหน่ายกับชื่อของฉัน แต่บันทึกเพียงฉบับเดียวที่ฉันเขียนก็คือฉบับที่ 0

เขาได้จับปากกาขึ้นเขียนฉบับที่ 1 ถึง 8 ขึ้นมาด้วยตัวของเขาเอง

ใช่ (ฉันหมายถึง) หัวข้อแรกในการทดลองสุดโง่งมของฉัน

= = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = =
Secret Ansem Report 3
= = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = =

หายนะที่เกิดขึ้นไม่เพียงกระทบต่อโลกใบนี้ หากแต่ยังส่งผลต่อโลกใบอื่นรอบๆ

ใน Ansem Reports เซอานอร์ท ศิษย์ของฉันได้เขียนมันขึ้นมาภายใต้ชื่อของฉัน ฉันได้ค้นพบบันทึกการทดลองอันน่าสะพรึงกลัวของเขานี้พร้อมกับบันทึกข้อสันนิษฐานเกี่ยวกับประตูที่ปรากฏขึ้นท่ามกลางความมืดของชั้นใต้ดิน

ทุกสรรพชีวิตย่อมมีหัวใจ และทุกหัวใจย่อมมีความมืดมิดซุกซ่อนอยู่ภายใน

โลกต่างๆก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น ถ้าโลกเป็นสิ่งที่มีชีวิต หัวใจของมันคงต้องมหึมามาก...

...และความมืดมิดที่แก่นกลางของมัน ก็คงต้องใหญ่โตมหาศาลอย่างแน่นอน

เซอานอร์ท ได้ผ่านประตูเข้าไปด้วยความตั้งใจที่จะติดต่อกับ Dark Realm อย่างนั้นหรือ?

ไม่, ไม่เพียงแต่เซอานอร์ท

ศิษย์คนอื่นๆอีกทั้ง 5 คนของฉัน ล้วนเชื่อว่ามันเป็นการทำเพื่อประโยชน์ในการวิจัย พวกเขาจดจ้องเข้าไปในความมืดมิด แต่แล้วกลับถูก (ความมืดนั้น) กลืนกินเข้าไป

เอเว่น เยนโซ เบรก ดิแลน เอเลอุส

พวกเขามิใช่มนุษย์อีกต่อไปแล้ว

ฉันเองก็ได้ถูกแย่งชิงทุกสิ่งทุกอย่างไป แล้วก็ถูกขับไล่ไปยัง Realm of Nothingness อันว่างเปล่า

เซอานอร์ทหวังสิ่งใดจากการขโมยตัวตนของฉันกันนะ?

เหล่าผู้คนของฉันถึงคราสูญสิ้นรอยยิ้มแล้วงั้นหรือ?

ถ้าแสงแห่งความหวังดับสูญ นับแต่นั้นฉันคงต้องเดินโดยมีความมืดเคียงข้างดั่งมิตร

ที่นี่ ภายใน Realm of Nothingness ที่ฉันได้ถูกเนรเทศไป

ความมืดคือแก่นกลางของว่างเปล่า

Darkness in Zero

ด้วยเหตุนี้ ฉันจะมีชื่อว่า DiZ

(ฉันจะ) ทิ้งชื่อที่ถูกขโมยไปแล้วอย่าง Ansem

และมุ่งหน้าเพื่อค้นหาหนทางในการล้างแค้น

= = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = =
Secret Ansem Report 4
= = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = =

วันคืนอันยาวนานที่ผ่านพ้นมาบนสรวงสวรรค์ คงเป็นเพียงแค่ภาพลวงตาสำหรับฉันในตอนนี้

นานแค่ไหนแล้วที่ฉันมาอยู่ที่นี่ นับตั้งแต่ที่ถูกขับไล่มายัง Realm of nothingness?

ณ ที่ๆการดำรงอยู่มิอาจมีอยู่ ฉันสามารถรักษาตัวตนของฉันเอาไว้ได้ เพียงเพราะการยึดมั่นในความโกรธแค้นและเกลียดชังของฉัน

หัวใจของฉันถูกครอบงำโดยความเกลียดชังต่อศิษย์ทั้งหลาย ถูกครอบครองโดยความมืดมิด และด้วยความโกรธแค้น ฉันจึงรู้สึกได้ถึงความโง่เง่าที่ฉันปล่อยให้ตัวเองถูกทรยศ

ความมืดงั้นหรือ คือสิ่งที่กลืนกินหัวใจของฉัน? 

เซอานอร์ทและคนอื่นๆ ตั้งใจจะทำอะไรกันนะ?

