Sunday, January 31, 2016

อัพเดท FFXV จากงาน Taipei Game Show 2016 และ ATR 7.0

วันนี้มีการพรีเซนต์อัพเดทใหม่ของ Final Fantasy XV จาก Taipei Game Show 2016 และรัฐบาลทาบาตะพบประชาชนรอบที่ 7 (ATR) เนื้อหาอัพเดทสรุปได้ดังนี้

Taipei Game Show 2016 (ถ่ายทอดสดตอน 10 โมงบ้านเรา)



- คุณทาบาตะเผยว่าตอนปล่อยเดโม Episode Duscae ออกมาเมื่อปีก่อน ทีมงานยังไม่ได้วางแผนจะจัดทำตัวเกมเวอร์ชั่นจีน แต่หลังจากคุณทาบาตะมาดูฟีดแบ็คจากแฟน ๆ ในงาน Taipei Game Show เมื่อปีก่อนแล้วก็เปลี่ยนใจ ตอนนี้เลยว่าจะทำเวอร์ชั่นจีนเหมือนตอน FFXIII ด้วยแล้ว

- คุณทาบาตะยืนยันอีกรอบว่า FFXV จะวางจำหน่ายพร้อมกันทั่วโลก

- ปัจจุบันมีบริษัท 9 แห่งทั่วเอเชีย ช่วยพัฒนา FFXV อยู่ รวมถึง XPEC

- เดี๋ยวจะมีการฉายคลิปวีดีโอใหม่ 2 คลิปในวันนี้ โดยเป็นคลิปเดียวกับที่กำลังจะฉายใน ATR ช่วง 11 โมงด้วย คลิปนึงคือรายงานความคืบหน้าในการพัฒนา อีกตัวคือคลิปโชว์การต่อสู้

- โชว์คลิปรายงานความคืบหน้าในระดับต่าง ๆ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคลิปที่ถ่ายความคืบหน้าของงานช่วงเดือน 8-9 ของปี 2015


- โชว์คลิปเกมเพลย์ในฐานทัพของนิฟไฮม์ (https://www.youtube.com/watch?v=GO7nyrNBFXA) ซึ่งช่วงแรกเป็นการ Stealth และใช้วาร์ปเพื่อเปลี่ยนตำแหน่ง หรือวาร์ปไปแทงศัตรูจากด้านหลัง แต่เมื่อไหร่ที่โดนศัตรูเห็น มันก็จะแห่กันมากระทืบเรา จบท้ายด้วยนักรบมังกรหญิงที่พุ่งมาโจมตีน็อคท์





- คุณทาบาตะบอกว่าเราไม่สามารถขโมยมาโดวอาเมอร์มาขับได้ แต่สามารถขโมยอาวุธในฐานมาใช้ได้ ดังตัวอย่างในคลิปที่ไปขโมยแท่นยิงปืนกลของศัตรูมาใช้

- รถที่ใช้ต้องเติมแก็ส หากแก็สหมด ต้องเข็นรถแบบที่เห็นในวีดีโอ

- ตัวเอกของ Tech Demo จะเป็นน็อคติสตอนเด็ก

รัฐบาลทาบาตะพบประชาชน (อัดไว้ล่วงหน้า ฉายตอน 11 โมงบ้านเรา)


- คุณทาบาตะเผยว่าคลิป ATR รอบนี้อัดเมื่อวันที่ 23 มกราคม ก่อนวันฉาย 8 วัน

- เผยว่าวันนี้จะนำเสนอเรื่อง รายงานความคืบหน้าของเกม, เรื่องศัตรูฝั่งนิฟไฮม์, ระบบต่อสู้ และรายละเอียดอีเวนต์ในเดือนมีนาคม

- ก่อนหน้านี้ทีมงานได้รับฟีดแบ็คมาว่ารายการพบประชาชนแต่ละครั้งมันยาวเกินไป (ช่วงต้นปีก่อนนี่ รอบละชั่วโมงกว่า ๆ) หลังจากนี้เลยจะรวบรัดให้เร็วขึ้น

- โชว์คลิปรายงานความคืบหน้า ตัวเดียวกับที่ฉายใน Taipei Game Show 2016

- มีการอธิบายว่าถ้าร่ายเวทย์ไฟใส่สิ่งที่มันติดไฟได้ อย่างเช่น หญ้า ไฟก็จะลาม ขยายวงกว้างกว่าปกติ (แต่เมื่อผ่านไปพักนึง หญ้าจะกลับเป็นปกติดังเดิม เพราะนี่เป็นเกม)

- แต่ถ้าใช้ไฟตอนฝนตก มันก็จะไม่ขยายวงกว้าง แถมจะดับเร็วกว่าปกติ และเวทมนต์ในภาคนี้จะได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศด้วย

- การใช้เวทมนต์ในภาคนี้เป็นการใช้พลังจากพลังงานของดวงดาว (คล้ายกับ FFVII ที่เซฟิรอธอธิบายว่ามาเทเรียหรือไลฟ์สตรีมตกผลึก อัดแน่นด้วยภูมิปัญญาที่สั่งสมในจิตวิญญาณของมวลมนุษย์ พอเราถือมาเทเรีย ก็สามารถใช้พลังจากภูมิปัญญานั้นเพื่อดึงพลังจากดวงดาวมาใช้ร่ายเป็นเวทมนต์ได้)

- เวทย์ในเกมมี 2 ประเภท คือเวทย์ธาตุทั่วไป (ไฟ สายฟ้า น้ำแข็ง) กับเวทย์ที่ใช้ได้เมื่อสวมแหวนเฉพาะ

- ตัวเกมมีเวทย์ Frog ที่จะเปลี่ยนให้กลายเป็นกบ (คิดว่ากบในคลิป น่าจะเป็นพวกตัวเอกที่โดนเวทย์นี้เข้าไป)

- เวทย์ธาตุในภาคนี้ มีลักษณะเหมือนไอเทมใน FFVIII การจะใช้ก็ต้องไปตามหา สะสมไว้ เวลาจะใช้ก็ต้องติดตั้งลงช่อง D-pad ร่วมกับพวกอาวุธ

- กองทัพของอาณาจักรลูซิส ใช้เวทมนต์เป็นหลัก ต่างจากนิฟไฮม์ที่ใช้เครื่องจักร

- อาร์ดีน - Ardyn (ผมแดง คนพากย์เดียวกับเรโน่) เป็นผู้นำฝ่ายบริหารและวิจัยของนิฟไฮม์ (เป็นหัวหน้าพวกใช้สมองน่ะเอง)


- กลอวก้า Glauca คนใส่เกราะ เป็นผู้นำกองทัพทหารนิฟไฮม์ มีลูกน้องเป็นพวกทหารชั้นล่าง (เป็นหุ่นยนต์ทั้งหมด) กับพวกทหารระดับกัปตัน (เป็นคนทั้งหมด)


- อราเนีย Aranea Hightwind เป็นหัวหน้าของทหารทัพนึงในนิฟไฮม์


- โชว์คลิปต่อสู้ ตัวเดียวกับ Taipei Game Show 2016 - https://www.youtube.com/watch?v=GO7nyrNBFXA

- เผยว่ามีการปรับปรุงการเคลื่อนไหวของมุมกล้องไปมาก ทำให้มันสอดคล้องกับการเคลื่อนไหวของผู้เล่นให้มากขึ้น จะได้ไม่ต้องลำบากหมุนเอง

- แต่เรื่อง UI ยังปรับแต่งกันอยู่ ยังไม่นิ่ง

- เรื่องปุ่มบังคับ มีการเปลี่ยนแปลงไปจากตอนเดโมเช่นกัน อย่างที่เราทราบกันแล้วว่า D-pad ใช้เลือกอาวุธ ปุ่มฝั่งขวาก็ใช้โจมตี ป้องกัน กระโดด และวาร์ป

- ในการต่อสู้อิกนิสสามารชี้/สร้างจุดวาร์ปให้น็อคติสวาร์ปไปได้ (ใช้ชี้เป้าศัตรู แล้วเราวาร์ปไปฆ่า) ส่วนพรอมพท์สามารถยิงพลุทำให้ศัตรูตาพร่า และกลาดิโอก็... ช่วยโจมตีไปนั่นแหละ

- น็อคติสสามารถใช้จุดวาร์ปที่อิกนิสสร้างขึ้น วาร์ปไปมากลางอากาศโจมตีต่อเนื่องโดยไม่ตกพื้นได้ เป็นคอมโบอย่างนึง

- มีการทำลายถังน้ำมัน แล้วร่ายไฟใส่น้ำมันที่รั่วไหลออกมา ให้มันบะคู้ม

- เวลาสู้กับพวกมาโดวอาเมอร์ บนตัวมันจะมีจุดวาร์ปขึ้นมาหลายจุด เอาไว้ให้เราใช้ประโยชน์ในการโจมตีกลางอากาศ

- คุณทาบาตะบอกว่าระบบแสงของ Luminous นั้นไม่ต่างจาก Unreal Engine 4 มาก

- การพัฒนาเนื้อเกมในคอมพิวเตอร์นั้นเสร็จสิ้นแล้ว แต่ตอนนี้กำลังมีปัญหากับกับการปรับแต่งเกมให้เข้ากับคอนโซลเครื่องต่าง ๆ ให้ได้มีประสิทธิภาพ

- ทาบาตะดีใจที่ในที่สุด ก็สามารถสร้างเกมเพลย์ได้อย่างที่คิดไว้

- ประกาศรายละเอียดของอีเวนต์เดือนมีนาคม ชื่ออีเวนต์ Uncovered : Final Fantasy XV โดยจัดที่ Los Angeles วันที่ 30 มีนาคม 2016 เวลา 7PM PST แปลงเป็นเวลาไทยคือ 31 มีนาคม 2016 เวลา 9 โมงเช้า และจะมีการถ่ายทอดสดผ่านทาง Youtube และ twitch ด้วย - http://finalfantasyxv.com/uncovered/us/


- จะมีการประกาศวันวางจำหน่ายเกมในงานนี้ พร้อมเผยชื่อของ Tech Demo ที่เล่นได้ตัวใหม่

*** เดี๋ยวกลางคืนผมจะดู ATR และเขียนรายละเอียดที่ตกหล่นมาอีกรอบนะครับ

----------------------------------------------

ภาพอื่น ๆ





---------------------------------------------------------------------------------------------------

เพิ่มเติม

- Iedolas Aldercapt - จักรพรรดิผู้โหดเหี้ยมของนิฟไฮม์ ผู้มีอุดมการณ์ในการขยายอาณาเขตของประเทศออกไปให้ไกลที่สุด ประชาชนของชาติอื่นต่างไม่ชอบหมอนี่กัน ทว่าคุณทาบาตะได้ให้ข้อมูลสำคัญกว่าอิโดล่า ไม่ได้เป็นผู้นำจักรวรรดิอย่างเต็มตัวตั้งแต่เริ่มเกม เขาอยู่ในสภาพกึ่งเกษียณจากฉากหน้าของการเมือง (ประหนึ่งผู้มีบารมีนอกระบบนั่นเอง)

- Ardyn Izunia - ผู้นำฝ่ายบริหาร/นายกฯ ของนิฟไฮม์ เป็นคนตลกแต่ฉลาดหลักแหลม เป็นศูนย์กลางของจักรวรรดิ กุมอำนาจในการบริหารอาณาจักร

- Glauca - ผู้นำเหล่าทัพ/นายพล ของนิฟไฮม์ กองทัพทหารของนิฟไฮม์แบ่งเป็น 2 ชั้นใหญ่ ๆ ชั้นล่างคือทหารหุ่นยนต์ ส่วนชั้นบนขึ้นมาก็คือทหารที่เป็นมนุษย์

- Aranea Highwind - กัปตันของทหารอากาศหน่วยที่ 86 สังกัดกองทัพภาคที่ 3 มีทักษะการต่อสู้สูงส่ง ในกองทัพก็เรียกเธอว่านักรบมังกรนั่นแล

- ATR Snapshot – January 2016 - https://www.youtube.com/watch?v=6ZcvojlKoLA

- Progress Report #2 - https://www.youtube.com/watch?v=irrnb3Xf_d8

---------------------------------------------------------------------------------------------------

เก็บตกหลังดูอีกรอบ

- ช่วงปลายตุลาคม 2015 มีการประกาศในทวีตภพของเกมว่าตัวเกมได้มาถึงขั้น Pre-beta คือขั้นที่เอาเนื้อหาทั้งหมดของเกมตั้งแต่ต้นจนจบมาต่อกัน พอเข้าเดือนพฤศจิกายนเป็นต้นมาก็เป็นช่วงสร้างตัวเกม Beta หมายถึงเกลาเนื้อหาทั้งหมดให้เป็นระดับที่จะไปโผล่ในตัวเกมจริง ๆ หากผ่านขั้นนี้ไปแล้วก็จะเหลือแค่การ Debug, ปรับแต่งนิด ๆ หน่อย ๆ และการ Localize เท่านั้น ตอนนี้ก็ใกล้จะเสร็จขั้น Beta แล้ว

- ทางค่ายมีกฎอยู่ว่าจะให้ประกาศวันวางจำหน่ายเกมได้ ก็ต่อเมื่อพัฒนาเกมมาจนถึงขั้น Beta

- ก่อนหน้านี้พวกเขาได้รับฟีดแบ็คจากทีมงานฝั่งอเมริกามาว่า พวกเอ็งจะฆ่าตัวตายด้วยการโชว์ Power Point ภาษาญี่ปุ่นอย่างเดียวทำไม.... ดังนั้น ตั้งแต่รายการรอบนี้ไป Power Point ที่เอามาโชว์จะเป็น 2 ภาษาแล้ว

