รีวิว Biohazard 4 จากพี่ ray ในปี 2005


ขโมยรีวิวจากพี่เรย์มา

อ่านแล้ว Nostalgia โคตร ๆ

------------------------------------

หลายคนได้เห็นข้อมูลแรกของเกมภาค 4 คำถามที่เกิดขึ้นแทบจะทุกคนก็คือ มันเรียกว่า Biohazard ได้ยังไง ไปเมื่อไม่มี Umbrella ไม่มีซอมบี้ บวกกับรูปแบบการเล่นที่แทบจะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง แต่บทรีวิวอันนี้จะเป็นตัวบอกว่า ทำไมเกม นี้จึงถูกเรียกว่า Biohazard อยู่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ

สิ่งแรกที่อยากจะพูดถึง ก็คือระบบการเล่นเกม ที่เปลี่ยนรูปแบบกราฟฟิคไปเป็นแบบ Full 3D (Code Veronica เคยใช้มา ก่อน แต่ไม่เต็มพิกัดขนาดนี้ ไม่ว่าจะหาการเล่น จากเนื้อเรื่อง ทุกสิ่งทุกอย่าง ถูกเล่าผ่านกราฟฟิตขณะเล่นจริงทั้งหมด มุมกล้อง ถูกเปลี่ยนมาวิ่งตามหลังตัวละคร จากที่ทราบข้อมูลกันมาก่อนแล้ว ระบบภาพ กำหนดกรอบเป็น wide Screen ปลอม (นั่นคือขึ้นขอบบน-ล่างเป็นสีดำ เพื่อให้ภาพได้สัดส่วน 16:9) จากเหตุผลที่ผู้รู้คงจะดูออกว่าเพื่อ ต้องการรักษา Framerate ของเกม ดังนั้นหากเล่นบนจอ Wide Screen เราก็ยังเห็นชอบบนจะอยู่ดี (เป็น Letter Box). มีการใส่ปุ่ม Interactive ที่ทำให้เราสามารถทำแอคชั่นได้หลากหลายด้วยปุ่ม A เพียงปุ่มเดียว, การควบคุมทิศทางแล้ว ละครยังใช้รูปแบบเดิมของซีรีส์ Biohazard (Tank Control) แต่เนื่องจากมุมกล้องที่เปลี่ยนไป ทำให้การควบคุมเกมง่าย ขึ้นมาจนไม่เป็นปัญหาอีกเลย สำหรับนักเล่นหน้าใหม่ การเซฟในเกม ไม่จำเป็นต้องใช้หมึกพิมพ์อีกต่อไป และสามารถ เชฟได้ไม่จํากัดจํานวน ตัวเกมถูกแบ่งออกเป็น Chapter โดยเมื่อผู้เล่นเล่นถึงจุดๆนึง เกมจะทำการตัดจบ, Chapter และ มีการให้เลือกเซฟระหว่างนั้น มีทั้งหมด 5 Chapter และ Chapter มี 4 ตอนย่อย), ระบบเก็บของแบบใหม่ที่ผู้เล่น สามารถเก็บไอเทมได้เยอะมากๆ และจะเพิ่มช่องเก็บไอเทมเพิ่มขึ้นได้เรื่อยๆ ถ้าซื้อช่องเก็บของมาเพิ่มทีหลัง) สามารถ เลือกทิ้งไอเทมได้ ระบบการจัดวาง คล้ายกับเกม PC พวก Diablo เราสามารถจัดระเบียบรูปแบบการวางของไข่ช่องเก็บ ของเราได้อย่างอิสระ (จนเล่นไปบางที่ก็รู้สึกเหมือนเป็นกึ่งๆ เช็ดไปในตัว), มีระบบการซื้อขาย และอัพเกรด โดยเรา สามารถเก็บไอเทมของมีค่าในระหว่างเกมมาขายให้กับพ่อค้าที่อยู่ตามจุดต่างๆ การซื้อปืนหรือเก็บเอาปืนที่ได้มาอัพเกรด เพื่อเพิ่มความแรง ความเร็ว และอื่น ๆ (ลองไปศึกษาเองในเกมนะ) มีการใส่มินิเกมระหว่างการเล่น ซึ่งจะอยู่ตามจุดที่ พ่อค้ายืนอยู่โดยตัวมินิเกมเป็นการทดสอบความแม่นของการยิง Head Shot เราสามารถยิงพ่อค้าในแต่ละจุดทิ้งได้ แต่ ว่ามันจะตายไปเลย และไม่ปรากฏตัวในจุดๆนั้นอีก

