จบ Ring of Fates แล้วจ้า~

(คัดลอกจากบทความที่เขียนขึ้นครั้งแรกเมื่อ 17 มี.ค. 2008 บน Exteen)

-------------------------------------------------------------------------

เป็นธรรมเนียมของผมนะครับที่พอจบเกมอะไรก็ตามที่มันเกี่ยวข้องกับ Square Enix แล้ว ผมต้องขอจับจองพื้นที่ส่วนหนึ่งบนโลกไซเบอร์มาเป็นที่ระบายความอัดอั้นใจ ว่าทำไมเกมมันถึงต้องจบแบบนู้น ทำไมมันถึงไม่เป็นแบบนี้ และตัวผมเองประทับใจอะไรกับเกมมากน้อยแค่ไหน

มาในวันนี้ก็ถึงคิวของเกม FFCC -Ring of Fates- ภาคอเมริกาที่ผมพึ่งจะเล่นจบไปตอน 6 โมงเช้าที่ผ่านมานี้เอง

แต่เดิมผมเคยเล่นตัวเกมภาคภาษาญี่ปุ่นของเกมนี้มาแล้ว และไม่ค่อยประทับใจกับระบบการเล่นและเนื้อเรื่องเท่าไหร่นัก มาในภาคอเมริกานี้เมื่อผมเข้าใจเนื้อเรื่องมากขึ้น เข้าถึงสิ่งที่ตัวละครต้องการจะบอกเรามากขึ้น ผมก็ซาบซึ้งและอินไปกับตัวเกม ซึ่งปัจจัยเหล่านี้เป็นสิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกชอบในตัวเนื้อเรื่องของมันมากขึ้น อย่างไรก็ดีในส่วนของฉากจบที่ผมไม่ชอบ ยังไงผมก็ยังไม่ชอบอยู่เช่นเคย....


เนื้อเรื่องของเกมเป็นเรื่องของการต่อสู้ระหว่าง พลังแห่งคริสตัล กับ พลังแห่งดวงจันทร์ โดยหัวหน้าของฝ่ายตัวร้ายที่เป็นพระเจ้าแห่งดวงจันทร์นั้นได้รับพลังจากสุริยคราสมา ทำให้เขาสามารถควบคุม space & time ได้ เขาสามารถที่จะส่งใครไปอยู่ในช่วงเวลาไหนก็ได้ มิติไหนก็ได้ หรือแม้แต่จะส่งไปยังโลกคู่ขนานที่คล้ายคลึงกับโลกที่เราอยู่ก็ทำได้

เป้าหมายของจอมมารกัลเดสผู้เป็นพระเจ้าแห่งดวงจันทร์ ก็คือการเข้าครอบงำพลังแห่งคริสตัลที่เป็นต้นกำเนิดพลังของโลก

คริสตัลในภาคนี้ก็เปรียบเสมือนไลฟ์สตรีมของ FFVII หรือเกรทสปิริตของชาแมนคิง ทุกสรรพสิ่งบนโลกล้วนเกิดมาจากคริสตัล และต้องกลับคืนสู่คริสตัล คริสตัลเป็นที่รวบรวมความทรงจำของดวงดาว ประวัติศาสตร์ของมวลมนุษยชาติ และยังรวบรวมพลังงานทั้งหมดของโลกไว้ ฉะนั้นหากจอมมารกัลเดสสามารถเอาพลังของคริสตัลมาเป็นของตนได้ เขาก็จะมีพลังไร้ขีดจำกัดและสามารถสร้างโลกแบบไหนขึ้นมาก็ได้ ทำให้จักรวาลและมิติเวลาทั้งหมดตกเป็นของเขาก็ยังได้