ฉันต้องไขปริศนาของ Ansem Report เหล่านี้ เพื่อขัดขวางเหล่าลูกศิษย์ของฉัน และกำจัดพวกเขาลงให้จงได้

นั่นคือภารกิจของฉัน...หนทางเดียวสำหรับการชดใช้บาปที่ฉันมีต่อโลก

สิ่งมีชีวิตที่ปราศจากหัวใจ ฮาร์ทเลส ต้องเป็นกุญแจแน่

ความมืดมิดของหัวใจคือสิ่งที่สร้างร่างเนื้อขึ้นมา (ให้กับมัน) เงาต้องสาปที่ไม่เพียงปราศจากหัวใจ แต่ยังเพิ่มจำนวนได้ด้วยการแย่งชิงหัวใจของทุกสรรพชีวิต

พวกมันมาจากที่แห่งใด และพวกมันกำลังจะไปไหน?

3 สิ่งอันประกอบกันขึ้นเพื่อก่อเกิดชีวิต : หัวใจ วิญญาณ และร่างกาย

ทว่าอะไรคือสิ่งที่วิญญาณและร่างกายหลงเหลือเอาไว้ เมื่อหัวใจสูญเสียไป?

เมื่อวิญญาณแยกออกจากร่างกายอันเป็นภาชนะของมัน ชีวิตก็ต้องถึงแก่ความตาย แต่ถ้าเป็นกรณีที่หัวใจแยกออกมาล่ะ?

เมื่อหัวใจแยกออกจากร่างกาย การดำรงอยู่มิได้ดับสูญลง หัวใจเพียงแต่หายเข้าไปในความมืดมิดตามลำพัง

เหลือเวลาอยู่น้อยเกินไป

หากว่าฉันได้อยู่ในดินแดนแห่งนี้นานกว่านั้น ฉันคงจะค้นพบคำตอบที่ได้มาอย่างยากลำบากนี้แน่นอน

หัวใจของฉันได้ถูกครอบงำโดยความมืดเสียแล้ว

= = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = =
Secret Ansem Report 5
= = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = =

ในดินแดนแห่งนี้ ที่ๆ ทุกสรรพชีวิตได้สูญสลายไปจนสิ้น เพียงแค่การคิดและเขียนต่อไป แทบจะทำให้ฉันมิอาจรักษาตัวตนของฉันเอาไว้ได้

มันคือที่ๆกระทั่งเวลาก็ยังเป็นสิ่งที่ไร้ซึ่งความหมาย ณ ที่แห่งนี้ ความนิจนิรันดร์ก็มิได้ต่างอะไรกับเวลาเพียงชั่วครู่

ฉันต้องรีบแล้ว พวกมันคงเริ่มดำเนินการตามแผนแล้วแน่

ฮาร์ทเลสคือกุญแจสำหรับไขปริศนานี้

เจ้าหกผู้ทรยศได้ใช้ห้องทดลองเพื่อสร้างเหล่าเงาต้องสาปขึ้นมา

พวกเขาไม่เพียงสร้างฮาร์ทเลส Pureblood (พันธุ์บริสุทธิ์) ขึ้นจากหัวใจของสิ่งมีชีวิต แต่ยังได้ใช้ฮาร์ทเลสเหล่านี้ในการสังเคราะห์เจ้าพวกสิ่งมีชีวิต (ฮาร์ทเลส) ในแบบเทียมขึ้นอีกด้วย

(ร่างของ) ฮาร์ทเลสที่ถูกสังเคราะห์ขึ้นนั้นมีตราสัญลักษณ์เกิดขึ้น พวกมันถูกเรียกว่า Emblem

Pureblood และ Emblem ฮาร์ทเลสเหล่านี้กระทำเพื่อเติมเต็มความต้องการตามสัญชาตญาณของพวกมันเท่านั้น พวกมันเพียงมุ่งมั่นกับการเสาะหาหัวใจ และมุ่งไปรุมล้อมรอบมันเท่านั้น

คำสั่งของมนุษย์นั้นไร้ผล : ฮาร์ทเลสสามารถขโมยหัวใจของมนุษย์ไปอย่างง่ายๆ และใช้หัวใจนั้นเพื่อยกระดับตัวของมันเอง

แต่จะเกิดอะไรขึ้นหากฮาร์ทเลสที่แข็งแกร่งกว่าเป็นผู้ออกคำสั่ง

ถ้าเขาปลดปล่อยดวงวิญญาณและร่างกายของเขา และกลายเป็นฮาร์ทเลสด้วยตัวของเขาเอง เขาจะสามารถควบคุมฮาร์ทเลสตนอื่นๆที่ไม่เชื่องได้หรือไม่?