- มีการบ่นว่าพอใส่ภาษาอังกฤษและญี่ปุ่นอยู่ใน Slide หน้าเดียวกันแล้ว เลยทำให้ต้องบีบตัวอักษรให้เล็กลงด้วย 555+

- คลิป Progress Report Vol.2 ที่โชว์ในวันนี้ เป็นคลิปโชว์สิ่งที่ทำงานทำกันในช่วงเดือนสิงหาคมถึงกันยายนปีที่แล้ว ซึ่งทีมงานคาดว่าคลิปรีพอร์ทตัวที่ 2 นี้จะเป็นตัวสุดท้ายแล้ว รีพอร์ทนี้มันมีไว้เพื่อโชว์ความคืบหน้าในระหว่างการพัฒนา โชว์สิ่งที่กำลังทดสอบหรือทำไปครึ่งหนึ่ง ทว่าเนื่องจากปัจจุบันเกมมันใกล้จะเสร็จสมบูรณ์แล้ว จึงไม่น่าจะต้องเอาพวกคลิประหว่างการสร้างมาให้ดูอีก ต่อไปก็คงจะได้เอาคลิปที่เป็นตัวเกมจริง ๆ Final Quality มาให้ดูกันแทน

- ทีมงานฝั่งอเมริกาคอมเมนต์มาด้วยว่า ATR แต่ละครั้งพูดกันยืดยาวมากไป เลยจะเร่งเข้าประเด็นมากกว่าที่ผ่านมา

เวทมนต์

- ในเกมจะมีศัตรูที่ร่ายเวทย์ Toad ใส่พวกตัวเอกได้

- เวทย์ไฟ ถ้าร่ายใส่สิ่งที่ติดไฟได้ ไฟก็จะลามมากขึ้น ถ้าร่ายใส่กระท่อมไม้ กระท่อมก็จะไหม้ไปด้วย และสังเกตได้ว่าพื้นที่ ๆ ติดไฟ ตัวละครก็จะโดดหนีออกมา

- ทั้งฝ่ายเราและศัตรู ก็จะได้รับดาเมจจากไฟนั้น

- เวทย์ไฟใน FF ปกตินั้น จะเป็นเวทย์โจมตีศัตรูตัวเดียวในช่วงต้นเกม แต่เมื่อเล่นไปแล้วพัฒนาไปเรื่อย ๆ ก็จะได้เวทย์ไฟที่โจมตีหมู่มา ทว่าสำหรับ FFXV แล้วเวทย์ไฟจะโจมตีเป็นแอเรียตั้งแต่ต้นเกม

- แต่เวลาใช้เวทย์ไฟในสภาพที่ฝนตก ไฟก็จะไม่ลุกลาม แถมยังดับไวกว่าปกติ

- ตัวเวทย์ในภาคนี้ก็จะได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศ ซึ่งที่จริงนี่ไม่ใช่ภาคแรกที่มีระบบแบบนี้ (เป็นมาตั้งกะภาค XI XII แล้ว) แต่การที่ไฟลุกลามไปทั่วได้ เป็นระบบใหม่ที่พึ่งมีในภาคนี้

- ถึงแม้ไฟจะเผาหญ้าเหี้ยม แต่ผ่านไปสักพัก พื้นที่ ๆ ไหม้ก็จะกลับมาเป็นปกติด้วยพลังลึกลับ กรณีพื้นที่ ๆ โดนรามูยิงสายฟ้าฟาดก็เช่นกัน

- เวทย์มนต์ในภาคนี้มีความเกี่ยวข้องกับตำนาน เรื่องราวของพวกอสูร และดวงดาว

- พลังเวทย์ในภาคนี้คือพลังจากธาตุของดวงดาว พลังเวทย์เหล่านี้เมื่อใช้แล้ว ก็จะกลับคืนสู่ดวงดาว

- ขณะที่เวทย์ไฟ จะมีการคำนวณว่าวัตถุที่โดนนั้นติดไฟหรือไม่ เวทย์ไฟฟ้า ก็จะมีการคำนวณว่าวัตถุที่โดนนั้น นำไฟฟ้าหรือไม่เช่นกัน เวลาฝนตก พลังของเวทย์ไฟฟ้าก็จะเพิ่มขึ้น ก็เป็นคอนเซปต์ที่อยากสร้างธรรมชาติของโลกในเกมให้เหมือนโลกของเรา ทำให้ผู้เล่นสนุกกับการทดลองร่ายเวทย์ใส่อะไรหลาย ๆ อย่างในสภาวะที่แตกต่างกันออกไป

- ส่วนเวทย์น้ำแข็ง ถ้าร่ายใส่ที่ ๆ มีน้ำอยู่ก็จะทำให้น้ำนั้นแข็งตัว ถ้าศัตรูเข้ามาอยู่ในแอเรียตรงนั้น ก็จะทำให้ร่างกายเคลื่อนไหวช้าลง อืดอาด หรืออาจถึงขั้นแข็งตายได้

- เวทย์ธาตุในภาคนี้ มีสภาพเป็นเหมือนไอเทมด้วย แต่เราไม่สามารถหาซื้อตามที่ต่าง ๆ ได้ มันเป็นธาตุซึ่งผุดขึ้นมาในสถานที่หลาย ๆ แห่งในโลก (เหมือน Draw Point ใน FFVIII) เป็นเสมือนพลังงานให้เราไปเก็บ เราต้องรวบรวมพลังงานธาตุหลาย ๆ แบบแล้วเอาไปสร้างเป็นเวทมนต์ เวทย์ที่สร้างขึ้นได้ก็จะกลายเป็นสัมภาระอย่างหนึ่งของเรา และเราก็ติดตั้งเพื่อใช้ในการต่อสู้

- นอกจากเวทย์ธาตุแล้ว เวทย์อีกกลุ่มก็คือเวทย์แหวน เวทย์ที่สามารถใช้ได้เฉพาะผู้ถือครองแหวนแห่งราชวงศ์ลูซิส ซึ่งสืบทอดมาในเชื้อพระวงศ์

- เราใช้เวทย์ธาตุได้ตั้งแต่ต้นเกม แต่เวทย์จากแหวนนั้น จะใช้ได้เมื่อดำเนินเนื้อเรื่องถึงจุดหนึ่ง

- ในอนาคตจะเอาเวทย์น้ำแข็งมาโชว์ต่อไป (ไฟฟ้าทีหลัง)

จักรวรรดินิฟไฮม์

- ในระหว่างเนื้อเรื่อง สถานการณ์ของนิฟไฮม์จะเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ แต่วันนี้เขาจะพูดถึงสถานการณ์ของนิฟไฮม์ก่อนเริ่มเกม

- ตอนเริ่มเกมนั้น จักรวรรดินิฟไฮม์จะยึดครองประเทศต่าง ๆ บนโลกได้เกือบหมด อาณาจักรลูซิสนั้นยังเป็นอิสระ ยังมีเอกราชอยู่ แต่ก็ถูกกดดันอย่างหนัก เป็นเหมือนปราการสุดท้ายที่กำลังจะย่อยยับ

- กองทัพของลูซิสนั้นพึ่งพาพลังเวทย์ในการต่อสู้ พวกเขาเป็นผู้ดูแลคริสตัล และสามารถดึงพลังของคริสตัลมาใช้เวทย์ได้ พวกเขาจึงใช้เวทมนต์สร้างบาร์เรียร์ป้องกันการรุกรานขึ้นมา

- ทว่าสำหรับนิฟไฮม์แล้ว อารยธรรมของพวกเขาเน้นไปที่เครื่องจักร กองทัพของพวกเขาจึงไม่ได้มีแต่มนุษย์ แต่ยังมีทหารกล มาโดวอาเมอร์ สิ่งประดิษฐ์มหาศาลที่ช่วยรุกรานชาติอื่น

- เดิมทีรถที่ใช้ในเกม ก็มีการนำเข้าจากนิฟไฮม์ไปยังลูซิส วัฒนธรรมการใช้รถจึงแพร่เข้าสู่ลูซิส ต่อมาชาวลูซิสก็รู้จักใช้เทคโนโลยีสร้างรถกันขึ้นมาเอง ปัจจุบันชาวลูซิสจึงใช้รถที่สร้างกันเอง แต่ก็มีเบื้องหลังอารยธรรมมาจากทางนิฟไฮม์

- อิโดล่า (Iedolas Aldercapt) จักรพรรดิผู้โหดเหี้ยมของนิฟไฮม์ ผู้มีอุดมการณ์ในการขยายอาณาเขตของประเทศออกไปให้ไกลที่สุด ประชาชนของชาติอื่นต่างไม่ชอบหมอนี่กัน ทว่าช่วงต้นเกมเขาไม่ได้ทำหน้าที่นำจักรวรรดิด้วยตนเอง แต่อยู่ในสภาพกึ่งเกษียณจากฉากหน้าของการเมือง (ไม่ยื่นมือเข้ามาโดยตรง แต่ก็มีอิทธิพล) โดยคนที่ทำหน้าที่ผู้นำประเทศในฉากหน้าก็คืออาร์เดีน

- อาร์ดีน (Ardyn Izunia) ผู้นำฝ่ายบริหาร/นายกฯ ของนิฟไฮม์ เป็นคนตลกแต่ฉลาดหลักแหลม เป็นศูนย์กลางของจักรวรรดิ กุมอำนาจในการบริหารอาณาจักร

- วาร์สไตล (Verstael) ผู้พัฒนาเทคโนโลยีทหารกล

- กลอวก้า (Glauca) - ผู้นำเหล่าทัพ/นายพล ของนิฟไฮม์ กองทัพทหารของนิฟไฮม์แบ่งเป็น 2 ชั้นใหญ่ ๆ ชั้นล่างคือทหารกล (มี 2 แบบคือแบบโมเดลสำหรับต่อสู้ และโมเดลสำหรับทำการทั่วไป) ส่วนชั้นบนเป็นระดับกัปตันขึ้นมาก็คือทหารที่เป็นมนุษย์

- อราเนีย (Aranea Highwind) - กัปตันของทหารอากาศหน่วยที่ 86 สังกัดกองทัพภาคที่ 3 มีทักษะการต่อสู้กลางอากาศสูงส่ง ในกองทัพก็เรียกเธอว่านักรบมังกรนั่นแล คุณทาบาตะบอกว่าทีมงานชอบเธอกันมาก แต่แทบไม่มีใครจำตำแหน่งเธอได้เลย

การต่อสู้

- คลิปต่อสู้คราวนี้จะโชว์การลอบเร้นเข้าฐานของนิฟไฮม์ ซึ่งนี่ไม่ใช่เกมลอบเร้นตามแบบฉบับซะทีเดียว ตัวเกมมีระบบวาร์ปด้วยดาบมายา ซึ่งเป็นกลไกใหม่ของการลอบเร้น

- มีการปรับปรุงการเคลื่อนไหวของมุมกล้อง ให้เข้าใจสถานการณ์ในการต่อสู้ง่ายขึ้น ดีกว่าตอน Episode Duscae เยอะ นอกจากระบบจะปรับมุมกล้องตามระยะห่างของศัตรูแล้ว ยังคำนวณถึงการเคลื่อนไหวของผู้เล่น เพื่อขยับมุมกล้องให้ดีที่สุดด้วย ดังนั้น กล้องมันก็จะมุมไปทางที่ผู้เล่นเคลื่อนไหวไป และหันไปในทางจะเห็นศัตรูง่ายขึ้น ทำให้ผู้เล่นไม่ต้องลำบากหมุนเอง

- เอฟเฟคท์อาวุธธรรมดาหมุนรอบตัวกลับมาในคลิปนี้ คุณทาบาตะบอกว่าจริง ๆ ก็คิดที่จะให้มีเอฟเฟคท์นี้ตลอดแหละ เพราะมันดูเท่ แต่ในทางเทคนิคแล้ว ดาบที่หมุนอยู่รอบตัวนั้นมันเป็นวิชวลเอฟคเฟคท์ การจะเปลี่ยนวิชวลเอฟเฟคท์ให้กลายเป็นวัตถุนั้นค่อนข้างยากมาก ก่อนหน้านี้ก็เลยยังไม่ได้ทำ แต่ตอนนี้ทำได้แล้ว

- ตอนนี้ UI ก็ยังอยู่ระหว่างการปรับแต่งขั้นสุดท้าย ดังนั้นมันอาจเปลี่ยนแปลงอีกหน่อย

- ตอนนี้อาวุธต่าง ๆ ก็ถูกแมพลงปุ่ม D-pad ทำให้ผู้เล่นสามารถเปลี่ยนอาวุธไปมาตามใจชอบด้วยการกดปุ่มทิศทางได้ทันที ความเปลี่ยนแปลงนี้ก็เกิดขึ้นจากฟีดแบ็คของ Episode Duscae ที่ผู้เล่นอยากให้มีความเป็น Real-time action มากขึ้น

- การบังคับต่าง ๆ ได้เปลี่ยนไปจากเดโมมาก ในตัวเกมจริง ๆ ช่วงแรกก็จะยังใช้ได้ไม่กี่ปุ่ม แต่เมื่อปลดล็อคฟีเจอร์ใหม่ ๆ เพิ่มมาก็จะค่อย ๆ ใช้เพิ่มได้ทีละปุ่ม