ในเรื่องจะมีการกล่าวถึงมนุษย์ผู้สามารถใช้พลังของคริสตัลได้ ซึ่งในเกมได้บอกเอาไว้เพียงสามคนเท่านั้นคือ ทิลลิก้า (ลูกของกษัตริย์โคลก้า) , อัลเลเรีย (แม่ของยูริและเชลินก้า) และสุดท้ายก็คือตัวเชลินก้า ที่เป็นนางเอกและเป็นพี่น้องฝาแฝดกับยูริ ผู้เป็นพระเอกของเรื่องน่ะเอง

ทิลลิก้ากับอัลเลเรียนั้น ได้ถูกลูกน้องของกัลเดสจับตัวไปใช้งาน ทว่าการใช้งานคริสตัลนั้นก็จะส่งผลข้างเคียงกับผู้ใช้ในรูปแบบต่าง ๆ แต่ที่แน่ๆ ก็คือทำให้อายุไขของคนผู้นั้นหดสั้นลง เรื่องนี้เป็นเรื่องที่กล่าวไว้ในหลักแห่งความเท่าเทียมกันที่เพื่อนของยูริมักจะพูดถึงบ่อย ๆ แน่นอนว่าทิลลิก้าและอัลเลเรียได้ถูกบังคับให้ใช้พลังของคริสตัลมากจนเกินไป สุดท้ายร่างกายของทั้งสองก็ทนไม่ไหวและก็เสียชีวิตลง ดังนั้นในตอนท้ายเรื่องคนที่มีพลังแห่งคริสตัลที่จะต่อกรกับกัลเดสได้จึงเหลือแค่เชลินก้าคนเดียว

ในตอนสุดท้ายของเรื่อง ยูริ เชลินก้า แนช มีธ อัล และกองทัพของกษัตริย์โคลก้าได้บุกเข้าไปในวิหารของจอมมารกัลเดสด้วยกัน พวกเราช่วยกันสู้กับมันจนกระทั่งเวลาแห่งการเกิดสุริยคราสมาถึง กัลเดสได้รับพลังแห่งดวงจันทร์เพิ่มขึ้นจากการเกิดสุริยคราส ซึ่งนั่นทำให้เขามีความสามารถพิเศษในการส่งใครหน้าไหนเข้าไปอยู่ในโลกคู่ขนานแบบใดก็ได้

ทันทีที่ได้รับพลังอำนาจใหม่ กัลเดสก็ส่งพวกเราทุกคนมาอยู่ในโลกคู่ขนานใบใหม่ พวกเราถูกส่งไปอย่างกระจัดกระจายแยกย้ายกันอยู่คนละที่ แต่สุดท้ายทุกคนก็สามารถกลับมารวมตัวกันได้จากการพูดคุยกับชาวบ้านในโลกนี้เราถึงได้รู้ว่านี่เป็นโลกที่ประวัติศาตร์ได้เปลี่ยนแปลงไป คือหลังจากที่กษัตริย์โคลก้าได้บุกเข้าไปวิหารแล้วก็ถูกกัลเดสฆ่าตาย บัดนี้กัลเดสจึงเป็นผู้ปกครองอาณาจักรเรเบน่าเทร่าแทน ยูริบอกว่าเขาไม่ชอบโลกใบนี้เลย ว่าแล้วยามของวิหารก็มาเรียกพวกยูริ โดยบอกว่าพระราชาคณะกัลเดสรอเราอยู่ในวิหาร

เมื่อเราเข้าไปในวิหารแล้วก็พบกัลเดสที่ยืนจังก้ารอจัดการกับพวกยูริอยู่ กัลเดสเลือกจะจัดการยูริด้วยวิธีเบสิคที่สุดเท่าที่พลังของเขาจะทำได้ นั่นก็คือการส่งยูริไปยังโลกคู่ขนานที่มีแค่ยูริอยู่เพียงคนเดียว เพราะเขาเชื่อว่ามนุษย์เราถ้าอยู่ตามลำพังคนเดียวหัวเดียวโด่เด่ก็คงจะทำอะไรไม่ได้แล้ว แถมยังจะเปล่าเปลี่ยวใจหว้าแหว่จนประสาทกินอีกแหงๆ ทว่าเหตุการณ์ดันไม่เป็นอย่างที่กัลเดสคิด เพราะไม่ว่าเขาจะส่งยูริไปยังโลกคู่ขนานไหนๆ กลับไม่มีโลกใบไหนเลยที่มียูริอยู่เพียงลำพัง ไม่ว่าจะโลกใบไหน พอเห็นยูริก็ต้องเห็นเชลินก้าอยู่คู่กันตลอดเวลา

