Saturday, June 26, 2021

เนื้อเรื่องจาก Shin Subarashiki Kono Sekai (Demo)


เหมือนเกมมันจะเริ่มด้วยภาพที่ชิบุยะกำลังจะล่มสลาย แต่แล้วมันก็แว้บบบบบบบบบบบบบบบ กลับไป (น่าจะเป็นพลังย้อนเวลาที่รินโดช่วง End Game ใช้เอาตัวรอดกลับมาเริ่มใหม่)

เรื่องราวเริ่มต้นใหม่จากวันที่ "รินโด" นัดเจอเฟร็ท เพื่อนสนิทร่วมห้องเรียน ให้มาเจอกันที่ชิบุยะ

เฟร็ทมาสาย เพราะมัวแต่ไปต่อคิวซื้อพินเข็มกลัดยมทูตสีดำ (กะโหลกเป็นสีแดง) ที่กำลังฮิตในหมู่วัยรุ่นเผื่อให้รินโด


ตอนเฟร็ทส่งให้รินโด ก็โยนให้อย่างกะทันหัน รินโดรับไม่ทัน พินกระเด็นไปตกข้างรองเท้าชายคนนึง (ซึ่งรองเท้าสีขาว และกางเกงสีเทาแบบั้น น่าจะเป็นโจชัว) แล้วชายคนนั้นก็ส่งพินคืนให้รินโด

**ถ้าเป็นโจชัวจริง มันจะไปตรงกับกิมมิคภาคแรกที่โจชัวแอบยืนส่องเนกุตั้งแต่ตอนเริ่มเกมแล้ว

หลังจากนั้นรินโดกับเฟร็ทก็ไปหาข้าวกินกัน โดยร้านแกงกะหรี่ปิด จะเหลือร้านราเม็งกับร้านอาหารอินเดียให้เลือก ผมเลือกร้านอินเดียไป

ระหว่างเดิน บางครั้งรินโดจะยกมือถือขึ้นมาแชทกับเพื่อนในเน็ตที่ใช้นามแฝงว่า Swallow รินโดบอกว่าเป็นเพื่อนที่เล่นเกม FanGo ด้วยกัน ไม่เคยเจอตัวจริงหรอก ระหว่างแชทก็ทราบว่า Swallow พึ่งมาที่ห้าแยกชิบุยะ เฟร็ทเลยบอกว่าไหน ๆ แล้วก็ออกไปหา Swallow เลย

ทั้งสองจึงออกจากร้านอาหารอินเดีย ระหว่างเดินไปห้าแยกชิบุยะ ก็เจอยมทูตใส่ชุดสีแดง

พอเดินไปถึงห้าแยก ก็เกิดเรื่องประหลาดขึ้น หน้าจอสกรีนยักษ์ถูกไฮแจ็คด้วยยมทูตชิบะ มีนอยส์อาละวาด มีการต่อสู้ เกิดควันไฟ และการต่อสู้กลางเมือง แต่คนส่วนใหญ่กลับมองไม่เห็น ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

เฟร็ทชวนรินโดเข้าไปดู แต่พอเห็นนอยส์ใกล้ ๆ ก็รู้สึกท่าไม่ดี... เฟร็ทรีบวิ่งหนีออกมา แต่ก็โดนรถบรรทุกชนตายห่าคาที่

รินโดตกใจ กรีดร้องทนไม่ได้ที่เห็นเพื่อนตายต่อหน้า แล้วจู่ ๆ ก็ปลดล็อคพลังที่ตัวเองก็ไม่เข้าใจออกมา เวลามันย้อนกลับไปตอนที่หน้าจอสกรีนพึ่งถูกไฮแจ็คใหม่ คราวนี้เหตุการณ์รันไปแบบเดิม แต่ต่างกันออกไปตรงที่รินโดพาเฟร็ทหนีไปยังทางที่จะไม่ถูกรถบรรทุกชน

หลังจากนั้น ทั้งสองก็เจอกับโชกะ โชกะบอกว่าวันนี้ยังมีคนเข้าร่วมเกมเพิ่มอีก 2 คนหรือเนี่ย (แสดงว่าทั้งสองคนพึ่งเข้าร่วมตะกี้) แล้วเธอก็บอกว่าเธอจะออกกะแล้ว สงสัยอะไรก็ไปถามยมทูตคนอื่นเอา แล้วก็ให้พินสำหรับต่อสู้ด้วยพลังจิตมา 2 อัน

------------------------------

เล่ารวม ๆ ว่าในระหว่าง 2 วันนั้น

- โชกะมาช่วยบอกอธิบายสิ่งต่าง ๆ เป็นระยะ และบอกว่าพวกนายตายแล้ว ถึงมาเข้าร่วมเกมยมทูตได้

- เฟร็ทกับรินโด ตอนแรกไม่เชื่อว่าตัวเองตาย เพราะไม่เห็นจะจำได้เลยว่าตายไปตอนไหน แต่พอเจอเหตุการณ์แปลก ๆ หลายอย่างก็เริ่มไม่แน่ใจขึ้นมา

- เหตุการณ์แปลก ๆ เช่น มีกำแพงหนามปิดล้อมถนนหลายเส้น แต่คนทั่วไปกลับเดินผ่านได้ / พอทำภารกิจในแต่ละวันเสร็จ แล้วตั้งใจว่าจะกลับบ้าน แต่ความทรงจำกลับถูก skip ไปวันถัดไปเลย / มีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นไม่ได้ แต่ดันอ่านความคิดเขาได้ / ส่งข้อความหาคนที่อยู่นอกทีมไม่ได้ / ระบบโทรศัพท์โดนไฮแจ็ค ลง app ทับไป

- เจอมินามิโมโตะ ที่มาช่วยรินโดกับเฟร็ทในการต่อสู้และแนะนำสิ่งต่าง ๆ ให้ โดยมินามิโมโตะ ก็ไม่ได้บอกเป้าหมายของตัวเองว่ามาช่วยทำไม บอกแค่ว่าจะช่วยเพิ่มโอกาสรอดให้ ส่วนพวกรินโดจะได้กลับภพมนุษย์รึเปล่า เขาไม่สนใจ

- มิน่ามิโมโตะ อธิบายเรื่องพลังแฝงของไซคิกแต่ละคนให้ฟัง แล้วก็ค้นพบกันว่าเฟร็ทมีพลัง Remind ในการกระตุ้นให้คนนึกสิ่งที่ลืมไปแล้วออกมาได้

- ตอนนี้ทีม Ruinbringer ของสึกุมิ มีคะแนนนำเป็นอันดับ 1 อยู่ โดยจบวันที่ 2 มีทีมเหลือรอด 5 ทีม รวมทีมของรินโด

- ทีมของรินโดไม่มีแต้มเลย เพราะทั้งสองไม่รู้ว่าการจะเก็บแต้มได้นั้น ต้องหาเข็มกลัดยมทูตสีดำ แบบที่หัวกะโหลกสีขาวและมีรวงข้าวรองอยู่ พกติดตัวก่อนถึงจะสะสมแต้มได้

- ทว่า.... นอกจากคนในทีมแล้ว ยังมี Swallow อีกคน ที่รินโดสามารถส่งข้อความพูดคุยโต้ตอบกลับไปมาได้...????? แล้วใครคือ Swallow

------------------------------

เบ็ดเตล็ดทั่วไปที่คนต้องถามแน่ ๆ

- ตัวเกมมี Eng<>JP 2 ภาษา โดย Text จะเป็นภาษาตาม System Language ของเครื่อง ส่วนเสียงพากย์ไปปรับใน option ของเกม

- เซฟจากเดโมเอาไปใช้ต่อในเกมจริงได้

- เดโมนี้เล่นได้ถึงจบเนื้อเรื่องวันที่ 2, ตันที่เลเวล 15, เก็บพินแต่ละชนิดได้ไม่เกิน 10 ชิ้น

Friday, June 25, 2021

TheGamersJoint อยากให้โนมุระเพลา ๆ การใส่สปอยล์ลงในเทรลเลอร์เกม


แชนแนล TheGamersJoint ทำคลิปพูดคุยปัญหาการทำเทรลเลอร์สุดท้ายสำหรับแต่ละเกมของโนะ

เปิดมาแกก็สาธิตให้ดูว่าหากเทียบการทำเทรลเลอร์สุดท้ายของเกม เป็นการทำแซนวิชแล้ว แซนวิชของค่ายอื่น ๆ จะเป็นอย่างไร แล้วแซนวิชของโนะ เป็นอย่างไร.... lol

แกบอกว่าปัญหาสำคัญที่แกเห็นมาตลอดคือ เทรลเลอร์สุดท้ายของโนะ มีการปล่อยของที่ควรเก็บเอาไว้ให้ผู้เล่นไปสัมผัสเอง มากจนเกินไป.... อาทิเทรลเลอร์สุดท้ายของ KH III ที่มีดาวสุดท้ายอย่าง Scala ad Cealum, เทรลเลอร์สุดท้ายของ FFVII Remake ที่มีแบร์เร็ตโดนเสียบ แอริธบอกว่าตัวเองเปลี่ยนไป เมเทโอ คลาวด์เผชิญหน้าเซฟิรอธ แซ็ค ฯลฯ รวม ๆ แล้วคือเนื้อหา end game ต่าง ๆ

ซึ่งที่ผ่านมาทาง Square Enix ก็เหมือนรับทราบปัญหานี้ เหมือนจะรับไปดำเนินการ ทว่า....

เทรลเลอร์สุดท้ายของ Shin Subarashi Kono Sekai ....แม่งก็ทำให้รู้สึกว่าเราเห็นอะไรที่ยังไม่ควรเห็น มากไปอยู่ดี

ดูเทรลเลอร์ของโนะแล้วแกก็รู้สึกเหมือนจะเป็นบ้า อารมณ์สองขั้วตีกันมั่วไปหมด มีทั้งอารมณ์
- "เอามาให้กูดูก่อนทำไมวะ!?"
- "Hypeeeeee สาสสสสสสสสสสส"
- "แต่ควรจะใส่มาในเทรลเลอร์เหรอวะ!?"
- "แต่แม่งเจ๋งสาสสสสสสสสสสสสส"
- "มันใช่เหรอวะ!??"
- "เทพพพพพพพพพพพพพพพ"

เรียกว่าอารมณ์บวกลบตีกันในหัวไปหมดจนจะเป็นบ้า

แกก็อยากฝากบอกไปถึงโนะว่า "เบาได้เบาาาาา" ยิ่งสำหรับเทรลเลอร์สุดท้ายยย เพลา ๆ สปอยล์ลงหน่อย ไม่ใช่ให้พวกตรูเห็นยันบางส่วนของฉากจบบบ

SQEX Support Center ระบุสถานะนิยายหญิงสาวผู้ท่องไปในดวงดาว เป็น Official


มีเรื่องน่าสนใจ เมื่อทวีตภพ #clerith ได้สอบถามไปยัง Support Center ของ Square Enix ว่านิยาย "หญิงสาวผู้ท่องไปในดวงดาว" หรือ Hoshi o Meguru Otome (The Maiden Who Travels the Planet)  ซึ่งอยู่ในหนังสือ Final Fantasy VII Ultimania Omega ที่วางจำหน่ายเมื่อปี 2005 นั้น มีสถานะความถูกต้องเป็น Official หรือไม่?

ซึ่ง Support Center ของ Square Enix ก็ตอบเรียบง่ายว่าหนังสือ Final Fantasy VII Ultimania Omega  เป็นหนังสือ Official ที่จัดจำหน่ายโดยบริษัท ดังนั้นนิยาย หญิงสาวผู้ท่องไปในดวงดาว จึงมีสถานะเป็น Official เหมือนกัน ก็อยากให้ไปพิจารณาซื้อหากันมาดูววว

https://twitter.com/CloudxAerith/status/1408313931303641090/photo/1


---------------------------

วิพากษ์

---------------------------

1. ประการแรก ผมเคารพคุณ clerith มาก ทั้งในฐานะหนึ่งในแหล่งข้อมูลชั้นยอด, เคารพที่แกเป็นมนุษย์ประเภทเดียวกัน ที่จะพูดแต่สิ่งที่มี reference อ้างอิงยืนยันได้เสมอ ไม่ใช่พูดแบบเลื่อนลอย  (แต่ ref ที่หยิบมาจะมีน้ำหนักแค่ไหนก็อีกเรื่องนึง) ตอนที่ FFVII Remake Ultimania ออกมา แกก็เป็นคนแรกที่แปลบทสัมภาษณ์ทั้งหมดออกมาเสร็จ ก่อนหน้าคุณ Audrey ซะอีก (แม้ว่าจะเนี๊ยบไม่เท่าคนหลัง)

2. แต่แม้จะเคารพมาก ผมก็ไม่ได้เห็นด้วยกับแกตลอด บ่อยครั้งผมก็ไม่ได้เห็นด้วยย หรืออยากบอกแกว่า เบาได้เบาววววว

3. ผมคิดว่าคำตอบของ SQEX Support Center ในครั้งนี้มันค่อนข้างกลวงอ่ะ สิ่งที่ Support ตอบว่า "นิยายมันอยู่ในหนังสือ Official ดังนั้นนิยายจึง Official"  support อาจเพียงหมายความว่านิยายนั้นเป็นลิขสิทธิ์และเผยแพร่โดย Official แต่ไม่ได้สื่อว่านิยายมัน canon หรือไม่....