AI ของศัตรูถูกออกแบบมาให้ฉลาดขึ้น โดยอ้างอิงจากเนื้อเรื่อง (เดี๋ยวจะบอกทีหลังว่าเกี่ยวข้องกันยังไง) ใน Biohazard ภาคปกติจะมีซอมบี้เป็นศัตรูหลักที่มีตลอดทั่วทั้งเกม แต่ภาคนี้ศัตรูหลักจะถูกเรียกว่า Ganado หรือมนุษย์ที่ถูกควบคุม ความคิดและจิตใจอย่างสมบูรณ์แบบ โดยยังมีความสามารถและความคิดอย่างอย่างหลงเหลืออยู่ ศัตรูสามารถมองเห็น ตัวเราหรือได้ยินเสียงปืนของเราได้ จุดดีที่ทำให้แล่นได้ง่ายขึ้นก็คือมันสามารถพูดภาษามนุษย์ได้ (เป็นภาษาสเปน) ดังนั้น หากมันรู้ว่ามีคนบุกรุก คำพูดมันจะเปลี่ยนไป จากที่ทีมงานไบโอเคยให้สัมภาษณ์ว่า AI) ของเกมนี้ไม่ใช่ AI ในลักษณะที่ ฉลาดล้ำลึกแบบสุดๆ แต่เป็น Mob AI พูดง่ายๆ ว่าการรุมฆ่า หากมี Ganado เห็นเราเพียงตัวเดียว ไม่ต้องห่วงว่าอีก 10 กว่าตัวจะโผลมาทันทีจากทุกทิศทางภายในเวลาไม่ถึง 30 วินาที กลวิธีการวิ่งต่อให้มันตามมาเป็นฝูงใหญ่ แล้วจัดการไป สามารถใช้งานได้ทุกครั้ง อย่างที่บอกว่ามันมาทุกทิศทาง ดังนั้น คุณจะไม่รู้เลย ว่าจะมีตัวอะไรโผล่มาจ๊ะเอ๋ข้างๆ จน บางครั้งที่อยู่ดีๆ ก็มีชาวบ้านยืนอยู่เฉยๆข้างๆ ในช่วงที่เรากำลังหมุนตัวไปเจอ คุณจะสะดุ้งเอง โดยที่เกมแทบจะไม่ต้องทำ อะไรเลย เวลาเราอยู่ในบ้าน ชาวบ้านก็ไม่ได้พยายามหาทางเข้าโจมตีเพียงจุดเดียว อย่างที่เคยไว้แผ่นเดโมไปแล้ว การ พาดบันไดขึ้นชั้น 2, พังประตู, ทุบหน้าต่าง แต่ช่วงแรกของเกมยังถือเป็นการเรียกน้ำย่อยเท่านั้น เรื่อง Mob AI ถ้าเล่น ไปจนถึงฉากที่เราต้องสู้ร่วมกับ Luis ในบ้านหลังนึง ตรงจุดนั้น และที่เป็นการต่อสู้จากการบุกเข้ามาทุกทิศทางอย่าง แท้จริง ใครที่มีสัญญาณญานการเอาตัวรอดไม่สูงพอ พูดได้คำเดียวครับว่าไม่มีทางผ่าน ตัวเกมเก็บรายละเอียดและเรื่อง สมดุลย์ของการเล่นได้ดีมากๆ แม้ในพวก Ganado เองก็มียังอยู่หลายชนิด เมื่อเล่นผ่านไปจนถึงช่วงกลางคืน นั่นคือฝัน ร้ายของจริง (ใครกลัว Spoil ก็พยายามอ่านแบบผ่านๆนะ) เมื่อเจ้า Las Plagas ที่ถูกฝังอยู่ในร่างมนุษย์มันเริ่มออก อาการ การยิง Head Shot บางครั้ง จะเป็นการปลุกให้มันตื่นขึ้นมา ลองนึกภาพชาวบ้านถูกยิงหัวแตก แต่ยังเดินไปเดินมาได้ปกติ ซักพักก็มีหนาด (นึกถึงการ์ตูนเรื่องปรสิตเดรัจฉาน) ไผล่ออกมาจากต่อ แล้วจะรู้ว่ามันเครียดแค่ไหนกับการ “ไอ้พวกศัตรู “ธรรมดา” พวกนี้ ที่สำคัญคือระยะการโจมตีมันกว้างมากๆ จนหลายครั้งก็ไม่กล้ายิงหัวศัตรูอีกเลย เพราะ คราวนี้ทั้งชาวบ้าน นักบวช ทหาร (ถูกต้องแล้วครับทหาร Ganado ผลลัพธ์จากความต้องการในการสร้างอาวุธทาง รวมภาพที่สามารถใช้ได้ในสงครามจริง) มันสามารถเปลี่ยนเป็น Las Plagas ได้หมด แม้เกมจะลดความยากลงมาหน่อย ด้วยการไม่ให้มันกลายร่างได้ทุกตัว ไม่งั้นป่านนี้คงไม่ได้มานั่งเขียนรีวิวให้อ่านหรอกครับ

