Breaking the 4th wall - Bravely Default


หลังจากที่เมื่อเช้านี้มีการประกาศวันวางจำหน่ายของ Bravely Second ในทวีปอเมริกา มันก็ทำให้ผมนึกย้อนไปถึงความประทับใจที่ได้จากภาคแรกของเกมนี้ และหันมาถามตัวเองว่าสิ่งที่ทำให้เกมนี้พิเศษกว่าเกมอื่น ๆ สำหรับผมแล้วมันคืออะไร?

แล้วผมก็ได้คำตอบว่า ประเด็นที่ชอบที่สุดในเกมนี้ คือเนื้อหาประเภท "Breaking the 4th wall"

Breaking the 4th wall นั้น หมายถึงการที่ตัวละครในเกม/วรรณกรรมทั้งหลาย รับรู้ถึงการมีอยู่ของผู้เล่น/ผู้ชม และทำให้เรามีส่วนร่วมไปกับเนื้อเรื่องของมัน

ซึ่งจากการลองเช็คฟีดแบ็คในบอร์ดต่างประเทศดู ผมพบว่า B4W (Breaking the 4th wall) ใน Bravely Default มันไม่ได้สมบูรณ์แบบ มันมีทั้งคนที่หลงรักไปเลยแบบผม และคนที่เกลียดแบบไม่เผาผีเช่นกัน

ผมไม่รู้ว่าคนไทยที่เล่นเกมนี้ แล้วพบว่ามันใช้พล็อต B4W จะมีกันมากน้อยแค่ไหน ในต่างประเทศ คนที่เล่นแล้วไม่รู้ว่ามันใช้พล็อต B4W ก็เยอะ แต่คนที่เล่นจบปุ๊บก็สรุปได้เองทันทีก็มีมาก (ผมก็มารู้เอาตอนจบเกมรอบแรกนี่แหละ)

พูดแบบนี้แล้ว คนที่ไม่ได้เล่นเกมนี้อาจจะงง เอาเป็นว่าพล็อต B4W ของเกมภาคแรกมันเป็นแบบนี้ (ผมเขียนจากความทรงจำนะครับ ไม่ได้เช็คสคริปต์)

1. ตอนเริ่มเกมมา นางฟ้าในเกมซึ่งเป็นเผ่าพันธุ์ที่เดินทาง/สื่อสารข้ามภพได้ จะพูดคุยกับเราที่เป็นผู้เล่นโดยตรง และขอยืมพลังของเรา (ซึ่งตอนที่เราพึ่งเริ่มเกม เรายังไม่เอะใจหรอกว่าเธอกำลังคุยกับเราโดยตรง)

2. ในเกมมีการนำเสนอว่าโลกปกติของเกม (Luxendarce) นั้นมีโลกคู่ขนานอยู่มากมาย โลกคู่ขนานแต่ละใบก็คือเซฟของผู้เล่นแต่ละคน เซฟของผม เซฟของเพื่อน เซฟของทุกคน ก็เป็นโลกที่แตกต่างกันไป

3. ตัวเกมมีระบบ Abilink เป็นระบบที่ตัวละครจากโลกคู่ขนานอื่น (เซฟของเพื่อน) ส่งพลังมาเสริมให้กับกลุ่มตัวละครของเราได้ และยังมีระบบเชิญตัวละครจากเซฟของเพื่อนมาช่วยโจมตีได้

4. ท้ายเกม บอสใหญ่อุโรโบรอส บอกว่านอกจากโลกปกติแล้ว ยังมีภพนรก (Infernal Realm) ซึ่งเป็นภพที่เขาอาศัยอยู่ และเป้าหมายของเขาก็คือการรุกรานภพสวรรค์ (Celestial Realm) ซึ่งภพสวรรค์นั้นมีเพียงหนึ่งเดียว โลกคู่ขนานทั้งหมดเชื่อมไปยังสวรรค์แห่งเดียวกัน

