บทสัมภาษณ์ในโอกาสครบรอบ 27 ปี FF ซากากุจิเผยนิยาม FF ในความคิดของตน

จากนิตยสารแฟมิซือฉบับครบรอบ 27 ปี ทางแฟมิซือได้ลงบทสัมภาษณ์คุณฮิโรโนบุ ซากากุจิ และคุณโยชิโนริ คิตาเสะเอาไว้ ซึ่งแม้ตอนนี้ทั้งสองจะอยู่คนละค่ายกัน แต่แฟนที่ติดตามข่าวอย่างต่อเนื่องย่อมพอรู้ว่าทั้งสองยังคงติดต่อกันและมีไปกินเลี้ยงกันบ้างเป็นครั้งคราว ทางแฟมิซือจึงได้เชิญทั้งสองมานั่งสัมภาษณ์ถึงประวัติการสร้าง Final Fantasy ของทั้งคู่อย่างพร้อมเพรียงกัน

คุณคิตาเสะ เริ่มจากการเล่าก่อนว่าเขาได้เข้าร่วม Square ในปี 1990 ตอนนั้นได้ทำ Seiken Densetsu ให้ Gameboy แล้วก็ทำ Romancing Saga ก่อนจะได้มาร่วมมือกับคุณซากากุจิทำ FFV สมัยนั้นเขากับซากากุจิต่างก็แข่งกันว่าใครจะสามารถคิดอีเวนต์ให้ FFV ได้เด็ดกว่ากัน

คุณคิตาเสะยังบอกอีกว่าตอนสร้าง Seiken Densetsu นั้นเขาเจอปัญหาเยอะ แล้วก็บ่นเป็นหมีกินผึ้งไปตลอดการสร้าง กระทั่งคุณซากากุจิ แผดเสียงว๊ากเขาว่าให้หยุดโทษคนอื่น แล้วตั้งใจทำงานให้เสร็จไป เหตุการณ์นั้นเป็นบทเรียนที่ดี ซึ่งได้เปลี่ยนให้คุณคิตาเสะ เป็นคุณคิตาเสะที่เราเห็นกันเรื่อยมาจนทุกวันนี้

ด้านซากากุจิก็พูดขึ้นบ้างว่า คุณคิตาเสะนั้นเป็นคนมุ่งมั่นทำงานดีมาก แต่ก่อนคุณคิตาเสะ ยังเคยขอให้คุณนาริตะ (โปรแกรมเมอร์) ช่วยเขาสร้างเหตุการณ์แผ่นดินถล่มขึ้นมาให้ได้ ซึ่ง Dev Tool ของทางค่ายในสมัยนั้นมันยังทำฉากแบบนั้นไม่ได้ ตอนที่คุณซากากุจิ ได้เห็นฉากแผ่นดินถล่มนั้นก็ประทับใจมาก ถึงกับชมว่า “ทำได้ไงฟะ? โคตรอัจฉริยะอ่ะ” แต่พอคุณคิตาเสะเฉลยว่าก็ขอให้คุณนาริตะช่วยกันทำน่ะแหละ คุณซากากุจิก็หัวเราะแล้วหาว่าคุณคิตาเสะขี้โกงนี่หว่า

คิตาเสะเสริมว่าสมัยนั้นทั้งสองทำงานแบบผลัดเวรกัน พอคนนึงหยุดทำ แล้วอีกคนมาทำต่อ ก็ต้องพยายามสร้างอีเวนต์ให้มันสอดคล้องต่อเนื่องกัน เวลาได้ดูสิ่งที่คุณซากากุจิสร้างขึ้นมา คุณคิตาเสะก็จะคิดว่า “ฉันต้องเอาชนะให้ได้!” แล้วทั้งสองก็เลยแข่งกันสร้างงานในรูปแบบนั้น

คุณซากากุจิ ยังพูดอีกว่าคุณคิตาเสะนั้นมีดีด้านการสร้างอีเวนต์เจ๋ง ๆ อย่างเช่นฉากแผ่นดินถล่ม คุณซากากุจิเชื่อว่าเขาคงสู้ด้านนั้นไม่ได้ เลยไปเอาดีด้านการสร้างฉาก “เรียกน้ำตา” คือใช้การทำให้ผู้เล่นน้ำตาร่วงเนี่ยแหละเป็นไพ่ตาย