ยิ่งไปกว่านั้น เขากำลังวางแผนที่จะใช้ประโยชน์จากสัญชาตญาณของเจ้าพวกสิ่งมีชีวิตเหล่านี้อยู่หรือเปล่า? ถ้าฮาร์ทเลสที่เสาะหาหัวใจชอบจับจ้องไปที่หัวใจที่ใหญ่กว่า หัวใจซึ่งทรงพลังกว่า เป้าหมายของพวกมันก็เป็นที่กระจ่างชัดแล้ว

หัวใจที่ใหญ่ที่สุดที่ดำรงอยู่ หัวใจของโลก

ทั้งหมดนี้เป็นเพียงการคาดเดา แต่ก็ดูเหมือนว่า เขากำลังใช้พวกฮาร์ทเลสในการค้นหาเส้นทางที่จะนำไปสู่หัวใจของโลก

= = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = =
Secret Ansem Report 6
= = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = =

ท่ามกลางโลกแห่งความว่างเปล่า ฉันคิดไม่ผิดที่เลือกเป็นมิตรกับความมืด

ฉันไม่ปฏิเสธความมืด ไม่แม้แต่จะกลัวมัน และเมื่อฉันจ้องตรงไปยังมันด้วยหัวใจที่เงียบสงัด ฉันก็ได้รับพลังใหม่

พลังที่เหนือมนุษย์ พลังแห่งความมืด

เซอานอร์ทและพวกได้ลุ่มหลงในพลังนี้ และก็ตกเป็นเชลยของมันในไม่ช้า

แน่นอนว่าฉันไม่ต้องการที่จะปล่อยให้หัวใจของฉันถูกความมืดกลืนกินเช่นพวกเขา

ด้วยพลังใหม่นี้ทำให้ฉันได้ค้นพบ Corridor of Darkness ที่เชื่อมต่อระหว่าง Realm of Nothingness กับโลกภายนอก

เวลาแห่งการถูกเนรเทศได้สิ้นสุดลง กระนั้นก็ยังเป็นเรื่องยากที่ฉันจะไปไหนมาไหนดังที่ใจต้องการ (แปลว่าเขาได้เดินทางผ่าน Corridor of Darkness ออกมายังโลกภายนอกแล้ว)

เพื่อลวงหลอกเซอานอร์ทและเหล่าศิษย์ของฉัน ฉันได้ใช้พลังของตนเปลี่ยนรูปร่างตนเองก่อนที่จะกลับมายัง Realm of Light

แล้วก็ดั่งที่คาดไว้ เซอานอร์ทได้กลายมาเป็นฮาร์ทเลสเสียแล้ว

ภายใต้ชื่อของฉัน เขาได้บัญชาพวกฮาร์ทเลสตนอื่นๆให้ออกเดินทางเพื่อช่วงชิงหัวใจของดวงดาวต่างๆ

เซอานอร์ทปรารถนาที่จะใช้ศูนย์กลางของหัวใจที่เขารวบรวมมาซึ่งเรียกว่า "Kingdom Hearts" ในการที่จะเรียกความมืดออกมา และนำพาทุกอย่างกลับคืนสู่ความมืดมิด

ศิษย์คนอื่นๆทั้งห้าได้หายตัวไป พวกเขาได้กลายมาเป็นฮาร์ทเลสเฉกเช่นเซอานอร์ทอย่างนั้นหรือ?

หรือว่าพวกเขาหายจากไปหลังจากที่พวกเขาล้วนหมดประโยชน์สิ้นกับเซอานอร์ทแล้ว

ขณะที่กำลังไล่ตามความจริง ฉันก็ได้พบตัวตนที่ดำรงอยู่อย่างผิดธรรมชาติ

มันคือสิ่งที่วิญญาณและร่างกายหลงเหลือเอาไว้ เมื่อสิ่งมีชีวิตได้สูญเสียหัวใจของมันไป

เมื่อฮาร์ทเลสกำเนิดขึ้น สิ่งเหล่านี้จะหายไปจาก Realm of Light เพื่อที่จะเกิดเป็นสิ่งมีชีวิตใหม่ในดินแดนที่ต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง

= = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = =
Secret Ansem Report 7
= = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = =

ชีวิตที่เกิดจากความมืด (ฮาร์ทเลส) และชีวิตที่ปราศจากหัวใจ (โนบอดี้) อาจจะค้นพบว่าพวกมันมีความใกล้เคียงสมกัน จึงเป็นการอันตรายสำหรับผู้อื่นที่จะใช้ Corridors of Darkness (เพราะ) ความมืดนั้นจะคอยกัดเซาะหัวใจ (ของผู้ที่ผ่านไปเข้า)

