บันทึกความประทับใจจาก Last Mission : FFX-2


ตัวผมเองพึ่งจะเล่น Last Mission ซึ่งเป็นเนื้อหาหนึ่งใน FFX l X-2 HD Remaster จบมาหมาดๆ เมื่อคืนนี้ อันที่จริงก็เคยเล่นเนื้อหาส่วนนี้ในเวอร์ชั่นญี่ปุ่นจบไปเมื่อ 10 ปีที่แล้ว แต่ก็แทบจำความรู้สึกที่มีต่อเนื้อหาส่วนนี้เมื่อ 10 ปีก่อนไม่ได้แล้วแหละ

โชคดี ที่ผมเป็นมนุษย์ช่างจดช่างบันทึก เลยสามารถไปหยิบสมุดที่บรรทุกความรู้สึกในการเล่นเกมเมื่อ 10 ปีก่อนมาเปิดหาดูได้ว่าตัวเองรู้สึกอย่างไร และสามารถไปเปิดกระทู้เก่าๆ จากหลายเว็บบอร์ด ที่ตัวเองเคยเซฟไว้ มาเปรียบเทียบความรู้สึกในวันนี้กับความรู้สึกในวันนั้นได้

เนื้อหาของ Last Mission นั้น เข้าใจได้ง่ายๆ เลยคือ "งานเลี้ยงรุ่นของเพื่อนมัธยม" หมายถึงกลุ่มยูริพา ที่แยกจากกันไปแล้ว ได้กลับมาผจญภัยสั้นๆ ร่วมกันอีกครั้ง ซึ่งด้วยความที่ 3 สาวมีนิสัยแตกต่างกันมากตั้งแต่แรก แถมยังมีการเติบโตและเปลี่ยนแปลงไปบ้าง จากที่เคยเข้ากันได้ดีก็จึงอาจมีการกระทบกระทั่ง ทะเลาะกันบ้าง แต่นั่นก็คือเรื่องปกติของการเป็นเพื่อนพ้องกัน เมื่อการเดินทางสิ้นสุดลง ก็เหมือนงานเลี้ยงที่เลิกราลง แต่จะยังคงฝากความประทับใจ เป็นความทรงจำดีๆ ที่จะสลักอยู่ในใจของทั้ง 3 ต่อไป

ผมคงไม่อธิบายถึงระบบของเกมนี้ เพราะนี่ไม่ใช่รีวิวเกม... แต่ขอพูดสั้นๆ ว่าใน Last Mission นี้เราจะต้องเลือกอาชีพหลักขึ้นมา 1 อาชีพ และอาชีพรอง 4 อาชีพ สเตตัสโดยรวมของตัวละครจะมีค่าเท่ากับสเตตัสของทั้ง 5 อาชีพดังกล่าวรวมกัน เราจะใช้แอ็คชั่นอบิลิตี้ของ 5 อาชีพที่เลือกไว้ได้ และจะได้ออโต้อบิลิตี้พิเศษ หากเราเลือกติดตั้งอาชีพที่เข้ากันได้ไว้ด้วยกัน เช่นถ้าติดตั้งทั้ง White Mage และ Black Mage ไว้ ก็จะได้อบิลิตี้ MP Regen

คอนเซปต์แบบนี้ ฟังดูแล้วก็น่าสนใจ เราจะได้สนุกกับการเลือก 5 อาชีพมาคอมโบสเตตัส คอมโบอบิลตี้กัน ผมสนุกมากเลยกับการทดลองผสมผสานหลายๆ รูปแบบเข้าด้วยกัน แล้วค้นพบรูปแบบการเล่นใหม่ๆ ขึ้นมาเรื่อยๆ

ทว่าความรู้สึกสนุกนั้น มันก็เกิดขึ้นเฉพาะช่วงแรกๆ ของการตะลุย Last Mission เท่านั้น เพราะเมื่อเล่นไปเรื่อยๆ ก็จะพบว่าหอคอยทุกชั้นมันใช้อาร์ทเวิร์คแบบเดียวกันหมด วิ่งไปทางไหนก็เจอแต่ภาพแบบเดิมๆ ศัตรูแบบเดิมๆ ที่มีรูปแบบการโจมตีไม่กี่แบบ

ตัวศัตรูส่วนใหญ่ก็โจมตีเบาหวิว ไม่สามารถเอาชีวิตเราได้ ....จะมีพวกตัวโหดๆ ก็คือพวกที่ใช้เวทย์คำสาปนับถอยหลังใส่เรา ซึ่งก็โหดเกิ๊น พอเล่นๆ ไปจนถึงชั้น 30 ก็เลยเริ่มรู้สึกเบื่อ รู้สึกเหมือนทุกอย่างมันซ้ำซากจำเจ แล้วก็แบกความรู้สึกเบื่อนั้นไปจนจบเกม

การเล่นคราวนี้ผมจบเกมด้วยเลเวล 46 ใช้อาชีพหลักคือมือปืนเวทมนต์เลเวล 23 และตามมาด้วยเบอร์เซิร์คเกอร์ ดาร์คไนท์ ที่เลเวลประมาณ 15 นอกนั้นก็มีอาชีพสำรองอย่างมาสค็อต จอมเวทย์ขาว จอมเวทย์ดำ และอัลเคมิส ที่เลเวลแค่ 5