ว่ากันว่าการไปยังอนาคตนั้นอาจจะมีเส้นทางหลายเส้นทางให้คนเราได้เลือกเดิน แต่หากปลายทางของทุกเส้นทางกลับย้อนไปบรรจบที่อนาคตแบบเดียวกัน เราจะเรียกอนาคตดังกล่าวว่านั่นคือโชคชะตาของคนๆ นั้น

กรณีของยูริกับเชลินก้าเองก็เช่นกัน พวกเขามีโชคชะตาที่จะได้อยู่ด้วยกันตลอดไป ไม่ว่าจะโลกใบไหน ไม่ว่าจะเวลาใด ทั้งสองก็จะมีโชคชะตาที่จะได้อยู่ด้วยกันตลอดไป นี่ก็คือ Ring of Fates ของสองคนนี้

ดังนั้นไม่ว่าจอมมารกัลเดสจะส่งศัตรูหมายเลขหนึ่งอย่างยูริไปยังโลกคู่ขนานใบไหน กัลเดสก็ต้องต๊กกะใจที่โลกใบนั้นต้องมีเชลินก้าอยู่ด้วยตลอด พูดในทางกลับกันคือไม่มีโลกคู่ขนานใบไหนเลยที่ยูริและเชลินก้าจะไม่ได้อยู่ด้วยกัน

เมื่อวิธีการเบสิคใช้ไม่ได้ผลกับยูริแล้ว กัลเดสเลยต้องเปลี่ยนมาใช้วิธีโหด... ในเมื่อไม่มีโลกไหนที่เหมาะสมที่จะส่งยูริไปปล่อยเกาะ งั้นเขาก็จะกำจัดยูริและพรรคพวกให้หายไปจากโลกทุกใบซะ เพื่อที่โลกนี้จะได้ไม่มีคนคอยขัดขวางเขาอีกต่อไป

ผลจากการรุมกระทืบแบบ 5 ต่อ 1 ....ปรากฏว่าจอมมารกัลเดสแบนแต๊ดแต๋เพราะเจอพวกยูริช่วยกันรุมเหยียบซะไม่เหลือมาดจอมมาร

หลังจากที่ยูริสามารถเอาชนะจอมมารกัลเดสได้ ก่อนที่กัลเดสจะทำการส่งตัวเองหนีไปยังโลกคู่ขนานใบอื่น เชลินก้าก็ฝืนสังขารด้วยการใช้พลังของเธอหยุดเวลาลงซะเพื่อปรึกษากับยูริว่าจะเอายังไงกับหมอนี่ดี และยูริอยากจะอยู่ในโลกใบนี้ต่อไปมั้ย? 

เมื่อถึงเวลาที่ต้องคิดว่าจะจัดการยังไงกับจอมมาร ถ้าเป็น FF ภาคทั่วๆ ไปพระเอกของเราก็คงจะจัดการฆ่าหั่นศพและจับจอมมารโยนลงน้ำและกดชักโครกทิ้งไปอย่างไม่มีเยื่อใย ทว่า FF ภาคนี้ไม่สามารถทำแบบนั้นได้ เพราะภาคนี้คาแรคเตอร์ที่มีชื่อว่ายูริ ถูกออกแบบให้เป็นคนที่มีจิตใจบริสุทธิ์...ต่อสู้เพื่อปกป้องผู้คน ไม่ใช่ต่อสู้เพื่อแก้แค้น ดังนั้นคำตอบที่ยูริเลือกก็คือการจองจำจอมมารกัลเดสไว้ซะ...