- ปุ่ม Cover แมพไว้กับปุ่มสี่เหลี่ยม เราจึงใช้ปุ่มนี้ทั้งในการ Cover และ Defend

- ในปุ่มฝั่งขวาก็จะแมพด้วยคำสั่งโจมตี ป้องกัน วาร์ป และกระโดด

-  ในคลิปล่าสุดนี้มีการโชว์คอมโบแบบที่ 4 คุณทาบาตะอธิบายว่าก่อนหน้านี้มี Automatic Combo (โจมตีเป็นคอมโบตามอาวุธที่เลือกไว้), คอมโบที่ใช้อัตโนมัติหลังปัดป้องการโจมตีได้, คอมโบที่ใช้ร่วมกับเพื่อนที่เพิ่มเข้าไปใน Episode Duscae 2.0 (ใช้อัตโนมัติกับเพื่อนที่อยู่ใกล้ ๆ เมื่อเข้าเงื่อนไขที่กำหนด)

- คอมโบแบบที่ 4 นี้เป็นแบบกดใช้เอง เมื่อเพื่อนในกลุ่มพัฒนาอบิลิตี้ไปไกลก็จะใช้ได้ เวลาใช้คอมโบนี้ กล้องจะสลับไปยังเพื่อน เพื่อทำอะไรบางอย่าง แล้วค่อยสลับกลับมายังน็อค

- การพัฒนาความสามารถของเพื่อนนั้น มีลักษณะคล้าย Skill Tree พอพัฒนาแล้วก็จะมีคอมมานด์ใหม่ ๆ ออกมาให้ใช้ พวกสกิลและคอมมานด์เหล่านี้ก็จะส่งผลต่อ A.I. ในการต่อสู้เช่นกัน

- ในคลิปนี้อิกนิสใช้คอมโบด้วยการสร้างจุดวาร์ปที่ตัวศัตรู พรอมพท์ยิงพลุไฟก่อกวนพวกแพ้แสง (โดยเฉพาะศัตรูที่ออกมาตอนกลางคืน) กลาดิโอโจมตีเป็นวงกว้าง

- บนตัวมาโดวอาเมอร์นั้นจะมีจุดวาร์ปอยู่เยอะ ถ้าเราใช้จุดวาร์ปนั้นวาร์ปตีไปมาให้ดี ก็จะสามารถโจมตีกลางอากาศได้เรื่อย ๆ ไม่มีตก การควบคุมกลางอากาศนั้นทำค่อนข้างยาก แต่ตอนนี้ก็ทำเสร็จแล้ว

- การต่อสู้ในฉากนั้น จะเห็นมีการทำลายถังน้ำมันให้รั่วไหล แล้วค่อยจุดไฟเผาให้ระเบิด ในฉากนี้ผู้เล่นสามารถต่อสู้ได้หลายวิธี ไม่จำเป็นต้องจุดไฟเผาก้ได้ จะสู้ตามปกติก็ได้

- คุณทาบาตะบอกว่าถ้าจะพูดให้ชัด Luminous ไม่ได้เป็นหนึ่งในด้านระบบแสง ในแง่ฟังค์ชั่นแสงแล้ว Luminous ก็ไม่ต่างจากเอนจิ้นอื่นอย่าง Unreal Engine 4 มากนัก ดังนั้นจุดเด่นของ FFXV คงไม่ใช่เรื่องแสง แต่จุดเด่นอยู่ที่ Post Process ตัวอย่างเช่น การกำหนดว่าจะให้เงาแสดงออกมายังไงเมื่อมีแสงสาดส่อง เงาของสิ่งที่อยู่ไกลก็จะถูกแสดงแบบง่าย ๆ แต่พอเข้าไปใกล้ก็ให้แสดงแบบเต็ม กล่าวคือเอาเรื่อง L.O.D. (Level of Detail) มาใช้กับเงาด้วยเช่นกัน ซึ่งก่อนหน้านี้ทีมงานก็มีช่วงที่ไม่ได้เอา L.O.D. มาใช้กับเงา เลยไม่สามารถแสดงเงาของสิ่งที่อยู่ไกลได้ แต่พอเอามาใช้ พวกของที่อยู่ไกลก็จะมีเงา และในสภาพที่มีแหล่งกำเนิดแสงหลายแหล่ง วัตถุก็จะมีเงาเกิดขึ้นมากมาย มันก็ต้องมีเงาขนาดใหญ่จากแสงหลัก และเงาย่อยที่ซ้อนทับไปมา เงามากมายที่มีอิทธิพลต่อกันอย่างซับซ้อนนั้นจะช่วยสร้างความสมจริงขึ้นมา มันเลยดูเป็นธรรมชาติ

- นอกจากนี้ตัวเกมยังมีหมอก ซึ่งจะแตกต่างไปตามแสงสว่าง บรรยากาศ สภาพแวดล้อม ช่วงเวลาของวัน

- ตัวเกมใกล้จะเป็น Final Version แล้ว ตอนนี้ทีมงานก็กำลัง Export พวก Asset ที่สร้างบน PC ไปยังคอนโซลและปรับแต่งให้เหมาะกับสเปคเครื่อง พูดให้ชัดคือการพัฒนา Asset บน PC นั้นเสร็จแล้ว กำลังขนย้ายไปยังคอนโซลนั่นเอง ซึ่งก็ขนกันมาตั้งกะช่วง Pre-beta (ช่วงที่เอาข้อมูลทั้งเกมมาต่อกันได้แล้ว)

- เกมนี้เป้าหมายมันไม่ใช่การฆ่าศัตรูโดยไม่ให้จับได้ แต่เป็นการทำลายฐาน ซึ่งก็จะมีฐานแบบนี้หลายแห่งทั่วเกม ดังนั้นในฐานก็มีป้อมปืนให้เราขโมยใช้ พอยิงแล้ววัตถุต่าง ๆ ก็ระเบิดไปหมด ทีมงานก็สร้างของหลายอย่างในเกมมันระเบิดได้

- เท่ากับว่าเกมนี้ วัตถุต่าง ๆ จะถูกกำหนดคุณสมบัติมามากมายว่า ติดไฟได้มั้ย? นำไฟฟ้าได้มั้ย? แข็งได้มั้ย? ระเบิดได้มั้ย? อย่างตึกในเมืองนี่ทำลายไม่ได้ ทว่าฐานของนิฟไฮม์นี่ออกแบบมาให้ถล่มได้เมื่อโดนดาเมจเยอะ ๆ

- ฐานของนิฟไฮม์นั้น มีทั้งที่ทำลายได้ และแบบที่เรายึดครองได้

- คุณทาบาตะบอกว่าในที่สุดเขาก็สร้างเกมเพลย์อย่างที่นึกภาพไว้ได้ มันง่ายที่เราจะนึกภาพขนาดใหญ่ขึ้นมา แต่การเอาองค์ประกอบทั้งหมดมาทำให้เป็นจริงนั้นมันยาก

- ส่วน Tech Demo ที่เคยพูดไว้นั้น ไม่ได้ตั้งใจเอาไว้โชว์การต่อสู้ แต่จะเอาไว้โชว์ให้คนจำนวนมากรู้จักโลกของ FFXV ซึ่งแผนเรื่อง Tech Demo นี้ยังคงอยู่ ซึ่งเขาพูดไว้ตั้งแต่งาน Jump Festa ในปลายปี 2014 ก็กะว่าจะประกาศรายละเอียดของ Tech Demo ในงานเดือนมีนาคมเช่นกัน

อีเวนต์เดือนมีนาคม

- ตอนแรกทีมงานคุยกันว่าจะจัดงานใหญ่งานเดียวที่เดียว หรือจะจัดเป็นงานย่อยตามประเทศต่าง ๆ 3 ที่ (เดาว่าเป็นอเมริกา ยุโรป ญี่ปุ่นน่ะแหละ) ซึ่งทีมงานคิดว่าถ้าจัด 3 ที่ ทันทีที่ข้อมูลข่าวสารสำคัญจากที่แรกเปิดเผยมา มันก็จะกระจายไปทั่วโลกทันที (จึงไม่มีประโยชน์ที่จะจัดงานย่อย 3 งานในเวลาไม่ตรงกัน หรือต่อให้จัดเวลาตรงกัน มันก็จะได้เวลาที่ไม่เหมาะสม เช่นช่วงค่ำของอเมริกา ก็เป็นช่วงเที่ยงของญี่ปุ่น แต่สำหรับทางยุโรปมันเป็นกลางดึกแล้ว) เลยว่าจัดมันงานเดียวใหญ่ ๆ เนี่ยแหละ

- ในงานก็จะมีการบรรยายเป็นภาษาอังกฤษ ทำให้ผู้ชมจากทั่วโลกเข้าใจด้วย

- ในงานจะมีการประกาศวันวางจำหน่าย ราคา สิ่งที่จะมากับเกม เรื่องสำคัญบางอย่าง และชื่อของ Tech Demo

- ใน Tech Demo นั้น แม้จะเน้นไปที่การโชว์โลก แต่ก็สามารถต่อสู้ได้ แต่มันก็จะต่างไปจาก Episode Duscae ที่เป็นการตัดเนื้อหาส่วนนึงของเกมมาให้เล่น

- ก่อนหน้านี้ทีมงานมุ่งเน้นไปที่การแสดงข้อมูลให้กับกลุ่มแฟนที่รอมาตั้งแต่ยุค Versus แต่หลังจากงานในเดือนมีนาคม จะมุ่งเน้นไปที่กลุ่มแฟนให้กว้างขึ้น

Friday, January 29, 2016

ดั้งมาแล้ว! เผยโฉมโมเดลรัมซ่าใน Dissidia -Final Fantasy- Arcade


ดั้งมาแล้ว!!! เว็บไซต์หลักของ Dissidia -Final Fantasy- Arcade เผยโฉมหน้าของรัมซ่าคนเดิม เพิ่มเติมคือจมูก อดีตวีรบุรุษผู้ปิดทองหลังพระในสงครามราชสีห์คนนี้จะถูกใส่เข้ามาในการแพทซ์ Dissidia ครั้งถัดไป พร้อมกันนี้ทางค่ายได้เปิดเผย Command List ของเจ้าตัวออมาแล้ว ขอให้ทุกคนเปรมปรีดิ์ได้เพราะท่าในตำนานมากันครบทั้งอัลเทม่า แทคเกิล เชียร์ และปาหินนนนน!!!

FFXV เตรียมอัพเดทใน Taipei Game Show 2016 10 โมงอาทิตย์นี้


ข่าวเพิ่มเติมเรื่องการอัพเดทข้อมูล Final Fantasy XV วันอาทิตย์นี้ ที่จะชนกัน 2 อีเวนต์ครับ ก่อนหน้านี้เราทราบแล้วว่าเวลา 11 โมงบ้านเรา จะมีการปล่อยคลิปรัฐบาลทาบาตะพบประชาชน (ATR) ผ่านทาง Youtube แชนแนล Square Enix Presents ซึ่งคลิปนี้เป็นรายการที่บันทึกไว้ล่วงหน้า และทีมงานได้นำไปใส่ซับไตเติลภาษาอังกฤษไว้แล้ว เพื่อจะนำมาเปิดให้แฟน ๆ ทั้งโลกรับชมอย่างเข้าใจไปพร้อมกัน

ล่าสุดมีข่าวมาเพิ่มเติมว่าในงาน Taipei Game Show 2016 ซึ่งคุณฮาจิเมะ ทาบาตะ และคุณชินจิ ฮาชิโมโตะ จะขึ้นเวทีพรีเซนต์ FFXV ภายในงานด้วยนั้น ตอนนี้มีกำหนดการณ์ออกมาแล้วว่าทั้งสองจะขึ้นพรีเซนต์ 10 โมงบ้านเรา และจะมีการถ่ายทอดสดผ่านทาง Youtube แชนแนล PlayStation Taiwan

หมายความว่าใครที่จะเกาะติดอัพเดทเกมนี้ วันอาทิตย์คงต้องเปิดคอมมานั่งดูคลิปตั้งแต่ 10 โมงยันเที่ยงเศษ ๆ เลยนั่นเอง

Tuesday, January 26, 2016

FFXV เผยวัน ATR รอบถัดไป 31 ม.ค. 2016


ทวีตภพและ Facebook หลักของ Final Fantasy XV เผยว่ารายการรัฐบาลทาบาตะพบประชาชน (Active Time Report) รอบถัดไปจะเป็นการเปิดเทปที่อัดไว้ล่วงหน้า โดยทางค่ายได้ใส่ซับไตเติลลงไปเรียบร้อยแล้ว และจะฉายทางแชนแนล Square Enix Presents ในวันที่ 31 มกราคม 2016 เวลา 11.00 น. ตามเวลาประเทศไทย (ขณะเดียวกันตัวคุณทาบาตะและคุณฮาชิโมโตะจะไปร่วมงาน Taipei Game Show 2016 และปราศรัยเรื่อง FFXV ในงานนั้น)

สำหรับการอัพเดทในคราวนี้ ทางค่ายให้รายละเอียดว่าจะมีการแนะนำข้อมูลเบื้องต้นของจักรวรรดินิฟไฮม์ที่เป็นฝ่ายศัตรู มีคลิปโชว์เวทมนต์ในการต่อสู้ และรายละเอียดเบื้องต้นของอีเวนต์ที่จะจัดในเดือนมีนาคม

Friday, January 22, 2016

สแกนล่าสุด FFXV โชว์รายละเอียดเวทย์ไฟ


คุณ kazu4281 มือสแกนนิตยสารเกมคนเดิม ได้สแกนเนื้อหาบางส่วนจากนิตยสาร VJump ฉบับล่าสุดมา (ปกติออกวันศุกร์) ซึ่งในนั้นมีอัพเดทของ Final Fantasy XV ออกมาด้วย (คาดว่าจะเป็นเนื้อหาเดียวกับที่กำลังจะนำเสนอใน Taipei Game Show 2016 ในวันที่ 31 ม.ค. 2016 หรือรัฐบาลทาบาตะพบประชาชน ปลายเดือนนี้)