4. ดังนั้นเลยอยากให้คุณ clerith เมลกลับไปถาม support ให้ไปถามทีมงานว่า แล้วนิยายมัน canon ล่ะเปล่า? 55555 จะได้จบ ๆ

5. ส่วนผมตอบเหมือนเดิมว่า ผมมองนิยายซึ่งแต่งโดยคุณเบนนี มัตสึยามะ (Benny Matsuyama) ซึ่งเป็นทีมงาน Studio BentStuff มีสถานะเป็น Official Fan-fiction  กล่าวคือแม้ว่าใจความของนิยายมันจะมาจาก Official ...แต่คนที่เขียนมันขึ้นมาก็ไม่ใช่ Official โดยตรง ดังนั้น เราอาจหยิบความเข้าใจหรือคอนเซปต์ต่าง ๆ ที่ได้จากนิยายไปใช้ตีความต่อไปได้ แต่ตัวนิยายฉบับนี้ อาจใช้เป็นหลักฐานอ้างอิงไม่ได้ซะทีเดียว

คอนเซปต์ที่เราได้รู้ครั้งแรกจากนิยายนี้ ก็คือเรื่องที่ Spirit Energy ของมนุษย์นั้นมี Spirit Core อยู่ เมื่อคนเราตายแล้ว Spirit Energy จะกลับคืนสู่ไลฟ์สตรีม แต่ตราบใดที่ Spirit Core ยังไม่ได้หลอมละลายไป, Spirit Energy ของชาวเซทร่าก็สามารถฟื้นฟู Spirit Core นั้นให้กลับมาเหมือนตอนพึ่งตายใหม่ ๆ ได้ เรียกว่า retain Spirit ให้ยังคงอยู่ได้นานขึ้นว่างั้นเถอะ

ส่วน Spirit Energy ของชาวเซทร่า ก็เหมือนหยดเลือดที่ตกสู่แม่น้ำ มันใช้เวลานานกว่าที่จะหลอมละลายสลายไปกับไลฟ์สตรีม แต่สุดท้ายมันก็จะสลายไป

การที่ผีแอริธยังคงรักษา Spirit Energy ของแซ็คไว้ได้ จนถึงช่วง 2 ปีหลัง FFVII Original ไปแล้ว, รวมถึงการที่แอริธยังไม่สลายไปกับไลฟ์สตรีม มันก็อ้างอิงอยู่บนหลักการที่อธิบายไว้ในนิยายนี้แหละ ซึ่งหนังสือเล่มนี้มันออก 9 ก.ย. 2005 แล้วต่อมาวันที่ 14 ก.ย. 2005 Advent Children มันก็ออกมาเชื่อมโยงกัน

6. ด้วยความเชื่อมโยงต่าง ๆ นี้ ผมจึงสรุปของผมเองว่าเบนนีไม่ได้แต่งเนื้อหาขึ้นมาทั้งหมดลอย ๆ จากจินตนาการของตนเอง แต่แกก็ต้องไปจับเข่าคุยกับโนะ กับโนจิมะ คิตาเสะจัง แล้วรับไอเดียความเข้าใจต่าง ๆ เอาไปแต่งเติมเป็นนิยายแหละ มันจึงมีทั้งส่วนที่ใช้ได้ และใช้ไม่ได้

7. ในนิยายนี้ มีประเด็นน่าสนใจ ที่แอริธค่อนข้างถ่ายทอดความนึกคิดในใจของตัวเองออกมาอย่างชัดเจนกว่าตัวเกมหลัก ซึ่งแอริธแสดงเจตนาว่ามุ้ฟอรจากแซ็คไปแล้ว แล้วยังชมคลาวด์ว่าดีกว่าแซ็คยังไง ฯลฯ มีทั้งส่วนอิจฉาทิฟาที่ได้ดูแลคลาวด์ในช่วงไขปริศนาฟื้นฟูความทรงจำ ซึ่งในส่วนรายละเอียดปลีกย่อยนั้น.... คุณเบนนีแกอาจจะแต่งเติมขึ้นมาเอง แต่ผมว่า core concept ว่าแอริธนั้นหลงรักคลาวด์ไปแล้ว แกน่าจะได้มาจากโนจิมะจริง ๆ ดังนั้นในนิยาย Lifestream: White ของโนจิมะเอง โนจิมะจึงเขียนว่า she had loved him หรือในเวอร์ชั่นญี่ปุ่นก็ใช้คำว่าคนรัก 恋人

----------------------------

ทั้งหมดคือเรื่องของ Timeline Original กรุณา เก็บข้อมูล และจดจำแยกต่างหากจาก Timeline Remake...

ข้อมูลเพิ่มเติม - http://re-ffplanet.blogspot.com/2020/04/final-fantasy-vii.html

Thursday, June 24, 2021

เทรลเลอร์สุดท้าย Shin Subarashiki Kono Sekai


JP - https://youtu.be/JT3lz0-hhjk

EN - https://youtu.be/hWlvJ6hWcKs

Hype จนไม่เป็นอันทำงานละครับ

จาก Final Trailer ค่อนข้างชัดแล้วว่าพวกชิบะ ยมทูตจากชินจูกุ มีขนบในการย้ายไปถล่ม ทำลายดินแดนต่าง ๆ ทีละที่

ซึ่งพวกยมทูตชิบุยะไม่รู้มาก่อน เขาเข้าใจผิดว่าพวกชิบะ เสียที่อยู่ในชินจูกุไป เลยต้องอพยพมาขออาศัยชิบุยะอยู่

กว่าจะรู้ตัวก็สายไปแล้ว

แต่ว่าพวกชิบะ ก็ถือว่าเปรี้ยวตีน และย้ายมาผิดที่มาก ๆ

ชิบุยะ มีเจ้าที่อย่างโจชัว (ยมราช) ฮาเนโกมะ (เทวดานอกรีต) ไหนจะมนุษย์ที่มีจินตานุภาพสูงสุดอย่างเนกุ

แถมด้วยรินโด ตัวเอกภาค 2 ที่มีพลังสุดโกงอย่าง "ย้อนเวลา"

55555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555

ต่อให้เห็นฉากบ้านเมืองถล่มทลาย โลกแตกพังพินาศยังไง ก็ไม่น่าวิตกสักนิด

เพราะพวกตัวเอกมันมีทรัพยากรสุดโกงกันอยู่ขนาดนี้แล้ว โดยเฉพาะไอ้ "ย้อนเวลา" เนี่ยยยย

ยังไงก็จบสวยแน่ ๆ แล้วชิบะก็คงยอมถอยไป เหมือนโจชัวในภาคแรก

ปลายทางมันเห็นชัดขนาดนี้แล้ว ที่เหลือก็ดูว่าโนะ กับคุณคันโดะ จะผสมกาวว่าชิบะทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร แล้วจะผูกเรื่องราวให้ตัวละครต่าง ๆ เข้ามาหยุดยั้งชิบะ ด้วยความคิดแบบไหนบ้าง

ที่น่าสนใจ ท้ายเทรลเลอร์นั้น เราเห็นโจชัว ชิกิ เนกุ แบบไม่เห็นหน้าา

ผมค่อนข้างเชื่อว่า ยังไงตอนจบ พวกตัวเอกก็น่าจะได้ Reunion กันหมด ยิ่งตามรสนิยมของโนะแล้ว ตอนจบอาจจะเอาแก็งตัวเอกภาค 1 กับ 2 มาพบกันหมด แล้วนั่งดูดไอติมหรือปาจานร่อน บนยอดโทวะเรคคอร์ดเลยก็ได้ 5555

โนมุระ ไปเป็นนายแบบโฆษณาให้ Sony Bravia XR


ล่าสุดโนะไปเป็นนายแบบโฆษณา TV ให้ Sony Bravia แล้วครับ

แกบอกว่าพอฟัง BGM ของ Final Fantasy VII Remake ผ่าน Bravia XR แล้ว ไม่ใช่แค่หู แต่รู้สึกถึงความสมจริงไปถึงทุกรูขุมขนร่างกาย เสียงโคตรวันเดอร์ฟูล ฟังแบบนี้ถึงจะเข้าใจความดีเลิศประเสริฐศรีของดนตรีออริจินอล

โนะอวยอีกว่า ปกติเล่นเกมผ่าน TV อื่น อาจเจอดีเลย์ (Input Lag) จนประสาทแดกได้ แต่ด้วย Game Mode ของ Bravia XR นี่ไม่มีดีเลย์ มันสำคัญมากยิ่งสำหรับเกมที่ timing ในการกดให้เป๊ะสำคัญมาก

Bravia XR นี่แหละที่จะถ่ายทอดโลกที่ครีเอเตอร์ต้องการนำเสนอได้อย่างเหมาะสม เอาไปเปิดเล่น FFVIIR Chapter 15 กันด้วยนะ

https://www.sony.jp/bravia/jikkan/game/2/?s_pid=jp_/bravia/jikkan/4kbravia_0405_jikkan_main_19

ความลำบากของบอมเบอร์แมนแรงค์ Platinum

 


จากแบทเทิลรอยัล 64 คน

ถ้าติด top 16 เสมอตัว

ถ้าไม่ติด คือหัก 15 แต้ม

ถ้าติด top 8 ถึงจะได้แต้มทีละนิดตาม performance

เดิมผมเล่นตัวอควอเป็นหลัก แต่พอถึงจุดนี้ อควอไม่ไหวแล้ว เจอเขียวเคาเตอร์ได้ เจอขาวของครบก็ไม่รอด ถึงอควอจะบุกเก่ง แต่เล่นได้หน้าเดียว ระเบิดน้อย ถ้าไม่รีบหาของให้ครบ จะตายตั้งแต่ top 32 เอา

ลองไปเล่นเขียวเคาเตอร์ ถ้าหลงไปอยู่ห้องเดียวกับขาวที่ของครบ ตายห่าแน่นอน

ลองไปเล่นขาว ถ้าไม่ตุนไอเทมให้ได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ ไม่รีบฟลุ๊คได้มือมา ก็ไปไม่ถึงเลทเกม

ลองไปเล่นชมพู เล่นยากไป ชมพูไว ระเบิดแรง เยอะก็จริง แต่คนเล่นต้องสมอง reflex ไวมาก เล่นยากกกกกก

ลองไปเล่นเหลือง ตายห่าตั้งกะต้นเกมมมม เดี๋ยวนี้เหลืองกินใครไม่ลงแล้ว

ลองไปเล่นอลูคาร์ด ....ก็ติด top 16 รัว ๆ แต่ก็แต้มไม่ขึ้น....

Orz ชีวิตมือระเบิดผม จบแค่แรงก์ platinum แล้วครับ

Tuesday, June 22, 2021

ครบรอบ 5 ปีจากวันที่แท็บบี้บอกว่าคนชอบ FF ภาคไหนที่สุด ก็ตู่เอาว่านั่นคือ FF ที่แท้ทรู

ช่วงนี้เมื่อ 5 ปีก่อน ตอน E3 2015

คุณ Schreier นักข่าวจาก Kotaku ได้ไปสัมภาษณ์แท็บบี้จัง ซึ่งเนื้อหาการสัมภาษณ์ทั้งหมด ผมไม่ได้ใส่ใจเท่าไหร่ แต่มีสิ่งที่ผมจำได้ไม่รู้ลืม จนวันนั้นเอามาตั้งสเตตัสตัวเองอยู่ 2 ข้อ

อย่างแรกคือ แท็บบี้บอกว่าไอเดียที่ว่า Final Fantasy ที่แท้จริงของแต่ละคนเป็นยังไงนั้น... มันก็อยู่ที่ว่าคน ๆ นั้นชอบภาคไหนมากที่สุด ก็จะยกยอเอาว่าแบบนั้นแหละคือ Final Fantasy ที่แท้จริง 

😂 ซึ่งตั้งกะ 5 ปีก่อน ตอนผมอ่านถึงตรงนี้ก็ยืนขึ้น ปรบมือ ทำ standing ovation ให้แล้วครับ ตั้งกะเริ่มเล่นเว็บบอร์ดทั้งไทยและเทศในปี 2000 เป็นต้นมา ผมก็เห็นมนุษย์ส่วนใหญ่เป็นแบบนั้นกันนั่นแหละ

หลังจากนั้นคุณ Schreier ก็ถามต่อทันทีว่า มันมีทฤษฎีว่าการที่ผู้คนยึดติดกับ Final Fantasy ยุคเก่ามากกว่า นั่นก็เพราะมันไม่มีเสียงพากย์, มันเหลือที่ว่างมากมาย ให้ผู้เล่น ได้เติมแต่งจินตนาการเข้าไปในหัวตามแต่จริตของตน คุณเห็นด้วยมั้ย?

ซึ่งแท็บบี้ก็ตอบว่า "I completely agree with you" 😂 แล้วเสริมว่าสิ่งที่ผู้เล่นจินตนาการเสริมเติมแต่งเข้าไป แล้วคิดทบทวนย้อนกลับไปกลับมาในหัวมาเป็นเวลานาน มันเป็นสิ่งที่ฮาร์ดแวร์ล้ำขนาดไหน ก็ไม่มีทางสร้างให้ตรงใจได้ เราไม่สามารถไป recreate สิ่งที่คนคิดต่อเติมกันในหัวได้ มันก็เป็นเรื่องยาก แล้วผู้คนก็จดจำเกมยุคเก่า กันในแบบที่แต่ละคนอยากจะจดจำกันเองไปแล้ว

--------------------------------------------------

http://re-ffplanet.blogspot.com/2016/06/ffxv-ff.html

https://kotaku.com/an-in-depth-q-a-with-the-director-of-final-fantasy-xv-1782282444

--------------------------------------------------

ตอนนั้นที่ผมอ่านมาถึงท่อนนี้ ผมก็นึกถึงช่วงยุค 2000~2010 เวลาเพื่อน ๆ พี่ ๆ ที่แก่กว่าผม ยุคก่อน เล่าเรื่อง FF ให้ผมฟัง

บอกได้เลยว่าแทบทุกคน ร้อยละ 80-90% "เล่ามั่ว" โดยเสริมเติมแต่งจินตนาการของตนเอง การตีความของตนเอง เข้าไปแบบไม่ยั้ง 

กลายเป็นว่า ผู้เล่นที่ได้เล่นภาคก่อนหน้า 2000 แบบ realtime แทบทุกคนจดจำเนื้อเรื่องและการนำเสนอของ FF ยุคก่อน ในแบบที่เสริมเติมแต่งจินตนาการของตนเองลงไป แล้วแต่ละคนก็พรรณาเรื่องภาคเดียวกัน ฉากเดียวกัน ออกมาไม่เหมือนกัน แต่ก็เติมแต่งไปในแนวทางแบบที่พวกเขา จะอิ่มเอมกับเนื้อหามัน

อาจเป็นเพราะยุคก่อนมันไม่มีอินเตอร์เน็ต ไม่มี youtube ให้เปิดดูฉากเดิมซ้ำ ไม่มีการพูดคุยถกเถียงอย่างแพร่หลายด้วย ทุกคนก็จดจำเนื้อหาในแบบของตนเอง จากการเล่นของตนเองเพียว ๆ เท่านั้น

แล้วด้วยการนำเสนอในตอนนั้น ที่ยังถ่ายทอดสีหน้าท่าทางน้ำเสียงได้ไม่สมบูรณ์ อีกทั้งหลายคนยังเล่นในวัยเด็ก ทักษะทางภาษาไม่แข็งแรง ทำให้มันเหลือที่ว่างมากมาย ให้คนได้จินตนาการเติมเข้าไป เพื่อเสริมความเข้าใจในหัวให้สมบูรณ์จริง ๆ

ผมยังจำได้ถึงตอนที่ฟังลุงต้นไม้ (พี่ Y.) เล่าเรื่องจุดประสงค์ของกอลเบซ่าใน FF4 แกก็เล่าแบบเมามันส์ตั้งแต่ต้นจนจบ แต่ไอ้ที่แกเล่าเกี่ยวกับวิธีคิดของกอลเบซ่า มันผิดหมดเลย.... แต่แกก็เข้าใจของแก ฟินกับเนื้อเรื่องในแบบที่แกจินตนาการของแกเอง

แล้วก็นึกถึงเวลาหลาย ๆ คนเล่าฉากประทับใจในยุคเก่า หลาย ๆ ภาคให้ฟัง (ยิ่งถ้าไปเปิดสารพัดกระทู้ถกเนื้อเรื่องที่ผมเซฟเอาไว้ในยุค 2000s คงบรรเทิง) ซึ่งมันก็กลายเป็นว่าส่วนใหญ่จำกันผิด ๆ แล้วก็เติมแต่งจินตนาการกันเองลงไปเยอะ

เรียกว่าเกมยุคเก่าที่การนำเสนอสีหน้าท่าทางน้ำเสียงมันไม่สมบูรณ์ มันเหลือที่ว่างให้คนต่อเติมในหัวตามใจชอบ ได้มากกว่าจริง ๆ .....