แต่ไอ้ครั้นจะไปฝากขังไว้ที่เรือนจำ...ก็คงไม่มีเรือนจำที่ไหนกลัารับฝากขังจอมมารหน้าเหียกตนนี้ไว้ วันดีคืนนี้มันจะเรียกเมเทโอมาถล่มโลกอีกเมื่อไหร่ก็ไม่มีใครทราบ ในโลกที่ใช้เวทมนต์ได้แบบนี้การกักขังคนที่ใช้เวทมนต์ได้ไว้ในคุกจึงแทบไม่มีประโยชน์เลย

เมื่อคิดได้แบบนี้ยูริกับเชลินก้าจึงหาทางออกด้วยการใช้พลังของคริสตัล จองจำจอมมารกัลเดสไว้ในช่วงกาลเวลาหนึ่งตลอดไป

คือจอมมารกัลเดสได้ถูกกักขังอยู่ในวิหารของตัวเองและไม่สามารถออกไปยังโลกภายนอกได้ เมื่อเวลาผ่านไปถึงอนาคต เวลาก็จะวนย้อนกลับมาที่อดีตใหม่อีกครั้ง แล้วพอเวลาเดินหน้าไปเรื่อยๆ ก็จะวนย้อนกลับมาที่อดีตใหม่ซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่มีวันจบ กัลเดสจะต้องทนทุกข์กับการอยู่คนเดียวในวิหารของตนเองไปตลอดกาล นี่คือคำพิพากษาที่ยูริและเชลินก้ามีต่อกัลเดส นี่คือ Ring of Fates ที่ทั้งสองใช้พลังของคริสตัลกำหนดชะตากรรมของกัลเดสขึ้นมาน่ะเอง

คิดไปคิดมาแล้วก็ทรมานหลาย....ผมว่าไอ้การกักขังให้อยู่คนเดียวไปตลอดกาลเนี่ยน่ากลัวความตายเยอะเลย....คิดแล้วก็แอบสงสัยว่ายูริปากก็บอกไม่ได้แก้แค้น แต่จริงๆ แล้วหมอนี่รู้ดีแก่ใจอยู่แล้วรึเปล่าหว่าว่านี่เป็นวิธีแก้แค้นที่ชั่วร้ายที่สุดแล้ว

หลังจากที่ตกลงเรื่องของจอมมารกัลเดสไปได้....เชลินก้าก็ให้ยูริตัดสินว่าเขายังอยากอยู่ในโลกต่อไปนี้ต่อไปมั้ย ซึ่งแน่นอนว่ายูริไม่อยากอยู่ในโลกคู่ขนานใบนี้ที่มีจอมมารกัลเดสเป็นใหญ่แถมกษัตริย์โลก้าก็ตายอีกต่อไปแล้ว ยูริเชื่อว่าเชลินก้าคงรู้ดีว่าเขาต้องการโลกที่เป็นยังไง เพราะสิ่งที่เชลินก้าต้องการก็คือสิ่งที่ยูริต้องการ สุดท้ายยูริก็เอาแต่อ้ำๆ อึ้งๆ ไม่ได้ให้คำตอบอะไรและปล่อยให้เชลินก้าเป็นคนจัดการชีวิตหลังจากนี้ของพวกเขาเอง โดยก่อนที่จะออกจากมิติแห่งพระเจ้าที่เชลินก้าหยุดเวลาและพายูริเข้าไปปรึกษากันในนั้น เชลินก้าก็พูดทิ้งท้ายเอาไว้ว่า "แล้วเราจะได้พบกันใหม่ในไม่ช้า"