เนื้อหาในสแกนเผยประเด็นที่น่าสนใจดังนี้

- รูปบน ปรากฏภาพการต่อสู้กับหุ่นยนต์ยักษ์และการโจมตีด้วยเวทย์ไฟ โดยระบุรายละเอียดว่าการใช้เวทย์ไฟในภาคนี้ หากใช้ในทุ่งหญ้า แอเรียก็จะลุกเป็นไฟในวงกว้าง สร้างความเสียหายทั้งฝ่ายเราและฝ่ายศัตรูที่อยู่ในแอเรีย

- จากอินเตอร์เฟซ จะเห็นว่าน็อคติสได้เซ็ตอาวุธไว้พร้อมใช้แล้วเพียงชิ้นเดียว (ก่อนหน้านี้เคยให้รายละเอียดว่าจะแมพอาวุธ 4 ชิ้นไว้กับปุ่มทิศทางทั้ง 4 ปุ่มได้) นอกจากนี้ยังมีเครื่องหมายบอกว่าให้กดปุ่มสี่เหลี่ยมเพื่อ Guard และวงกลมเพื่อ Assault (ในภาพสกรีนช็อตก่อนหน้านี้ ปุ่ม Guard ยังโชว์ด้วย L1 อยู่เลย กลายเป็นสี่เหลี่ยมไปแล้ว)

- อินเตอร์เฟซแถบพลังชีวิต มีการเปลี่ยนรูปแบบไป

- สามารถขึ้นขี่ศัตรูได้ และระหว่างที่ขึ้นไปขี่ พวกมันจะอ่อนแอลง

- มีการนำเสนอเรื่องการกระโดดแล้วโจมตี (ซึ่งมันก็ทำได้ตั้งแต่ในเดโมแล้ว)

- ตัวเกมยังคงมีระบบ Stealth โดยในภาพมุมขวาล่างได้สาธิตการ Stealth เข้าไปในถิ่นของนิฟไฮม์

Thursday, January 21, 2016

Breaking the 4th wall - Bravely Default


หลังจากที่เมื่อเช้านี้มีการประกาศวันวางจำหน่ายของ Bravely Second ในทวีปอเมริกา มันก็ทำให้ผมนึกย้อนไปถึงความประทับใจที่ได้จากภาคแรกของเกมนี้ และหันมาถามตัวเองว่าสิ่งที่ทำให้เกมนี้พิเศษกว่าเกมอื่น ๆ สำหรับผมแล้วมันคืออะไร?

แล้วผมก็ได้คำตอบว่า ประเด็นที่ชอบที่สุดในเกมนี้ คือเนื้อหาประเภท "Breaking the 4th wall"

Breaking the 4th wall นั้น หมายถึงการที่ตัวละครในเกม/วรรณกรรมทั้งหลาย รับรู้ถึงการมีอยู่ของผู้เล่น/ผู้ชม และทำให้เรามีส่วนร่วมไปกับเนื้อเรื่องของมัน

ซึ่งจากการลองเช็คฟีดแบ็คในบอร์ดต่างประเทศดู ผมพบว่า B4W (Breaking the 4th wall) ใน Bravely Default มันไม่ได้สมบูรณ์แบบ มันมีทั้งคนที่หลงรักไปเลยแบบผม และคนที่เกลียดแบบไม่เผาผีเช่นกัน

ผมไม่รู้ว่าคนไทยที่เล่นเกมนี้ แล้วพบว่ามันใช้พล็อต B4W จะมีกันมากน้อยแค่ไหน ในต่างประเทศ คนที่เล่นแล้วไม่รู้ว่ามันใช้พล็อต B4W ก็เยอะ แต่คนที่เล่นจบปุ๊บก็สรุปได้เองทันทีก็มีมาก (ผมก็มารู้เอาตอนจบเกมรอบแรกนี่แหละ)

พูดแบบนี้แล้ว คนที่ไม่ได้เล่นเกมนี้อาจจะงง เอาเป็นว่าพล็อต B4W ของเกมภาคแรกมันเป็นแบบนี้ (ผมเขียนจากความทรงจำนะครับ ไม่ได้เช็คสคริปต์)

1. ตอนเริ่มเกมมา นางฟ้าในเกมซึ่งเป็นเผ่าพันธุ์ที่เดินทาง/สื่อสารข้ามภพได้ จะพูดคุยกับเราที่เป็นผู้เล่นโดยตรง และขอยืมพลังของเรา (ซึ่งตอนที่เราพึ่งเริ่มเกม เรายังไม่เอะใจหรอกว่าเธอกำลังคุยกับเราโดยตรง)

2. ในเกมมีการนำเสนอว่าโลกปกติของเกม (Luxendarce) นั้นมีโลกคู่ขนานอยู่มากมาย โลกคู่ขนานแต่ละใบก็คือเซฟของผู้เล่นแต่ละคน เซฟของผม เซฟของเพื่อน เซฟของทุกคน ก็เป็นโลกที่แตกต่างกันไป

3. ตัวเกมมีระบบ Abilink เป็นระบบที่ตัวละครจากโลกคู่ขนานอื่น (เซฟของเพื่อน) ส่งพลังมาเสริมให้กับกลุ่มตัวละครของเราได้ และยังมีระบบเชิญตัวละครจากเซฟของเพื่อนมาช่วยโจมตีได้

4. ท้ายเกม บอสใหญ่อุโรโบรอส บอกว่านอกจากโลกปกติแล้ว ยังมีภพนรก (Infernal Realm) ซึ่งเป็นภพที่เขาอาศัยอยู่ และเป้าหมายของเขาก็คือการรุกรานภพสวรรค์ (Celestial Realm) ซึ่งภพสวรรค์นั้นมีเพียงหนึ่งเดียว โลกคู่ขนานทั้งหมดเชื่อมไปยังสวรรค์แห่งเดียวกัน

5. อุโรโบรอสบอกว่าตัวเอกของเกม "ทิซ" มีพลังของผู้มาจากภพสวรรค์อยู่ในตัว (ช่วงกลางเรื่องก็มีตัวละครที่พูดว่าทิซมีวิญญาณอีกดวงอยู่ในร่าง)

6. ระหว่างการต่อสู้กับอุโรโบรอส พอมันพูดว่า "Behold! The Celestial Realm! I shall bring chaos and destruction upon the world of the gods!" กล้องหน้าของเครื่อง 3DS จะเปิดการทำงาน และเอาภาพใบหน้าของเราที่กำลังเล่นเกมนี้อยู่ ไปใส่เป็นแบ็คกราวด์ซ้อนทับกับจักรวาลในเกม เป็นการสื่อว่าอุโรโบรอสรับรู้ว่าผู้เล่นกำลังจับตาดูการต่อสู้นี้อยู่ และมันกำลังสื่อสารกับเราโดยตรง (เรื่องกล้องนี่ ผมมารู้หลังจากเล่นจบไปแล้ว)

7. ในฉากจบเกม ทิซ ตัวเอกจะพูดว่า "ได้เวลาคืนสิ่งที่ยืมมาแล้วสินะ" แล้วก็จะมีแสงพุ่งออกมาจากร่างของเขา ก่อนที่ทิซจะล้มหมดสติไป

8. ฉากสุดท้าย นางฟ้าที่เคยออกมาคุยกับเราตอนเริ่มเกม จะกลับมาคุยกับเราอีกครั้ง และขอบคุณที่เราให้ยืมพลัง ทำให้ใครที่ยังไม่เข้าใจ น่าจะเข้าใจแล้วว่านางสื่อสารกับเราโดยตรง และยืมพลังของเราไปให้กับทิซ เราทำ Abilink กับทิซ.... การที่อุโรโบรอสบอกว่าทิซมีพลังของผู้มาจากภพสวรรค์อยู่ในตัว (ประกอบกับเรื่องที่ปรากฏภาพใบหน้าของเราในการต่อสู้กับอุโรโบรอสตามข้อ 6) ทำให้สรุปได้ว่า Celestial Realm หรือภพสวรรค์ที่ว่า ก็คือ Real World โลกแห่งความจริงของเรานี่เอง

สำหรับภาค 2 ที่วางจำหน่ายในญี่ปุ่นไปแล้วและกำลังจะวางขายในอเมริกา จากที่มันมีการเพิ่มตัวละครใหม่ และต่อยอดพล็อตออกไปเยอะ ทำให้ตอนแรกมีการถกเถียงว่ามันจะเกิด Retcon ทำให้ภพสวรรค์ไม่ใช่โลกของพวกเราอย่างที่เข้าใจกันมาตลอดรึเปล่า? มุก B4W จะยังอยู่รึเปล่า? ที่จริงเรื่องนี้มีคำตอบที่ชัดเจนออกมาแล้วครับ แต่ผมขอไม่นำออกมาพูดละกันเพราะมันจะเป็นการสปอยล์คนที่รอภาคอเมริกาอยู่ ทว่าใครที่อยากรู้คำตอบ ก็ตามไปอ่านได้จากสารพัดลิงค์อ้างอิงด้านล่างได้เลยครับ

ใครที่เคยประทับใจกับพล็อตอันน่าทึ่งในภาคแรก, การต่อสู้กับอุโรโบรอส, เพลง The Horizon-Devouring Serpent, Hikari e Mukau Ballad, พล็อตโลกคู่ขนาน ภพนรก ภพสวรรค์ และ Breaking the 4th Wall กาปฏิทินไว้ได้เลยว่า 15 เมษายนนี้ เราจะกลับไปพบกับพวกเขาด้วยกัน

...............................

ลิงค์อ้างอิง

- ภาพประกอบเอามาจากคลิป https://goo.gl/DXmfoW

Wednesday, January 20, 2016

รัมซ่าและตัวละครฝั่งเคออส เตรียมออกโรงใน Dissidia แพทซ์ถัดไป


Official Blog ของ Dissidia -Final Fantasy- Arcade เปิดเผยว่าในการแพทซ์ครั้งถัดไปของเกม จะมีการเพิ่มตัวละครรัมซ่าและตัวละครฝั่งเคออสบางส่วนลงไป

เกม Dissidia -Final Fantasy- Arcade เป็นเกม Arcade ที่เปิดให้เล่นในญี่ปุ่นตั้งแต่ 26 พฤศจิกายนปีก่อน โดยช่วงแรกมีตัวละครให้เล่นเพียง 14 ตัวเท่านั้น แต่ทีมงานก็มีแผนที่จะแพทซ์สเตจ เพลง ท่า สมดุลเกม ฯลฯ รวมถึงตัวละครใหม่ ๆ ลงไปจนกว่าจะครบ 50 กว่าตัวตามที่กำหนดไว้ในตอนแรก ซึ่งสำหรับน็อคติสนั้น ทีมงานเคยบอกว่าถ้าจะใส่ลงไป ก็ต้องหลังจากที่ FFXV ออกมาแล้ว และทีมงานในตอนนั้นก็ยังนึกไม่ออกว่าจะใส่สกิลวาร์ปของน็อคติสลงไปในเกมนี้ยังไงให้มันไม่เสียสมดุล

Thursday, January 14, 2016

SQEX และ Louis Vuitton ปล่อยบทสัมภาษณ์ไลท์นิ่ง แย้มโปรเจคท์ต่อไปของเจ๊


Square Enix ร่วมกับ Louis Vuitton แต่งบทสัมภาษณ์ไลท์นิ่งกับการมาเป็นพรีเซนเตอร์ครั้งแรกให้กับ Louis Vuitton (อาการหนักมาก)

ก่อนหน้านี้คุณนิโคลัส เจสคีร์ (Nicolas Ghesquiere ) ผู้เป็น Artistic Director ของ Louis Vuitton ได้เคยออกมาอธิบายผ่านแฟมิซือแล้วว่าไลท์นิ่งเป็นสัญลักษณ์ของฮีโร่หญิงผู้โด่งดังในโลกที่ Social Network และ Communication ได้ถักทอเข้าสู่ชีวิตจริงของพวกเราอย่างเนียนกริ๊บ

บัดนี้ทางต้นสังกัดทั้งสองยังอุตส่าห์ไปแต่งเรื่อง ทำเหมือนไลท์นิ่งเป็นคนจริง ๆ ว่า Square Enix ได้อนุญาตให้ไลท์นิ่งมาเป็นนางแบบให้ Louis Vuitton และไลท์นิ่งก็ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ถึงงานครั้งนี้ โดย Louis Vuitton ก็นำบทสัมภาษณ์มาส่งต่อให้กับทางสื่อ Telegraph เพื่อเผยแพร่ต่อไป เนื้อหาการสัมภาษณ์มีดังนี้

Q : นี่เป็นแคมเปญแรกของคุณรึเปล่า? รู้สึกยังไงบ้างกับการได้เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวนางแบบแฟชั่น เคีนงข้างกับ Jennifer Connelly, Michelle Williams และ Alicia Vikander?