(พูดแล้วก็นึกถึง SaGa Frontier ที่แต่งเนื้อเรื่องกิ่งก้านสาขาไปเยอะมาก แต่ทุกอย่างแต่งไว้หลวม ๆ ไม่มีรายละเอียด แล้วคุณคาวาซึก็บอกใน The Essence of SaGa Frontier เองว่าแต่งตื้น ๆ ไว้หลวม ๆ ให้ที่เหลือไปจินตนาการเติมแต่งกันเอง.... ซึ่งเกมสมัยนี้ มันจะแต่งตื้น ๆ ทำบทหลวม ๆ แบบตอนนั้นไม่ได้แล้วล่ะ)

ความประทับใจจาก Subaselai ตอนที่ 11


เนกุ : เป็นความผิดฉันเอง ค่าเข้าร่วมเกมของฉันก็คือเธอ ชิกิ

ชิกิ : เอ๊ะ.... เอ๋~~~~~~~~~
ฉันกลายเป็นค่าเข้าร่วมเหรอออ
งั้นก็หมายความว่าาาา...
ทำไมล่ะะะะะะะะะะะ

บีท : ก็แปลว่าเธอกลายเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดของหมอนี่ไปแล้ว

เนกุ : ขอโทษนะ ฉันแค่... อยากให้ชิกิมีชีวิตอีกครั้ง ฉันอยากจะเห็นชิกิพูดคุย หัวเราะ ไปกับเพื่อนของเธอในชิบุยะ

ชิกิ : เนกุ เธอเปลี่ยนไปนะ...

เนกุ : ก็เพราะชิกิไงล่ะ

ชิกิ : เอ๋~~~~~~ (ยกตุ๊กตาขึ้นมาปิดหน้า)

------------------------------

น่าร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกก~~~~~~~😂🤣 ไอ้การบอกรักที่ไม่ต้องมีคำว่ารักเนี่ย เป็นมุกหากิน ที่ใช้ยังไงก็ยังก๊าวใจจริง ๆ

จู๋ ๆ ผมก็คิดขึ้นมาว่า "โชกะ" ในภาคชิน ก็คือชิกิ ที่โดนทำอะไรสักอย่างแล้วกลายเป็นยมทูตโดยไม่เต็มใจ แล้วเนกุเองก็จะต้องมาช่วย

พอไปดูในปก Artwork ก็เห็นว่าเนกุน่ะ ยืนอยู่ข้างหลังโชกะ พอดี ❤


เมกุมิ : ยังไม่จบ ฉันต้องปกป้องชิบุยะให้ได้
เวลาของฉันใกล้จะหมดลงแล้ว
โลกนี้ก็เหมือนการบรรเพลง Orchestra
จำเป็นต้องมี Conductor ฝีมือดีควบคุมเพลง
ด้วยการชี้นำไปในทิศทางเดียว
มนุษย์จะมุ่งไปสู่อุดมคติเดียวกัน
แล้วสร้างโลกที่สมบูรณ์แบบขึ้นมา
แกเองก็คงรู้สึก ความโกรธ ความเกลียด ความเสียใจ
ความริษยา ความกลัว ปมด้อยทั้งหลายแหล่ในชิบุยะ
ความปรารถนาอันเห็นแก่ตัวนับไม่ถ้วนที่ปะทะขัดแย้งกันและกัน
ก่อเกิดเสียงไม่พึงประสงค์ระงมที่นับวันยิ่งดังระงมขึ้นเรื่อย ๆ
ท้ายที่สุดก็สร้างความทุกข์ยากให้กับโลกใบนี้
โลกน่ะสามารถจะเป็นสถานที่อันแสนสุขได้
หากเราทุกคนมีอุดมคติเดียวกัน แล้วสละอัตภาพของตนทิ้งไป

เนกุ : มีอุดมคติเดียวกัน? เรื่องแบบนั้นน่ะ...

เมกุมิ : ทำได้สิ!! ตราบที่ฉันยังมีเข็มกลัด Red Skull อยู่

เนกุ : แกคือคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดเหรอ!?

เมกุมิ : ฉันใช้เข็มกลัด Player ของ Composer เป็นพื้นฐานสร้างขึ้นมา
ฉันอยากจะนำพามนุษยชาติไปสู่โลกใหม่
เพื่อนำพาแสงแห่งการปลดปล่อย
ที่จะตัดขาดความอาภัพทั้งปวงออกไปจากโลกใบนี้
แล้วโลกนี้ ก็จะได้กลายเป็นสถานที่อันเปี่ยมไปด้วยความสุข
นั่นก็คือ Subarashiki Kono Sekai!!

เนกุ : ไม่!! ฉันไม่อยากจะเชื่อมโยงกับใคร
ก็เลยเอาแต่ปิดหูของตัวเองเอาไว้
แต่ว่า มันก็ไม่ทำให้อะไรเปลี่ยนแปลง
โลกของฉันก็ไม่มีวันเติบโตขึ้น
แล้วก็ไม่สามารถมีความสุขกับปัจจุบันได้

เนกุ : ที่ Underground นี้ฉันได้พบเจอผู้คนมากมาย จนสุดท้ายก็เข้าใจ
ความโมโห โกรธ เศร้า และอะไรต่อมิอะไร ไม่อาจทำลายหัวใจของฉันได้
ถึงต้องแบกรับความรู้สึกทั้งหมด ก็ไม่เป็นไร

"ชิบุยะที่เป็นอยู่ตอนนี้ มันก็ดีอยู่แล้ว!!"

----------------------------------------------------

ฉากที่เมกุมิเปิดเผยเป้าหมายของตัวเองในตอนท้ายของ Subarashiki Kono Sekai เป็นอะไรที่ถูกจริต และตราตรึงใจผมมากจริง ๆ นับตั้งแต่ปี 2007

เรื่องมันเริ่มมาจาก Composer (ยมราช) เห็นว่าโลกมิตินี้มันเน่าเหม็น และควรทำลายทิ้ง ก่อนที่ความชั่วร้ายนั้นจะลามไปติดภพภูมิอื่น

แต่เมกุมิ Conductor ที่มีตำแหน่งรองจาก Composer นั้น รักโลกมาก และไม่อยากให้โลกถูกทำลาย จึงขอโอกาสจาก Composer เพื่อจะเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้

เมกุมิคิดว่าหนทางแห่งความสุขสงบ คือการทำให้มนุษย์ทุกคนคิดแบบเดียวกัน ทำแบบเดียวกัน เป็นแบบเดียวกัน ละทิ้งอัตภาพความแตกต่างไป แล้วกลายเป็นสิ่งที่เหมือน ๆ กันทั้งหมด

เพื่อจะทำแบบนั้น เมกุมิจึงหาทางส่งต่อและเผยแพร่เข็มกลัด Red Skull ไปในหมู่มนุษย์ ใช้มันเป็นสื่อกลางในการรับพลังจิตของเขา ใครที่ติดเข็มกลัดนั้น ก็จะถูกเมกุมิควบคุมให้กลายเป็นตุ๊กตาที่สูญเสียตัวตน และ Paste ความนึกคิดแบบเดียวกันลงไป

เป็นวิธีเผด็จการทางความคิด เลือกความสงบ จบที่วิธีของเมกุมิจริง ๆ

ซึ่งมันก็คงสร้างโลกที่สงบได้... หากแต่นั่น มันก็คือโลกที่ทุกคนเป็นดั่งตุ๊กตา ไม่ใช่โลกของมนุษย์

ในขณะที่เนกุซึ่งรังเกียจมนุษย์ ปฏิเสธการเชื่อมโยงกับผู้คนนั้น กลับเติบโตขึ้น จนถึงขั้นบอกว่าโลกที่เป็นอยู่แบบนี้ (2007) มันก็ดีอยู่แล้ว

ถึงคนเราจะต่างกัน บางครั้งอาจจะทะเลาะเบาะแว้งฆ่าฟันทำสงครามแตกหักและล่มสลาย

แต่เพราะความแตกต่าง เมื่อเราได้แลกเปลี่ยนกัน มันก็นำไปสู่ความเปลี่ยนแปลง ก่อเกิดสิ่งใหม่ ๆ ขึ้นมาเรื่อย ๆ ที่ทำให้โลกมันก้าวไปข้างหน้าได้....

ในเวอร์ชั่นเกม (2007) กับเวอร์ชั่นแอนิเม (2021) แม้สคริปต์จะต่างกันไปบ้าง แต่ใจความตรงนี้ก็ยังเหมือนกัน

แอนิเมชันตอนหน้าเรื่องราวก็จะจบลงแล้ว จะคอยดูว่า Epilogue จะเผยให้เราเห็นเรื่องราวฝั่งโจชัวแค่ไหน แล้วเราจะได้เห็นบทบาทของชิกิต่อหรือไม่

FFIX เตรียมทำเป็น Animation สิ้นปีนี้



สตูดิโอ Cyber Group ในปารีสเปิดเผยความร่วมมือกับ Square Enix ในการพัฒนาแอนิเมชั่น Final Fantasy IX สำหรับเด็กอายุ 8-13 ปี โดยนอกจากการผลิตแอนิเมแล้ว Cyber Group จะได้รับสิทธิในการเผยแพร่, มอบ License และจัดจำหน่ายสินค้าจากแอนิเม

ปิแอร์ ซิสแมนน์ (Pierre Sissmann) CEO ของ Cyber Group บอกว่ายังไม่รู้ว่าแอนิเมจะมีกี่ตอนและยาวแค่ไหน แต่เป้าหมายในตอนนี้คือจะเริ่ม production ให้ได้4kpในช่วงสิ้นปี 2021 หรือต้นปี 2022

ซิสแมนน์ยังบอกอีกว่าจากรายงานผลประกอบการประจำปีงบประมาณ 2020 ของ Square Enix ที่ระบุว่าทั้งซีรีส์ วางจำหน่ายทั่วโลกไปได้แล้ว 154 ล้านชุด ความนิยมดังกล่าว และโอกาสที่จะต่อยอดออกไปด้วยตัวละครใหม่ และการผจญภัยครั้งใหม่... คือสิ่งที่เตะตา Cyber Group

"เกมมันมีศักยภาพอันน่าชมสูง สำหรับคนที่ไม่รู้จัก Final Fantasy IX มาก่อน อันนี้ก็จะเป็นบทนำ"

https://kidscreen.com/2021/06/21/cyber-group-lines-up-final-fantasy-ix-series/

Thursday, June 17, 2021

FF Origin เผยข้อมูลใหม่ แจ็คมาจากต่างโลก และจะมีตัวละครคาดไม่ถึงปรากฏในเรื่อง

 

สรุปข้อมูลจากบทสัมภาษณ์ Final Fantasy Origin ล่าสุดในเว็บไซต์แฟมิซือ


โนมุระ เท็ตสึยะ (โนะ Creative Producer) - คนชักใย

ไดสึเกะ อิโนะอุเอะ (ผกก. Director) - ร่างทรงโดนโนะชักใย

จิน ฟุจิวาระ (ผอ. Producer)


[แฟมิซือ] ถามถึงความหมายของชื่อเกมก่อน

[โนะ] บอกว่าเกมนี้ใช้ FFI เป็น Motif เซตติ้งจึงอิงจาก FFI, ตัวเอก นักรบแห่งแสงใน FFI นั้นมาจากไหน ก็มีกล่าวไว้ในฉากจบของ FFI แล้ว, พวกแจ็คเองก็เป็น Stranger เช่นกัน

[โนะ] ส่วนคำถามว่าพวกแจ็คเป็นใคร? พวกเขาเป็นนักรบแห่งแสงใช่หรือไม่? อันนั้นคือแกนของเรื่อง (จึงไม่ตอบ) แต่ในเนื้อเรื่อง แจ็คจะถูกเรียกว่า 異邦人 หรือ Stranger

[โนะ] ส่วน 楽園 หรือ Paradise หมายถึงสถานที่ซึ่งต้องได้รับการช่วยเหลือ พวกแจ็คหรือ Stranger จึงมาร่วมตัวกันใน Paradise

[อิโนะอุเอะ] 楽園の異邦人 หรือ ストレンジャー オブ パラダイス” ก็หมายถึงคนที่ไม่น่าจะอยู่ในสรวงสวรรค์ ซึ่งเป็นชื่อที่เหมาะกับเนื้อเรื่องที่สุดแล้ว

[แฟมิซือ] คำว่าใช้ FFI เป็น Motif แปลว่าไม่ได้เชื่อมโยงกับ FFI โดยตรงเหรอ?

[โนะ] ใช่ นี่ไม่ใช่เรื่องที่ต่อยอดมาจาก FFI แต่เป็นเนื้อเรื่องใหม่ที่เอา FFI เป็น Motif อย่างในเดโมนี่ก็ได้ลุยกันในวิหารเคออสที่ปรากฏตอนต้นเรื่อง แล้ว flow เรื่องก็ไหลไปตาม FFI

**หมายเหตุผู้แปล - งั้นผมว่าที่ Leak มาว่าเป็น Reboot ก็ถูกแล้ว


[แฟมิซือ] พูดถึง FFI การ์แลนด์ถูกนักรบแห่งแสงกำจัด แล้วก็ท่องกาลเวลาในวิหารเคออส เกิดลูปการต่อสู้ใหม่หลายครั้ง--แต่เอ มันเกี่ยวข้องกับดีไซน์ของแจ็คที่ออกแนว modern หรือไม่?

[โนะ] เรื่องดีไซน์ของแจ็ค ถ้าพวกคุณรู้เซตติ้งของ FFI ก็น่าจะคิดต่อยอดกันได้ ชุดสวมใส่ของแจ็คที่ติดตัวมาแต่เริ่มนั่น เป็นแค่สัญลักษณ์บอกว่าเขาไม่ใช่คนของโลกนี้  แล้วนี่ก็เป็นเกมที่ต้องเปลี่ยนชุดกันมากมาย

[แฟมิซือ] งี้เอง เกมนี้ก็เป็น Hack and Slash ที่ต้องกำจัดมอนสเตอร์ในดันเจียน ฟาร์ม EXP หาของ พัฒนาตัวละคร เปลี่ยนชุดกันมากมาย ไอ้เสื้อนั่นแค่ของติดตัวตอนเริ่มสินะ

[โนะ] คอนเซปต์คือมีคนจากต่างภพ ที่ดูไม่เหมือนกับนักรบแห่งแสง FFI ไปเผชิญหน้ากับการ์แลนด์ แจ็คเองยังมีภารกิจต้องไป Defeat Chaosss ซึ่งเขาเป็นตัวละครที่ดูแตกต่างจากนักรบแห่งแสงอย่างสิ้นเชิง

[แฟมิซือ] ไม่อยากให้เขาดูเหมือนฮีโร่เหรอ?

[โนะ] ใช่สิ นอกจากนี้ชื่อของพวกแจ็ค ยังมีความหมายแฝง แต่มันเป็น Spoiler ดังนั้นเอาไว้โอกาสอื่นค่อยว่ากัน

[แฟมิซือ] นักรบแห่งแสงมันต้องมีกัน 4 คน แล้วนอกจากเจ๊ดกับแอช...

[โนะ] ยังมีคนอื่นอีก

[แฟมิซือ] เหยดดดดด!

