Based on a True story? Final Fantasy XIV : Daddy of Light


Based on a True story?

ช่วงนี้ได้ยินคำนี้บ่อย เลยนึกถึงประเด็นนึงที่ติดค้างมาตั้งแต่ช่วงปลายกันยายนที่หนัง Final Fantasy XIV : Daddy of Light, Hikari no Otou-san หรือ Brave Father Online -Our story of Final Fantasy XIV- เข้าฉาย

เลยอยากพูดสั้น ๆ ถึงความแตกต่างในตอนที่อาคิโอะเปิดเผยให้พ่อตัวเองรู้ว่า ไมดี้ซังที่เล่นเกมกับพ่อทุกวันมานานนับเดือน คือตัวเขาเอง

----------------------------------------------------------
Spoiler Alert มีการเปิดเผยเนื้อหาสำคัญของภาพยนตร์
----------------------------------------------------------

1. ในเวอร์ชั่นเรื่องที่เจ้าของเรื่องเขียนลงใน Blog - หลังปราบทวินทาเนียได้ เขาก็บอกก็สารภาพบอกไปว่าเขาเป็นลูกของพ่อเอง แต่ข้อความตอนนั้นมันไหลไวมาก พ่อเขาอ่านไม่ทัน แต่เขาเข้าใจผิดว่าพ่ออ่านไปแล้ว และยังเรียกเขาว่าไมดี้ซังอยู่

ในขณะนั้นเขาเลยสรุปไปเองว่า แม้จะเป็นพ่อ-ลูกกันในชีวิตจริง แต่ในเกม เราต่างก็คือไมดี้ซัง และอินดี้ซัง เป็นอีกตัวตนหนึ่ง แล้วก็ให้เรียกกันแบบนั้นไป ไม่ต้องแสดงออกว่าเป็นพ่อลูกกัน

แต่พอออกเกม แล้วเดินมาคุยกับพ่อ... ปรากฏว่าถึงได้รู้ว่าเมื่อกี้พ่ออ่านข้อความที่เขาสารภาพไม่ทัน เลยต้องเล่าอธิบายกันใหม่ พอพ่อทราบความจริงแล้วค่อยอึ้งไป


2. ในเวอร์ชั่น TV Series - หลังปราบทวินทาเนียได้ เมื่ออาคิโอะสารภาพความจริงกับพ่อ แต่อาคิโอะพูดไม่ชัดเจน พ่อก็เลยงง ๆ ว่าคนที่ไมดี้ซังเรียกว่าพ่อ หมายถึงใครกันนะ แล้วก็ทำเป็นมองหา... อาคิโอะก็มองว่าพ่อนี่ซื่อจังเลย....

แต่ไม่นาน พ่อที่นั่งกดเกมอยู่ด้านล่างของบ้าน ก็ปะชะวิ๊งขึ้นมาได้เองว่าไมดี้ซัง ก็คืออาคิโอะ และพ่อที่ว่าก็คือตัวเขาเอง... แล้วก็แหงนมองขึ้นไปด้านบนที่เป็นห้องของอาคิโอะ


3. ในเวอร์ชั่นภาพยนตร์ - ผมดูไปรอบเดียว จำได้ราว ๆ ว่าพออาคิโอะสารภาพความจริงกับพ่อแล้ว พ่อที่นั่งปวดทรมานเพราะโรคร้ายอยู่ก็เก็ตในทันที พ่อไม่ได้นั่งมึนแบบเวอร์ชั่น 1,2 แล้วทั้งสองก็ซึ้งดราม่าน้ำตาไหล ประเทประทังความทรงจำในอดีตขึ้นมา จนพ่อบอกว่าสัญญาในวัยเด็กที่ว่าจะไปตีบอสด้วยกัน ในที่สุดก็ fulfill แล้วนะ...


ความจริงของเรื่องนี้ เป็นอย่างไรเราก็คงไม่อาจจะทราบได้เนอะ

กระทั่งในเวอร์ชั่นที่เจ้าของเรื่องเล่าลง Blog เอง ผมก็คิดว่าเขาคงมีแต่งเติมอะไรลงไปบ้าง เพื่อให้เรื่องมันมีสีสันน่าสนใจขึ้น

พอเรื่องราวใน Blog ถูกทำเป็น TV Series ...เนื้อหาก็ค่อย ๆ เปลี่ยนไปเรื่อย ๆ ให้มีความบันเทิงขึ้น เหมาะกับการนำเสนอคนหมู่มาก และเหมาะกับโลกธุรกิจมากขึ้น

พอแปลงร่างมาเป็นภาพยนตร์ คนที่ได้เห็นเรื่องนี้เวอร์ชั่น Blog และ TV Series มาก่อน ก็คงคิดเปรียบเทียบความแตกต่างทั้งทางด้านเนื้อหา การเล่าเรื่อง การกำกับ ฯลฯ และเห็นพ้องต้องกันว่าเวอร์ชั่นภาพยนตร์นี้บิวด์เรื่องราวให้ดราม่า น้ำหูน้ำตาไหลที่สุด แม้ว่าเราจะรู้ทั้งรู้ ว่ามันเกิดจากการดัดแปลงเรื่องจริง ให้ไกลห่างความจริงออกไปเรื่อย ๆ ก็เหอะ



ส่วนตัวแล้ว ผมชอบเวอร์ชั่น TV Series ที่สุดนะ ละครมันถูกทำมาให้เล่นกับการทิ้งช่วงของเวลา 7 วันในแต่ละตอน แล้วก็ค่อย ๆ บิ้วด์ความสัมพันธ์ ให้คนดูกับตัวละครค่อย ๆ ผูกพันกันไปอย่างช้า ๆ เป็นธรรมชาติ พอผ่านไป 7 วันเราได้ดูละครตอนใหม่ เราก็จะได้เห็น Progress ในการเล่นของตัวพ่อในอีก 7 วันถัดมาพอดี มันให้ความรู้สึกราวกับว่าระหว่าง 7 วันนั้นพ่อก็มีชีวิตอยู่ในที่ใดที่หนึ่งของโลก แล้วก็กำลังนั่งเล่นเกมนี้อยู่แหละ (แน่นอนว่าคนที่มาดูทีหลัง แล้วดูบน Netflix รวดเดียว 7 ตอน ก็อาจจะเสียอรรถรสในส่วนนี้ไป)

แน่นอน เขียนแบบนี้ ก็จะต้องมีคนบอกว่าเวอร์ชั่นภาพยนตร์ต่างหากที่ดีที่สุด 5555 ซึ่งผมก็ไม่แย้ง เพียงแต่ว่าผมถูกจริตกับเวอร์ชั่น TV Series มากที่สุดแหละครับ

ไม่มีความคิดเห็น