5. อุโรโบรอสบอกว่าตัวเอกของเกม "ทิซ" มีพลังของผู้มาจากภพสวรรค์อยู่ในตัว (ช่วงกลางเรื่องก็มีตัวละครที่พูดว่าทิซมีวิญญาณอีกดวงอยู่ในร่าง)

6. ระหว่างการต่อสู้กับอุโรโบรอส พอมันพูดว่า "Behold! The Celestial Realm! I shall bring chaos and destruction upon the world of the gods!" กล้องหน้าของเครื่อง 3DS จะเปิดการทำงาน และเอาภาพใบหน้าของเราที่กำลังเล่นเกมนี้อยู่ ไปใส่เป็นแบ็คกราวด์ซ้อนทับกับจักรวาลในเกม เป็นการสื่อว่าอุโรโบรอสรับรู้ว่าผู้เล่นกำลังจับตาดูการต่อสู้นี้อยู่ และมันกำลังสื่อสารกับเราโดยตรง (เรื่องกล้องนี่ ผมมารู้หลังจากเล่นจบไปแล้ว)

7. ในฉากจบเกม ทิซ ตัวเอกจะพูดว่า "ได้เวลาคืนสิ่งที่ยืมมาแล้วสินะ" แล้วก็จะมีแสงพุ่งออกมาจากร่างของเขา ก่อนที่ทิซจะล้มหมดสติไป

8. ฉากสุดท้าย นางฟ้าที่เคยออกมาคุยกับเราตอนเริ่มเกม จะกลับมาคุยกับเราอีกครั้ง และขอบคุณที่เราให้ยืมพลัง ทำให้ใครที่ยังไม่เข้าใจ น่าจะเข้าใจแล้วว่านางสื่อสารกับเราโดยตรง และยืมพลังของเราไปให้กับทิซ เราทำ Abilink กับทิซ.... การที่อุโรโบรอสบอกว่าทิซมีพลังของผู้มาจากภพสวรรค์อยู่ในตัว (ประกอบกับเรื่องที่ปรากฏภาพใบหน้าของเราในการต่อสู้กับอุโรโบรอสตามข้อ 6) ทำให้สรุปได้ว่า Celestial Realm หรือภพสวรรค์ที่ว่า ก็คือ Real World โลกแห่งความจริงของเรานี่เอง

สำหรับภาค 2 ที่วางจำหน่ายในญี่ปุ่นไปแล้วและกำลังจะวางขายในอเมริกา จากที่มันมีการเพิ่มตัวละครใหม่ และต่อยอดพล็อตออกไปเยอะ ทำให้ตอนแรกมีการถกเถียงว่ามันจะเกิด Retcon ทำให้ภพสวรรค์ไม่ใช่โลกของพวกเราอย่างที่เข้าใจกันมาตลอดรึเปล่า? มุก B4W จะยังอยู่รึเปล่า? ที่จริงเรื่องนี้มีคำตอบที่ชัดเจนออกมาแล้วครับ แต่ผมขอไม่นำออกมาพูดละกันเพราะมันจะเป็นการสปอยล์คนที่รอภาคอเมริกาอยู่ ทว่าใครที่อยากรู้คำตอบ ก็ตามไปอ่านได้จากสารพัดลิงค์อ้างอิงด้านล่างได้เลยครับ

ใครที่เคยประทับใจกับพล็อตอันน่าทึ่งในภาคแรก, การต่อสู้กับอุโรโบรอส, เพลง The Horizon-Devouring Serpent, Hikari e Mukau Ballad, พล็อตโลกคู่ขนาน ภพนรก ภพสวรรค์ และ Breaking the 4th Wall กาปฏิทินไว้ได้เลยว่า 15 เมษายนนี้ เราจะกลับไปพบกับพวกเขาด้วยกัน

...............................

ลิงค์อ้างอิง

- ภาพประกอบเอามาจากคลิป https://goo.gl/DXmfoW

ไม่มีความคิดเห็น