แต่ทว่าศัตรูไม่ได้มีเพียงแค่ Ganadoพวกเดียวเท่านั้น เรารู้อยู่ว่านี่คือ Biohazard พวกสัตว์ทดลอง มนุษย์ทดลองย่อมมี เยอะแน่ และภาคนี้ก็ให้มาเยอะสมใจอยาก ศัตรูแต่ละตัวมีรูปแบบการโจมตี และลักษณะเฉพาะที่แตกต่างอย่างเห็นได้ ชัด ผมจะขออนุญาตไม่พูดถึงตรงจุดนี้ เพราะอยากให้เจอกันเอง และหาทางสู้กันเองในเกม แต่อย่างที่บอก เกมภาคนี้ ถูก ใส่ใจในเรื่องสมดุลย์การเล่นดีมากๆ รับรองไม่มีศัตรูตัวไหนที่คุณรู้สึกเบื่อเลย หรือการเอาปืนยิงธรรมดาบางครั้งก็ใช่ว่าจะ เป็นวิธีปราบมันลงได้นะครับ ยังไงซะก็อยากจะพูดถึงเจ้าตัว Generator และ Iron Maiden) ศัตรูตัวโปรด (ตั้งแต่เห็นในรูป ละ) ซักหน่อย ศัตรูทุกตัวมีรูปแบบการโจมตีใกล้ไกลไม่เหมือนกัน แต่ส่วนใหญ่ จะมีระยะการโจมตีที่หลากหลาย อย่าง เจ้า Generator มันก็เป็นมนุษย์ทดลองที่สามารถสร้างเซลขึ้นมาใหม่ได้ตลอดเวลา (การยิงธรรมดาไม่เป็นผล ส่วนจะ ปราบยังไง ไม่บอกนะ) ตรงนี้ก็เป็นอีกจุดที่ทำให้เราได้เห็นพัฒนาการทางกราฟฟิค ที่พูดได้คำเดียวครับ ว่าสุดตีน polygon ยืดหยุ่น ที่เห็นแล้วน่าสะอิดสะเอียน มีอยู่ข้อหนึ่งที่ประทับใจมากๆ (จริงๆ ก็ไม่เรียกประทับใจหรอก) คือ Iron Maiden (Iron Maiden กับ Generator คือสัตว์ทดลองสายพันธุ์เดียวกันนะครับไม่ต้องงงว่าพูดสลับไปสลับมา) มันยืนอยู่ อีกฝั่ง เราก็กดสำรวจประตูกรงเหล็กปิดกั้นทางเอาไว้ จากนั้นก็ใช้ปืนยิง (แน่นอนว่าใครเจอฉากนี้คงจะคิดวิธีขี้โกง เหมือนกันหมดแน่ๆ) ขัดอย่างเดียว ซักพักมันก้มลงไป แต่ไม่ตาย ดิ้นไปดิ้นมาอยู่บนพื้น แล้วบีบตัวเองให้สลอดใต้ประตู กรงเหล็กมาฝั่งเรา ผมกับ Hyde ได้แต่ร้อง “เย็ด” (ขออนุญาต พูดไม่สุภาพนะครับอิอิ) วิ่งหนีแทบไม่ทัน ที่เหลือไว้ไปเจอ เองในเกมครับ สนุกสนาน