[อิโนะอุเอะ] แต่เป็นปาร์ตี้สู้ทีละ 3 ตัวละครนะ นอกนั้นต้องสลับตัวละครเอา

[แฟมิซือ] Key Visual ของแจ็คนี่ เลือดสาด มืดมนแบบไม่เคยเจอใน FF มาก่อน

[โนะ] มันก็ทีเซอร์แรกอ่ะ เราก็ทำเน้น Impact แล้วก็ทำให้ rating เกมสูงกว่า FF ภาคปกติ (เรท 17+ ปีในญี่ปุ่น) ปกติ Image Color ของ FF มันเป็นสีขาว แต่ในเกมนี้มันเป็นเลือดกับคริสตัลแดง แล้วด้วยความที่เป็นเรื่องราวของชายผู้เกรี้ยวกราด มันจึงอารมณ์แบบดำมืด

[แฟมิซือ] แล้วในวิหารเคออส คนที่ว่าอยากจะกลายเป็นเคออส ตกลงเขาคือการ์แลนด์รึเปล่า?

[โนมุระ] นั่นมัน Spoiler ไปเล่นในเกมตัวเต็มไป๊

----------------------------------


หลังจากนี้จะโคตรย่อแล้ว เดี๋ยวไม่ได้ทำงาน

[ฟุจิวาระ] โนะเป็นคนให้คอนเซปต์เน้นโลเกชั่น กับเรื่องราวของชายผู้เกรี้ยวกราดมา

[อิโนะอุเอะ] อยากทำงานใหม่ร่วมกับ Team Ninja, Koei Tecmo ที่เคยทำ Dissidia Arcade ด้วยกันมาก่อน พวกเขาถนัดเรื่องเกม Action อยู่แล้ว ก็เอา know how นั้นมาใช้ทำ Action RPG

[แฟมิซือ] เมนซีนาริโอ เป็นคุณคาสึชิเงะ โนจิมะนี่ ปกติพวกเกม Action โคตรยากมหากาฬ เนื้อเรื่องจะไม่ค่อยลึก แล้วเกมนี้นี่ยังไงซิ?

[อิโนะอุเอะ] เนื้อเรื่องลึกแน่นอน

[แฟมิซือ] แฟน FF หลายคนไม่ค่อยถนัดแนว Action กัน แล้วเกมนี้จะเอายากแค่ไหน?

[อิโนะอุเอะ] ถ้าทำยากขนาดถูกเรียกว่า Death Game “死にゲー” คนที่อยากเล่นคงมีจำกัด เลยเอาเป็นแค่ Action ยาก ๆ พอ จะได้รู้สึกว่ามันน่าสนใจ

[แฟมิซือ] แล้วไอ้แอ็คชั่นยาก ๆ เนี่ย ทำให้มันต่างจาก Death Game ยังไง

[อิโนะอุเอะ] ก็ไปลด Death Penalty (デスペナルティ) เวลาหลบไม่พ้น การ์ดไม่ได้ ใช้ Soul Shield ไม่สำเร็จลง ให้ Team Ninja เขาไปลองผิดลองถูกบาลานซ์กันมา ถ้าเล่นไม่ไหว ก็ไป Easy ก่อน แล้วค่อยเพิ่มความยากขึ้นทีหลัง แล้วเราก็อยากปรับความยากขึ้น โดยอิงตามฟีดแบ็คของผู้เล่นเดโมด้วย ดังนั้นช่วยส่งเสียงกันมา

[แฟมิซือ] ลองเล่นเดโมแล้ว ไอ้คนที่อยากจะเป็นเคออสนี่ยากจัด พอรู้กลยุทธ ฝึก จนผ่านได้ รู้สึกอิ่มมาก

[ฟุจิวาระ] นั่นแหละคือการที่ประสบการณ์ทรงคุณค่าของ Team Ninja บังเกิดผลแล้ว

[อิโนะอุเอะ] ในหมู่ทีมงานเองมีคนพูดว่า ให้แจ็คสู้คนเดียวไปเลยสิ แต่ตราบใดที่มันยังใช้ชื่อ FF มันก็ต้องเป็นการผจญภัยที่มีเพื่อนเดินทางไปด้วยกัน เพราะงั้นสู้เป็นปาร์ตี้จึงดีกว่า

[แฟมิซือ] มันมีระบบพัฒนาการสั่งการเพื่อนมั้ย?

[อิโนะอุเอะ] เดี๋ยวดูฟีดแบ็คจากเดโม แล้วค่อยมาว่ากัน แต่อย่างน้อยที่สุด ก็จะให้ปรับแต่งของสวมใส่และการฝึกเพื่อนได้ แล้วให้เพื่อนแต่ละคนมี Job ที่ถนัดต่างกัน อย่างเจ๊ดเนี่ยเป็น Thief และแอชเป็น Monk

[แฟมิซือ] ในเดโมแจ็คสามารถถือดาบใหญ่ ตะบองมือเดียว หอก แล้วจะมีอาวุธด้วยกันกี่ประเภท?

[อิโนะอุเอะ] มีอาวุธทั้งหมด 8 ประเภทนอกจากในเดโม ยังมีดาบมืดเดียว ขวานสองมือ หมัดมวย มีด การถือดาบสองมือ

[แฟมิซือ] จะใช้เวทมนต์ตอนถือตะบองมือเดียวได้มั้ย?

[อิโนะอุเอะ] ไม่ได้ จะใช้เวทมนต์ได้ตอนถือดาบมืดเดียว อยากให้นึกถึง Knight หรือ Red mage ประมาณนั้น

[แฟมิซือ] เปลี่ยนของสวมใส่ให้เพื่อนได้ใช่มั้ย?

[อิโนะอุเอะ] บางอย่างที่ใส่ให้แจ็คไม่ได้แล้ว ก็เอาไปใส่ให้เพื่อนได้ แต่ของที่เพื่อนใช้ได้นั้นก็มีจำกัด

[โนะ] ในเดโม เปลี่ยนได้แต่แจ็ค แต่ในของจริง แชร์ของสวมใส่กันได้หมด

[แฟมิซือ] แจ็คใส่อาวุธ ชุดเกราะได้ทุกชนิดเลย?

[อิโนะอุเอะ] ใช่แล้ว แจ็คใช้ได้ทุก Job ใส่ของได้ทุกอย่าง

[ฟุจิวาระ] ผู้ประพันธ์หลักคือคุณนาโอชิ มิซึตะ จาก FFXI, FFXIII-2, อิวาซาคิ ฮิเดโนริ (FFCC), เรียว ยามาซาคิ (World of FF)

[แฟมิซือ] ตอนสู้บอสเดโม เฟสที่ใช้เพลง Battle FFI น่าประทับใจมาก

[อุโนะอุเอะ] ไม่ได้แค่เปลี่ยนเฟสธรรมดา ผมยังขอให้ใส่เพลงที่เหมาะสมกับเฟสลงไป

[แฟมิซือ] คุณฟุจิวาระกับอิโนะอุเอะ เป็น ผอ. และ ผกก. ของ Dissidia FF Opera Omnia ด้วย คุณคิดจะใส่แจ็คลงไปในเกมด้วยมั้ย?

[ฟุจิวาระ] ผมอยากให้มีแจ็คด้วยในอนาคต

[แฟมิซือ] เกมจะวางจำหน่าย 2022, ช่วยฝากอะไรหน่อย

[ฟุจิวาระ] เดโมเกิดปัญหาไม่คาดคิดตั้งแต่วันแรก ขอโทษที่ให้คอย เนื้อเรื่องในเดโมยังไม่ค่อยมีอะไร แต่มันก็มีเนื้อเรื่องที่เร่าร้อนรออยู่ คอยดูกัน

[โนะ] ข้อมูลที่ปล่อยออกไปทั้งหมดยังเป็นแค่เรื่องในเดโม ซึ่งเป็น very beginning ของเกมเท่านั้น หลังจากนี้จำนวนตัวละครในเนื้อเรื่องหลัก จะเพิ่มมากขึ้น, ขอบเขตขอบเกมขยายออกไป เนื้อเรื่องจะน่าสนใจขึ้น แล้วเมื่อตัวละครที่คาดไม่ถึงปรากฏตัวออกมา คุณจะอยู่ในสภาวะ 「?」 (อิหยังวะะะะ) ก็ขอให้จับตาดูกันต่อไป แล้วเนื่องจากปัญหาเดโมเน่าในวันแรก เราเลยจะเลื่อนวันปิดเดโมไปอีก 2 วัน ทำให้เล่นได้ถึงคืนวันที่ 26 มิถุนายน 2021 เล่นแล้วฟีดแบ็คมาด้วย พวกตรูเหลือเวลาน้อยแล้ว ทีมงานก็พยายามกันเต็มที่ ยังไงก็ฝากด้วยยยยย

https://www.famitsu.com/news/202106/17224021.html

https://square-enix-games.com/en_GB/news/stranger-of-paradise-final-fantasy-origin-famitsu-interview

Wednesday, June 16, 2021

เดโม FF Origin เผยให้เห็นการ์แลนด์ที่ใช้ท่าโจมตีเหมือนแจ็ค?


เดโมให้เล่น Tutorial ฝึกควบคุม แล้วไปลุย Chaos Shrine

เข้าไปด้านในสุด จะเจอการ์แลนด์ แล้วก็คุยกันแบบเบียว ๆ คนนึงก็จะฆ่าเคออส อีกคนก็อยากจะกลายเป็นเคออส

แอช : เมื่อกี้ทันเห็นมั้ย? ใบหน้าของมัน

เจ๊ด : มีคนอยู่ใน (เกราะ) นั้นเหรอ? บ้าน่า!!

แจ็ค : ความมืดทำให้มนุษย์กลายเป็นแบบนี้สินะ อย่าให้มันตาย เราต้องหาคำตอบ


เจ๊ด : ไอ้ท่าเมื่อกี้ ฉันเคยเห็นมาก่อน

แอช : นี่มันท่าของแจ็ค

แจ็ค : งั้นมั้ง แต่เราก็รู้ว่าของใครแรงกว่า

หลังชนะได้ การ์แลนด์ก็นอนแหมะลงกับพื้น แทนที่เราจะได้เห็นคัตซีนว่ามันทำยังไงกับการ์แลนด์ต่อ ก็ตัดเข้า Thank you for Playing 

Monday, June 14, 2021

FF Origin แจ็คอาจจะไม่ใช่นักรบแห่งแสงตามคำทำนาย !?


✳️ จากประกาศเมื่อคืน ในมุมของนักข่าวแล้ว กลายเป็นว่าจากนี้ไปต้องจับตาดู Navtra และ Imran Khan อย่างยิ่งยวด

Navtra จากบอร์ด resetera คือคนที่เปรยล่วงหน้าว่า FFXVI กำลังจะประกาศเปิดตัวแล้วนะ, FFVIIR PS5 จะมีเนื้อเรื่องใหม่นะ

และล่าสุดเมื่อ 20 พ.ค. 2021 Navtra ก็บอกว่า E3 SQEX จะเปิดตัว FF Origin และไม่มีอัปเดตของ  Final Fantasy XVI, Final Fantasy XIV End Walker หรือ Final Fantasy VII Remake INTERgrade ..... - https://www.resetera.com/threads/final-fantasy-xvi-announced-for-ps5.287810/page-155#post-65414807

ส่วน Imran Khan คือนักข่าวจากเว็บไซต์ Fanbyte ที่ลง leak เรื่อง FForigin เมื่อวันที่ 24 พ.ค. 2021 โดยให้รายละเอียดที่เยอะและลึกกว่า Navtra ไปอีก (ซึ่งต่อมา Navtra ก็ออกมาให้ความเห็น และพูดต่อยอดไปอีก) ไอ้คำว่า FF แบบ  Nioh หรือ Souls ก็มาจาก Imran - https://www.fanbyte.com/news/rumor-square-enix-set-to-announce-a-new-action-rpg-final-fantasy-spinoff/

หลังจากวันนั้น ใน resetera ก็แลกเปลี่ยน leak และวิเคราะห์ FF Origin กัน ไอ้ที่ว่ามันคือ Reboot FF1 มาก็ทราบมาก่อนจากกระทู้นี้ - https://www.resetera.com/threads/rumor-square-enix-set-to-announce-a-new-action-rpg-final-fantasy-spinoff.430685/


‼️ ที่น่าสนใจ คือมีคน "อ้างว่า" Imran บอกว่า "เราจะเล่นเป็นนักรบที่ไปเผชิญหน้ากับการ์แลนด์ และกลายเป็นค้างคาวเฝ้าวิหารเคออส" 😳

ซึ่งตามเนื้อเรื่อง FF1 Original แล้ว ค้างคาวในวิหารเคออส ก็คือนักรบชาวลูเฟน ที่ไปต่อสู้ในวิหารเคออส แล้วโดนสาปให้กลายเป็นค้างคาว.... - https://finalfantasy.fandom.com/wiki/Bat_(creature)

ถ้าข้อมูลนี้เป็นจริง หมายความว่า แจ็ค ก็ไม่ใช่นักรบแห่งแสง แต่เป็นนักรบชาวลูเฟน ตามเนื้อเรื่องเดิมนั่นแหละ.... ซึ่งหลังจากแจ็คกลายเป็นค้างคาวไปแล้ว นักรบแห่งแสงตัวจริง ถึงจะปรากฏตัวขึ้นมาอีกที

(ถ้าให้ผมผสมกาวเพิ่มเข้าไป ผมจะผูกให้ลงตัวกับ Dissidia โดยให้แจ็คเป็นเพื่อนกับซิดแห่งลูเฟน ในยุคของซิด ได้สร้างเรือเหาะทิ้งไว้ หลังจากที่แจ็คไปสู้แพ้แล้วกลายเป็นค้างคาว ซิดที่ไปอยู่ภพอื่นแล้วก็สร้างร่างจำแลงของตัวเอง กลายเป็นพี่แสง แล้วพี่แสงที่สู้ชนะเคออสใน Dissidia ไปแล้ว ถึงมาโผล่ที่ฉากเริ่มต้น FF1 แล้วค่อยไปช่วยแจ็คอีกที)


‼️ ทั้งนี้สิ่งที่มีคนอ้างว่า Imran พูดว่าตัวเอกจะกลายเป็นค้างคาว ผมก็ search หาไม่เจอว่า Imran ไปพูดไว้ตอนไหน... บางทีมันอาจจะมาจาก chat ส่วนตัว? หรือบางทีมันอาจจะเป็นการยกเมฆขึ้นมาตามประสาชาวโซเชียลก็ได้?

ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่คุยกันไว้ใน resetera ตั้งแต่เดือนที่แล้ว.... ซึ่งหากแจ็คจะไม่ใช่นักรบแห่งแสงตัวจริง แต่เป็นนักรบคนหนึ่ง ซึ่งจะได้รับการช่วยเหลือจากนักรบแห่งแสง แล้วค่อยไปช่วยสมทบนักรบแห่งแสงทีหลัง ผมก็ยินดีนะ

SQEX เปิดตัว FF Origin ตามข่าวลือในงาน E3 2021


เดโม STRANGER OF PARADISE FINAL FANTASY ORIGIN จะมาตี 4 ไทย บน PS5 เท่านั้น เล่นได้ถึงวันที่ 24 มิ.ย. เวลา 4 ทุ่ม

เกมนี้พรีเซนต์ว่าจะเป็น Action RPG ที่โชว์แนวทางใหม่ของ FF

3 ตัวเอกชื่อ 

ジャック (แจ็ค) Jack
มุ่งมั่นจะกำจัดเคออส ไม่ลังเลที่จะฆ่าศัตรูที่ขวางทาง พร้อมจะฉีกกระจุยไม่มีปราณี

ジェド (เจ๊ด) Jed

สุภาพและสดใส เคารพแจ็ค และอยากมีพลังแบบนั้นบ้าง

アッシュ (แอช) Ash

ซัพพอร์ทปาร์ตี้ด้วยความเยือกเย็น เชื่อมั่นในทักษะการต่อสู้ของแจ็ค

--------------------

บทนำ
--------------------

เหล่านักรบจดจำความทรงจำของการต่อสู้ไว้ในหัวใจ ด้วยความปรารถนาแรงกล้าที่จะกำจัดเคออส ตัวละครหลัก "แจ็ค" และผองเพื่อนแอชและเจ๊ด ได้เปิดประตูวิหารเคออส พวกเขาคือนักรบแห่งแสงตามคำทำนายอย่างงั้นหรือ...