ฝั่งคุณคิตาเสะบอกว่าตัวเขานั้นใส่ใจกับการกระบวนการทางเทคนิค เพื่อสร้างสิ่งที่ตระการตา แต่คุณซากากุจินั้นใส่ใจกับการกระทำของตัวละคร ดราม่าของมนุษย์ เรื่องดราม่าทั้งนั้ FFV และ VI นี่จึงต้องยกให้คุณซากากุจิเป็นคนคิดเลย

การที่คุณคิตาเสะ ซึ่งสมัยนั้นเป็นเพียงสมาชิกใหม่ของทีม ขณะที่คุณซากากุจิเป็นถึงผู้กำกับเกม แต่คุณคิตาเสะกลับหาญกล้าที่จะประชันด้วยนั้น เป็นสิ่งที่ทำให้พรสวรรค์ของคุณคิตาเสะเฉิดฉายออกมาเตะตาเพื่อน ๆ คุณคิตาเสะนั้นไม่ใช่คนที่จะทำงานที่ได้รับมอบหมายให้แค่เสร็จ แต่จะทุ่มสุดตัวให้กับมัน ทำให้เขาสามารถสร้างสิ่งใหม่ ๆ ขึ้นมาได้ และนั่นคือสิ่งที่คุณซากากุจิชื่นชม และแม้ว่าคุณซากากุจิจะเป็นคนสร้าง FF ขึ้นมา แต่คุณคิตาเสะก็เป็นผู้สืบทอดที่ยอดเยี่ยม

คุณซากากุจิยังพูดอีกว่าที่จริงคิตาเสะไม่ใช่เพียงผู้สืบทอดงานของเขา แต่เขารู้สึกว่าคิตาเสะกับเขานั้นผูกพันกันทางสายเลือด จากนั้นเขาก็นึกได้ว่าครั้งหนึ่งเขาเคยได้รับอีเมลจากคิตาเสะ ซึ่งส่งมาถามว่า “Final Fantasy คืออะไรกันแน่?”

คิตาเสะหันมาพูดบ้างว่าตอนที่เขาส่งเมลไปถามนั้นคือตอนสร้าง FFXIII ตอนนั้นทีมงานจะมีการประชุมใหญ่ทุกเดือนเพื่อรายงานว่าแต่ละฝ่ายทำงานกันไปถึงไหนแล้ว ซึ่งช่วงที่คุณคิตาเสะเอาเมลของคุณซากากุจิไปถ่ายทอด ทีมงานก็ฮากระจายกันมาก คุณซากากุจิก็ขำแล้วบอกว่าตอนนั้นเขาตั้งใจเขียนอย่างซีเรียสเลยนะ!

คุณคิตาเสะขออธิบายความเป็นมาของเรื่องอีเมลที่ว่านั้นตั้งแต่แรกว่า ครั้งหนึ่งสมัยทำ FFXIII คุณคิตาเสะเคยคุยกับคุณโทริยามะว่า FF คืออะไรกันแน่? คุณโทริยามะบอกว่าต้องดู Disney เป็นแบบอย่าง อนิเมเตอร์ที่ประสบความสำเร็จได้นั้นมักจะสร้างงานตามแนวทางที่วอลท์ ดิสนีย์ได้กล่าวเอาไว้ ดังนั้นสำหรับ FF แล้วก็น่าจะทำตามแนวทางของคุณซากากุจิ ทว่าภายในทีม FFXIII นั้นดันมีเพียงไม่กี่คนที่เคยทำงานกับคุณซากากุจิ เมื่อโทริยามะแนะนำแบบนี้ คิตาเสะเลยนัดคุณซากากุจิไปทานข้าวเพื่อหาคำตอบ