บอสของภาคนี้ก็เป็นอีกจุดเด่น ที่นานๆ เราจะได้เล่นเกมอย่างนี้ซักที เฉพาะบอสตัวแรก เจ้าหนอนใต้น้ำยักษ์ ก็พูดได้คำ เดียวแล้วว่า สุดยอด เพราะคุณจะไม่เคยมีประสบการณ์สู้กับบอสในน้ำได้อย่างนี้แน่ๆ ส่วนตัวอื่นไม่ว่าจะเป็นเจ้ายัก AI Gigante, มนุษย์กงเล็บตาบอด หัวหน้าหมู่บ้าน Mandee, Salaza, Krauser หรือแม้กระทั่ง Lord Saddler เอง (ตรง นี้รอข้ามๆบ้างเพื่อกัน Spoil อีกอย่างเกมมันก็ยาวมากๆจนจำกันแทบไม่หมด) การเปิดตัว วิธีการโจมตี วิธีปราบ หลากหลายมากๆ มุขใหม่ๆ ถูกประเคนเข้ามาไม่รู้จักหยุดจักหย่อน วิธีสู้เดิมๆ ไม่ใช่วิธีที่ได้ผลตลอดไป การสำรวจฉาก บางครั้งก็จำเป็นสำหรับบอสบางตัว ใครที่เคยได้เล่นเกมยุค Zelda: Ocarina of Time และประทับใจการความ หลากหลายในการสู้บอสแต่ละตัวในตอนนั้น ขอยืนยันครับ ว่าความรู้สึกสนุกตื่นเต้นระดับนั้น มันกลับมาอีกแล้วในเกมนี้ บางครั้งศัตรูที่เราเล่นๆ ไปแล้วคิดว่าเป็นบอส แต่หลังๆ กลับเจอในฉากธรรมดา (ตรงนี้คล้ายๆกับ Devil May Cry ภาค แรก) บอกได้คำเดียวว่าโหดสุดๆ บอสบางตัวก็ยิ่งใหญ่อลังการแบบสุดยอด คงต้องให้เห็นด้วยตาจริงๆครับ ไม่รู้จะอธิบาย ยังไงดี ทั้ง IGN และ Gamespot ยกให้เกมนี้เป็น Action Adventure ที่ดีที่สุดตั้งแต่เคยมีการสร้างเกมมา ตอนแรกแม้จะ ดีใจ และคิดว่ามันเว่อร์นิดๆนะ แต่หนได้เล่นจริงๆ ส่วนตัวคิดว่าที่ IGN และ Gamespot ยกย่องนี่มันน้อยไปหน่อยนะ

ตัวฉากในภาคนี้ถูกพิถีพิถันสร้างสุดๆ ฉากมีความหลากหลายมากๆ ไล่ไปตั้งแต่หมู่บ้าน, ทะเลสาบ, หุบเขา, อุโมงค์ใต้ ดิน, สุสาน, ปราสาท, เหมืองแร่ ห้องทดลอง ทุกอย่างโชว์ประสิทธิภาพเครื่อง GC ได้เป็นอย่างดี บางฉากกว้างมากๆ จนไม่รู้ว่าคนสร้างมันอัดลงไปได้ยังไงด้วย RAM ของ GC แค่นั้น เมื่อเล่นไปเรื่อยๆ ฉากจะเริ่มซับซ้อนและสวยงามมากขึ้น เรื่อยๆ มีหลายจุด ที่ผมเองใช้เวลากับการวิ่งไปวิ่งมา ชุมขึ้นชุมลง เพียงเพื่อดูรายละเอียดการถกแบบงาน โดยเฉพาะ อย่างยิ่งจากคฤหาสน์และห้องทดลอง ที่ถือเป็นจุดเด่นของทีมออกแบบจากไบโอ แม้จะเป็น Full 3D แต่ไม่ต้องห่วงครับ

รายละเอียดและความสวยงามระดับภาค Remake ยังคงมีอยู่ครบแน่นอน หลายๆจุด ถูกออกแบบมาให้เอื้ออำนวยกับ การต่อสู้ของครั้ง เพราะดีไม่ดีบางที อยู่ดีๆห้องก็ล็อคแล้วบอสก็กระโดดลงมาซะงั้น ทางหนีทีไล่ ผู้สร้างเค้าเตรียมไว้ให้ พร้อม เหลือเพียงแค่เราเองจะมีฝีมือพอรึป่าวเท่านั้นเอง