ในการค้นหาสถานที่สำหรับดำเนินการวิจัยของฉันและหลบหนีจากสายตาของพวกมัน ฉันได้พบตัวฉันเองอยู่ที่ทไวไลท์ทาวน์ มันเป็นหมู่บ้านอันเงียบสงบที่ถูกทิ้งอยู่ที่ช่องแยกระหว่างแสงสว่างและความมืด ฉันได้ตั้งถิ่นฐานอยู่ที่ชั้นใต้ดินของคฤหาสน์ร้างหลังป่า

การทดลองใต้ดินของฉันได้ทำให้ฉันค้นพบข้อเท็จจริงใหม่ๆ

เมื่อฮาร์ทเลสเกิดขึ้นมา ร่างกายและวิญญาณที่เหลืออยู่จะก่อเกิดขึ้นใหม่ในโลกใบนี้ ในฐานะของสิ่งมีชีวิตที่ต่างออกไปจากเดิม

พวกมันมีเจตจำนงที่ต่างไปจากฮาร์ทเลสที่เปรียบเสมือนพี่น้องของมัน ขณะที่ยังคงเป็นการไม่แน่ชัดว่าเจ้าพวก สิ่งของ ที่น่าตื่นตาตื่นใจเหล่านี้ต้องการจะทำอะไร แต่ก็ดูเหมือนว่าพวกมันมีส่วนรับผิดชอบกับความวุ่นวายที่เกิดขึ้นกับโลก

ราชาผู้เป็นเพื่อนเก่าแต่ครั้งกาลของฉันพร้อมด้วยอุปกรณ์ของเขา ร่วมกับฮีโร่ผู้ใช้คีย์เบลด กำลังต่อสู้กับเหล่าฮาร์ทเลสอีกทั้งการรุกรานครั้งใหม่ที่กำลังใกล้เข้ามา

ฉันเชื่อว่าผู้มารุกรานครั้งใหม่นี้...พวกมันคงได้ตั้งชื่อที่เหมาะกับพวกมันเองไว้แล้ว

สิ่งที่ไร้ตัวตน: โนบอดี้

โนบอดี้จำนวนมากได้สูญเสียรูปร่างของมนุษย์เช่นเดียวกับพวกฮาร์ทเลส ทว่าโนบอดี้ที่เกิดจากผู้ที่มีจิตใจอันแข็งแกร่งจะยังคงรักษารูปร่างของเขาเอาไว้ได้ แต่ก็จะมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยที่พอมองเห็นได้เช่นกัน

เป็นที่ปรากฏว่าพวกที่ทรยศฉันยังคงสภาพร่างของมนุษย์ในขณะเป็นโนบอดี้เอาไว้ได้ พวกเขาได้รวบรวมพรรคพวกขึ้นมาด้วยความหวังที่จะทำให้แผนการใหม่ดำเนินไปอย่างลุล่วง

Organization XIII ประกอบขึ้นจากโนบอดี้ 13 ตนโดยมีเจ้าพวกที่ทรยศฉันเป็นศูนย์กลางแกนนำ พวกเขาได้แบ่งเป็นสองกลุ่ม และก็ดูเหมือนว่าพวกเขากำลังดำเนินการทดลองบางอย่างอยู่

ในการค้นหาหนทางที่สำหรับการเปิดโปงแผนการขององค์กรนี้ ฉันตัดสินใจที่จะมุ่งหน้าไปยังที่ๆสมาชิกหกคนของพวกมันรวมตัวกันอยู่ ที่อันไกลโพ้นซึ่งตั้งอยู่บริเวณปลายสุดของดินแดนที่ตั้งอยู่กลางระหว่างความมืดและแสงสว่าง: Castle Oblivion

Note* [ในภาคญี่ปุ่นจะเขียนอย่างชัดเจนว่าดินแดนปลายสุดของ World In-Between]

= = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = =
Secret Ansem Report 8
= = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = =

ดูเหมือนว่าฉันจะว้าวุ่นเกินไปกับท่าทีของเซอานอร์ทกับพวกของเขา รวมทั้งเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นโดยพวกเขา

การต่อสู้ของเพื่อนฉันเพื่อปกป้อง Realm of Light จากการรุกรานของพวกฮาร์ทเลสได้สิ้นสุดลง ด้วยการที่ฮาร์ทเลสของเซอานอร์ท ซึ่งกระทำการในนามอันเซ็ม ผู้แสวงหาความมืด ได้ถูกพิชิตลงในที่สุด

อีกหนึ่งผู้ใช้คีย์เบลด ฮีโร่ ผู้นี้ได้คอยเดินทางจากโลกหนึ่งไปยังอีกโลกหนึ่ง เพื่อปิดล็อครูกุญแจและปราบเหล่าฮาร์ทเลสให้สิ้นลง