ทันทีที่กระแสเวลาเริ่มไหลเดินต่อเชลินก้าก็ยูริมายังโลกใบใหม่ ทั้งสองตื่นขึ้นบนยอดของวิหาร แต่แล้วทั้งสองก็เริ่มสังเกตความปกติของกันและกันได้ เชลินก้ากลายเป็นใบ้ ในขณะที่ยูริก็ไอแค่กๆ และก็แทบไม่มีแรงจะก้าวเท้าเดิน นี่คือผลข้างเคียงจากการที่ทั้งสองได้ใช้พลังของคริสตัลมากจนเกินไป จริงๆ แล้วแค่นี้ก็แย่พอแล้ว แต่เมื่อยูริหันซ้ายแลขวาก็ยิ่งพบข่าวร้ายยิ่งไปกว่านั้นคือ พวกอัล มีธ แนช...หายไปไหนกันหมด

พอออกมานอกวิหารแล้ว ยามเฝ้าวิหารจะถามยูริว่าพวกยูริลอบเข้าไปในวิหารได้ยังไง ไม่รู้รึไงว่าพึ่งจะเกิดการกบฎโดยพระราชาคณะขึ้นในวิหาร พระราชาคณะนั้นใช้คริสตัลทำให้ผู้คนสับสนและพยายามครอบงำประเทศ แต่ก็ถูกกษัตริย์โคลก้าที่มองแผนการณ์ทะลุจัดทัพอัศวินบุกตะลุยเข้าไปและสามารถปราบกบฎได้ ยูริได้ยินก็เข้าใจทันทีว่านี่เป็นโลกที่จอมมารกัลเดสได้ตายไปแล้ว แถมกษัตริย์โคลก้าก็ยังมีชีวิตอยู่ เขาก็เลยเริ่มรู้สึกดีใจขึ้นมา ยูริถามยามต่อว่าโลกใบนี้สงบสุขมั้ย ยามก็บอกว่าแน่นอนเพราะมีจอมราชันย์อย่างกษัตริย์โคลก้าผู้ปรีชาสามารถอยู่

จากนั้นยูริก็เดินเที่ยวไปในเมืองและได้พบกับอัล มีธ โดยอัลกับมีธนั้นกลับพูดจาเหมือนไม่รู้จักพวกยูริ พอสอบถามไปมาถึงได้ความจากอัลว่านี่เป็นโลกสมัยที่ดินแดนเรล่าเคลย์พึ่งล่มสลายไป เท่ากับว่าจริงๆ แล้วในเวลานี้พวกเขาจะต้องยังไม่เกิดขึ้นมา ดังนั้นจึงไม่แปลกที่อัลและมีธในโลกใบนี้จะไม่รู้จักพวกยูริ...แต่ในไม่ช้าหลังจากนี้พ่อและแม่ของยูริก็จะย้ายมาอาศัยอยู่ที่บ้านเกิดของพวกยูริ และได้ให้กำเนิดยูริและเชลินก้าขึ้นมา

ในช่วงนี้ถ้าเราไปเข้าเฝ้ากษัตริย์ยามจะบอกว่าไม่รู้จักเราและไม่ให้เข้า แต่พอยามรู้ว่าเราคือยูริและเชลินก้าเขากลับบอกว่าพระราชามีรับสั่งให้พาเราทั้งสองไปพบ ซึ่งยูริก็แปลกใจมากว่าทำไมในที่ไม่มีใครรู้จักพวกเขาเช่นนี้ทำไมกษัตริย์โคลก้าถึงรู้จักพวกเขาได้