ผมลองเปิดเทียบกับบันทึกการเล่นเมื่อ 10 ปีก่อน พบว่าสมัย 10 ปีก่อน ตอนอยู่มัธยมปลาย ผมเล่น Last Mission แบบสปีดรัน กล่าวคืออยากรู้อยากเห็นว่าตอนจบมันจะเป็นยังไง เลยรีบเล่นให้เร็วที่สุด ไม่ได้พยายามที่จะเรียนรู้ระบบใดๆ แต่ใช้ความสามารถเฉพาะตัวเอาตัวรอดไปเรื่อยๆ ตอนนั้นผมจบเกมด้วยเลเวล 48 ซึ่งเป็นเลเวลที่ไม่สูงแต่ก็ไม่ต่ำ.... แต่ที่เด็ดคือ สมัยนั้นผมไต่หอคอยไปถึงชั้น 35 ผมถึงจะค้นพบวิธีอัพเลเวลให้กับอาชีพต่างๆ.... จากนั้นก็คลานอย่างทุลักทุเลไปจนถึงชั้นบนสุด เนื่องจากไม่ได้อัพเลเวลอาชีพมาให้ดีตั้งแต่แรก

สำหรับบอสใหญ่ของ Last Mission ก็คือเมเยอร์นิวเมอรัส ซึ่งผมจำได้ดีว่าเมื่อ 10 ปีก่อนผมเคยใช้วิธีสู้อย่างไร ดังนั้น ในการสู้ครั้งล่าสุดนี้ผมก็ยังคงใช้วิธีสู้แบบเดิมๆ อีกครั้ง

ตัวเมเยอร์นิวเมอรัสใน Last Mission นี้ ถือว่ากระจอกมาก และเทียบไม่ได้เลยกับ Major Numerous ที่ปรากฏในเนื้อหาของ X-2 ที่ว่ากระจอกก็เพราะพลังโจมตีของมันเบาดุจปุยนุ่นมาก ถึงเล่นแบบสปีดรันมาเจอมัน มันก็ฆ่าเราไม่ได้ง่ายๆ ได้แต่รอเวลาที่เราจะกระซวกมันตายเท่านั้น

แต่ถึงกระนั้น มันก็มีจุดที่กวนใจผู้เล่นอย่างเราๆ อยู่คือ ท่าโจมตีของมันมีโอกาสทำให้เราติดสภาวะ Confuse 20%.... พอยูน่าของผมติดสภาพเมากาวแล้ว ก็จะเกิดอาการอยากโชว์ของดี ว่าแล้วเจ๊แกก็ถอดเดรสสเฟียร์ที่ติดตั้งไว้ออกมาขว้างทิ้งเป็นว่าเล่น (F****K~!!) แถมเอาไพ่ตายก้นหีบอย่าง Elixir มากระดกเล่นให้เสียของ (คงจะอัดอั้นที่ไม่เคยได้กินสักที) กว่าจะได้สติอีกที ก็สิ้นเนื้อประดาตัว แทบไม่เหลืออะไรแล้ว

โชคดีที่ระหว่างเจ๊แกติดสภาวะเมากาวอยู่นั้น เจ๊ก็ยังอุตส่าห์เดินมั่วๆ ไปเก็บชุดมือปืนเวทมนต์และมาสค็อตกลับขึ้นมาได้ ผมจึงเริ่มสู้กับเมเยอร์นิวเมอรัสในร่างสุดท้าย ด้วยสภาพที่มีอาชีพติดตั้งไว้แค่ 2 อาชีพ สเตตัสโดยรวมจึงตกลงอย่างมาก อีกทั้งไอเทมฟื้นพลังทั้งหลายก็โดนเจ๊แกกระดกเล่นไปหมดตั้งแต่ตอนเมากาวแล้ว

แต่เพียง 2 อาชีพที่ว่ามานั้น ก็เพียงพอที่จะทำให้เราสามารถกำจัดเมเยอร์นิวเมอรัสลงได้ อย่างไม่ยากนัก

ที่สุดแล้ว หลังผ่านเมเยอร์นิวเมอรัสมาเห็นฉากจบของ Last Mission ได้ พูดกันตามตรงว่าเนื้อหามันไม่มีอะไรเลย... ที่ชั้นบนสุดของหอคอยก็ไม่เจออะไร มีแค่วิวให้ดู ทว่าผมว่าตัวผมเองก็ได้รับในสิ่งที่ไพน์ต้องการจะสื่อกับเพื่อนๆ และคงเป็นสิ่งที่ผู้กำกับต้องการจะสื่อกับผู้เล่น นั่นคืออยากให้เราได้เห็นคุณค่าของความทรงจำ ในช่วงเวลาที่เรายังได้ใช้ชีวิตคลุกคลีอยู่กับเพื่อนแท้ของเราทุกวัน

CGI ฉากจบเกมซึ้งๆ ถูกเปิดขึ้นโดยมีเพลง Kimi e ของคุณอาโอกิร้องประกอบ เป็น CGI ที่ระลึกถึงเหตุการณ์ทั้งหมดในการผจญภัยที่ผ่านมา ราวกับจะบอกเราว่า ยูน่าจะเก็บเรื่องราวเหล่านี้เป็นความทรงจำดีๆ ในใจของเธอตลอดไป และหวังว่าผู้เล่นอย่างเราๆ ก็จะเก็บช่วงเวลาดีๆ ที่เราเคยมีความสุขกับเกมนี้ ไว้ในใจของเราด้วยเช่นกัน

ไม่มีความคิดเห็น