เมื่อเล่นไปประมาณ 35% เราจะได้เจอกับ Ashley ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นการเล่นแบบคู่ ที่เราต้องคอยดูแล Ashley ตลอดเวลา (บอกตามตรงว่ารีดอืดมากๆ) เราสามารถสั่งให้ Ashley หยุดรอ หรือวิ่งตามได้ แต่ต้องระวัง เพราะหากศัตรูกับตัวเธอไป ออกจากฉากนั้นได้ เกมจะโอเวอร์ทันที (แต่ไม่ต้องห่วงเรื่องไม่รู้ตัวนะครับ เพราะเจ้ Ashley นกกรี้ดจะดังชัดเจนขนาดนั้น แต่เสียงได้อารมณ์มากๆนะครับ) มีอยู่ข้อหนึ่ง ผมทิ้ง Ashley ไว้ทางเดินข้างบน แล้วลงมาสำรวจทางด้านล่าง ซักพักศัตรู พังประตูเข้ามาประมาณ 7 ตัว มี 2 ตัวที่ถือเลื่อย เพลงเปลี่ยนเป็นแบบระทึกทันที เสียงชาวบ้านจะโกนเรียกพรรคพวก เสียงเลื่อยก็ตั้ง ซักพักก็ได้ยินเสียง Ashley กรี๊ด เพราะศัตรูบุกขึ้นไปจับตัวเธอข้างบน เกมนี้พูดได้คำเดียวครับ ทั้งภาพทั้ง เสียง คุณจะถูกไล่ให้อยู่ในสถานการณ์คับขันบ่อยมาก จนรู้สึกเหมือนอยู่ในสงครามตลอดเวลา ลองนึกถึงฉากแอคชั่นใน หนัง Hollywood ที่มีจุดระทึก จนเราต้องลุ้นตามไปด้วยดูสิครับ เกมนี้มันเป็นยังงั้นทั้งเกมและ จุดพักให้เราหายใจมีน้อย ถึงน้อยมากๆ นี่นึกไปก็ยังเหนื่อยอยู่เลยนะเนี่ย ที่สำคัญคือเรื่องมุขนี่ล่ะครับ สถานการณ์การสู้แปลกๆ ถูกใส่เข้ามา จน ต้องคิดให้ทันว่าฉากนี้เราจะสู้ยังไง ขอยกตัวอย่างให้อีก 1 ฉากละกัน นั่นคือเราต้องให้เจ้ Ashley ขึ้นไปหมุนกันโยก 2 อัน พต้องคอยใช้ปืน Rifle ยิงป้องกันไว้ ไม่ให้ศัตรูเข้าใกล้เธอ แต่ในระหว่างที่ยิ่ง ก็มีศัตรูบุกเข้ามาโจมตีเราด้วย ต้องกดสลับ ไปสลับมาระหว่าง Shotgun Rifle, การต้องจัดการศัตรูวิ่งหลบ ไปพร้อมกับการยิงป้องกันในเวลาเดียวกัน บอกได้ค้า เดียวครับว่า ปวดหัวใจ เหนื่อย เครียด ไม่รู้จะอธิบายยังไงดี โคตรระทึก ใครมีเครื่องเสียงดีๆสนับสนุนระบบ Dolby Prologic II. จอโทรทัศใหญ่ๆ รับรองครับว่าเหมือนนั่งดูจากไคลแมกซ์ของหนังแอคชั่น Hollywood ดีๆซัก 10 เรื่องต่อกัน อะไรประมาณนั้น (จะหาว่าเวอร์ก็ได้นะ)

ระบบ Interactive Cutscene ถูกใส่เข้ามาเป็นครั้งแรก ใครเคยเล่น Shenmue คงจะคุ้นเคยเป็นอย่างดี ในระหว่างฉาก เนื้อเรื่องเราไม่สามารถนั่งดูแล้วปล่อยคอนโทรลเลอร์ทิ้งไว้ได้สบายๆ เหมือนเกมขึ้น เพราะการที่ เป็นเนื้อเรื่องอยู่ดีๆ ก็ต้อง กดปุ่มหลบ ปุ่มโจมตีปูนปั้นขึ้นมามีบ่อยมากๆ อย่าคิดว่าจะได้ดูเนื้อเรื่องสบายๆนะครับไม่มีทาง ชินจิ เค้าชอบทรมานคน เล่น T_T จาก Interactive Cutscene ที่ประทับใจที่สุดคงต้องยกให้การดวลดาบกับเจ้า Krauser นี่และ ในขณะที่ผมนั่งดู แล้วบอกว่าภาพมันเจ๋งแค่ไหน myde กลับบอกว่า แทบจะไม่มีสมาธิเลย เพราะต้องคอยกดปุ่มอยู่ตลอด แล้วบางทีปุ่ม ให้กดมาที่เป็น 3 - 4 ชุด รับรองครับ ประสบการณ์การนี้ยากจะลืมเลือนแน่ๆ และที่สำคัญฉากพวกนี้ส่วนมากกดไม่ทันก็ คือตายเลยด้วยเนี่ยสิ ที่ทำให้เครียดเหลือเกิน เหมือนการเล่นเกมที่ต้องเล่นอย่างเดียวตั้งแต่ต้นจนจบนั้นและครับ แม้แต่ จากเนื้อเรื่องขึ้นจมันยังไม่ยอมปล่อยให้เราพักเลย คิดดูละกัน