เมื่อไปเขาเฝ้าพระราชาแล้ว โคลก้าจะยินดีที่เราสามารถเอาชนะกัลเดสได้ แต่ก็เสียใจด้วยที่ทั้งคู่ต้องตกอยู่ในสภาพไม่สมประกอบแบบนี้ ทั้งยังดุว่าได้เตือนแล้วไม่ใช่เหรอว่าไม่ให้ใช้พลังของคริสตัล ยูริถามราชาว่าทรงจำพวกเขาได้อย่างไร ซึ่งโคลก้าก็บอกว่าเขาเดาว่าพวกยูริคงถูกส่งมาจากโลกอื่น และโลกนี้ก็ไม่มีใครรู้จักพวกยูริสินะ โคลก้ากล่าวต่อว่าความทรงจำของเขาจะเหมือนกันในโลกคู่ขนานทุกๆ ใบ ราชวงศ์ของเขาเป็นราชวงศ์ที่มีพลังวิเศษที่เชื่อมโยงอยู่กับคริสตัล ถ้าเขาไปในความทรงจำแห่งคริสตัลก็จะพบตัวเขาที่มีความทรงจำเหมือนๆ กันในทุกๆ โลกน่ะแหละ

กษัตริย์ของเรายังคงเทศน์ยาวต่อไปว่าจอมมารกัลเดสอาจได้รับพลังจากดวงจันทร์แต่สายเลือดของเขาก็ผูกพันอยู่กับคริสตัล ชะตากรรมของเขาในทุกๆ อนาคตจึงเป็นชะตากรรมแบบเดียวกัน ไม่ว่าจะโลกใบไหนเขาก็มี Fate เหมือนกันหมดทั้งนั้น นี่แหละคือชีวิตที่พันธนาการอยู่กับคริสตัล จะเรียกว่าถูกจองจำให้เปลี่ยนแปลงอนาคตไม่ได้ก็ใช่นะ ตราบใดที่ Ring of Fates ของเขายังเป็นแบบนี้เขาก็ไม่อาจมีชะตากรรมร่วมกับคนที่เขารักได้ตลอดกาล ที่ทำได้ก็แค่การจ้องมองคนที่เรารักหายจากไป

ว่าแล้วโคลก้าก็ถามว่าเราจะใช้ชีวิตอยู่ที่นี่มั้ย เขาเองก็สูญเสียภรรยาและลูกสาวไปแล้ว ในฐานะที่เราเป็นลูกของลาทอฟและอัลเลเรีย พวกเราก็สนิทกับเขาราวกับเป็นลูกของเขาเช่นกัน ยูริเองได้ขอบคุณสำหรับและเชื่อว่าเชลินก้าอาจมีความสุขที่นี่ได้ แต่เขาอยากจะกลับบ้านมากกว่า เขาและเชลินก้ามีความทรงจำมากมายอยู่ที่บ้าน รวมทั้งนั้นจะเป็นที่ๆ พ่อของเขาในโลกใบนี้จะมาอาศัยอยู่ในไม่ช้าด้วย ถึงโลกนี้จะไม่มีใครรู้จักเขาแต่เชลินก้ากับเขาก็สามารถใช้ชีวิตอย่างสงบสุขด้วยกันที่บ้านได้ โคลก้าเองก็ไม่ขัดยูริแถมยังบอกด้วยว่าถ้ายูริมีเรื่องเดือดร้อนเมื่อไหร่ก็มาหาเขาได้เสมอ

สุดท้ายที่โคลก้าอยากบอกคือยูริต้องห้ามลืมเด็ดขาดนะว่ายูริและเชลินก้ามีชะตากรรมที่สามารถควบคุมโลกคู่ขนานทั้งหมดได้ ดังนั้นแม้สายสัมพันธ์กับเพื่อนบางคนอาจไม่มีอยู่ในโลกใบนี้ แต่สายสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นจริงๆ จะยังมีอยู่ในโลกทุกใบ (อย่างเช่นที่ยูริและเชลินก้าได้อยู่ด้วยกันในทุกๆ โลก) เธอไม่ได้ถูกจองจำอยู่ในโลกใบน้เหมือนกันหรอกนะ เธอกับเพื่อนจะหากันจนเจอและสร้างสายสัมพันธ์ขึ้นมาใหม่ได้ เมื่อใดที่เธอถูกความเหงาเข้ารุมเร้า จงนึกถึงเพื่อนของเธอ แล้วเธอจะไม่ได้อยู่คนเดียว...ตลอดไป