ตอนนั้นเองราชาผู้ที่ดำดิ่งลงไปใน Realm of Darkness ก็ได้ร่วมมือกับฮีโร่ผู้ใช้คีย์เบลดในการปิดประตูสู่ Kingdom Hearts จากทั้งทางด้าน Realm of Darkness และ Light ด้วยเหตุนี้การรุกรานของความมืดมิดอันน่าสะพรึงกลัวจึงเลื่อนถอยออกไป

ทว่ายังคงมีฮาร์ทเลสอีกมากมายที่เคลื่อนไหวอยู่ ขณะที่ Organization XIII แหละเหล่าโนบอดี้ทั้งหลายก็ยังคงเคลื่อนไหวอยู่ในเงามืดอย่างต่อเนื่อง

โลกยังคงตกอยู่ในอันตรายอย่างแท้จริง

พวกเราต้องหาทางต่อกรกับศัตรูเหล่านี้

ด้วยเหตุนี้ฉันจะต้องหาทางล้างแค้นและทำให้พวกมันต้องชดใช้

ฉันได้แทรกเข้าไปใน Castle Oblivion เพื่อเหตุผลนั้น

ที่นั่นประกอบด้วยพื้นด้านบน 13 ชั้นและชั้นใต้ดิน 12 ชั้น และล้วนเต็มไปด้วย White Rooms ซึ่งเปลี่ยนรูปร่างตอบสนองกับความทรงจำของผู้มาเยือน Organization XIII ได้มาทำการทดลองเรื่องความทรงจำ ณ ที่แห่งนี้

ร่างทดลองสำหรับการทดลองนี้คือหญิงสาวที่มีชื่อว่านามิเนะ ผู้ครอบครองความสามารถสุดพิเศษเหนือธรรมดา

เมื่อผู้มาเยือนคนใหม่ได้มาถึงปราสาทในวันนี้ ฉันจึงเลิกวุ่นวายกับ Organization XIII และกลับไปทำการวิจัยลับของฉัน

เขาคือฮีโร่ผู้ใช้คีย์เบลดที่เป็นคนปราบอันเซ็ม โซระกับพวกพ้องของเขา

กลิ่นสาบแห่งความมืดได้ลุกโชยขึ้นมาจากใต้ดินลึก

ดูเหมือนว่าตัวละครทั้งหมดจะมารวมตัวกันแล้วสินะ

= = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = =
Secret Ansem Report 9
= = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = =

ฉันไม่ควรตีค่าฮีโร่เจ้าของคีย์เบลดต่ำเกินไป

โซระนั้นต่อกรแผนร้ายของ Organization XIII และช่วยนามิเนะได้สำเร็จ

นามิเนะเป็นเสมือนแม่มดที่สามารถควบคุมความทรงจำของผู้อื่นได้

ดูเหมือนว่าพลังเหล่านี้จะมาจากการกระบวนการพิเศษในตอนที่เธอเกิดขึ้นมา

นามิเนะคือโนบอดี้ที่ถูกสร้างขึ้นเมื่อหัวใจของหญิงสาวได้ออกจากร่างของเธอ (ในรีพอร์ทฉบับที่ 10 อันเซ็มจะมาแก้ไขความเข้าใจผิดในจุดนี้ให้ฟังอีกที)

เธอไม่เหมือนกับฮาร์ทเลสทั่วไป

นั่นเพราะว่า หญิงสาว ในกรณีนี้เป็นเจ้าหญิง

ไครี่ผู้ที่อาศัยอยู่ใน Radiant Garden ซึ่งฉันเคยปกครองอยู่ เป็นหนึ่งในเจ้าหญิงทั้ง 7 ที่คอยค้ำจุน Realm of Light

เพราะไร้ซึ่งความมืดมิดในหัวใจ ไครี่จึงมิได้ก่อกำเนิดฮาร์ทเลสขึ้นมา อีกทั้งร่างของเธอก็ยังคงอยู่ใน Realm of Light แทนที่จะสลายไป

พูดอีกนัยหนึ่ง ทั้งโนบอดี้ที่ถูกเรียกว่านามิเนะและพวกฮาร์ทเลส หลักฐานในการมีอยู่ของผู้ที่สูญเสียหัวใจ เป็นชีวิตที่ไม่มั่นคงซึ่งปราศจากร่างกายและเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดโนบอดี้ นอกจากนั้นพวกมันยังปราศจากความทรงจำของไครี่ เหตุผลหนึ่งสำหรับเรื่องนี้อาจเป็นเพราะว่าหัวใจของไครี่นั้นไม่ได้กลับไปสู่ความมืดในตอนที่มันแยกออกจากร่างของเธอ หากแต่เคลื่อนเข้าไปยังร่างอื่น...ส่วนลึกในหัวใจของโซระนั่นเอง

นามิเนะเป็นอีกภาคหนึ่งของไครี่ซึ่งเป็นผู้ที่แทรกกับหัวใจโซระได้โดยตรง นี่คือเหตุผลที่โซระและผู้ที่มีหัวใจเชื่อมโยงอยู่กับเขาสามารถถูกควบคุมความทรงจำได้อย่างนั้นหรือ?