ถึงตรงนี้ ฝั่งคุณซากากุจิก็เล่าต่อว่า... พอคิตาเสะนัดไปข้าวด้วยกันแล้ว วันนั้นเขาเมามาก ไอ้ที่ตอบไปก็เลยไม่ได้มีสาระเท่าไหร่ ตอนนั้นคิดอะไรออกก็ตอบ ๆ ไป วันถัดมาเขารู้สึกผิด ก็เลยตั้งใจเรียบเรียงคำตอบขึ้นใหม่อย่างจริงจัง แล้วพิมพ์ส่งทางอีเมลไป ซึ่งตอนนั้นคุณซากากุจิพิมพ์ไปว่า “คำตอบของคำถามที่ว่า FF คืออะไร นั่นก็คือ เส้นทางที่ไม่มีใครเคยทิ้งรอยเท้า สิ่งที่ถูกก้าวข้ามไปโดยผู้คนที่มีชีวิตอยู่อย่างสุดหัวใจ และสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อทุกคนมาถึงเป้าหมายเดียวกันในท้ายที่สุด” คุณซากากุจิเสริมว่าสิ่งที่เขาต้องการสื่อก็คือเกมที่ทุกคนมุ่งมั่นที่จะบรรลุสิ่งใหม่ ๆ นี่คืออนาคตที่ซีรีส์นี้ควรจะเป็น 

ฝั่งคุณคิตาเสะนึกขึ้นได้พอดีว่าก่อนหน้านั้น เขาเคยพูดกับเท็ตสึ (หมายถึงคุณโนมุระ) ว่าเขาไม่เคยถามคุณซากากุจิมาก่อนเลยว่า FF คืออะไร เท็ตสึก็เล่าให้ฟังว่าคุณซากากุจิเคยบอกเขามาก่อนว่าตราบใดที่มีตัวอักษรปรากฏบนกล่องข้อความสีน้ำเงิน นั่นก็เป็น FF แล้ว

คุณซากากุจิได้ยินแล้วก็บอกว่าประโยคที่พูดนั่นมันถูกเอาไปตีความผิด ๆ กันมาก ที่จริงแล้วมันมีความหมายลึกซึ้งกว่านั้นซึ่งเท็ตสึน่ะเข้าใจว่าคุณซากากุจิต้องการสื่ออะไร ที่จริงแล้วประโยคนี้เขาพูดขึ้นมาตอนสร้าง FFV ตอนนั้นเขาและคิตาเสะพยายามจะเปลี่ยนแปลง FF ด้วยไอเดียใหม่ ๆ ตอนแรกก็นึกอะไรกันไม่ออก แต่ก็รวมพลังช่วยกันระดมความคิดขึ้นมาใหม่ พยายามเปลี่ยนแปลงมันทุก ๆ อย่าง ดังนั้นเขาจึงพูดว่าตราบใดที่ตัวอักษรยังปรากฏบนกล่องข้อความสีน้ำเงิน เราจะทำยังไงก็ได้ตามใจต้องการ นั่นคือคำแนะนำของเขาในวันนั้น

คุณคิตาเสะยังบอกอีกว่าทีมงานที่สร้าง FF หลายภาค บางครั้งก็รวบรวมองค์ประกอบต่าง ๆ ในซีรีส์มาช่วยกันวิเคราะห์ว่าสิ่งใดที่สร้างรสชาติความเป็น FF ขึ้นมา มันก็อาจจะจำเป็นเหมือนกัน แต่ส่วนตัวคุณคิตาเสะคิดว่าพวกเขาไม่ควรยึดติดกับอดีตของซีรีส์ แต่ควรก้าวไปข้างหน้าอย่างอิสระมากกว่า

จากนั้นคุณคิตาเสะก็โชว์งานใหม่ของเขา Mevius Final Fantasy บน iPhone และ Nexus 5 คุณคิตาเสะบอกว่าใน iOS8 ตัวล่าสุด มันใช้กราฟฟิก API ที่เรียกว่าเมทัล ในภาคนี้แม้ว่าผู้เล่นจะจิ้มเลือกจากแผนที่ได้เลยว่าจะวาร์ปไปไหน แต่การสำรวจฉาก การวางกลยุทธในการต่อสู้ และระบบเลเวลจะเดินรอยตามวิถีแห่ง FF และเนื่องจากคุณโนจิมะเป็นคนเขียนบท มีเนื้อเรื่องอันซับซ้อนซึ่งกลั่นกรองมาอย่างดี ดังนั้นเนื้อเรื่องมันย่อมเทียบเคียงได้กับภาคหลักเลย เขาตั้งใจว่าจะปล่อยเกมนี้ออกมาได้ในช่วงฤดูใบไม้ผลิปี 2015

