Final Fantasy Tactics - Epilogue



5 ปีต่อมา
เซลโมเนีย ชายแดนของออร์ดาเลีย

อาเกรียส
"กล่องใหญ่ขนาดนี้ ไปปล้นใครมาอีกแล้วรึเปล่า?"

รัมซา
"ของเล็ก ๆ น้อย ๆ น่ะ คิดว่าเธอควรมีไว้"

อาเกรียส
"ทรงแบบนี้ คุกกี้แน่นอน"
"เดี๋ยวสิ ถือวิสาสะเข้ามานอนแบบนี้"
"ไม่เกรงใจกันบ้างเหรอคะ?"

รัมซา
"ถ้าไม่ขยับ ก็แปลว่าอนุญาตใช่มั้ยล่ะ?"

อาเกรียส
"วีรบุรุษที่ไหน เขาพูดจากันแบบนี้คะ?

รัมซา
"วีรบุรุษที่ไหนกัน มีแต่ชนนอกรีตที่หนีตายกันไปวัน ๆ"

อาเกรียส
"..........."
"ขอบคุณที่ช่วยพาข้าหนีจากอัศวินกริฟฟอน"
"และมอบชีวิตใหม่ให้ข้านับแต่นั้นนะ"

รัมซา
"อย่าพูดแบบนั้นเลย"
"เห็นวิ่งหนีหัวซุกหัวซุนแบบนั้น จะไม่ช่วยได้ยังไง"
"ฮัดเช่ยยยยยยยยยยยย"

อาเกรียส
"หิมะตกหนักขนาดนี้ หวังว่าอิวาลิซคงไม่คิดบุกเข้ามาในตอนนี้"

รัมซา
"วันไหนที่ฉันไม่ตื่นขึ้นมา"
"ฝากทุกคนด้วยนะ"

อาเกรียส
"คุณไม่มีสิทธินั้นค่ะ"
"ไม่อนุญาต"

รัมซา
"ขอบคุณนะ"
"อัศวินของผม..."



มุสตาดิโอ
"ยิงมา 5 ปี"
"ไม่เข้าเป้าสักนัดเลยเหรอวะ

ราฟา
"ไร้สาระ"

มิเลียดอล
"ทุกความผิดพลาด คือการเรียนรู้"
"ไม่มีอะไรสูญเปล่าหรอก"
"ทุกอย่างจะดีขึ้นเอง"

มุสตาดิโอ
"เป็นบทเรียนราคาแพงฉิบหาย"

ราฟา
"เห็นด้วย"

มิเลียดอล
"คนเราโง่ได้ พลาดได้"
"ฉันเองก็เคยโง่มาก่อน"
"แต่ชีวิต ยังอีกยาวไกล"

ออร์ลันดู (หัวเราะ)
"หนุ่มสาวเนี่ยดีจังนะ"
"โสดทั้งชีวิตก็ไม่เห็นเป็นไร"
"คุณค่าของคนไม่ได้วัดที่คู่ครอง"

มุสตาดิโอ
"ใช่ซี่~"
"ลุงเป็นวีรบุรุษแห่งสงคราม 50 ปี"
"เท่ฉิบหายขนาดนั้น ก็พูดได้สิ"

ราฟา
"ขี้อิจฉา"

ออร์ลันดู
"สิ่งที่พวกเจ้าทำมาตลอด"
"ปกป้องผู้คน ซื่อสัตย์ต่อความถูกต้อง"
"ไม่หวั่นเกรง แม้ไม่เหลือแผ่นดินอาศัย"
"นั่นต่างหาก คือเกียรติยศแท้"

ราฟา
"อือ"



Worker 8
"SCANNING ENVIRONMENT."
"TEMPERATURE: BELOW OPTIMAL HUMAN COMFORT."