--------------------
ข้อมูลจิปาถะ
--------------------

- พวกตัวเอกไปวิหารเคออส จะไปปราบเคออส ด้วยจุดประสงค์ที่ยังไม่เปิดเผย

- ในฉากต่อสู้ สามารถเปลี่ยนไปมาระหว่าง 2 Job ซึ่งสวมใส่อาวุธและใช้สไตล์การต่อสู้ที่แตกต่างกันได้

- เปลี่ยนของสวมใส่ ก็จะแสดงผลตาม

- แจ็คมีท่าใช้ MP ให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้น, และมีท่า Soul Burst ซึ่งเมื่อทำลายน Break Gauge ของศัตรูได้ก็จะฟื้น MP 

--------------------
ทีมงาน
--------------------

Producer จิน ฟุจิวาระ

Director ไดสึเกะ อิโนะอุเอะ

Creative Producer, Concept, Character Design เท็ตสึยะ โนมุระ

Main Scenario คาสึชิเงะ โนจิมะ

พัฒนาโดย Team Ninja

--------------------
ข้อความจากโนะ
--------------------

คอนเซปต์ของเกมนี้เกิดกลังโปรเจคท์ Dissidia 012 หลังจากงานนั้นโนะก็อยากสร้างเกม Action ที่เน้นเรื่องโลเกชั่นมากกว่าการต่อสู้ของตัวละคร จนคิดออกมาเป็นซีรีส์ใหม่ของ FF (FF の新シリーズ) เรื่องราวของชายผู้เกรี้ยวกราด 「怒れる男の物語」 ซึ่งโนะลงท้ายว่าคิดด้วยตัวคนเดียว

หลังจากนั้นผ่านไปหลายเดือน โนะก็ถูกร้องให้สร้างโปรเจคท์ใหม่ขึ้นมา แล้วก็สามารถผสมผสานคอนเซปต์ทั้งสองอย่างเข้าด้วยกันอย่างกลมกลืนได้

ถึงแม้จะเป็น Final Fantasy ที่ดูไม่เหมือนปกติ แต่มันมีเลือดของ Final Fantasy ไหลเวียนอยู่อย่างเข้มข้น

เป็นงานที่มีความยากลำบากและท้าทาย

ต้องใช้เวลาอีกสักพัก กว่าจะสมบูรณ์ แต่ระบบต่อสู้ ก็เป็นระบบเลือด (血生臭いシステム) ที่เชื่อมโยงกับเนื้อเรื่อง

--------------------
ข้อความจากโนจิมะ
--------------------

ไม่ใช่เรื่องของความความหวังหรือความฝัน แต่ให้คิดว่าเป็นความรู้สึกหิวหรือกระหาย เมื่อประโยคนี้ถูกสร้างขึ้นมา ผมก็รู้สึกว่าเนื้อเรื่องมันมีชีวิต

ทำไมถึงอยากกำจัดเคออสขนาดนั้น?

ความหวังและความฝันของพวกเขาคืออะไร?

จิ๊กซอว์เนื้อเรื่องทั้งหมดถูกประกอบเข้าด้วยกัน ด้วยประโยคเหล่านี้

นี่คือเนื้อเรื่องที่ผมได้มาเขียนอีกครั้ง STRANGER OF PARADISE FINAL FANTASY ORIGIN ผมว่าเป็นเนื้อเรื่องที่โคตรน่าประทับใจที่ผลักดันด้วยอิมเมจของการฆ่าฟัน ขอให้สนุกกัน!

--------------------
ข้อความจากอิโนะอุเอะ
--------------------

งานนี้คือลมหายใจใหม่ในชื่อของ Final Fantasy โดยสถานะของมันก็เป็นภาค Gaiden (Spin-off)

บางคนอาจผิดหวังกับการประกาศของภาคหลัก แต่งานนี้ ก็จะสามารถลองทำสิ่งที่ไม่สามารถทำในภาคหลักได้

Action บนเท้าเหล่านั้นพัฒนาโดย Team Ninja

ฮีโร่ผู้อาบเลือดที่สาดจากการฉีก ทุ่ม บดขยี้ศัตรูนั้น ดูราวกับ...

เราได้เตรียมเดโมให้ผู้เล่นได้ลองสัมผัสลมหายใจใหม่นั้นไว้แล้ว แม้ว่าจะยังอยู่ในจุดหนึ่งของการพัฒนา แต่ก็หวังว่าจะสนุกกับเดโมกัน แล้วก็จะรอฟังความประทับใจ เพื่อจะได้นำความเห็นไปใช้ในการพัฒนาในอนาคตต่อไป


แนว Action RPG

วางจำหน่ายภายในปี 2022

ลง PS5, PS4, Xbox Series X | S, Xbox One, PC


เว็บไซต์หลักของเกม

https://www.jp.square-enix.com/sopffo/


Media Kit

https://press.na.square-enix.com/STRANGER-OF-PARADISE-FINAL-FANTASY-ORIGIN-ANNOUNCED-FOR-2022-RELEASE-O


เทรลเลอร์

JP - https://youtu.be/27-YDDq2MkM

EN - https://youtu.be/ntQ-utIdWWE


https://www.famitsu.com/news/202106/14223425.html

https://www.4gamer.net/games/575/G057563/20210609127/

**ทั้งนี้การเปิดตัวดังกล่าวตรงตามข่าวลือที่ Navtra ของบอร์ด resetera ได้บอกเอาไว้
http://re-ffplanet.blogspot.com/2021/05/navtra-ff-e3-2021.html

สาเหตุที่ไวส์และเนโรหนีออกจากดีปกราวด์ไม่ได้


ไปนั่งรื้อฟื้นก่อนว่า ทำไมไวส์และเนโรถึงหนีออกจากดีปกราวด์ไม่ได้? เหตุผลมันไม่น่าจะมีแค่โดนตรึงตรวนไว้

คำตอบคือ พวกที่ถูกจับมาฝึกเป็น DGS ทุกคน จะถูกฝังชิบไว้ที่คอ ตั้งแต่เข้าร่วมการฝึกเลย

แล้วชิบนั้นจะทำให้ถูกกลุ่ม Restrictor (ผู้คุม) ควบคุมตัวได้ และหากซูเปอร์คอมพิวเตอร์ Patricia ไม่ได้รับสัญญาณจาก Restrictor เป็นเวลา 3 วัน มันก็จะปล่อยไวรัสจากชิบที่คอ ออกมาฆ่าไวส์ ซึ่งเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในดีปกราวด์

Restrictor นั้น แท้จริงแล้วก็คืออดีต SOLDIER หน่วยที่ 14 ซึ่งเป็นหน่วยที่จงรักภักดีต่อประธานชินระ และเป็นผู้เก็บกวาด SOLDIER หน่วยที่ 13 ที่ชื่อ Ragnarok ที่เกรียงไกรที่สุดไปเอง เพราะหน่วยที่ 13 มันไม่เห็นด้วยกับการทดลองใต้ดิน เลยโดนหน่วยที่ 14 เก็บ แล้วหน่วยที่ 14 ก็ถูกแต่งตั้งให้เป็น Restrictor

แต่แล้ววันนึง เชลค์ (โปร่งใส) กับ อาร์เจนโตะ (สีเงิน) ก็เจาะระบบป้องกันของ Patricia ได้ และพอจะแฮ็คแก้การผลิตควบคุมล็อตใหม่ ๆ ได้ ทำให้คนที่ถูกจับมาใหม่ และถูกฝังชิบล็อตหลังเข้าไป เป็นอิสระจากการควบคุมของ Restrictor

ในโหมด Multiplayer ของ Dirge of Cerberus เราจึงต้องรับบทเป็นไอ้หน้าใหม่ ที่ถูกฝึกฝนความสามารถ ถูกปั่นเรื่องให้แค้น Restrictor เพื่อจะไปฆ่า Restrictor ซะ ซึ่งแม้เราจะเสียชีวิต แต่ก็ทำให้ Restrictor ปางตาย แล้วไวส์ก็เข้ามาปิดฉาก Restrictor คนแรกให้

หลังจากนั้น ไอ้หน้าใหม่คนอื่น ๆ ก็ถูกกระจายไปปลิดชีพ Restrictor คนอื่น ๆ จนหมด ซึ่งมันเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาและการเล่นละครพักใหญ่ แต่พอฆ่า Restrictor ได้หมดแล้ว ทหารดีปกราวด์ทั้งหมด จึงเป็นอิสระจากการปกครองของชินระสักที ถึงโผล่ขึ้นมาจากชั้นใต้ดินได้

ส่วนไวส์ก็โดนไวรัสจากชิบที่คอแดร๊กตายคาบัลลังค์ไปทั้งอย่างนั้น ตามเงื่อนไขที่ว่าหาก Patricia ไม่ได้รับสัญญาณจาก Restrictor ครบ 3 วัน ไวส์ต้องตายยย

http://re-ffplanet.blogspot.com/2009/09/dc-final-fantasy-vii.html

คลิปมัดรวมเนื้อเรื่อง Kingdom Hearts ซีรีส์ χ เสริมคำอธิบายของ Everglow


อันนี้ดีกว่าเวอร์ชั่น Roboloid ที่แค่ตัดแปะคัตซีนทั้งหมดรวมกันเฉย ๆ เพราะการปรุงแต่งคำอธิบายหมายเหตุลงไปด้วยเนี่ยแหละ

ส่วนที่เป็นประโยชน์สำหรับผมที่สุดในคลิปนี้คือช่วงคำอธิบาย ตามเวลานี้ https://youtu.be/68lZEYUjtRU?t=6182

Everglow บอกว่าหลังจบสงครามคีย์เบลดใน KHχ แล้ว ตัวเอกโดนพาเข้าสู่ Data World จึงเป็นจุดเริ่มต้นภาค Unchained χ แล้วโดนจิริธีลบความทรงจำเดิม แล้ว re-experience การเดินทางบนโลกจริงใหม่ตั้งแต่ต้น โดยมีเหตุการณ์บางอย่างเปลี่ยนไป เช่น ไม่เกิดสงครามคีย์เบลด เรียกว่าเป็น alternate reality ก็ไม่ปาน 

ดังนั้นแล้วภาค Unchained χ จริง ๆ ก็มีสถานะกึ่ง Remake ของภาค χ, ขณะที่ Union χ มันคือ Sequel ที่เป็น Data World หลังจากที่พวกโหรหายตัวไป โดยไม่เกิดสงครามคีย์เบลดขึ้น

ซึ่งตรงนี้ผมเข้าใจดี เข้าใจตรงกับ Everglow และก็อธิบายตรงกันแบบนี้มานานแล้ว แต่เห็นหลายคนยังเข้าใจผิด คิดว่าพอเข้า Data World แล้วก็มาเริ่มทีหลังสงครามคีย์เบลดไปเลย ซึ่งมันไม่ใช่ ที่จริงคือตัวเอกต้องสัมผัสเหตุการณ์ใหม่ตั้งแต่ต้น เรียกว่าตั้งแต่เริ่ม Unchained χ มา มันก็คือ Data World แล้ว

Saturday, June 12, 2021

โนะคิด ฮามากุจิทำ แค่นี้ก็พอแล้ว


อยากพูดถึงประเด็นเรื่องที่โนะ (เท็ตสึยะ โนมุระ) ไม่ได้เป็น ผกก. Final Fantasy VII Remake Part 2 หากแต่แกแปะตำแหน่งเป็น Creative Director ของ FFVII Remake Part 2, Ever Crisis และ The First SOLDIER

ที่จริงมันก็เป็นเรื่องที่ Official ประกาศมาตั้งแต่ 26 ก.พ. 2021 หรือเกือบ 4 เดือนที่แล้ว

และตอนที่ประกาศนั้น โนะก็ให้หมายเหตุไว้ชัดเจนแล้วว่า ถึงจะเปลี่ยนตำแหน่ง "แต่ส่วนร่วมที่แกมีต่องาน มันก็แทบไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรไปนัก"

ย้อนอ่านข่าวนั้นได้จาก - https://www.ffplanet.page/2021/02/ffvii-remake-intergrade-first-soldier.html

ต้นข่าวจากแฟมิซือ - https://www.famitsu.com/news/202102/26215104.html

เวอร์ชั่นคุณ Audrey แปล - https://aitaikuji.com/blog/final-fantasy-7-remake-intergrade-interview-with-nomura-translation

ซึ่งอันที่จริง พวกนักข่าวก็ไม่ได้แปลกใจ และก็ไม่คิดว่าการเปลี่ยนแปลงนั้นจะมีผลอะไรเลย.... เพราะโนะแก ทำงานในบทบาทครีเอทีฟมากกว่าผู้กำกับ มาเกือบ 15 ปีแล้ว... ส่วนไอ้บทบาทคุมงานด้านต่าง ๆ ประสานดูแลลูกน้อง แกจะต้องมี Co-director หรือผู้กำกับร่วม มาทำให้แกเสมอ

แต่ผมก็พอเข้าใจได้ว่าคนที่อยู่นอกจักรวาลนักข่าว ก็อาจเข้าใจผิดไปว่าเมื่อโนะไม่ได้เป็น ผกก. Part 2 แล้ว จะเกิดความเปลี่ยนแปลงไปมาก (ซึ่งจริง ๆ มันก็เปลี่ยนแค่ตำแหน่งในนาม แต่หน้าที่ Creative ก็ยังทำอยู่เหมือนเดิม)

-----------------------------

ที่ผมบอกว่าโนะทำงานในบทบาทครีเอทีฟมากกว่าผู้กำกับ มามากกว่า 15 ปีแล้ว 

คือเรื่องมันเริ่มมาตั้งแต่ช่วงปี 2006-2007 ที่ตอนนั้นเป็นยุค PS3 PSP NDS แล้ว SQEX พยายามเข็นเกมออกมารัว โดยมีชื่อโนะ แปะอยู่ในรายชื่อทีมงานเกม พร้อมกันร่วม 10 เกม!!!