สำหรับเรื่องดนตรีประกอบ โดยรวมแล้วจะเป็นแนวระทึก ในฉากปกติจะไม่ค่อยมี BGM แต่เราจะได้ยินเสียงชาวเอฟเฟค และเสียงธรรมชาติแทน เพื่ออารมณ์ร่วมในการเล่น แต่เมื่อใดที่เป็นสถานการณ์คับขับ เพลงจะเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ นั้นๆ ส่วนใหญ่เป็นนบีบหัวใจ แบบว่าตื่นเต้นจากการเล่นไมตร แต่ฟังเพลงก็ว่า “อยู่ตรงนี้ไม่ได้แล้ว จุดตกใจ รับรองว่ายังมีอยู่ครบครับ แม้ภาคนี้จะเน้นไปที่แอคชั่นสุดๆ แต่ในฐานะการเป็นเกมสยองขวัญ องค์ประกอบเรื่องความน่า กลัว ความระทึก ยังมีให้อยู่ครบ ทีมงานพิถีพิถันมากๆ ในการนำเสนอตัวเกมออกมา มีอยู่ฉากซึ่งเป็นทางเดินในคฤหาสน์ ยาวๆ แล้วมีรูปตระกูล Salazar สีควางเรียงกันไปเรื่อยๆ พอเดินไปซักพัก เพลงก็ค่อยบรรเลงขึ้นมาเป็นแนวเหมือนหนัง สืบสวนสอบสวน ซึ่งค่าให้รู้สึกว่าตระกูลนี้มันช่างยิ่งใหญ่จริงๆ และเราจะต้องเจออะไรต่อไปอีกข้างหน้าก็ยังไม่รู้ ยอมรับ ละครับเรื่อง Presentation นี่ให้น้อยกว่า 10/10 นี่ไม่ได้จริงๆ

ระบบเก็บสมบัติ เขาไปขายให้กับพ่อค้า ที่ตอนแรกดูเหมือนว่าจะทำลายโลกของ Biohazard ไปโดยสิ้นเชิง หรือแม้แต่ ภาพกับคนในคน จะรู้สึกว่านี่ในเคสประหม่า เราเล่นไป ๆ คุณจะต้องธรรรมคุณ อุตส่าห์ใส่มาให้ การซื้อของขายของการเลือกซื้อหรืออัพเกรดปืน การไล่เก็บของมีค่ามาขายพ่อค้า ดูเหมือนจะเป็นเพียง จุดผ่อนคลายจุดเดียวในเกม ที่เราสามารถทำได้โดยไม่รู้สึกว่าต้องเร่งรีบมากนัก อีกอย่างระบบนี้ทำให้รูปแบบการเล่น สามารถแตกแขนงไปได้อีกเยอะมาก อย่างที่บอกว่าเกมนี้โดดเด่นมากๆเรื่องความหลากหลายและสมดุลย์ในเกม ไม่เสีย แรงที่อุตส่าห์สร้างใหม่ทั้ง 5 ครั้ง (สร้างใหม่จนได้เกมซีรี่ส์ใหม่อย่าง Devil may Cry ออกมาเลยละกัน คิดดูสิ)