คำที่ว่า ไร้ตัวตน คงจะตรงจริงกับเธอมากที่สุด ไม่เพียงแต่กลายเป็นโนบอดี้ แต่ยังไร้ซึ่งที่ไป เธอเป็นเพียงเงาปรากฏขึ้นและหายวับไปในพริบตาเท่านั้นแหละ

= = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = =
Secret Ansem Report 10
= = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = =

โซระเข้าสู่ช่วงแห่งการหลับใหลเพื่อฟื้นฟูความทรงจำที่เขาสูญเสียไปใน Castle Oblivion คงต้องใช้เวลาระยะหนึ่งกว่าจะเรียกคืนความทรงจำทั้งหมดที่เขาสร้างขึ้นมาตลอดชั่วชีวิตได้

ทว่า Castle Oblivion ก็ยังคงถูกครอบงำโดย Organization XII

โซระควรถูกพาไปซ่อนในที่ๆปลอดภัยกว่านี้

ฉันชักชวนนามิเนะให้พาโซระที่หลับใหลอยู่มายังทไวไลท์ทาวน์เพื่อความปลอดภัย

นามิเนะ

เธอเป็นชีวิตที่ผิดแปลกมากที่สุด ดังที่ฉันได้บันทึกไว้ก่อนหน้านี้

เกิดขึ้นโดยกระบวนการเดียวกันกับโนบอดี้ แต่ไร้ซึ่งคุณสมบัติทั้งหมดของโนบอดี้

บางทีเธอคงยังวาดรูปอยู่ด้วยความหวังที่จะบันทึกสิ่งที่เธอเป็นผู้ทำให้มันขาดหายไป: ความทรงจำของผู้อื่น โดยเฉพาะโซระ

ฉันได้ตั้งสมมติฐาน

ฉันเชื่อว่านามิเนะเกิดขึ้นในฐานะโนบอดี้ชนิดพิเศษในตอนที่โซระใช้คีย์เบลดโจมตีตัวเอง ทำให้หัวใจของเขาและไครี่หลุดลอยออกจากร่างกายในเวลาพร้อมๆกัน

นามิเนะปรากฏตัวขึ้นในฐานะโนบอดี้ของไครี่...ทว่าร่างกายและวิญญาณที่จำเป็นสำหรับการดำรงอยู่นั้นเป็นของโซระ

เมื่อหัวใจของผู้คนถูกช่วงชิง ฮาร์ทเลสที่เกิดขึ้นจะไร้ซึ่งความเป็นตัวของตัวเอง ขณะที่ร่างกายและวิญญาณที่หลงเหลืออยู่ก็จะให้กำเนิดโนบอดี้

แต่ถ้าเป็นกรณีที่ใครซักคนตั้งใจปลดปล่อยหัวใจของเขาออกมาจากร่างกายของตัวเขาเองล่ะ?

โซระและเซอานอร์ทยังคงความเป็นตัวของตัวเองแม้กระทั่งกลายเป็นฮาร์ทเลสแล้ว

นอกจากนี้ยังมีไครี่และนามิเนะ

ไครี่เป็นข้อยกเว้นสำหรับการปราศจากความมืดมิดในหัวใจ นอกจากนี้ยังเป็นข้อยกเว้นสำหรับการที่เมื่อหัวใจของเธอถูกปลดปล่อยแล้ว มันกลับอพยพไปยังร่างใหม่ โซระ

การผสมผสานของสองทฤษฎีข้อยกเว้นที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ อาจเป็นเบื้องหลังของความผิดแปลกนี้

ยังมีสิ่งที่ฉันต้องใส่ใจในขณะที่โซระยังคงหลับใหลอยู่

พันธมิตรคนใหม่ที่ปรากฏตัวขึ้น: ริคุ

= = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = =
Secret Ansem Report 11
= = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = =

ฉันได้มาพบกับเพื่อนเก่าอีกครั้งที่ Castle Oblivion แต่ฉันก็มิอาจเปิดเผยตัวตนของฉันออกมาได้

ถ้าเขารู้สถานการณ์ตอนนี้ เขาคงต้องพยายามหยุดยั้งฉันจากความประสงค์ที่จะล้างแค้นเป็นแน่

ฉันอยากที่จะพูดคุยกับเขาอย่างรักใคร่เฉกเช่นในวันวาน ทว่าในตอนนี้มันคงเป็นได้เพียงความฝันอันไร้ซึ่งความหวัง