แน่นอนว่ามันเป็นไปไม่ได้ ที่จะลงไปคุมทีมสตาฟฟ์สร้างเกมเป็นสิบทีม แต่ถ้าพอจะเป็นครีเอทีฟ ออกไอเดีย แล้วให้คนอื่นเอาไปทำ, หรือลูกรักอย่าง KH ก็อยากจะคุมเองมากหน่อย ทำหน้าที่ให้สมเป็นผู้กำกับหน่อย แต่แบกคนเดียวก็ไม่ไหว ก็ตั้ง Co-director ขึ้นมาช่วย

เรามาย้อนดูว่าช่วงนั้น ที่แกทำโปรเจคท์พร้อมกันร่วม 10 เกม แกทำอะไรลงไปบ้าง

-------------------------
เกมที่ออก 2007
--------------------------

- Subarashiki Kono Sekai, โนะเป็น Creative Producer และออกแบบตัวละครร่วมกับเก็น โคบายาชิ ส่วนตำแหน่งผู้กำกับเกมให้ทัตสึยะ คันโดะ (ลุงแว่นร้านราเม็ง) ซึ่งบางคนอาจคุ้นชื่อนี้ ว่าเป็นลูกมือคนสนิทที่ติดตามแกไปทำทุกเกม โดยเฉพาะพวก KH

- Crisis Core: Final Fantasy VII, โนะเป็น Creative Producer และออกแบบตัวละครเหมือนกัน แล้วตำแหน่งผู้กำกับส่งให้คุณทาบาตะทำ โดยตอนนั้นโนะติดปาจิงโกะ เลยอยากให้ใส่องค์ประกอบแบบปาจิงโกะลงไป ส่วนองค์ประกอบอื่น ๆ ที่โนะคิดผมจำไม่ได้ แต่คนที่กำหนดว่าเนื้อหาในเกมจะเป็นยังไงได้บ้าง ก็คือแกกับคิตาเสะ, มีนึกได้อีกอย่างว่าฉากแซ็คสู้กับเซฟิรอธ คิตาเสะอยากให้เจโนว่าแสดงอภินิหารช่วยเซฟิรอธออกมา แต่โนะค้านสุดใจว่ามันขัดกับออริจินอลเกินไป .....(อยากให้โนะคนปัจจุบัน ไปทะเลาะกับโนะคนนั้นจัง)

--------------------------
เกมที่ออก 2008
--------------------------

- Kingdom Hearts Coded โนะกำกับเอง เพราะ KH เป็นลูกรัก แต่ทำคนเดียวไม่ไหว ลากทาบาตะมาเป็น Co-director ช่วย

- Dissidia Final Fantasy โนะนั่งแท่น Creative Producer และออกแบบตัวละครเหมือนเคย ส่วนตำแหน่งผู้กำกับให้ทาเคชิ อาราคาวะ ซึ่งแฟน KH ก็ย่อมจะจำชื่อได้ว่า นี่ก็เป็นลูกทีมคนสนิทของแก ที่หิ้วไปทำทุกเกม รวมถึง Subarashiki Kono Sekai มาด้วย

- Ellark อันนี้ผมไม่เคยทำข่าว ไม่มีความทรงจำอยู่ แต่จากที่ค้นมา แกแค่ออกแบบตัวละคนอย่างเดียว

--------------------------
เกมที่ออก 2009
--------------------------

- Kingdom Hearts 358/2 Days โนะกำกับเอง ส่วนตำแหน่ง Co-director ให้โทโมฮิโระ ฮาเซกาวะ ลูกทีมคนสนิทอีกคนช่วย

- Final Fantasy XIII โนะออกแบบตัวละครหลักอย่างเดียว, (ไม่นับที่ไปร่วมแต่งปฐมบท Fabula Nova Crystallis ที่ตอนเปิดตัว บอกว่าช่วยกันแต่งขึ้นร่วมกับโยชิโนริ คิตาเสะ, ฮาจิเมะ ทาบาตะ, คาสึชิเงะ โนจิมะ, โมโตมุ โทริยามะ)

--------------------------
เกมที่ออก 2010
--------------------------

- Kingdom Hearts Birth by Sleep โนะกำกับเอง ให้ทาอิ ยาสึเอะ จากทีมโอซาก้า เป็น Co-director ซึ่งการพัฒนาเนื้องานจริง ๆ มันก็อยู่ที่โอซาก้านั่นแหละ

- Kingdom Hearts Re:coded โนะกำกับเอง แล้วมีฮิโรยูคิ อิโตว (คนที่มาย้ายมาจากสตูดิโอ Jupiter ในปี 2008) กับจุน คาโต เป็น Co-director

- The 3rd Birthday โนะนั่งแท่น Creative Producer และออกแบบตัวละคร ส่วนตำแหน่งผู้กำกับให้คุณทาบาตะไปทำ โดยคุณทาบาตะช่วงนั้นให้สัมภาษณ์ว่าสิ่งที่คุณโนมุระคิดให้ 3 อย่าง ก็คือ ตัวละคร, ทวิสเต็ด และ ระบบ Overdive

--------------------------
เกมที่ออก 2011
--------------------------

- Dissidia 012 Final Fantasy โนะนั่งแท่น Creative Producer และออกแบบตัวละคร, ตำแหน่งผู้กำกับมอบให้มิตสึโนริ ทาคาฮาชิ ซึ่งคนนี้เป็นคนออกแบบระบบต่อสู้ของ KH II และ Dissidia แต่ผมก็ไม่ได้เห็นว่าแกสนิทอะไรกับโนะ เลยคิดว่าอาจจะตั้งขึ้นมาตอนนั้นเพราะเรื่องศักยภาพล้วน ๆ ?

- Final Fantasy Type-0 โนะนั่งแท่น Creative Producer และออกแบบตัวละคร, ตำแหน่งผู้กำกับมอบให้คุณทาบาตะ ในส่วนของ Lore เนื้อเรื่องนั้น จำได้ว่าในบทสัมภาษณ์ใน artbook คุณทาบาตะบอกว่าแกคิดในส่วนประวัติศาสตร์บ้านเมือง แล้วลูกน้องไปคิดหาทางผูกโยงกับ Fabula Nova Crystallis แต่ไม่ได้มีการอธิบายว่าโนะช่วยครีเอตอะไรให้ในเกมนี้บ้าง (หรือผมจำไม่ได้เอง?)

- Final Fantasy XIII-2 โนะออกแบบตัวละครหลักอย่างเดียว

--------------------------
เกมที่ออก 2012
--------------------------

- Theatrhythm Final Fantasy โนะนั่งแท่น Creative Producer ส่วนผู้กำกับเป็นมาซาโนบุ ซึสึอิ

- Kingdom Hearts 3D: Dream Drop Distance โนะกำกับเอง การพัฒนาหลักทำโดยทีมงานโอซาก้า จึงให้ทาอิ ยาสึเอะ เป็น Co-director เหมือนเดิม

-----------------------------


ด้วยสภาพที่มันเป็นแบบนี้เอง ตั้งแต่ช่วง 2007 เป็นต้นมา นักข่าวและคนช่างสังเกต ก็จะพอเข้าใจแล้วว่า โนะแกจับงานพร้อมกันหลายชิ้น และทำพร้อมกันหมดโดยส่วนใหญ่แกอยู่ในบทบาทของ Creative Producer ซะมากกว่า ส่วนเกมที่กำกับเอง ก็ไม่รู้ว่าได้ทำหน้าที่ของผู้กำกับมากขนาดไหน เพราะต้องมี Co-director ลงไปคุมงานด้วยทุกเกม บางเกมก็ใช้ Co-director 2 คน....

เมื่อลองย้อนดูว่าเกมสุดท้ายที่แกเป็น ผกก. คุมเกมเองคนเดียวจริง ๆ ได้ทำหน้าที่ ผกก. จริง ๆ แน่ ๆ คือเกมอะไร.....????

ลองทายกันเล่น ๆ ได้ไหม....




คำตอบคือ Kingdom Hearts II เมื่อปี 2005 ซึ่งตอนนั้นแกยังไม่ต้องจับงานโปรเจคท์พร้อมกันทีละเป็นสิบ

หลังจาก 2006 เป็นต้นมา บทบาทแกจึงเปลี่ยนไปทำเป็นครีเอทีฟมากขึ้น คิดสิ่งต่าง ๆ แล้วยกไปให้ ผกก. คนอื่น ๆ ซึ่งช่วงเริ่มแรก เป็นลูกน้องคนสนิทของแกทำ

ส่วน Final Fantasy VII Remake เนี่ย แกเป็น ผกก. ก็จริง แต่ก็ใช้ Co-director 2 คน คือคุณฮามากุจิ แบ่งไปดูแลด้านระบบและโปรแกรมมิง, คุณโทริยามะ แบ่งไปดูแลด้านซีนาริโอ

ดังนั้น ใน Final Fantasy VII Remake Part 2 เนี่ย ถึงจะถอดป้ายตำแหน่งแกจาก Director แล้วเปลี่ยนเป็น Creative Director ความรู้สึกของผมจึงไม่ได้เปลี่ยนไปเลย ก็รู้ว่าแกก็จับแต่มุมด้านครีเอตเน้น ๆ อยู่แล้ว มันก็เหมือนกับสมัยก่อนที่แกเป็น Creative Producer ให้สารพัดเกม แล้วก็ทำหน้าที่คิด core element, concept ต่าง ๆ ในเกมพวกนั้นให้

มันจึงเป็นอย่างที่แกพูดว่า "ส่วนร่วมที่แกมีต่องาน มันก็แทบไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรไปนัก"

ส่วนคุณฮามากุจิ ที่เป็นผู้กำกับ Part 2 เต็มตัวนั้น ....ถึงแม้คนทั่วไปจะยังจำชื่อแกเองไม่ค่อยได้ แต่ฮามากุจิ ก็คือคนที่คุมงานแบกทีม Part แรกมาจนเกินครึ่งทาง แล้วได้โทริยามะมาช่วยแบกต่อในครึ่งหลังจนเสร็จนั่นแหละครับ

ดังนั้น Part 2 ก็ไม่มีอะไรน่าห่วง ขอแค่คุณฮามากุจิกับโนะ ยังรักกันดี โนะครีเอตให้ แล้วฮามากุจิก็เอาที่โนะคิดไปทำ เท่านี้ก็พอแล้ว

Friday, June 11, 2021

พูดคุยตอนจบ Episode Yuffie - Final Fantasy VII Remake


สคริปต์บางส่วนจากตอนจบ Episode Yuffie

EN - https://youtu.be/F0sPSgHcURU

ทิฟา : นี่แบร์เร็ต เราจะเดินเท้ากันไปจริง ๆ เหรอ?

แบร์เร็ต : อื้อ

ทิฟา : อีกไกลกว่าจะถึงเมืองคาล์มใช่ม้า?

แบร์เร็ต : ก็วันนึงเต็ม ๆ ประมาณนั้น

แอริธ : คำถามค่ะ... ตอนที่คุณแม่บอกว่า "วันเต็ม ๆ" เธอหมายถึงเวลาตั้งแต่ตื่นนอนตอนเช้าจนถึงเข้านอน แต่สำหรับฉัน หมายถึงเวลาตั้งแต่ที่ตื่นนอนตอนเช้า จนถึงตื่นนอนในอีกเช้าวันนึง (24 ชั่วโมง) สำหรับแบร์เร็ตแล้วหมายถึงยังไงล่ะ?

แบร์เร็ต : ก็หมายถึงแบบเอลมัยลา (เอลมินา) ล่ะ

แอริธ : เฮ้ออ โล่งอกกก!

ทิฟา : ดีจังแฮะ

แบร์เร็ต : คลาวด์! แกเองก็คงเคยเดินเช้าจรดค่ำแบบนี้มานับครั้งไม่ถ้วนแล้วใช่ม้า! มันก็เหมือนวันวานเก่า ๆ ใช่ป่ะ?

คลาวด์ : ใช่แล้ว แต่ถึงยังไง เราทุกคนต่างก็ต้องการหยุดพักและพักผ่อน โดยเฉพาะนาย

แบร์เร็ต : เอออ รู้น่าา ไงซะ การเดินทางไปในถิ่นที่ ๆ ไม่รู้จักก็ไม่ใช่เรื่องงาย แต่ไม่ต้องห่วง ฉันอยู่ที่นี่เพื่อนำทางให้พวกนายแล้ว!!

แอริธ : โล่งเลยค่ะะะ

แบร์เร็ต : แหงอยู่แล้ววววว!

แบร์เร็ต : เอ้ยทุกคน - หยุดที่นั่นกันแป๊ป นี่เป็นคำสั่งของหัวหน้า แล้วก็สูดรับอากาศบริสุทธิ์เยอะ ๆ ซู๊ดดดดดดดดดด

แบร์เร็ต : เป็นว่า... เอาไว้ก่อน เราอยู่ห่างจากมิดการ์ละ

ทิฟา : ถึงเวลาบอกลาแล้ว นครแห่งมาโค

--------------------------------------------------

โจโคบิล ปู่เจ้าของฟาร์มโจโคโบะ ขับรถผ่านมาพอดี ทิฟาและแอริธ โบกรถแล้วได้ขอให้ทั้งกลุ่มติดสอยหอยตามลุงไปส่งตรงแยกน้าเมืองคาล์ม

https://finalfantasy.fandom.com/wiki/Choco_Bill

--------------------------------------------------

แอริธ : ดูสิ (ฝนตกอีกแล้ว) ไปหลบที่ไหนกันดีล่ะ?

คลาวด์ : โอเคเปล่า

แอริธ : น่าจะนะ แต่ก็รู้สึกท้องไส้ปั่นป่วนน่ะ (ใน jp จะพูดตรง ๆ ว่ารู้สึกกังวล)

แบร์เร็ต : เป็นประโยคสุภาพของคำว่าหิวแล้วสินะ ไปกันเถอะ!!

--------------------------------------------------

เนื้อเรื่องหลังจากนี้ ไปต่อใน Loki ตอนที่ 1....

KHUχ มาสเตอร์เอเฟเมร่า

EN Everglow : https://www.youtube.com/watch?v=WWvg8R2ruWg

EN goldpanner : https://www.khinsider.com/news/KINGDOM-HEARTS-Union-X-Finale-18484

En Official : https://youtu.be/pisQbvv4EFQ

ขยายความ Kingdom Hearts Union χ ตอนล่าสุด

..................................................