สัดส่วนของปริศนาเมื่อเทียบกับความยาวของตัวเกม ถูกลดลงไปเยอะ แต่ก็ยังมีอยู่ องค์ประกอบแบบ Biohazard ไม่ว่า จะเป็นการหาเพชรมาใส่ประตู แก้รหัส อะไรทำนองนี้ยังมีอยู่ครบ แต่ปริศนาแบบที่ต้องอ่านคำไม้จากไฟล์นี้ไม่มีเลย ส่วน ใหญ่คำไม้จะอยู่ในฉาก ที่เราต้องใช้การสังเกตเอาเอง หรือไม่ก็ต้องคิดว่า จากสิ่งที่มันให้มาเราต้องทำอะไร ไฟล์ในเกมมี น้อยลงไปมาก และโดยส่วนใหญ่ จะเป็นการบอกสถานการณ์ของฝ่ายศัตรู หรือข้อมูลการวิจัยจะมากกว่า แต่ทุกอย่างก็ดู กระชับขึ้น เพราะเราไม่ต้องมาเสียเวลานั่งอ่านอะไรนานๆ แล้วคิดกันหัวแตกอีกต่อไป ปริศนาส่วนใหญ่ใช้ Comman Sense ล้วนๆ แต่สนุกครับ หลาย ๆ ปริศนารู้สึกว่าทำได้เจ๋งดี

มาต่อกันเอง แฟนๆ หายคนให้ความสนใจมากที่สุด เนื้องจากการจาก Code Veronica ถึง 6 ปี และ Umbrella ก็ถูกทำลายไปแล้ว ดังนั้นชินจิ จะอธิบายอะไรให้เรารู้ในภาคนี้ ต้องขอแสดงความ เสียใจ เพราะไม่มีเลย แม้เราจะรู้ว่า Umbrella พังลงไปแล้ว แต่เราจะไม่รู้เรื่องเพิ่มว่าเกิดอะไรขึ้นกับหน่วย S.T.A.R.S เกิดอะไรขึ้นกับคนใน Umbrella ตัวละครหลักๆ สำคัญๆหายไปไหนหมดเนื้อเรื่องหลักๆ เป็นส่วนที่เกิดขึ้นกับตระกูล Salazar ที่เกมไม่ได้อธิบายไว้ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับตัวละครใดๆ ในซีรี่ส์นี้รึป่าว มีแต่เพียง Ada เท่านั้น ที่เรารับรู้มาว่า เธอ ต้องมาเอาตัวอย่างเชื้อ Las Plagas ไปให้กับ Wesker ผู้ที่ต้องการก่อตั้ง Umbrella ขึ้นมาใหม่ ? แต่จะเป็นยังไง ไม่บอก นะครับ แค่นี้ก็ Spoiler มากพอแล้ว บอกไว้นิดนึงว่าตอนจบเกมบอกประมาณว่า “ขออนุญาตต่อภาค 5 นะจ้ะ"

จริงๆยังมีเรื่องที่ให้เขียนถึงอีกเยอะมากล่ะครับ สำหรับเกมนี้ คำว่า Masterpiece ดูจะเหมาะสมเป็นอย่างยิ่ง และเกม ถูกยกขึ้นหิ้งให้อยู่ในกลุ่มเกมที่ดีที่สุดตลอดกาล เคียงข้างเกมอย่าง Zelda: Ocarina of Time, Soul Calibur, Tekken 3 หรือ Metal Gear Solid ไปแล้ว อย่าคิดว่า 9.8 ที่ได้จาก IGN 9.6 ที่ได้ จาก Gamespot มันสูงไป เพราะเมื่อตั้งใจเล่น เองตั้งแต่ต้นจนจบแล้ว จะพบว่านักวิจารณ์เหล่านั้นเค้าไม่ได้เว่อร์แต่ประการใดครับผม เกมนี้คู่ควรกับคะแนนเต็มเสีย ด้วยซ้ำ หากแต่ไม่ติดปัญหาเล็กๆน้อยๆ อย่างเรื่องกราฟฟิคที่โดนหักคะแนนเพราะเป็น Widescreen ปลอมแต่นั้น เพราะ หลายๆจาก คุณจะรู้สึกได้ว่า ไม่มีทางจะได้เดินจาก น น ะ ชินจิ มิคามิ แก้วกับเกมนี้เป็นอย่างดี และเค้าคงจะภูมิใจมากๆ กับฐานะ Director ของสุดยอดขนาดนี้ นี่คือ "เกม" อย่างแท้จริงๆ ไม่ใช่ซอฟแวร์ที่คุณ จะต้องมานั่งดูตัวละครคุยกันเป็นชั่วโมง จนกลายเป็นดูหนังไปซะ แต่ Resident Evil 4 หรือ Biohazard 4 คือซอฟแวร์ที่ คุณได้ซื้อมาและเปิดเล่นเองกับมือ ตั้งแต่ต้นจนจบ ประสบการณ์ เสียดายมากๆครับหากใครจะพลาดมันไป ทุกอย่าง ถูกผสมเข้ามาอย่างลงตัวมากๆ และเมื่อผ่านไป 10 ปี มันอาจจะถูกพูดถึงแบบเดียวกับที่เราพูดถึง Mario หรือ Contra ยุคแรกๆ ยังไงยังงั้น ขอบคุณมากๆครับ ที่มีเกมดีๆอย่างนี้ให้เล่นกัน ขอขอบคุณทีมงานที่ตั้งใจทำเปลี่ยนแล้ว เปลี่ยนอีกมานานถึง 6 ปี