L : พวกเขาอยู่ในโลกที่แตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวนี้ ฉันยังต้องเรียนรู้อีกเพื่อจะไล่ตามเหล่าสตรีผู้เจิดจ้า ซึ่งอยู่ห่างจากฉันหลายปีแสง (เยินยอว่านางแบบเหล่านั้นยังเหนือกว่าเธอหลายปีแสง)

ฉันหวังว่าสักวันหนึ่ง เราจะได้มาอยู่บนเวทีเดียวกัน โลกที่แตกต่างกันนั้นจะหลอมรวมกัน ใครจะไปรู้ได้ล่ะ? นั่นก็เป็นความทะเยอทะยานของฉัน (โลกที่แตกต่างในบริบทนี้มี 2 ความ หนึ่งคือเปรียบเปรยว่านางแบบเหล่านั้นเก่งกว่าเธอราวกับอยู่คนละโลก และสองคือหมายถึงเรื่องที่เธอมาจากอีกโลกหนึ่ง)

โชคดีที่ฉันไม่ใช่คนที่จะยอมแพ้ หนึ่งในจุดแข็งของฉันคือ "ประสบการณ์" ฉันไม่ใช่คนที่ไม่คุ้นเคยกับการก้าวข้ามความท้าทายและทำสิ่งที่ตั้งใจไว้ให้สำเร็จ ฉันสามารถเผชิญกับบททดสอบใด ๆ ก็ได้ตราบเท่าที่ฉันยังระลึกว่า

"ไม่เกี่ยวหรอกว่าทำได้หรือไม่ได้ แต่มันเป็นเรื่องที่ต้องทำ" (ประโยคเดียวกับที่เธอพูดกับโฮปใน FFXIII)

Q : คุณคิดยังไงกับ Vision และ Collection ของคุณนิโคลัส? คุณพบตัวเองอยู่ในงานสร้างสรรค์ของเขารึเปล่า? (หมายถึงเจ้ากระเป๋านี้มันช่วยสะท้อนตัวตนที่แท้จริงของตนเองรึเปล่า)

L : แม้สไตล์ของเขาจะเป็นเรื่องใหม่สำหรับฉัน แต่วินาทีที่ฉันทอดสายตาลงบน Collection ของเขา ราวกับว่าฉันถูกสายฟ้าฟาดเข้าใส่ (ล้อมุกในนิยายหลังจบเกม เรื่องที่ตอนแอเด้เจอไลท์นิ่งแล้วรู้สึกเหมือนโดนสายฟ้าฟาดลงกลางกบาล) ฉันก็รู้ว่าด้วยสิ่งนี้ ผู้คนจะเปลี่ยนไป ฉันจะเปลี่ยนไป (ล้อบทพูดตอนปราบบูนิเบลเซ่)

แล้วฉันก็คิดถูก Collection ของเขาช่วยเติมความเยือกเย็นและความภาคภูมิใจให้กับฉัน ตลอดเวลาที่ผ่านมา ฉันคิดว่าสไตล์เดียวที่เหมาะกับฉันคือแบบที่สะท้อนความแข็งแกร่งและเข้มแข็งของฉัน (นั่นคงไม่ใช่กระเป๋าแฟชั่นแน่ ๆ เจ๊) แต่ฉันคิดผิด เขาได้เปลี่ยนภาพที่ฉันเห็นตัวเอง บางทีท้ายที่สุดฉันก็ได้เรียนรู้ว่าตัวตนที่แท้จริงของฉันเป็นอย่างไร

Q : รู้สึกยังไงที่ได้เป็นทูตให้กับ Louis Vuitton?

L : สำหรับฉันแล้ว ที่ผ่านมาเสื้อผ้าก็เป็นเพียงเกราะที่ช่วยประทังให้มีชีวิตอยู่เท่านั้น "การแต่งตัว" เป็นเรื่องที่ไม่เคยอยู่ในหัวฉันเลย บางทีฉันคงไม่เหมาะที่จะเป็นทูตให้ แต่ประสบการณ์นี้ได้ช่วยเปิดหูเปิดตาให้ฉัน แฟชั่นไม่ใช่เรื่องที่จะสอนหรือถ่ายทอดให้กันได้ แต่มันออกมาจากรสนิยมส่วนตัว เลือกด้วยตนเอง มันช่วยแสดงให้คนรอบข้างได้เห็นว่าเนื้อแท้ของคุณเป็นเช่นไร

มันทำให้ฉันเร้าใจ ความรู้สึกเดียวกับเวลาท่องไปยังดินแดนที่ไม่รู้จัก (เจ๊กำลังนึกถึงตอนไปแกรนพัลส์ครั้งแรก) มันเป็นความเร้าใจที่ฉันที่เคยผ่านอันตรายมามากยังไม่เคยพบมาก่อน Louis Vuttion จึงเป็นการเดินทางครั้งใหม่ - แฟนตาซีใหม่ - ที่ฉันจะเพลิดเพลินไปกับมันจากก้นบึ้งของหัวใจ

Q : แล้วโปรเจคท์ถัดจากนี้ของคุณคือ?

L : หลังจากการเดินทางอันแสนยาวนาน (หลังจากปราบบูนิเบลเซ่) ตอนนี้ฉันก็เพลา ๆ ลง วันคืนของฉันเปี่ยมด้วยสันติสุข นี่คือสิ่งที่ฉันใฝ่ฝันมาตลอด หวังว่าวันคืนเหล่านี้จะคงอยู่อีกยาวนาน

แต่ฉันก็เป็นคนที่เฝ้าผลักดันตัวเอง ทำตัวเองให้ดีขึ้น บางครั้งฉันก็มีแรงกระตุ้นให้กลับไปเสี่ยงชีวิตและทดสอบขีดจำกัดของตนเองอีกครั้ง (เกมใหม่?)

สักวันหนึ่ง ในอนาคตอีกไม่ไกล ฉันจะก้าวออกไปอีกครั้ง สู่โลกแห่งการต่อสู้ (World of Strife) แต่ฉันจะไม่ใช่คนเดิมกับที่เป็น ฉันจะกลับไปยังจุดกำเนิดของตนเอง (Origin) ดั่งวงแหวนโมบิอุส (Mobius Strip) แต่จะเป็นฉันคนใหม่ ที่พัฒนาขึ้น

ฉันเฝ้ารอวันที่เราจะได้พบกันอีกครั้ง

http://www.telegraph.co.uk/fashion/people/final-fantasy-character-lightning-on-starring-in-louis-vuitton-c/

Tuesday, January 12, 2016

FFXV - การันตีเรือแจวและการวาร์ปไปมารัว ๆ เวลาสู้บอสยักษ์


เดือนธันวาคมที่ผ่านมา คุณ Dan Seto ซึ่งเป็น Community Manager ของ Square Enix ได้เปิดโอกาสให้แฟน ๆ ส่งคำถามเกี่ยวกับ Final Fantasy XV เข้ามาและเลือกโหวตคำถามกันเอง เพื่อจะนำคำถามที่ได้รับความนิยมสูงไปส่งให้ทีมงานตอบ ล่าสุดในวันนี้คุณ Dan ได้เอาคำตอบของคำถาม 3 ข้อมาเสิร์ฟกลับให้แล้ว

----------------------------------------------------

คำถามโดยคุณ Eraezr - ความยากในแต่ละโหมดจะส่งผลต่อ EXP ที่ได้รับ, พารามิเตอร์ของศัตรู, แดเมจ และ A.I. อย่างไรบ้าง?


ตอบโดย Lead Game Designer - Takizawa Masashi

"การเซตระดับความของ FFXV เป็นระบบที่ผู้เล่นสามารถเปลี่ยนโหมดความยากง่ายของการต่อสู้ได้ การที่สามารถเปลี่ยนโหมดได้นี้ เพราะเราอยากให้ผู้เล่นทั้งกลุ่มที่ชอบเกมแอ็คชั่นเนื้อ ๆ เทคนิคเยอะ ๆ และกลุ่มที่อยากสู้แบบช้า ๆ จังหวะสบาย ๆ สามารถสนุกกับการต่อสู้ในสไตล์ของตนเองได้ การเปลี่ยนโหมดความยากง่ายนี้เป็นส่วนสำคัญของเกมเพลย์ ซึ่งเราได้ตัดสินใจใส่เข้าไปในเกม เนื่องมาจากเสียงตอบรับที่ได้รับมาจากเดโม Episode Duscae เราจะชี้แจงรายละเอียดของระบบนี้เมื่อเกมใกล้จะวางจำหน่าย ฉะนั้นโปรดติดตามข้อมูลกันต่อไป"

(สรุป ก็ยังไม่ได้บอกว่าแต่ละโหมดมันต่างกันยังไง....)

----------------------------------------------------

คำถามโดยคุณ HeartlessNemesis - พวกอาคารใหญ่ ๆ จะมีจุดวาร์ปหลายจุดเพื่อให้น็อคติสย่นระยะการเดินทาง และทำให้สำรวจจากดาดฟ้าตึกได้รึเปล่า?


ตอบโดย Lead Level Designer - Terada Takefumi

"แน่อยู่แล้ว! ความสามารถในการวาร์ปซึ่งทำให้ผู้เล่นสามารถเทเลพอร์ตขึ้นไปบนจุดสูง ๆ ได้ในชั่วพริบตา เป็นองค์ประกอบสำคัญของระบบต่อสู้ใน FFXV โดยเฉพาะการต่อสู้ขนาดใหญ่ในตัวเมือง การใช้จุดวาร์ปหลายจุดในเชิงกลยุทธจะเป็นลักษณะที่แพร่หลายมาก ไม่ใช่แค่พวกอาคารเท่านั้น เรายังสร้างการต่อสู้กลางอากาศที่น่าตื่นตาตื่นใจกับศัตรูที่บินได้ บอสขนาดยักษ์หลายตัว รอชมกันให้ดี"

(สรุป เวลาสู้กับบอสยักษ์ตามเมืองต่าง ๆ คงได้วาร์ปไปวาร์ปตามตึก เพื่อตีส่วนนั้นส่วนนี้ของบอสแหงม)

----------------------------------------------------

คำถามโดยคุณ NoctisPendragon - เมืองใหญ่อย่างอัลทิสเซียและอินซอมเนีย มีอะไรให้สำรวจมากแค่ไหน?


ตอบโดย Planner - Ishikawa Tomonori

"ตอนนี้ผมพอบอกเรื่องอัลทิสเซียแก่ทุกคนได้นิดหน่อย"

"อัลทิสเซียมีสถานที่มากมายและหลากหลายประเภท เช่น คาเฟ่หลายร้าน ตลาด Ship-bourne สวนสาธารณะ ฯลฯ เมืองนั้นมีขนาดใหญ่จนบางครั้งทีมงานเองก็ยังหลง!"

"ผู้เล่นสามารถเดินลอยชายอย่างอิสระไปตามเส้นทางอันซับซ้อนของเมือง หรือจะนั่งเรือแจวชมวิว และเพลิดเพลินกับการตามหาร้านอาหารต่าง ๆ! เวลาสำรวจเมืองแล้วยังอาจได้เจอพวกตัวละครพิเศษด้วย"

"เราได้สร้างอะไรหลายอย่างให้เล่นกันในอัลทิสเซีย และหวังว่าทุกคนจะรอไปเยี่ยมชมกัน!"

(สรุป - เรือแจว.....)

Wednesday, January 6, 2016

Shinra Technologies ปิดตัวเนื่องจากขาด 3rd Party ร่วมลงทุน


เปิดตัว TGS 2014 ปัจจุบันประกาศอำลา ปิดทวีตภพและเว็บไซต์ไปเรียบร้อยแล้วสำหรับบริษัท Shinra Technologies ผู้ให้บริการ Cloud Gaming ที่ Square Enix ตั้งขึ้น

โดย Shinra Technologies สำนักงานใหญ่ที่นิวยอร์คและบริษัทลูกในโตเกียว ได้ปิดตัวลง และมีกำหนดชำระบัญชีให้เสร็จสิ้นภายในไตรมาสที่ 1 และไตรสมาสที่ 2 ตามลำดับ

ในแถลงการณ์ของ Square Enix กล่าวถึงสาเหตุของการปิดตัวครั้งนี้ไว้ว่า ในฐานะผู้ประกอบการ Cloud Platform พวกเขาได้พยายามระดมทุนและความร่วมมือจาก 3rd Party แล้ว แต่ก็ไม่ได้มีการลงทุนเข้ามาตามที่คาดหวังไว้ ทำให้ไม่สามารถประกอบธุรกิจต่อไปได้

งานนี้ Square Enix เลยต้องใส่ค่าใช้จ่ายจากการปิด Shinra Technologies ลงไปในรายงานผลประกอบการประจำปี 2015 (สิ้นสุด 31 มี.ค. 2016) ว่ามีค่าใช้จ่าย 2 พันล้านเยน ซึ่งก็สนานกันเลยทีเดียว


(ข้อมูลจากทาคาชิ โมจิสึกิ นักข่าว The Wall Street - https://twitter.com/mochi_wsj)

Tuesday, January 5, 2016

Louis Vuitton เผยสาเหตุเลือกไลท์นิ่งเป็นพรีเซนเตอร์คนใหม่


จากที่วันก่อน คุณเจนจิราได้สอบถามเข้ามาว่าทำไม Louis Vuitton ถึงเลือกไลท์นิ่งเป็นพรีเซนเตอร์ให้กับผลิตภัณฑ์ของ Lous Vuitton ในชุด Spring-Summer Collection (Series 4) ซึ่งจะเริ่มโปรโมตตั้งแต่มกราคม 2016 เป็นต้นไป? โดยผมก็ตอบไปด้วยความมั่นใจว่า ไม่รู้ เพราะยังไม่เห็นคอมเมนต์เรื่องนี้จากทีมงานไม่ว่าฝั่ง Square Enix หรือ Louis Vuitton ก็ตาม

ทว่าวันนี้ทางเว็บไซต์แฟมิซือได้ลงข่าวเรื่องนี้ พร้อมนำเสนอคอมเมนต์จากทีมงานทั้งสองฝั่ง ซึ่งจะช่วยไขข้อข้องใจเรื่องดังกล่าวไว้เรียบร้อยแล้ว ดังนี้

อย่างแรก ทางด้านคุณ นิโคลัส เจสคีร์ (Nicolas Ghesquiere ) ผู้เป็น Artistic Director ของ Louis Vuitton ได้อธิบายไว้ว่าคอลเลคชั่นล่าสุดนี้ ต้องการนำเสนอความงามเสมือนจริงจากวีดีโอเกม โดยใช้ภาพลักษณ์ของผู้หญิง ซึ่งก็ตั้งใจจะพรีเซนต์ผู้หญิงที่มีไอค่อนโดดเด่นในเรื่องของความกล้าหาญ