[ย้อนอดีต - มาสเตอร์ฯ คุยกับลูซู]

มาสเตอร์ฯ บอกว่าตอนนี้เราไม่สามารถเอาชนะพวกยามิได้หรอก เราต้องทำให้ผู้ใช้คีย์เบลดสืบทอดกันต่อไป จนกว่าจะถึงวันที่มีคนสามารถเอาชนะมันได้ในอนาคต ดังนั้นถึงต้องฝีกฝนผู้ใช้คีย์เบลดมากมาย จนกว่าจะถึงวันที่รุ่งอรุณที่ไม่มีอาทิตย์อัสดง จะได้ตะวันลับแสง และเมื่อถึงตอนนั้นแผนของเราก็จะบริบูรณ์

มาสเตอร์ฯ บอกว่าเขาต่อสู้กับยามิมาอย่างยาวนาน เมื่อพวกยามิสละกายเนื้อไป มันจะเปลี่ยนจากการโจมตีกายภาพ มาโจมตีหัวใจของผู้คนได้ เขาได้สูญเสียพวกพ้องไปเพราะเหตุนั้น ทว่าเมื่อมันทิ้งกายเนื้อไป มันก็จะสูญเสียจิตของตนเอง

ยามินั้นเดิมทีมีอยู่ด้วยกัน 13 ตน พวกมันพยายามเพิ่มจำนวนตัวเองขึ้น ความมืดที่งอกเงยออกมาแล้วกลายมาเป็นสิ่งมีชีวิตก็คือฮาร์ตเลส (Heartless) ส่วนพวกที่ไม่มีรูปร่าง ก็กลายเป็นตัวตนที่รอคอยโอกาสที่จะได้สิงสู่เข้าไปในผู้ที่มีหัวใจแข็งแกร่ง

เราไม่สามารถเอาชนะยามิที่ไร้กายเนื้อได้ เพื่อจะทำให้พวกมันอ่อนแอ เราถึงต้องมีภาชนะที่หัวใจแข็งแกร่ง ดังนั้นจึงมีพวกนาย... มันอาจฟังดูเลวร้าย แต่ฉันไม่ได้ฝึกฝนพวกนายให้มาเป็นภาชนะธรรมดา ๆ ฉันอยากให้พวกนายมีหัวใจแข็งแกร่ง จนกระทั่งเมื่อยามิเข้าไปฝังราก พวกนายก็จะไม่สูญเสียตัวตน

นี่คือการต่อสู้ระหว่างมนุษย์กับสิ่งที่ไม่ใช่มนุษย์ อย่าให้ความรู้สึกมาบดบังเป้าหมายได้ ฉันฝากชะตากรรมของมนุษยชาติไว้กับพวกนายแล้ว เพราะฉันเชื่อมั่นในตัวพวกนาย

ในหมู่ความมืดทั้ง 13 นั้น มี 7 ตนที่อันตรายที่สุด เราจะต้องผนึกมันไว้ในหัวใจของพวกเรา และเมื่อมันฝังรากในหัวใจพวกเราแล้ว มันจะถูกกำจัด

สงครามคีย์เบลดมีขึ้นก็เพื่อการนี้


ส่วนคำว่าผู้ทรยศในตำราพยากณ์ก็เป็นเครื่องมือ ความรู้สึกลบอย่างความคลางแคลงบาดหมาง จะเป็นรังอาศัยให้กับพวกยามิ ฉันอยากให้พวกนายมีความรู้สึกนั้นในหัวใจ เพื่อที่ยามิที่แข็งแกร่งที่สุด 7 จาก 13 ตน จะได้เข้ามาอาศัยในหัวใจของพวกเรา

ส่วนยามิอีก 5 ตัวก็ให้มันผนึกอยู่ในตัวของแกนนำยูเนียนรุ่นใหม่หลังจากที่พวกเราไปแล้ว ส่วนอีกตัวก็ให้มันถูกขังไว้ในโลกนี้

ลูซูเปิดปากแย้งว่าเขายอมให้มีการเสียสละ มากขนาดนั้นไม่ได้

มาสเตอร์ฯ ก็แย้งว่าจะให้ความรู้สึกบดบังเป้าหมายไม่ได้ เขาเห็นคนที่เขารักสูญเสียหัวใจให้ยามิ เจ็บปวดทรมาน มีชะตากรรมที่น่าสังเวช กับตา มามากแล้ว แต่การต่อสู้ระหว่างแสงสว่างกับความมืด ไม่ใช่เรื่องตำนานผู้กล้า มันเป็นเรื่องที่มีหัวใจของทุกคนเป็นเดิมพัน ซึ่งเขาไม่ได้กะจะให้เสียสละใคร เขาเตรียมทางรอดของทุกคนเอาไว้แล้ว

พอลูซูได้ยินว่ามีการเตรียมทางรอดให้ทุกคนไว้แล้ว ก็เลยยอมสงบ แล้วลากกล่องออกจากห้องไป

มาสเตอร์ฯ ก็อวยพร ไม่ว่าจะคิดจะรู้สึกยังไง นายก็คือกุญแจสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง ฉันหวังกับนายไว้มาก ลูซูผู้ทรยศ

..................................................

[ปัจจุบัน - โลกแห่งความจริง]

เบรนบอกว่าเขาพยายามเช็คว่าระบบขนย้ายระหว่าง Data World กับโลกจริง จะสามารถส่งทุกคนกลับมาพร้อมกันได้มั้ย แต่ดูท่าจะเช็คไม่ทัน แต่ก็ยังเหลืออีกทาง คือถึงจะช่วยแดนดิไลออนทุกคนไม่ได้ แต่อย่างน้อยก็น่าจะช่วย 3 คนนั้นได้

แล้วเบรนก็กดเปิด Ark 2 ลำ แล้วบอกให้เอลเรน่ากับลอวเรียวขึ้นไปก่อน เขาจะหาทางช่วย 3 คนนั้นกลับมา ด้วยการส่งอีก 2 ลำกลับไปยัง Data World

เบรนยังบอกว่าอย่างน้อยให้ลอวเรียมเป็นแกนนำยูเนียนที่ได้ออกไปจากโลกนี้แน่นอน เพื่อให้มั่นใจว่าอนาคตที่ถูกกรุยทางไว้จะมาถึง ถึงไม่รู้ว่าลอวเรียมจะไปถึงยุคใดที่ไหน แต่หัวใจจะเป็นกุญแจนำทาง

ลอวเรียมคิดว่าการที่เราหา Data ของสเตรลิตเซียไม่เจอ บางทีเราอาจจะเก็บคนไว้ในรูปแบบ Data ไม่ได้ แต่เขาเข้าใจผิด คราวนี้แหละจะต้องหาน้องให้พบให้ได้

เบรนก็อวยพรว่าความรู้สึกนั้นแหละจะนำทางไปหาเธอ ขอให้ได้พบกันอีกครั้ง

เบรนส่งลอวเรียม เอลเรน่า และเวนตุส ออกเดินทาง แต่ขณะนั้นเอง ก็รู้สึกได้ว่ามีใครอีกคนหนึ่งอยู่ในห้อง

พอหันไป ก็เจอลูซูที่รออยู่ ถามขึ้นว่า "เหลือแค่เธอคนเดียวเหรอ?"

..................................................

[ปัจจุบัน - Data World]

ตัวเอกกำลังแซวว่าเพื่อน ๆ ที่โลกจริงต้องปลอดภัยแน่นอน เพราะมีเบรนที่ฉลาดกว่าเอเฟเมร่าอยู่นี่นา

ไม่ทันไร ตัวเอก สคูลด์ เอเฟเมร่าก็รู้สึกถึงความผิดปกติในห้อง เมื่อจู่ ๆ ก็ยามิ 4 ตัวปรากฏขึ้นมาล้อมพวกเขา

ยามิแต่ละตัวบอกว่าพวกมันไม่ได้มาสู้ มันแต่อยากให้พวกเราเปิดเกทวาร์ปให้ ก่อนที่พวกเราจะกลับไปยังโลกจริง เป้าหมายของพวกมันคือการแผ่ขยายออกไป มันอยากจะเข้าไปในช่องวาร์ป (ทางเชื่อมระหว่าง Data World ต่าง ๆ) แล้วแพร่กระขยายความมืดออกไปยังโลกทั้งหมด

เอเฟเมร่าพยายามตะเถียง แต่ยามิพากันบอกว่าขัดขืนไปก็ไร้ประโยชน์ พวกเราน่าจะรู้จักถึงความแข็งแกร่งของพวกยามิดีแล้ว หรืออยากจะให้ครอบงำร่างกายรึไง หรืออยากจะให้ครอบงำเพื่อนแกต่อหน้าแก จนแกต้องจำนนเปิดเกทให้ต่อพวกเราด้วยความพ่ายแพ้


เอเฟเมร่ายังคงยืนกราน "ฉันขอปฏิเสธ"

เอเฟเมร่าเรียกคีย์เบลดออกมาฟาดใส่ยามิ แต่พวกมันหลบหายไปต่อหน้า ทั้งสามเลยรีบเรียกคีย์เบลดขึ้นมากำไว้ในมือ

ยามิตัวหนึ่งก็สมเพช แล้วบอกว่าโง่เง่าเสียจริง

ทันใดนั้นเอเฟเมร่าก็พูดซุบซิบบอกตัวเอกว่า "พอเริ่มรู้แล้ว รีบหนีเข้าอาร์คไปเลยนะ ถ้าพวกเราพอจะเอาตัวรอดไปได้สักคน ฉันก็อยากให้คน ๆ นั้นเป็นนาย"

แต่แล้ว ตัวเอกกลับชะงัก แล้วลดคีย์เบลดลง

"โง่เง่าเสียจริง เพราะแบบนี้ไง มนุษย์ถึงไม่มีวันเอาชนะยามิได้"

แล้วตัวเอกก็ฟาดโจมตีเอเฟเมร่าเต็มกำลัง เอเฟเมร่ารับไว้ได้ ทุกคนตกตะลึง

เราตีศอกใส่สคูลด์ แล้วพูดต่อไป "หัวใจของ (ตัวเอก) ได้ตกสู่ก้นบึ้งแห่งความมืดมิดแล้ว เสียงของแก ไม่อาจส่งถึงเขาได้ ก็บอกแล้วนี่ พวกเราที่ปราศจากร่างกาย แกก็ไม่มีทางทำลายเราได้"

แล้วสคูลด์จะเข้าใจว่า เราคือยามิตัวก่อนหน้านี้ที่ทุกคนช่วยกันรุมสู้ไป (แล้วมันเข้าไปสิงเวนตุส)

ตัวเอกเข้าโจมตีเอเฟเมร่าอีกครั้ง ทำให้เอเฟเมร่าปลิวกระเด็นไปอีกมุมของห้อง

"ถ้าแกยอมเปิดเกท เราก็อาจจะคืนหมอนั่นให้"

สคูลด์รีบวิ่งเข้าไปประคองเอเฟเมร่า ทั้งสองพากันยกคีย์เบลดขึ้นเตรียมตั้งรับ ส่วนตัวเอกบอกพวกยามิว่า "ไม่ต้องยุ่ง คอยดูก็พอ"

..................................................

ตัวเอกเอาชนะเอเฟเมร่าและสคูลด์ลงได้ แต่แล้วก่อนที่ตัวเอกจะเงื้อฟันสคูลด์ เอเฟเมร่าก็ยิงลำแสงออกจากคีย์เบลด ทะลุตัวเอก ทำให้เกิดช่องวาร์ปขึ้นด้านหลัง ซึ่งช่องวาร์ปนั้นก็ดูดทั้งตัวเอกและพวกยามิเข้าไป


เอเฟเมร่าได้แต่รำพันว่าเขาขอโทษ แล้วก็ปิดช่องวาร์ปไป

..................................................

[ปัจจุบัน - โลกแห่งความจริง]

ลูซูเข้ามาแนะนำตัวกับเบรนว่าเขาคือลูซู ศิษย์อีกคนของมาสเตอร์ฯ

เบรนฟังแล้วก็สงสัย เพราะเขาได้ยินมาว่าลูซูหายตัวไปนานแล้วก่อนจะมีการตั้งยูเนียนต่าง ๆ ขึ้นมา

ลูซูเลี่ยงที่จะตอบ แล้วถามกลับว่านายคือแกนนำยูเนียนรึเปล่า

เบรนบอกว่าใช่ เขาคือเบรน

ลูซูบอกว่านายตัวคนเดียวนี่ ก็หมายความว่า... แล้วก็หันไปนับอาร์ค ก่อนจะหันกลับมาถามว่าเกิดอะไรขึ้นกับแกนนำคนที่เหลือ

เบรนบอกว่าคนหนึ่งออกไปได้แล้ว ส่วนอีกสองคนยังอยู่ใน Data World

ลูซูบอกว่านับได้แค่สี่ งั้นอีกคนก็เสียท่าไปแล้วเหรอ?

เบรนบอกว่าใช่... แต่เขาจะยังไม่ใช้อาร์คนี้ ยังมีพวกแดนดิไลออนติดอยู่ใน Data World เขาจะส่งอาร์คสองลำกลับเข้าไปช่วย นอกจากนี้ทางฝั่งนั้นก็มีอาร์คอยู่อีกลำ ก็จะทำให้ 3 คนกลับออกมาได้ ส่วนเขาจะขอมีชีวิตอยู่ต่อไปในยุคนี้ ยังมีแดนดิไลออนมากมายติดอยู่ใน Data World เขาจะหาทางปลุกพวกนั้นให้ได้

ลูซูก็งงกับคำว่า "ปลุก"

เบรนบอกว่าอวาบอกไว้ว่าเมื่อโลกถูกความมืดกลืนกิน ก็จะเข้าสู่การหลับใหล

ลูซูบอกว่าปกติ (โลกจริง) มันก็เป็นแบบนั้น แต่กรณีของ Data World มันจะต่างออกไป มันคือกรงที่สร้างขึ้นมากักขังยามิ เมื่อมันถูกกลืนกิน ก็จะไม่มีทางออกมาได้

เบรนตะลึงกับคำอธิบายของลูซู

ลูซูบอกอีกว่านอกจากนี้ อาร์คที่ไม่สมบูรณ์ที่กำลังใช้อยู่ ต้องมีสื่อกลางสำหรับสร้างร่างใหม่รออยู่ที่จุดหมายปลายทาง และยังต้องมีคนที่จดจำผู้โดยสารได้ รอออยู่ด้วย ก่อนจะใช้เนี่ยทราบใช่มั้ย?

เบรนก็บอกว่าก็รู้คร่าว ๆ 

ลูซูก็ถามอีกว่ามีแผนอะไรบ้างรึเปล่า? เบรนก็ได้แต่อ้ำอึ้งบอกว่าก็ได้แค่อุทิศชีวิตที่เหลือให้

ลูซูก็เดินเข้ามาบอกว่านายเป็นคนฉลาดมากเลยนะ ถ้าชีวิตต้องมาจบลงตรงนี้ คงน่าเสียดายแย่

..................................................

[ปัจจุบัน - Data World]


เอเฟเมร่าอุ้มสคูลด์ขึ้นมาแล้ววางลงไปในอาร์ค แล้วมองไปยังอาร์คที่วางเปล่าลำหนึ่งด้วยความเสียดาย ก่อนจะเดินเข้าอาร์คของตัวเองแล้วปิดฝาลง

..................................................

[ปัจจุบัน - Data World Portal]

ยามิสี่ตัว ชมตัวเอกว่าทำได้ดีมากที่อาศัยความโกรธของหมอนั่นทำให้ต้องยอมเปิดช่องวาร์ปออกมา เท่านี้เราก็จะสามารถกระจายไปยัง Data World ทั้งหมดได้ แล้วก็บอกให้ยามิที่สิงเราอยู่ ออกจากร่างเนื้อนี้ซะ ก่อนที่จะตายไปกับร่างเนื้อด้วย

แต่แล้วตัวเอกกลับหัวเราะ แล้วบอกว่าแปลกใจที่จะหลอกยามิได้ง่ายดายขนาดนี้ หรือว่าแค่เฉพาะพวกแก (4 ตัว) กันนะ ทั้งที่พวกแกไม่มีร่างแท้ ๆ แต่กลับไปไหนไม่ได้ถ้าไม่มีใครไขกุญแจให้

ตัวเอกลุกขึ้นแล้วยิงลำแสงจากคีย์เบลดออกไปปิดทางออก Portal

"เอเฟเมร่าล็อกทางเข้าไว้แล้ว ฉันเองก็ทำแบบเดียวกันกับทางออกไว้ เท่านี้พวกแกก็ไม่มีทางออกจาก Portal Cable ได้แล้ว"

ยามิตกใจว่านี่ตัวเอก แกล้งทำเป็นโดนครอบงำ เพื่อจะทำแบบนี้งั้นเหรอ?

ตัวเอกก็บอกว่า พึ่งรู้เหรออ พวกเราชนะแล้วโว้ยยยยยยยย!!!