เพื่อนของฉันได้ผ่านการต่อสู้ใน Realm of Darkness จากนั้นเขาก็ได้ค้นพบทางไปยังเทรเวิร์สทาวน์จากที่แห่งนั้น

หมู่บ้านนี้หลับใหลอยู่ในช่องแยกระหว่างแสงสว่างและความมืดเช่นเดียวกับ Castle Oblivion มันประกอบด้วยเศษเหลือค้างของโลกที่ถูกเหล่าฮาร์ทเลสช่วงชิงหัวใจไป

มันคือที่ๆ เหล่าผู้ที่หลบหนีออกมาจากกการทำลายล้างดาวของพวกเขาจะมารวมตัวกันในบั้นปลาย

Realm Between เป็นที่ๆไร้ซึ่งความมั่นคง เพราะจะมีบางครั้งบางคราวเท่านั้นที่ Corridors of Darkness ปรากฏออกมา

เมื่อใดก็ตามที่โลกหายไป บางส่วนของผู้ที่อยู่อาศัยในนั้นก็จะมาถึงที่ Corridors นี้

แน่นอนว่าโซระเองก็เดินทางผ่าน Corridors of Darkness แบบเดียวกันนี้ในตอนที่เขามายังเทรเวิร์สทาวน์ในครั้งแรก

ดูเหมือนว่าขณะที่เพื่อนของฉันกำลังต่อสู้อยู่ใน Realm of Darkness เขาก็ได้มาโผล่ที่ Castle Oblivion ผ่านทาง Corridor of Darkness ที่สร้างขึ้นโดย Organization XIII

พันธมิตรใหม่ของฉัน ริคุ ก็ได้กลับมาโดยใช้ Corridors เส้นหนึ่งเช่นกัน

เขาสาบานกับฉันว่าเขาจะทำทุกอย่างเพื่อเพื่อนที่ดีที่สุดของเขา โซระ

แท้จริงแล้ว ความทรงจำของโซระได้กลับคืนมาอย่างเชื่องช้า

ดังนั้นฉันจึงได้ขอให้ริคุไปพาโซระอีกคนหนึ่งกลับมา โนบอดี้ของเขา

โซระเป็นคนที่จำเป็นอย่างยิ่งหากฉันต้องการบรรลุเป้าหมาย

ฉันต้องการฮีโร่ผู้ใช้คีย์เบลดในการไปยัง Realm of Light และกำจัดพวก Organization XIII

= = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = =
Secret Ansem Report 12
= = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = =

นอกจากนามิเนะแล้ว โนบอดี้ตนอื่นยังคงความทรงจำในช่วงเวลาที่มันเป็นมนุษย์ไว้ได้ ทว่าโนบอดี้ของโซระ ร็อคซัส กลับสูญเสียความทรงจำของโซระ

นี่อาจเป็นเพราะว่าช่วงเวลาที่โซระเป็นฮาร์ทเลสนั้นมันสั้น และเขายังได้รับหัวใจกลับคืนมาจนกลับคืนสู่ร่างมนุษย์ในไม่ช้าหลังจากที่ได้ให้กำเนิดร็อคซัสซึ่งเป็นโนบอดี้ของเขาไว้เบื้องหลัง

ดูเหมือนว่าร็อคซัสจะคล้ายกับนามิเนะมาก นามิเนะเป็นโนบอดี้ของไครี่ ทว่ามีชีวิตขึ้นมาด้วยร่างและวิญญาณของโซระ

ในทำนองเดียวกัน ร็อคซัสที่เป็นโนบอดี้ของโซระกลับเกิดขึ้นเพราะว่าฮาร์ทเลสของโซระได้กลับคืนสู่ร่างมนุษย์โดยใช้หัวใจของไครี่แทนหัวใจของเขาเอง

บางทีเหตุที่ความทรงจำของโซระกลับคืนมาอย่างเชื่องช้าอาจเป็นเพราะว่าครึ่งหนึ่งของเขาซึ่งเป็นร็อคซัสนั้นได้ขาดหายไป

ฉันต้องแปลงร็อคซัสเป็นข้อมูลและคืนเขาให้กับโซระ

ในฐานะสมาชิกคนหนึ่งของ Organization XIII คงเป็นการยากเกินไปที่จะพาตัวร็อคซัสมา หลังจากที่ริคุได้แพ้ให้แก่ร็อคซัสครั้งหนึ่งแล้ว เขาได้ทิ้งซึ่งทุกสิ่งสละซึ่งทุกอย่างและใช้พลังแห่งความมืดในการต่อสู้ครั้งที่สอง เพียงเพื่อจะได้จัดการดึงตัวร็อคซัสให้กลับมากับเขา