ไลท์นิ่งเองก็เป็นสาวมั่นที่เป็นที่รู้จักกันทั่วโลก ในโลกซึ่งชีวิตจริงและ Social Network และ Communication ต่าง ๆ เชื่อมต่อกันแบบไร้รอยต่อ จึงเป็นตัวละครที่เหมาะสมที่สุด นอกจากนี้เธอยังเป็นสัญลักษณ์ของ Pictorial Process แบบใหม่ เป็นกราฟฟิกที่อยู่เหนือการถ่ายภาพและการดีไซน์แบบเดิม ๆ ไลท์นิ่งจึงเป็นผู้บุกเบิกไปสู่การพรีเซนต์ของยุคใหม่

ส่วนทางด้านคุณเท็ตสึยะ โนมุระ ซึ่งเป็นผู้ออกแบบตัวละครไลท์นิ่งขึ้นมาแต่แรก บอกว่าท่าโพสและแอ็คชั่นทั้งหมดในคอลเลคชั่นนี้ ออกแบบโดยฝั่ง Louis Vuitton เอง และให้ทาง Square Enix เป็นผู้ทำ CGI ให้ ซึ่งภายในระยะเวลาอันสั้น ทีมงาน Visual Works (ทีมทำ CGI ของค่าย) ก็ทำออกมาได้ดี นี่ก็ไม่ใช่เกมแท้ ๆ แต่ไลท์นิ่งก็งานเข้าอีกครั้ง ได้ไปเป็นแคแรคเตอร์ให้กับแบรนด์ระดับโลก เขาจึงรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง

หวังว่าจากข่าวนี้ คุณเจนจิรา น่าจะได้คำตอบที่เคลียร์แล้วนะครับ



Monday, January 4, 2016

คิตาเสะรับปีนี้ยังเป็นปีเตรียมความพร้อมให้ FFVII Remake, ทาบาตะเผย FFXV เตรียมเข้า Debug Phase

จากนิตยสารแฟมิซือ

- คุณคิตาเสะรับ ปีนี้ยังคงเป็นปีแห่งการเตรียมความพร้อมให้กับ FFVII Remake (หมายความว่ายังอยู่ในช่วงต้นของการพัฒนา ยังไม่ถึงช่วงกลางซึ่งสามารถโหมประชาสัมพันธ์ข้อมูลได้แล้ว)

- คุณชินจิยืนยัน ยังมีเซอร์ไพรซ์รอนำเสนอในปีนี้อีกเยอะ (หมายถึงการเปิดตัวพวกเกมใหม่)

- คุณทาบาตะการันตี ยังไงปีนี้ FFXV ก็วางจำหน่าย กำหนดสเปคทุกอย่างไว้หมดแล้ว ตอนนี้อยู่ระหวางทำตัว β แล้วจะก้าวสู่ Debug Phase ต่อไป ในเดือน 3 ซึ่งจะประกาศวันวางจำหน่าย ก็จะได้เห็น FFXV ในสเปคจริงกันแล้ว


จากเว็บไซต์ Examiner

- นอกจากนี้คุณทาบาตะ ยังให้สัมภาษณ์กับเว็บไซต์ Examiner ในเรื่อง FFXV ว่าเรื่องราวของเกมภาคนี้คือเรื่องราวการเติบโตของเจ้าชายหนุ่มน็อคติส ซึ่งรอสืบทอดราชบัลลังค์เป็นกษัตริย์คนต่อไป โดยใช้การเล่าเรื่องผ่านมุมมองส่วนตัวของน็อคติส ด้วยวิธีนี้ก็จะทำให้ผู้เล่นเห็นการพัฒนาของตัวละครชัดเจน อีกทั้งทีมงานยังพยายามทำให้เกมเพลย์และการเล่าเรื่องกลมกลืนไหลลื่นเป็นหนึ่งเดียวกัน โดยยก The Last of US เป็นแบบอย่างของเกมที่เป็นเต้ยในเรื่องนี้

http://www.examiner.com/article/final-fantasy-15-director-compares-game-s-story-to-narrative-of-the-last-of-us

- นอกจากนี้ยังมีประเด็นว่าเกมนี้ไม่ใช่ Open-world 100% ซะทีเดียว ขณะเดียวกันก็ไม่ใช่เส้นตรงเหมือนกัน แต่เป็นไฮบริดระหว่างสไตล์ทั้งสอง

จริง ๆ คนที่เล่นเดโมมา ก็น่าจะเห็นภาพแล้วว่า รูปแบบเกมมันจะเป็นการดำเนินเรื่องหลักในแต่ละดินแดน เริ่มจากทำเนื้อเรื่องหลักในดินแดนดัสก้าให้จบ -> ขับรถไปดินแดนที่ 2 -> ทำเนื้อเรื่องหลักในดินแดนที่ 2 ให้จบ -> ขับรถไปดินแดนที่ 3 -> ....

ในแต่ละดินแดนก็จะเป็นพื้นที่กว้างขวาง มีเควสท์ มีกิจกรรมให้ทำ ให้เฟ้นหามากมาย ซึ่งจะทำแต่เนื้อเรื่องหลักแล้วรุดหน้าไปดินแดนถัดไปเลยก็ได้ หรือจะไล่ทำเควสท์ให้ครบแล้วค่อยไปก็ได้

http://www.examiner.com/article/final-fantasy-15-exclusive-game-director-talks-plot-characters-and-more

Sunday, January 3, 2016

สนทนาประสาไฟนอลฯ 7 [41]

 

ในส่วนในของหลุมทางเหนือ คลาวด์สงสัยว่านี่คือใจกลางของดวงดาวใช่มั้ย?
ที่ก้นหลุมทางเหนือ เรดเธอทีนศัตรูจะแห่กันมาเพียบ คลาวด์จะเลือกเพื่อน 2 คนให้ช่วยกันบุกตะลุยไป แล้วที่เหลือตามสนับสนุน



คลาวด์และพรรคพวก พากันลงไปถึงด้านในสุด เอาชนะเจโนว่าส่วนสุดท้าย และเจอกับโฮลี่ที่ถูกกักเอาไว้





เซฟิรอธปรากฏตัวออกมา แผ่ออร่าไม่ให้ใครเข้าใกล้โฮลี่ได้ แม้ทุกคนพยายามฝ่าเข้าไป ก็กระเด็นกระดอนกันกลับออกมา

ทุกคนจะสะพรึงกับพลังอันมากล้นของเซฟิรอธ สำหรับพวกเขาแล้วแค่จะควบคุมร่างกายตัวเองยังลำบาก

ทิฟาจะร้องเรียกชื่อคลาวด์ออกมา ส่วนคลาวด์จะจับจ้องไปที่โฮลี่แล้วเน้นย้ำทุกคนว่ามันอยู่แค่นี้เอง มันกำลังส่องแสงออกมา

"มาเทเรียโฮลีกำลังส่องแสง"
"คำอธิษฐานของแอริธกำลังสว่างไสว"

"มันยังไม่จบ..."
"ยังไม่จบแค่นี้!!"

(แบร์เร็ต)
"ไม่ใช่เพียงแอริธ"
"โฮลี่คือคำอธิษฐานของอวาแลนซ์... ของมาร์ลีน ของไดน์... และของทุกคนบนโลกใบนี้!"

(ทิฟา)
"แอริธอยู่ที่นี่..."
"ทุกคนอยู่ที่นี่..."
"คลาวด์อยู่กับพวกเราที่นี่!"
"ยังมีเรื่องที่เราต้องทำอีกมากมาย..."
"ฉันจะไม่ยอมแพ้!!"

(นานาคิ)
"ฉันจะฟันฝ่ามันจนถึงที่สุด เพื่ออนาคตของพวกเรา... และของดาวดวงนี้..."
"เข้าใจแล้วปู่ นี่คือภารกิจของฉัน!"
"ฉันจะไม่ยอมให้ไลฟ์สตรีม... หรือชีวิตของดาวดวงนี้ต้องดับสูญ"

(ยุฟฟี่)
"ไม่เอาแล้ว!!"
"บางที... ฉันคงไม่น่าตามมาเลย..."
"ฉันไม่อยากได้... มาเทเรีย..... แล้ว..."
"ไม่สิ ยังอยากได้อยู่!!"
"ทั้งโน่นนั่นนี่ ทุกสิ่งทุกอย่าง... เป็นของฉัน!"
"และจะไม่มีวันยกให้ใคร!!"

(เคทซิธ)
"เราจะไม่แพ้!!"
"เราอาจจะรู้ถึงปัญหาช้าไปหน่อย..."
"แต่ก็ยังพอมีเวลา... เรายังสามารถปลดปล่อยมันออกไปได้!"
"ต่อให้ไม่สามารถทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างกลับเป็นปกติ"
"เราก็ยังสามารถปกป้องสิ่งที่สำคัญที่สุดได้!!"

(วินเซนต์)
"เวลาของฉันหยุดนิ่งมาตลอด..."
"แต่ตอนนี้ กลับรู้สึกว่าในที่สุด เวลาของฉันก็เริ่มขึ้น"
"เซฟิรอธ ตอนนี้ถึงเวลาหลับใหลของแกแล้ว!!"

(ซิด)
"จะมาทำเป็นเล่นในก้นบึ้งหลุมนรกนี่ไม่ได้..."
"ชีวิตฉันยังมีเรื่องต้องทำอีกมากมาย!"

(คลาวด์)
"ความทรงจำของแอริธ..."
"ความทรงจำของพวกเรา..."
"เรามา... เพื่อบอกเล่า... ความทรงจำของเรา..."
"มาสิดวงดาว! แสดงคำตอบของเจ้าให้เราเห็น!"
"และเซฟิรอธ!!"
"ถึงเวลาสะสางเรื่องทั้งหมดแล้ว!!"





หลังชนะได้ คลาวด์บอกว่านี่คือทุกสิ่งทุกอย่างที่เราพอจะทำได้แล้ว
แบร์เร็ตสงสัยว่าแล้วโฮลี่ล่ะ? ดวงดาวจะเป็นยังไงต่อ?
คลาวด์บอกว่าเขาก็ไม่รู้เหมือนกัน ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับดวงดาว
ทิฟาบอกว่าใช่แล้ว เราได้ทำทุกอย่างที่เราทำได้ ลงไปแล้ว
คลาวด์บอกทุกคนว่า เราทำดีที่สุดแล้ว จบแล้ว กลับบ้านอย่างภาคภูมิใจกัน

ด้วยท่าทีอันอ่อนล้า แต่ละคนค่อย ๆ เดินกลับขึ้นไปด้านบน

แต่แล้ว คลาวด์ที่อยู่ท้ายสุด ก็ชะงัก ทิฟาจึงหันมาดูด้วยความเป็นห่วง
คลาวด์บอกว่าเขารู้สึกได้ มันยังอยู่... ที่นี่
แล้วจู่ ๆ คลาวด์ก็ล้มลงไปกับพื้น เขาจับศีรษะและตัวสั่นไหวไปมา

"มันกำลังหัวเราะ..."



โดยไม่ทันรู้ตัว คลาวด์ก็โดนจิตวิญญาณของเซฟิรอธ ดึงไปต่อสู้ด้วย
***เข้าใจว่าเป็นผลจากการที่คลาวด์มีเซลล์เจโนว่าจาก Copy Project และเซฟิรอธสามารถควบคุม ครอบงำคนที่โดนทดลองในโปรเจคท์นี้ได้ โดยเซลล์เจโนว่าเป็นสื่อกลางในการควบคุม ทั้งนี้ถ้าคนที่มีเซลล์เจโนว่าอยู่นั้นมีจิตใจที่เข้มแข็ง ร่างกายที่แข็งแกร่ง อย่างพวกโซลเยอร์ทั่วไป เซฟิรอธก็จะครอบงำไม่ได้

ในฉากจบ ทั้งตอนเข้าไปสู้ในจิตสำนึก รวมถึงขาออกที่มีมือยื่นออกมา จะบรรเลงด้วยเพลงธีมของแอริธ แต่พอเห็นเป็นทิฟา เพลงก็เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน

ที่เหลือก็อย่างที่เข้าใจ

(The End)

Saturday, January 2, 2016

ปมในใจแบร์เร็ต

ช่วงที่ไดมอนด์เวพ่อนผุดขึ้นมาจากกลางมหาสมุทร และมุ่งหน้าตรงสู่เมืองมิดการ์ แบร์เร็ตที่ได้ยินเรื่องรีบโวยวายขึ้นมาทันทีว่ามาร์ลีนจะเป็นยังไง? มาร์ลีนจะปลอดภัยมั้ย?

แต่พอเคทซิธบอกว่ามาร์ลีนและแม่เลี้ยงของแอริธถูกพาตัวไปยังที่ปลอดภัยแล้ว แบร์เร็ตได้ยินก็เกาหัว ดูโล่งอก แล้วก็เดินจากไปทันที...

เคทซิธเห็นแบบนั้นก็ทนไม่ไหว จึงได้ปริปากพูดความรู้สึกที่แท้จริงออกมาบ้างว่า "แค่มาร์ลีนปลอดภัย คนอื่นจะเป็นไงก็ช่างอย่างงั้นเหรอ"

เจ้าตัวสารภาพว่า เขาลำบากใจที่จะถามมานานแล้วว่า "ตอนที่แกระเบิดเตาเขต 1 แกคิดว่ามีคนเสียชีวิตกันขนาดไหน?"