แล้วยามิ 4 ตัวก็ได้แต่พากันกรีดร้องงงงงง!!

เราล้มลงอย่างอิดโรย แต่แล้วิจิริธีก็เข้ามาปลอบเรา เราขอโทษที่ทำให้จิริธีต้องมาติดอยู่ใน Data World ที่กำลังจะล่มสลายแบบนี้ด้วย

..................................................

[ปัจจุบัน - โลกแห่งความจริง]

เอเฟเมร่ากับสคูลด์มาถึงโลกแห่งความจริง แล้วพบห้องที่ว่างเปล่า ไม่เห็นทั้งเบรนและลูซู แต่แล้วแผ่นดินก็สั่นไหว

เอเฟเมร่ากับสคูลด์ออกไปเช็คด้านนอก แล้วก็พบก้อนพลังงานความมืดสีแดงขนาดใหญ่กำลังจะตกสู่เมืองแห่งรุ่งอรุณ ที่ตอนนี้ถูกกระหน่ำไปด้วยพายุ

สคูลด์บอกว่าการสร้างนั้นใช้เวลานาน แต่กลับทำลายลงได้ในชั่วพริบตา


แล้วเอเฟเมร่าก็ชวนให้กลับเข้าห้องกันเถอะ

..................................................

[ย้อนอดีต - มาสเตอร์ฯ คุยกับยามิ]

ยามิคุยกับมาสเตอร์ฯ บนเนินเขา ช่วงเวลาใดไม่ทราบ ยามิกำลังบอกว่าสิ่งที่มนุษย์ทำนั้นเกินกว่าที่พวกเขาจะเข้าใจได้

ยามิ : เรื่องที่พวกมนุษย์ทำกันนี่ก็เหนือความเข้าใจจริงน้า

มาสเตอร์ฯ : พวกมนุษย์?

ยามิ : เอ่อ อาจจะแค่แกคนเดียวเท่านั้นแหละ

มาสเตอร์ฯ : อยากจะเข้าใจฉันงั้นเหรอ?

ยามิ : การทำความเข้าใจศัตรู ก็เป็นสิ่งสำคัญ

มาสเตอร์ฯ : สำคัญต่อพวกแกทั้งหมด? หรือแค่แกคนเดียวล่ะ?

ยามิ : ทั้งหมดนั่นแหละ

มาสเตอร์ฯ : หมากกระดานแรกของเราเป็นโลกใบเล็ก ยิ่งโลกใบเล็กเท่าไหร่ ก็ยิ่งควบคุมได้ง่ายเท่านั้น ดังนั้น ก็ค่อย ๆ คลี่มันออกทีละเล็กละน้อย ราวกับว่าเรากำลังเรียงหนังสือนิทานต่อกันไปทีละเล่ม เมื่อเราวางเพิ่มเล่มแล้วเล่มเล่า โลกก็จะขยายออกไปไม่สิ้นสุด ปัญหาคือ แม้จะมีสถานที่บนโลกที่แสงส่องไปไม่ถึง แต่กลับไม่มีที่ใดที่ความมืดร่างกรายไปไม่ถึง มันอาจต้องเสียเลือดเนื้อไปมากมาย และกินเวลาหลายชั่วชีวิตคน แต่โลกก็จะขยายกว้างออกไปเรื่อย ๆ ทว่ายิ่งก้าวไปเท่าไหร่ ความมืดก็ตามไปเสมอ ความมืดนั้นได้เปรียบว่าเห็น ๆ ถึงแม้เราพยายามหลบหนีไปยังโลกที่ปราศจากความมืดสักกี่หน ความมืดก็จะตามไปด้วย

ยามิ : เพราะเราเป็นเพื่อนกันไงล่ะ

มาสเตอร์ฯ : บางทีคนเราก็ต้องการสเปซซซ

ยามิ : อยากจะหายไปอยู่ในโลกแบบไหนล่ะ?

มาสเตอร์ฯ : โลกที่มองไม่เห็น อยู่เหนือความเข้าใจ ที่ซึ่งไม่มีทั้งแสงสว่างและความมืดควบคุมอยู่

ยามิ : ที่ไหนกันล่ะ?

มาสเตอร์ฯ : รู้มั้ยว่าอะไรคือจุดแบ่งระหว่างมนุษย์กับสิ่งมีชีวิตอื่น? มนุษย์อยากจะเชื่อว่าเมื่อตัวเองจากไปแล้ว จะมีภพภูมิอื่นรอคอยพวกเขาอยู่ ฉันเองก็อยากจะเชื่อแบบนั้น เชื่อในโลกของชีวิตที่เหนือจินตนาการ โลกนิยาย (Fictional World)

ยามิ : นิยาย? หมายถึง Data World อ่ะนะ?

มาสเตอร์ฯ : ถ้าสิ่งที่จินตนาการแล้วทำให้เป็นจริงได้ มันก็เป็นความจริงน่ะสิ ก็บอกไปแล้วไงว่า นี่กำลังพูดถึงโลกที่อยู่เหนือความเข้าใจ

ยามิ : อิหยังวะ?

มาสเตอร์ : โลกที่มองไม่เห็นและเสียงส่งไปไม่ถึง โลกแห่ง ※

..................................................

[ปัจจุบัน - โลกแห่งความจริง]

เอเฟเมร่าส่งสคูลด์เข้าไปในอาร์ค เพื่อเตรียมมุ่งหน้าสู่อนาคต สคูลด์ขอบคุณเอเฟเมร่าที่อย่างน้อยเธออก็ไม่ต้องอยู่ตัวคนเดียว

เอเฟเมร่าปลอบเธอว่าอย่าพึ่งยอมแพ้ จนกว่าจะถึงวินาทีสุดท้าย

ทั้งสองต่างหลับตาร่ำไห้ออกมา ซึ่งในใจของเอเฟเมร่านั้น กำลังนึกถึงตัวเอกที่ติดอยู่ใน Data World

..................................................

[ปัจจุบัน - Data World Portal]


จิริธีและตัวเอก ล่องลอยอยู่ในมิติสีขาวที่ล้อมรอบด้วยเหล่าแดนดิไลออนมากมาย พวกแดนดิไลออนกลายเป็นหัวใจ จิริธีของพวกเขาต่างโอบอุ้มหัวใจพวกนั้นเอาไว้ แล้วก็กลายเป็นดรีมอีทเตอร์ที่แตกต่างกัน

จิริธีของเราอธิบายว่า พวกเขาแต่ละตัวเชื่อมโยงกับหัวใจของผู้ใช้คีย์เบลด เมื่อหัวใจของเจ้านายหายไป เขาก็จะหายไปด้วย แต่เมื่อหัวใจของเจ้านายหลับใหล เขาจะกลายเป็นผู้ปกป้อง

ตัวเอกถามว่าเขาจะหลับใหลไปด้วยเหรอ? มีทางเลือกอื่นอีกมั้ย?

จิริธีบอกว่า ก็ปฏิเสธการหลับใหล ก็จะหลอมละลายกลายเป็นหัวใจดวงใหม่


ชั่วพริบตานั้น ตัวเอกก็เห็นนิมิตของผู้หญิงผมดำ กำลังส่งมอบทารกให้กับชายในผ้าคลุมสีกรมท่า แล้วชายคนนั้นก็นำทารกมาเลี้ยงดูที่เกาะแห่งชะตากรรม เด็กทารกดังกล่าวเติบโตมาเป็นเซอานอร์ท ขณะที่ชายในผ้าคลุมก็ล้มหายตายจากไป แล้วเซอานอร์ทก็เดินทางมาถึงเมืองสกาลาแอดไคลัม แล้วได้พบกับเอราคุส


กลับมาที่ตัวเอก เขาได้หลับตาลงด้วยความสงบ แล้วบอกกับจิริธีว่าการเดินทางของเขา ยังคงดำเนินต่อไป....

ทั้งสองกอดกัน แล้วหัวใจของตัวเอก็ล่องลอยออกไป....


..................................................

[หลากช่วงเวลา]

อาร์คของเอเฟเมรา เปิดออกที่กลางทะเล


นกกาของมาเลฟิเซนต์ นำผ้าคลุมของเธอมายังหอคอยปริศนาของเยนซิด (ฉากที่มาเลฟิเซนต์คืนชีพใน KH II)

ลอวเรียมมาโผล่ที่ป่าคนแคระ เอลเรน่ามาถึงอาณาจักรต้องสาป



เวนตุสมาถึงสุสานคีย์เบลด แล้วก็มีคนเดินเข้ามาหาพอดี (น่าจะเป็นเซอานอร์ท ตามที่คุณโนมุระเคยบอกไว้ใน KH III Ultimania ว่าจะแสดงฉากที่เซอานอร์ทพบเวนตุสครั้งแรกให้ดู)


แล้วก็ตัดไปที่ชายชุดดำกำลังลากกล่องดำอยู่กลางสุสานคีย์เบลด ในมือถือคีย์เบลดโนเนมไว้ แต่พอเปิดผ้าคลุมออกมา กลับเป็นหน้าของเบรน



..................................................

[ปัจจุบัน - สกาลา แอด ไคลัม]


เบรนเหมือนตกมาที่เมืองสกาลาแอดไคลัม แล้วก็พูดแบบงง ๆ ขึ้นว่าฉันอยู่ที่ไหน? (เหมือนความทรงจำแว้บไป)

แล้วก็มีคนในชุดประหลาดเดินเข้ามาหาเบรน คน ๆ นั้นแนะนำตัวว่าชื่อซิกเกิร์ด เขาขอติดต่อรายงานให้ทุกคนทราบแป๊ป

ซิกเกิร์ดบอกว่าเรื่องที่เบรนซึ่งหลบหนีออกจากเดย์เบรกทาวน์ที่ล่มสลาย จะมาปรากฏตัวที่นี่ เป็นเรื่องที่ถูกกำหนดไว้แล้ว และเลยรอต้อนรับอยู่ เขาจะพาเบรนไปยังสำนักงานใหญ่ เพื่ออธิบายรายละเอียด

เบรนจะถามว่าแล้วเพื่อน ๆ เขาอยู่ไหนล่ะ? แต่ซิกเกิร์ดบอกว่ามีแค่เบรนคนเดียวที่มาถึงยุคสมัยเวลานี้

แล้วซิกเกิร์ดก็นำทางเบรน ผ่านมาถึงลานน้ำพุ แล้วก็พบรูปปั้นยักษ์ของเอเฟเมร่าถือคีย์เบลด Master Keeper

ซิกเกิร์ดบอกว่านั่นคือรูปปั้นของชายที่สร้างเมืองนี้ขึ้นมา คีย์เบลดมากเตอร์คนแรก มาสเตอร์เอเฟเมร่า

เบรนก็บอกว่าเขารู้จักดี นั่นคือเพื่อนรักที่เขาภาคภูมิใจที่สุด



Thursday, June 10, 2021

Kingdom Hearts Union χ NA ปล่อยตอนจบออกมาแล้ว!

เห็นเย็นวันนี้ Kingdom Hearts Union χ ปล่อยเนื้อหาตอนสุดท้ายออกมาละ โดยไม่มีปี่มีขลุ่ย

ช้ากว่า JP 9 วัน แต่อันนี้ก็แปลดีนะ แม้จะมีการตัดทอน หรือเปลี่ยนคำให้สละสลวยขึ้นบ้าง แต่ใจความไม่หายไป 

พอดูที่ official แปลแล้ว ตรงจุดที่ลูซูบอกว่าเบรนฉลาดนะ เสียดายที่มีช่วงชีวิตนี้แค่ชีวิตเดียว

มันทำให้ผมเชื่อว่า ลูซูคงถอดหัวใจ สิงเบรน พาเบรนเอาตัวรอดนั่นแหละ และพอเจอร่างภาชนะใหม่ที่ Scala ก็ค่อยย้ายไปสิงคนอื่น

------------------

สรุปปัญหาเรื่องการแปลใน 3 ตอนหลังสุด

977 - NA ออกหลัง JP 1 ชั่วโมง แปลไม่ค่อยดีเท่าไหร่, goldpanner ก็คงเห็นว่าแปลไม่ดี เลยทำเวอร์ชั่นที่ตัวเองแปลออกมา แล้วโดนทัวร์ลง, ส่วน Everglow ให้เกียรติ Official เลยไม่แปลเวอร์ชั่นตัวเองออกมา

978 - NA ออกหลัง JP 1 ชั่วโมง แปลโอเค ไม่มีปัญหาอะไร, goldpanner ก็ยังคงแปลเวอร์ชั่นตัวเองออกมาเหมือนเดิม

979 - NA ออกหลัง JP 9 วัน แปลโอเค ไม่มีปัญหา, ระหว่าง 9 วันนั้น goldpanner กับ Everglow ก็แปลเวอร์ชั่นตัวเองออกมา ซึ่ง Everglow แปลเร็วกว่า แต่ก็ไม่เนี๊ยบเท่า goldpanner เหมือนเคย








Tuesday, June 8, 2021

เพลงจาก Episode Yuffie เผยว่าตัวละคร Rayleigh อาจกลับมา


คุณ Audrey ตั้งข้อสังเกตเรื่องชื่อเพลงใน OST จาก Final Fantasy VII Remake INTERgrade (Episode Yuffie) ซึ่งแน่นอนว่าชื่อเพลงเวอร์ชั่นญี่ปุ่น กับที่ Localize เป็นอังกฤษ ค่อนข้างแตกต่างกันสมควร และชื่อบางเพลงอาจทำให้ hint หายไป

ตัวอย่างเช่น เพลง

ヘレティック・レイリー จาก CD2 เพลงที่ 24

ถูกแปลงเป็นชื่อ Diabolic Creation

ทั้งนี้ レイリー หรือ Rayleigh คือชื่อของนักวิจัยหญิงของชินระ ที่ปรากฏตัวใน Before Crisis ตอนที่ 5 จึงอาจเป็นไปได้ว่า ตัวละครดังกล่าวจะปรากฏตัว และมีการเติมมิติทางเนื้อเรื่องให้ตัวละครนี้ - https://finalfantasy.fandom.com/wiki/Rayleigh

นอกจากนี้ชื่อเพลงที่ควรรู้ในวันนี้ ก็เช่น

- 神羅の犠牲者 (Shinra's Victim)

- メインピラー整備場 (Main Pillar Maintenance)

- ギガンピード (The Gigantipede)

- ウの衆の勝利 (The Ws Have It)

- 報復の誓い (Revenge Sworn)

- 神羅のテーマ ─進捗はどうだ─ (Shinra's Theme - On Schedule)


- 屈辱のエレベーター***มันแปลเป็น Salt in the Wound ได้ยังไง


- 神羅兵器開発部門 (Advanced Weaponry)  

- スカーレット・ネスト(Scarlet's Welcome) ***สงสัยว่า Nest อาจเป็นนามสกุลของเธอ?


- 兵器実験クオリファイ (Rolling Out the Red Carpet)

- マテリア製造フロア (Materia Production - Battle Edit)

- 究極マテリアの影 (The Shadow of Materia)


- 負けても勝っても (Win or Lose)

- ヴァイスとネロ (Weiss and Nero)

- 突然の犯行予告 (Unexpected Threat)

- 狩りの宣告 (Commence the Cleansing)

- ペインリアリティマックス (Pain Sensation Level: Max)


https://www.jp.square-enix.com/music/sem/page/FF7R/INTERGRADE/en/