ที่แห่งนี้ (ทไวไลท์ทาวน์) คือที่ๆร็อคซัสได้พบกับ Organization XIII เป็นครั้งแรก และได้เข้าร่วมกลุ่มกับพวกมัน พวกมันต้องต้องออกค้นหาที่แห่งนี้อย่างถี่ถ้วนเป็นแน่

ขั้นแรกฉันคงต้องแปลงทไวไลท์ทาวน์ทั้งหมดให้เป็นข้อมูล และสร้างโลกจำลองขึ้นในความทรงจำของโซระ ฉันจะให้ร็อคซัสเข้าไปในโลกแห่งนี้ ให้เขาได้ใช้ชีวิตในแต่ละวันและฟื้นฟูความทรงจำกลับคืนมา

เหลือเวลาอีกไม่มากแล้ว

แผนขององค์กรคงก้าวหน้าไปไกลแล้วแน่

= = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = =
Secret Ansem Report 13
= = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = =

โซระจะตื่นขึ้นในวันพรุ่งนี้

การแก้แค้นอันยาวนานและแสนจะยืดเยื้อของของฉันใกล้จะมาถึงจุดสิ้นสุดลงแล้ว

เซอานอร์ทผู้ที่ช่วงชิงทุกสิ่งทุกอย่างไปจากฉัน แม้ว่าจะไม่มีเขาในร่างของฮาร์ทเลสอีกแล้ว ทว่าในฐานะผู้นำของ Organization XIII เป้าหมายของเขายังคงเป็นการยึดครอง Kingdom Hearts หัวใจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดอีกครั้ง

ฮาร์ทเลสของเขาตั้งใจจะดึงความมืดมิดออกมาจาก Kingdom Hearts ที่สร้างจากหัวใจของดวงดาวต่างๆ แต่โนบอดี้ของเขากลับรวบรวมหัวใจของมนุษย์เพื่อให้มันหลอมหลวมเข้าไปเป็น Kingdom Hearts

ลูกศิษย์ที่น่าสังเวช

ยังเหลืออีกหนึ่งปริศนาที่ค้างคา

เซอานอร์ทเปิดประตูที่ปรากฏขึ้นที่ชั้นใต้ดินของปราสาทของฉันได้อย่างไร...?

ไม่...ไม่มีทฤษฎีใดๆสำหรับเรื่องนี้ เมื่อทุกสิ่งทุกอย่างใกล้จะลุล่วงแล้ว มันก็ไร้ความหมาย (เขาเปิดประตูได้ไปแล้ว ตอนนี้จะมาคิดว่าทำไมเขาถึงเปิดได้ มันก็ไม่มีประโยชน์แล้ว)

ร็อคซัส อันเซม นามิเนะ

พวกเขาเป็นปฏิปักษ์กับตรรกะทั้งปวง นอกจากนั้นพวกเขายังคงเป็น: ข้อยกเว้นเพียงหนึ่งเดียวของกฎ (หลักทฤษฎีว่าด้วยเรื่องฮาร์ทเลสและโนบอดี้)

ทฤษฎีของของฉันและพวก Organization XIII ได้ถูกป่นเป็นชิ้นๆด้วยฝีมือของผู้ที่มีจิตใจที่แข็งแกร่ง

โซระ ไครี่ ริคุ

อ่าใช่ ริคุ

แม้ว่าหัวใจของเขาจะมีความอ่อนแอจนทำให้มันเอียงเอนไปกับความมืดได้ง่าย แต่เขาก็ได้ค้นพบสิ่งที่คอยค้ำจุนเขาในความหวังซึ่งเขาพบเหนือความเจ็บปวด

ความหวังนี้เป็นสิ่งที่ทำให้เขายืนหยัดอยู่ได้ และยังเปลี่ยนความมืดในหัวใจของเขาจากศัตรูร้ายมาเป็นอาวุธที่ทรงพลังที่สุดของเขา

เมื่อทุกอย่างจบลง ฉันเฝ้าหวังว่าเขาจะสามารถกลับไปยังเกาะของเขาพร้อมกับโซระ

ถ้าทำได้ ฉันก็อยากกลับไปที่ Radiant Garden เพื่อไปดูสายน้ำที่งดงาม ดอกไม้ที่แสนรัก รวมทั้งรอยยิ้มแห่งความหวังของผู้คนอีกซักครั้ง

ราชาที่รัก เพื่อนของฉัน!

ฉันเชื่อว่าในเวลาเดียวกันนี้นายคงเข้าใจถึงเป้าหมายถึงแท้จริงของฉันแล้ว

ฉันคงหวังที่จะได้คุยกับนายอีกครั้งไม่ได้แล้ว

ฉันมันเป็นคนโง่งมที่หมกมุ่นอยู่กับการล้างแค้น

อภัยให้ฉันด้วย

=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=