แบร์เร็ตส่ายหน้า ก่อนตอบกลับมา "... เพื่อชีวิตของดวงดาว ก็ต้องมีคนตายกันเล็ก ๆ น้อย ๆ บ้าง"

ได้ยินตรรกะแบบนี้เข้าไป... เป็นไงล่ะ เคทซิธ/รีฟที่ปิดปากมากตลอด ใกล้ Limit Break แล้ว

"เล็กน้อย? หมายความว่าไงวะ 'เล็กน้อย'?"

"สิ่งที่มันเล็กน้อยสำหรับแก คือทุกสิ่งทุกอย่างของคนที่ตายไปแล้ว..."

"ปกป้องดวงดาว โถ! ฟังดูสวยหรูซะเหลือเกิน!"

"(พออ้างแบบนี้ก็) จะไม่มีใครขวางนายได้ นายเลยคิดว่าจะทำอะไรก็ได้ใช่มั้ย?"

ถึงตรงนี้แบร์เร็ตจึงหันมาตอบโต้บ้างว่าเขาไม่อยากได้ยินประโยคแบบนั้นจากใครก็ตามในชินระ

บรรยากาศมาคุอบอวลไปทั่วไฮวินด์... ทุกคนหับมาจับจ้องทั้งคู่เป็นสายตาเดียว... คลาวด์ที่ไม่ค่อยจะแสดงความเป็นผู้นำออกมา จู่ ๆ ก็ตะโกนปรามให้ทั้งสองพอได้แล้ว จากนั้นทิฟาก็รีบเข้ามาปลอบเคทซิธว่าที่จริงแล้วแบร์เร็ตก็รู้ว่าตัวเองทำอะไรลงไป เรื่องเลวร้ายที่พวกเธอเคยทำในมิดการ์ ยังไงซะพวกเธอก็ไม่มีวันลืมได้ลง... และเธอก็รู้ว่าเคทซิธ/รีฟเป็นห่วงชาวมิดการ์มากใช่มั้ยล่ะ...

หลังจากนี้แบร์เร็ตกับเคทซิธจะมองหน้ากันไม่ติดไปพักใหญ่... ซึ่งเท่าที่สังเกตดู แบร์เร็ตสำนึกผิดกับสิ่งที่ทำลงไปมาตั้งนานแล้ว แต่เจ้าตัวปากหนัก ไม่อยากพูดยอมรับผิดออกมา ยิ่งต่อหน้าเคทซิธที่เป็นคนของชินระ แบร์เร็ตยิ่งต้องแข็งกร้าวใส่ไว้ก่อน

แต่แล้วตอนที่มิดการ์กำลังโกลาหล ไดมอนด์เวพ่อนตายแล้ว รูฟัสหายตัวไป สกาเล็ตและไฮเด็กเกอร์ยึดอำนาจ รีฟถูกควบคุมตัว โฮโจยึดเมนเฟรมของปืนใหญ่ไป พลังงานถูกส่งจากเตาปฏิกรณ์ไปสู่ปืนใหญ่ไม่มีหยุด หากปล่อยไว้ก็จะเกิดการระเบิดครั้งใหญ่ขึ้นอีก พวกคลาวด์จึงตัดสินใจว่าจะกลับไปหยุดโฮโจในเมืองมิดการ์

ตอนนั้นเองแบร์เร็ตถึงสารภาพออกมาว่า เขาเป็นหนี้คนทั้งหมดในเมืองมิดการ์ หนี้ที่เขาไม่มีวันชดใช้ได้หมด (หมายถึงไอ้ที่ไปวางระเบิดนั่นแหละ)

สุดท้ายตอนที่คลาวด์ให้ทุกคนทบทวนว่าเราต่อสู้ไปเพื่ออะไร เราต่างพูดกันสวยหรูว่าเราสู้เพื่อปกป้องดวงดาว แต่นั่นไม่ใช่เหตุผลแท้จริง เราต่างมีเหตุผลส่วนตัวด้วยกันทั้งนั้น

ตอนนั้นเอง แบร์เร็ตถึงได้เปิดใจพูดรับผิดแบบเต็ม ๆ ว่า ที่ผ่านมาการพูดว่าสู้เพื่อชาติ เอ้ย... สู้เพื่อปกป้องดวงดาว มันฟังดูเท่ระเบิด แต่ตัวเขาเองก็คือคนที่สั่งเผา เอ้ย... สั่งระเบิดเตาปฏิกรณ์

"ตอนนี้พอย้อนกลับไปดูแล้ว ฉันถึงเห็นว่ามันไม่ใช่วิธีที่ถูกต้อง""ฉันทำให้เพื่อนพ้องมากมาย คนบริสุทธิ์ คนที่ไม่เกี่ยวข้องต้องรับเคราะห์"

"... ตอนแรก มันคือการแก้แค้นชินระที่มาโจมตีหมู่บ้านของฉัน"
"แต่ตอนนี้..."
"ใช่แล้ว ฉันกำลังต่อสู้เพื่อมาร์ลีน"
"เพื่อมาร์ลีน..."
"เพื่ออนาคตของมาร์ลีน..."
"ใช่... ฉันว่าฉันต้องการจะช่วยดวงดาว ก็เพื่อมาร์ลีน"

สรุป... ไอ้ที่ไประเบิดเตานั่น ทำเพราะต้องการแก้แค้นชินระเป็นหลัก เรื่องปกป้องดวงดาวมันก็แค่ข้ออ้างสวยหรูอันเป็นผลพลอยได้ ส่วนตอนท้ายที่ไปสู้กับเซฟิรอธ ก็เพื่อให้มาร์ลีนได้มีชีวิตต่อไปในวันพรุ่งนี้... ไอ้ปกป้องดวงดาวอะไรนั่น มันก็แค่วิธีพูดให้โก้เก๋เฉย ๆ นี่คือยอมรับแบบแมน ๆ แล้ว

สนทนาประสาไฟนอลฯ 7 [40]

เมื่อไฮวินด์แล่นมาถึงหลุมทางเหนือ ยุฟฟี่จะยื่นเอกสารให้คลาวด์เซ็น มันเป็นสัญญาว่าเมื่อสงครามจบลงแล้ว คลาวด์จะต้องยกมาเทเรียทั้งหมดให้เธอ ซึ่งคลาวด์ก็ส่ายหัวแล้วบอกว่าลืมไปซะ เขาไม่อ่านว้อยยย แล้วถ้าอ่านบนเรือ เขาจะเมาเรือด้วย

เคทซิธบอกว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เขาจะไม่มีวันลืม ไม่ว่าจะการเดินทาง และผู้คนทั้งหมด ไม่มีวัน

ทิฟาจะขอให้คลาวด์ช่วยปลอบหน่อยว่าไม่เป็นไร ซึ่งเราเลือกได้ว่าจะพูดปกติหรือพูดเท่ ๆ พอให้พูดเท่ ๆ ทิฟาก็จะชื่นใจ และบอกว่าเธอไม่กลัวแล้ว

ซิดจะถามว่าเคยดูการแสดงเรื่อง LOVELESS มั้ย ถ้าตอบว่าเคยดู ซิดจะบอกว่าการแสดงเรื่อง LOVELESS จัดขึ้นทุกฤดูร้อน ตั้งแต่เขายังเด็ก เขาเคยไปดูครั้งนึงตอนฝึกเป็นนักบินอยู่ในมิดการ์ ที่จริงเขาก็ไม่ใช่คอละคร แล้วเขาก็หลับคาที่อย่างที่คิดไว้แต่แรก แล้วระหว่างฉากสุดท้ายพอดี ชายคนข้าง ๆ ก็ปลุกเขาขึ้นมาเพราะเขากรนดังเกิน เขาเลยจำได้แต่ฉากสุดท้าย ว่าน้องสาวของตัวเอกถามคนรักของเธอ

"คุณต้องไปจริง ๆ เหรอ?"

แล้วชายหนุ่มก็ตอบ "ฉันสัญญาไว้ ผู้คนที่ฉันรักกำลังรออยู่"

หญิงสาวบอก "ฉันไม่เข้าใจ ไม่เลยสักนิด แต่ก็ดูแลตัวเองดี ๆ ละกัน"



"ฉันจะกลับมาหาเธอ... อย่างแน่นอน

"ต่อให้เธอไม่สัญญาว่าจะรอ ฉันก็จะกลับมา"

"ด้วยความเชื่อว่าเธอจะอยู่ที่นี่"

ตอนนั้นซิดฟังแล้วก็งงว่ามันพูดบ้าอะไร แต่ตอนนี้ เขาอาจจะรู้แล้ว เมื่อเสร็จงานนี้ เขาจะไปจากไฮวินด์ นี่คือความตั้งใจของเขา

ด้านเรดเธอทีนกำลังสะกดจิตตัวเองอยู่ว่าเขาคือนานาคิ บุตรแห่งเซโตะ เขาไม่กลัวอะไรทั้งนั้น



ส่วนวินเซนต์จะบอกว่าหมดเวลาบินเล่นแล้ว สนามรบของเราอยู่ใต้ผืนดิน ประตูสู่วันพรุ่งนี้มิใช่แสงแห่งสวรรค์ แต่เป็นความมืดมิดจากก้นบึ้งของดวงดาว

เรากลับไปที่คอสโม่แคนย่อน ยามเฝ้าหมู่บ้านจะบอกว่าหลังกลับจากการเดินทาง บูเก้นฮาเก้นก็อาการแย่ลง


เราจะขึ้นไปที่ห้องของบูเก้น จะพบว่าเขานอนที่โซฟาอยู่ เขาบอกว่าไม่ได้ออกไปข้างนอกนานแล้ว สงสัยจะเหนื่อย อย่าไปบอกนานาคิเลย มันจะเป็นห่วงเปล่า ๆ

คลาวด์เลยไปถามนานาคิมาหาทันที นานาคิจึงรีบวิ่งไปดู เขาบอกว่าเขาเป็นบุตรแห่งเซโตะ มีหน้าที่ปกป้องหุบเขาและผู้คน

แต่บูเก้นบอกว่าหน้าที่ของนานาคิ ไม่ใช่ปกป้องหุบเขานี้ จงดูหญ้าอันเหี่ยวเฉาบนภูเขา ฟังเสียงเพรียกร้องของลูกโจโคโบะที่เกิดใหม่ มองไปยังกระแสเวลาอันเป็นนิรันดร์ ซึ่งไกลเกินกว่าอายุขัยของมนุษย์ มันจะสอนเจ้ายิ่งกว่าการอยู่แต่ในหุบเขานี้

"สิ่งที่เจ้าเห็น ท้ายที่สุดก็จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของไลฟ์สตรีม"

"เพื่อลูกหลานของข้า และลูกหลานของเจ้า"

"ดังนั้น นานาคิ... จงไปกับคลาวด์..."

"ใช้ดวงตา... และหูของเจ้า..."

"ข้าไม่เป็นไร"

"นี่คือโลกอันกว้างใหญ่ ซึ่งเจ้าต้องออกไปมอง..."

"เจ้าอาจจะได้พบกับคู่ชีวิตก็เป็นได้ ไม่มีใครรู้"

จากนั้นบูเก้นก็จะมอบอะไรสักอย่างให้นานาคิ ก่อนจะสิ้นใจไป (อาวุธสุดยอด)

นานาคิจะลงมาบอกพวกคลาวด์ว่า ปู่กำลังออกเดินทางอีกครั้ง ดูท่าเขาจะชอบเรือเหาะมาก เลยทนอยู่ที่นี่ไม่ได้ จนแอบหนีไปแล้ว แล้วก็ให้ของขวัญมาด้วย



แล้วนานาคิจะขัดตัวเองว่าเดี๋ยวสิ จริง ๆ ปู่น่าจะให้ของขวัญหลังจากเดินทางกลับมานี่นา แหะ แหะ แปลกจริง

คลาวด์ก็บอกว่าเราอาจจะบังเอิญเจอเขาอีกครั้ง ในที่ใดที่หนึ่ง ซึ่งนานาคิก็บอกว่าอาจจะเป็นแบบนั้น ขอบใจนะคลาวด์

สนทนาประสาไฟนอลฯ 7 [39]

ทุกคนกลับขึ้นมาบนไฮวินด์อีกครั้ง เคทซิธก็บอกว่าชินระจบสิ้นลงแล้ว (พวกระดับสูง ๆ ตายกันยกแผง)
เรดเธอทีนบอกว่าอีก 7 วันเมเทโอจะตกลงมาตามที่ปู่บูเก้นคำนวณไว้

คลาวด์เดินมาถามเรดเธอทีนว่า นายอยากจะกลับไปหาทุกคนในคอสโม่แคนย่อนอีกสักครั้งมั้ย? เรดตอบว่าใช่

จากนั้นคลาวด์ก็หันไปถามแบร์เร็ตว่าอยากจะเจอหน้ามาร์ลีนใช่มั้ย? แบร์เร็ตตอบว่าอย่าถามแบบนั้น (คำตอบมันชัดเจน)

คลาวด์บอกว่าถ้าเราไม่สามารถปลดปล่อยโฮลี่ได้ภายใน 7 วันนี้ ก็จะไม่เหลือดวงดาวที่เราต้องปกป้อง หากเราไม่สามารถเอาชนะเซฟิรอธได้ เราก็ตาย แค่ตายก่อนคนอื่น ๆ ที่จะตายเพราะเมเทโทเพียงไม่กี่วัน

คลาวด์เดินไปที่หัวเรือ แล้วบอกว่าเขาอยากให้ทุกคนทบทวนว่าเราต่อสู้ไปเพื่ออะไร เพื่อปกป้องดวงดาว...? เพื่ออนาคตของดวงดาว...? มันเป็นอย่างงั้นจริง ๆ เหรอ?