คุณซากากุจิพูดอีกว่าเกมมันควรจะมีคิวโตเรียลด้วย และติวโตเรียลไม่ใช่คู่มือเกม ฉะนั้นในติวโตเรียลเองก็ต้องเล่นสนุกด้วย และแนะนำอีกว่าเส้นบรรทัดมันแคบไป (เตี้ยไป) ควรจะให้มันกว้างขึ้นกว่านี้ 2 จุด จะทำให้อ่านข้อความในเกมได้ง่ายขึ้น ควรทำให้ซูมมุมกล้องได้ และใส่พระจันทร์ลงไปให้มองเห็นได้จากเวิลด์แมพด้วย

จากนั้นคุณคิตาเสะก็โชว์ระบบอบิลิตี้ ระบบจ็อบของเกม ซึ่งพอเปลี่ยนจ็อบแล้ว ค่าพลังต่าง ๆ ก็จะเปลี่ยนตาม และคนออกแบบภาพต่าง ๆ ก็คือคุณอิตาฮานะ นอกจากนี้นี่ยังเป็นเกมมือถือที่ใช้ทีมงานมากกว่าเกมอื่น ๆ และงานเกือบทั้งหมดก็ทำกันในค่าย ด้วยสมาชิกที่มีประสบการณ์ทำ FF มาหลายภาค แต่ก็มีงานออกแบบและงานกราฟฟิกบางส่วนที่เอาท์ซอสเหมือนกัน

ทางแฟมิซือหันไปถามคุณคิตาเสะว่าทำไมถึงตัดสินใจทำ FF แบบจัดเต็มภาคนี้ให้กับมือถือล่ะ? คุณคิตาเสะก็บอกว่าแม้เราจะสามารถทำเกมระดับคอนโซลให้กับมือถือได้แล้ว แต่ก็ยังไม่เคยทำมาก่อน เขาเลยอยากสร้างมันขึ้นมาสักภาค และอีกเหตุผลก็เพราะคนเล่นเกมสมัยนี้ใช้เวลาเล่นเกมเกือบทั้งหมดกับการเล่นเกมบนมือถือเนี่ยแหละ

ฝั่งคุณซากากุจิก็เสริมขึ้นว่า เราได้มาถึงยุคใหม่ ยุคที่มือถือเริ่มจะมอบประสบการณ์การเล่นเกมอันน่าพึงพอใจให้กับผู้เล่นได้

กลับมาทางคุณคิตาเสะ ก็บอกว่าภาคนี้จะมีนักรบแห่งแสงเป็นธีม และจะเกี่ยวข้องกับเกมภาคแรกด้วย มันไม่ได้เป็นการรีเมคภาคแรก แต่เป็นเนื้อเรื่องใหม่ คุณซากากุจิก็แนะนำว่าอยากให้ออกแบบตัวละครให้มันใกล้เคียงกับสไตล์ของคุณอามาโนะ มันจะทำให้ผู้เล่นรู้สึกได้ว่านี่แหละ FF

คุณคิตาเสะบอกว่าพวกหน้าตาตัวละครนี่คงเปลี่ยนไม่ได้แล้ว แต่เขามีเตรียมเกราะของนักรบแห่งแสงซึ่งเหมือนสไตล์ของอามาโนะไว้ แล้วเขาจะเอาไปคิดว่าจะทำอะไรได้อีก

สุดท้ายคุณซากากุจิก็บอกว่าคุณคิตาเสะเป็นคนที่นำพา FF มาจนถึงทุกวันนี้ เขาเลยมีเรื่องที่อยากพูดมากมาย แล้วไว้มาคุยกันใหม่ คุณคิตาเสะเองก็ยินดีและหวังว่าจะได้รับคำแนะนำจากคุณซากากุจิ พร้อมทั้งความร่วมมือจากคุณซากากุจิอีกในอนาคต

ไม่มีความคิดเห็น