“เกมที่สมควรมีแผ่นแท้เก็บไว้ในครอบครอง”

ray

12 ม.ค. 2005



Special Thanks

นาย hyde ที่นั่งเล่นนั่งแก้ปริศนากับผม 2 วันเต็มๆ จนตอนนี้กลายเป็นหมีแพนด้ากันไปเรียบร้อยแล้ว หลายจุดถ้าไม่ให้ มันเล่น ป่านนี้คงยังไม่ผ่านด้วยซ้ำมั้ง อิจิ

ชินจิ มิคามิ ที่ตั้งใจสร้างเกมดีๆอย่างนี้ออกมา แม้จะเสี่ยงกับเหตุการณ์คือขาดมาแล้ว แต่ก็ยังมีสปิริตทำเกมให้ออกมาดี

Capcom ที่ออกเงินให้ Production Studio 4 สร้างเกมดีๆ อย่างนี้ออกมา แม้จะหากินกันเหลือเกินกับซีรี่ส์นี้ก็ตามที


ข้อมูลการเล่น

ระยะเวลาการเล่น : 17 ชั่วโมง 17 นาที 27 วินาที

ความยาก : Normal (กำลังเล่น Professional อยู่) แต่ครั้งแรกเลือกความยากไม่ได้นะ

ระยะเวลาการติดปริศนา : ไม่มี ลักษณะการเล่น ไม่ได้เก็บรายละเอียดปลีกย่อยพวกการหาสมบัติ แต่เก็บรายละเอียดโดยรวมของตัวเกมเกือบทั้งหมด


-hyde-

มาพูดเพิ่มเติมอีกนิดครับ เกมนี้เป็นเกมแรกจริงๆนะครับ ที่เล่นแล้วเหนื่อยมากๆ พอจบแล้ว อยากจะเล่นอีกรอบทันที พอ คิดถึงฉากที่ยาวไกล เนื้อเรื่องที่ไม่ได้พัก ศัตรูแต่ละตัว บอสอีก ไหนจะนุ่นนี่ ที่ผ่านมาทั้งหมด บอกตรงๆว่า เล่นเอาท้อเลย แหละ เพราะมันยาวและยิงตลอด พูดง่ายๆว่า ใช้พลังชีวิตเปลืองมากแหละครับ ในแต่ละรอบการเล่น T_T ตอนนี้ชาร์จ พลังกันอยู่ เต็มเมื่อไร ลุยต่อแน่ๆล่ะครับ


Special Thanks (ด้วยคน)

นาย ray ที่ค่อยแปลเนื้อเรื่องและไฟล์ให้ฟัง ทำให้เล่นแล้วเข้าใจไปตลอดเลย โดยเฉพาะฉากเนื้อเรื่องที่ผมไม่มีเวลาไปฟังเท่าไร

ชินจิ มิคามิ นายแน่มากๆที่ทำเกมแบบนี้ออกมาได้ สมกับที่บอกไว้จริงๆว่า ขอให้เล่นกันก่อนแล้วค่อยวิจารณ์” ยอดครับ

นาย Magic_Eye ที่คอยโทรมารบกวนตลอดเวลา (เพราะยังไม่ได้แผ่น) ทั้งโทรสาบแช่ง ทั้งโทรมารบกวนถามอะไรแมวๆ ตลอด ขอบใจมาก โคตรแท่งรำคาญเลย แต่เสียใจไม่รับว่ะ 555

ไม่มีความคิดเห็น