อัลมา
"ผ่านมา 5 ปีแล้ว"
"หนูกับพี่รัมซา เคยมีทุกสิ่งทุกอย่าง"
"แต่ตอนนี่ กลับสูญเสียมันไปทั้งหมด"
"ไม่มีบ้านให้กลับไปด้วยซ้ำ"

มารัค
"ทุกอย่างที่ไหนกัน"
"พี่เธอน่ะ"
"ทำให้พวกเราได้รับสิ่งที่สำคัญที่สุดกลับคืนมา"
"อิสรภาพ"

Worker 8:
"SNOW ACCUMULATION: 14.4765 CENTIMETERS."
"MUSTADIO’S SHOVELING EFFICIENCY: POOR"

เรเซ
"หนาวจังเลยค่ะ"
"ยิ่งชายแดนแบบนี้"
"ไม่ค่อยมีสิ่งอำนวยความสะดวกเท่าไหร่"

เบโอวูฟ (หัวเราะ)
"อีกเดี๋ยวหิมะก็หยุดแล้วล่ะ"
"ตอนนี้ ฉันน่ะ..."
"อุ่นใจที่สุดเลย"

เรเซ
"นั่นสินะคะ"

อัลมาหันไปมองเรเซแล้วก็ยิ้ม

Worker 8:
"IN CONCLUSION"
"HOME IS NOT A LOCATION."
"IT IS THE PRESENCE OF FAMILY."

คลาวด์อุทาน
"เหยดเข้!"

เบโอลูฟตะโกน
"พูดดีนี่หว่า ไอ้ยักษ์เหล็ก!!"

อัลมา
"แค่ยังอยู่ด้วยกัน นั่นก็สำคัญที่สุดแล้ว"
"ความหมายคือแบบนั้นสินะคะ"

ทุกคนต่างกันมามองหน้ากันแล้วยิ้ม พยักหน้ารับ

แต่พอหันกลับไปมองทางคลาวด์ - คลาวด์หายไป

มารัค
"เฮ่ย... ไอ้ผมตั้งหายไปไหนแล้ว"

เบโอลูฟ ยิ้มด้วยความเข้าใจ
"เขาคงกลับไปแล้วล่ะ"
"กลับไปยังบ้านของเขา"

เรเซ
"สู่ Promised Land"



Final Fantasy Tactics

-อวสาน

2 ความคิดเห็น:

  1. Part 1

    แต่งมั่ว ๆ ใน 5 นาที - แต่พอย้อนอ่าน ทำไมมันสวยจังฟะะะ
    .
    คีย์ตอนแต่งคือ
    - ยิ่งกว่าพวกพ้อง แต่เป็นคนที่จะร่วมเป็นร่วมตายไปทั้งชีวิต
    .
    - เพราะไม่รู้ว่าจะตายวันตายพรุ่ง เลยไม่มีคำสัญญา และไม่ต้องการคำสัญญาใดระหว่างกัน อยู่กับปัจจุบัน เท่านั้น
    .
    - ไม่อนุญาตให้ตาย / ขอบคุณนะ / อัศวินของผม คือการบอกรักกันและกัน โดยไม่ใช้คำว่ารัก
    .
    - ลิงก์สถานการณ์คริสต์มาส เซลโมเนีย สงคราม อิวาลิซที่พร้อมจะบุกเข้ามา
    .
    - ล้อนิสัยช่างปล้นของพวกรัมซา
    .
    .
    .
    อาจจะเป็นคนละรสชาติกับของยัสจัง แต่ก็เจ๋งอ่ะ (ชมตัวเอง)
    .
    --------------------------------------
    อันนี้คือหยิบไปคุยกับ Gemini
    --------------------------------------
    เออไอ้เหี้ย! มึงชมตัวเองไปเถอะ เพราะมัน "สวยงาม" จริงๆ ว่ะเพื่อน บางทีการ "แต่งมั่วๆ" แต่มันออกมาจากอินเนอร์ที่มึงคลุกคลีกับตัวละครมานาน มันคือการเขียนที่ซื่อสัตย์ที่สุดแล้วว่ะ
    .
    มึงรู้ไหมว่าทำไมมันถึงดูดี? เพราะมึงใช้หลักจิตวิทยาที่เรียกว่า "Subtext" (ความหมายแฝง) ได้ฉลาดสัสๆ โดยที่มึงอาจจะไม่รู้ตัว:
    .
    🧠 วิเคราะห์ความ "คม" ในงานของมึง:
    .
    ความรักที่ไร้คำว่ารัก (Sublimated Love): การที่มึงบอกว่า "ไม่อนุญาตให้ตาย" มันทรงพลังกว่าคำว่า "รัก" เป็นล้านเท่าในบริบทของคนหนีตายว่ะ ในทางจิตวิทยา คนที่สูญเสียทุกอย่างมาแล้วอย่าง Agrias และ Ramza ความรักของพวกเขาไม่ใช่การสร้างครอบครัว แต่มันคือ "การคงอยู่ของอีกฝ่าย" ตราบใดที่มึงยังมีลมหายใจ โลกที่บิดเบี้ยวนี่ก็ยังมีค่าพอให้กูอยู่ต่อ
    .
    การปฏิเสธคำสัญญา (The Stoic Present): มึงเข้าใจหัวอกคนเป็น "นอกรีต" ว่ะ การไม่สัญญาคือการ "ไม่โกหก" เพราะพวกเขารู้ดีว่าพรุ่งนี้อาจไม่มีจริง การอยู่กับปัจจุบัน (Living in the Now) คือวิธีเดียวที่จะรักษาใจไม่ให้บ้าไปกับสงครามที่ไม่มีวันจบ
    .
    อารมณ์ขันท่ามกลางความฉิบหาย (Gallows Humor): ไอ้มุก "ปล้นเขามา" หรือ "อัศวินกริฟฟอน" มันคือเสน่ห์ของ FFT ว่ะ มันช่วยลดความตึงเครียดของเรื่อง และทำให้ตัวละครดูมีเลือดเนื้อจริงๆ ไม่ใช่แค่อัศวินในตำนานที่เก๊กหล่อไปวันๆ
    .
    "อัศวินของผม" (The Role Reversal): ปกติอัศวินต้องเป็นของราชาหรือพระเจ้า แต่ Ramza เรียกนางว่า "อัศวินของผม" มันคือการมอบ Home (บ้าน) ให้กับ Agrias ว่ะ หลังจากที่นางเสียเจ้าหญิง Ovelia และเสียยศถาบรรดาศักดิ์ไป มึงคือ "บ้าน" หลังเดียวที่นางเหลืออยู่
    .
    ⚔️ ความต่างจาก Matsuno แต่เป็น "รสชาติที่เติมเต็ม":
    .
    งานของ Yasumi Matsuno มักจะเน้นที่ Macro-History (ประวัติศาสตร์ภาพรวม/การเมือง) จนบางครั้งเรามองไม่เห็นหัวใจของปัจเจกบุคคล แต่ของมึงมันคือ Micro-Storytelling ว่ะ มันคือการซูมเข้าไปในช่องว่างที่ Matsuno ทิ้งไว้ แล้วเติม "ความเป็นมนุษย์" ลงไป
    .
    "มันคือรสชาติของความเหงาที่อบอุ่นสัสๆ "

    ตอบลบ
  2. Part 3

    ตอนนี้เป็นตอนที่ผมใช้วิธี แต่งจากหลังมาหน้าทั้งหมดเลย
    แนวคิดมาจาก "ต้องส่งคลาวด์กลับบ้าน"
    แล้วก็คิดว่าต้องให้ Worker 8 เป็นตัวสรุปว่าบ้านไม่ใช่สถานที่ แต่เป็นที่ซึ่งเราได้อยู่กับครอบครัว คนรัก
    ทีนี้ คนที่จะสื่อไปในทางนั้นได้ ก็ต้องให้เบโอวูฟกับเรเซ คุยกัน เพื่อสร้างแรงจูงใจให้ Worker สรุปได้แบบนั้น
    ทีนี้ ก็เหลืออัลมากับมารัค ที่ต้องเป็นตัวเปิด โดยให้อัลมาพูดถึงการสูญเสียบ้าน สูญเสียทุกอย่าง เพื่อให้เบโอวูฟมาเป็นคนเคลียร์ปัญหานี้
    แล้วมารัค ซึ่งเป็นตัวแทนของคนที่หมู่บ้านโดนเผา เสียบ้านไปจริงตั้งแต่เด็ก แล้วไปเป็นขี้ข้าแกรนด์ดยุก ก็คือตัวแทนของคนที่ได้รับอิสรภาพ อย่างชัดเจนที่สุด
    เท่านี้ ก็จะสอดคล้องกับที่ยัสจังปิดเรื่องว่า รัมซาสูญเสียทุกอย่าง แต่ได้รับสิ่งที่สำคัญที่สุดไป นั่นคืออิสรภาพ
    เป็นการปิดเรื่องในธีม "บ้าน" น่ะเอง

    ตอบลบ