"สำหรับฉันแล้ว นี่คือความแค้นส่วนตัว"

"ฉันอยากเอาชนะเซฟิรอธ และสะสางอดีตของตน"

"การช่วยเหลือดวงดาว มันเป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น"

"ฉันครุ่นคิดมาตลอด"

"ฉันคิดว่าพวกเราต่างก็ต่อสู้เพื่อตนเอง"

"เพื่อตนเอง... เพื่อใครสักคน..."

"เพื่ออะไรบางอย่าง... อะไรก็ตามแต่ ที่สำคัญต่อเรา"

"นั่นคือเหตุผลที่เราต่อสู้"

"นั่นคือเหตุผลว่าทำไมเรายังคงต่อสู้เพื่อดาวดวงนี้"

แบร์เร็ตได้ยินก็ยอมรับ ที่ผ่านมาการพูดว่าสู้เพื่อปกป้องดวงดาว มันฟังดูเท่ระเบิด แต่ตัวเขาเองก็คือคนที่ระเบิดเตาปฏิกรณ์


"ตอนนี้พอย้อนกลับไปดูแล้ว ฉันถึงเห็นว่ามันไม่ใช่วิธีที่ถูกต้อง"
"ฉันทำให้เพื่อนพ้องมากมาย คนบริสุทธิ์ คนที่ไม่เกี่ยวข้องต้องรับเคราะห์"

"... ตอนแรก มันคือการแก้แค้นชินระที่มาโจมตีหมู่บ้านของฉัน"
"แต่ตอนนี้..."
"ใช่แล้ว ฉันกำลังต่อสู้เพื่อมาร์ลีน"

"เพื่อมาร์ลีน..."

"เพื่ออนาคตของมาร์ลีน..."

"ใช่... ฉันว่าฉันต้องการจะช่วยดวงดาว ก็เพื่อมาร์ลีน"

คลาวด์จึงบอกให้แบร์เร็ตกลับไปหาเธอซะ ไว้สบายใจแล้ว ค่อยกลับมา

คลาวด์หันไปบอกทุกคนว่าขอให้ทุกคน ลงเรือลำนี้ไป แล้วตามหาเหตุผลของตัวเอง อยากให้แน่ใจกันก่อน แล้วค่อยกลับมา

ซิดได้ยินก็พูดหยอกขึ้นว่า อาจจะไม่มีใครกลับมาเลยก็ได้นะเฟ้ย ยังไงเมเทโอก็จะฆ่าเราอยู่แล้ว ไอ้เรื่องการดิ้นรนอย่างไร้ประโยชน์แบบนั้น ลืมมันไปซะเถอะ

คลาวด์บอกว่าเขารู้ว่าทำไมเขาถึงสู้ เขากำลังต่อสู้เพื่อช่วยเหลือดวงดาวนั่นแหละ แต่ในเหตุผลนั้น มันก็มีเหตุผลส่วนตัวอยู่ด้วยเช่นกัน เหตุผลจากความทรงจำส่วนตัวของเขาเอง ทุกคนเองก็ย่อมมีเหมือนกัน เขาจึงอยากให้ทุกคนไปตามหาเหตุผลนั้น แต่ถ้าไม่พบ ก็ไม่เป็นไร

"เราไม่อาจต่อสู้โดยไม่มีเหตุผลได้ จริงมั้ย?"
"ดังนั้น ถ้าพวกนายจะไม่กลับมา ฉันก็ไม่ขัดอะไรอยู่แล้ว"

เมื่อคลาวด์พูดแบบนี้ ทุกคนจึงพากันลงจากไฮวินด์ไปกันหมด ยกเว้นเพียงทิฟา




"ลืมไปแล้วเหรอ?"

"ฉันมัน... ตัวคนเดียว ไม่มีที่ไป"


ด้วยเหตุนี้ ทั้งสองจึงจอดไฮวินด์ และพากันลงมาเดินบนยอดเขา

ทุกคนไปกันหมดแล้ว แต่สำหรับคลาวด์และทิฟา ไม่มีบ้านหรือใครให้กลับไปหา ทิฟามั่นใจว่าสักวัน ยังไงพวกเพื่อน ๆ ก็ต้องกลับมา

คลาวด์บอกว่าทุกคนต่างมีอะไรบางอย่างที่ไมมีสิ่งใดแทนที่ได้ และพวกเขายึดมั่นต่อสิ่งนั้น

ทิฟาบอกว่าถึงพวกเขาไม่กลับมาก็ไม่เป็นไร ตราบใดที่เราอยู่ด้วยกัน เคียงข้างกัน เธอจะไม่มีวันยอมแพ้ ไม่ว่าสถานการณ์จะย่ำแย่แค่ไหน

"ไม่ว่าตอนนี้เราจะใกล้ชิดกันเพียงไร เราก็เคยห่างกันมาก่อน"

"แต่ตอนที่เราอยู่ในไลฟ์สตรีม ถูกโอบล้อมด้วยเสียงร้องแห่งความเจ็บปวด"

"ฉันคิดว่าฉันได้ยินเสียงของเธอ..."



ทิฟาหลับตาลง มีเสียงสูดหายใจเหมือนกำลังร้องไห้เบา ๆ เธอทิ้งแขนลงข้างตัว แล้วก้มหน้าลง

"...เธออาจจะจำไม่ได้..."

"แต่ในก้นบึ้งของหัวใจ ฉันได้ยินเธอเรียกชื่อฉันออกมา..."

"หรืออย่างน้อย ฉันว่าฉันได้ยิน..."

คลาวด์บอกว่าเข้าใจละ

"ฉันว่าฉันก็ได้ยินเหมือนกัน"
"เสียงของทิฟา..."

***บทสนทนาตรงนี้จริง ๆ มี 2 แบบ แบบที่คลาวด์ดีต่อทิฟา กับแบบเฉย ๆ ซึ่งผมจะเขียนตามแบบที่ผมเจอตอนเล่นรอบ PS4

(แบบดี - คลาวด์บอกว่าเขาได้ยินเสียงทิฟาเรียกชื่อเขาในไลฟ์สตรีม ซึ่งเขาสัญญาไว้แล้วว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เขาจะมาช่วย)

แล้วทิฟาก็ถามขึ้นว่า ดวงดาวจะได้ยินเสียงของพวกเรามั้ย? พวกเขาจะเห็นมั้ยว่าเราลำบากแค่ไหนในการต่อสู้เพื่อพวกเขาเหล่านั้น?

คลาวด์บอกว่าเขาไม่รู้เหมือนกัน แต่ไม่ว่าดวงดาวจะได้ยินได้เห็นหรือไม่ เราก็จะต้องทำในสิ่งที่ทำได้ และเชื่อมั่นในตัวเอง

สักวันหนึ่งเขาคงพบคำตอบ ตราบเท่าที่ยังพยายามอยู่

(แบบดี - คลาวด์จะพูดว่า "สักวันหนึ่ง 'เรา' คงพบคำตอบ ใช่มั้ยทิฟา? นั่นคือสิ่งที่ฉันได้เรียนรู้จากเธอ ตอนที่ฉันอยู่ในไลฟ์สตรีม")

แล้วคลาวด์จะบอกว่าเรามีการต่อสู้ครั้งใหญ่รออยู่ในวันพรุ่งนี้ ก็ควรจะเตรียมตัวให้พร้อม ตัดบทกันดื้อ ๆ งี้เลย... ซึ่งทิฟาก็ได้เพียงตอบว่าใช่แล้วล่ะ

(แบบดี - คลาวด์จะบอกว่าเขามีเรื่องอยากคุยกับทิฟามากมาย แต่พออยู่ด้วยกันแบบนี้ก็ไม่รู้จะพูดยังไง เขาไม่เปลี่ยนไปเลย ทำให้ทิฟาขันอยู่เสมอ แต่ทิฟาจะบอกว่าคำพูดไม่ใช่หนทางเดียวในการสื่อให้คนอื่นรู้ว่าตัวเองคิดอะไร จากนั้นทิฟาก็จะเสยผม แล้วกล้องก็ฉายขึ้นฟ้าไป)

ถัดมาในวันรุ่งขึ้นที่ทั้งสองนั่งซบกัน คลาวด์จะปลุกทิฟาขึ้นมา ทิฟาจะบอกว่าขออีกนิด แล้วก็พิงคลาวด์ต่อ

"วันนี้จะไม่หวนกลับมาอีกแล้ว... ฉะนั้นขอให้ฉันได้มีช่วงเวลานี้.."

คลาวด์ไม่ตอบอะไรกลับมา ได้แต่จุดจุดจุด ปล่อยให้ทิฟาซบ

(แบบดี - คลาวด์จะพยักหน้า ตอบตกลง และบอกว่านี่อาจจะเป็นช่วงเวลาสุดท้ายที่เราจะมีร่วมกัน)



จากที่จะตื่นรุ่งเช้า ไป ๆ มา ๆ เลยปล่อยจนสาย พอกลับขึ้นมาบนไฮวินด์แล้ว ทิฟาก็บอกว่าเรือเหาะนี้มันใหญ่เกินไปสำหรับสองคน พอไม่มีทุกคนแล้วก็คงเหงาน่าดู แต่คลาวด์บอกว่าไม่เป็นไร เขาจะสร้างความอลหม่านแทนทุกคนเอง และเขาจะเป็นนักบินเอง จะไม่มีการบินลวก ๆ แบบที่เคยแล้ว เราไม่มีเวลามารู้สึกเหงา

แต่แล้วจู่ ๆ เครื่องยนต์บนยานก็สตาร์ท คลาวด์และทิฟาวิ่งไปดูสะพานเรือ พบเคทซิธ เรดเธอทีน แบร์เร็ตและซิด ที่รออยู่แล้ว

ทิฟาถามขึ้นว่าทำไมมาถึงแล้วไม่บอกเธอล่ะ? เรดเธอทีนจะอึกอัก ซิดเลยพูดขึ้นว่าขืนเข้าไปขัด ก็จะไม่รู้ว่าพวกเธอจะพูดอะไรกันน่ะสิ...

(เป็นการสื่อว่าพวกซิดและคนอื่น ๆ เห็นเหตุการณ์ที่ทิฟาอ้อนคลาวด์อยู่ตลอด) พอทิฟารู้ตัวก็วิ่งหนีไป เขินอาย ไขว้ขากับพื้น



จากนั้นวินเซนต์ก็เดินมาถึงพอดี ทุกคนมองด้วยความตกใจจนวินเซนต์ถามว่าไม่อยากให้เขามารึไง? คลาวด์บอกว่าไม่ใช่แบบนั้น วินเซนต์มันเย็นชาต่อสิ่งที่เกิดขึ้น จนเขานึกว่าวินเซนต์ไม่แคร์ วินเซนต์ได้ยินจึงบอกว่าเขาคงเป็นคนเย็นชาแบบนั้นจริง ๆ ขอโทษที

ด้านเคทซิะก็เดินมาบอกว่าเขาอยากจะมาด้วยตัวเอง แต่คนในมิดการ์จับเขาไว้ ถึงร่างนี้จะเป็นเพียงของเล่น เขาก็จะพยายามเต็มที่

แบร์เร็ตจะคิดว่านี่คงมากันครบแล้ว ยุฟฟี่คงไม่มาแน่ คราวนี้แค่เธอไม่ขโมยมาเทเรียพวกเราไป ก็บุญโขแล้ว

พูดไม่ทันขาดคำ ยุฟฟี่ก็โดดลงมาจากฟ้า แล้วถามว่าพูดแบบนั้นได้ไง เธอร่วมหัวจมท้ายกับพวกเรามาถึงขั้นนี้ ทั้งที่ทนอาการเมาเรือมาตลอด

"ฉันไม่ได้ฟันฝ่าเรื่องทั้งหมดมา เพียงเพราะจะให้พวกนายได้ส่วนที่ดีที่สุดไปหรอกนะ" (เรียกการไปสู้บอสใหญ่ว่าเป็นส่วนที่ดีที่สุดเลยทีเดียว)

คลาวด์จะหันไปพูดยินดีต้อนรับอย่างอ่อนโยนจนยุฟฟี่แปลกใจ

"เหอ คลาวด์... วันนี้ดูพูดจาดีแปลก ๆ นะ ...นายป่วยรึเปล่า?"

ยังไม่ทันฟังคำตอบ ยุฟฟี่ก็บอกว่าช่างเถอะ เธอจะไปรอในที่ประจำของเธอ แล้วก็ตามด้วยเสียงอ๊วกเมาเรือออกมา

เรดเธอทีนพูดขึ้นบ้างว่าแม้เธอผู้นั้นจะไม่อยู่แล้ว แต่ก็ได้ทิ้งโอกาสไว้ให้พวกเรา ซิดเองก็บอกว่าเราจะปล่อยให้จบแบบนี้ไม่ได้

คลาวด์บอกว่าแอริธยิ้มสู้จนถึงวาระสุดท้าย แต่จะให้จบแค่รอยยิ้มนั้นไม่ได้ เราต้องทำอะไรสักอย่าง

"ไปกันเถอะทุกคน"

"ความทรงจำของแอริธ..."

"ป่านนี้เธอควรกลับคืนสู่ดวงดาวไปแล้ว แต่กลับมีอะไรบางอย่างหยุดเธอ ขัดขวางเธอไว้..."

"เราจะต้องปลดปล่อยความทรงจำของแอริธ"

ซิดจะสับคันโยกของยาน ทำให้ไฮวินด์ทิ้งชิ้นส่วนพวกใบพัดออกไป แล้วเปลี่ยนมาใช้พลังงานไอพ่น ซึ่งบินได้เร็วกว่าเดิมมากจนควบคุมแทบไม่อยู่ ทันใดนั้นพวกผู้ช่วยนักบินที่ซิดไล่กลับบ้านไปหมดแล้วก็โผล่มาช่วย พวกเขาพากันบอกว่านี่ก็คือบ้านของพวกเขา