ถ้าฉันมีโลกที่ล้อมรอบด้วยครอบครัวและสามารถใช้ชีวิตอย่างสุขสงบได้ก็คงดี แต่นั่นก็แค่ความเพ้อฝันเท่านั้น ก็แค่อนาคตที่ไม่มีทางเป็นจริงได้ ยกเว้นแต่จะสร้างโลกใบใหม่ขึ้นมา...ยูริและเชลินก้า..พวกเธอได้ต่อสู้เพื่อทำให้เพื่อนๆ ในต่างโลก มีชีวิตที่สงบสุขได้ ไม่ยุติธรรมเลยที่พวกเธอกลับต้องมาอยู่ในโลกแบบนี้ ไม่มีใครสมควรได้รับความปลาบปลื้มในความสุขใจมากเท่าพวกเธอทั้งสองคนอีกแล้ว

หลังจากนั้นยูริและเชลินก้าก็ช่วยกันและกันประคองตัวกลับไปยังบ้านเกิด เชลินก้าช่วยพายูริไปนอน หลังจากนั้นในวันต่อๆ มาเธอก็คอยดูแล คอยปรุงอาหาร คอยจัดการเรื่องทุกอย่างแทนยูริตลอด ทว่าอาการของยูริก็กลับแย่ลงทุกวันๆ จนกระทั่งคืนวันหนึ่งที่ยูริคิดว่าตัวเองถึงเวลากลับคืนสู่ไลฟ์สตรีม เอ้ย คริสตัลแล้วแน่ๆ เขาก็บอกเชลินก้าให้ช่วยพาเขาไปนอนหน้าบ้านหน่อย เขานึกครึ้มอยากจะดูพระจันทร์ขึ้นมา

ยูรินอนแผ่หราอยู่หน้าบ้าน เขามองเห็นดวงจันทร์สีแดงล่องลอยอยู่บนฟ้า และบอกเชลินก้าว่าเขาไม่เคยรู้สึกตัวมาก่อนว่าดวงจันทร์จะงดงามถึงเพียงนี้ ขอโทษด้วยนะเชลินก้า ฉันคงไม่สามารถรักษาสัญญาที่ว่าฉันจะอยู่กับเธอตลอดไปได้อีกแล้ว ฉันคงไม่รอดแล้วล่ะ แต่เธอจะต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปนะ

เชลินก้าได้ยินทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าวันนี้จะต้องมาถึงในไม่ช้าแต่เธอก็ไม่อาจห้ามน้ำตาที่ไหลรินออกมาได้ น้ำตาของเธอไหลหยาดลงมาบนหน้าอกของยูริ จนยูริต้องแถว่าไม่เอาน่า...ไม่ต้องฝังฉันนะ ฉันก็แค่นอนหลับไปเท่านั้น... แต่เชลินก้าก็ไม่ได้สนใจอะไร คราวนี้เธอกลับใช้พลังชีวิตทั้งหมดของเธอ อธิษฐานต่อคริสตัลขอให้ยูริหายดีเป็นปกติ เพื่อแลกกับชีวิตที่เหลืออยู่ของเธอแทน

ในไม่ช้าเชลินก้าก็ค่อยๆ สลายไปต่อหน้ายูริที่ร่างกายกลับมาแข็งแรงเป็นปกติ ยูริร้องไห้และพยายามบอกเชลินก้าให้หยุดเดี๋ยวนี้...เราจะอยู่ด้วยกันตลอดไปไม่ใช่เหรอ...เชลินก้า...ยูริยังคงแผดร้องเรียกชื่อของเชลินก้าอย่างเศร้าเสียใจต่อไป แม้ว่าเชลินก้าจะไม่ได้อยู่ในโลกแล้วก็ตาม

ยูริเก็บสร้อยคริสตัลที่เชลินก้าทิ้งไว้ขึ้นมาเป็นของดูต่างหน้าถึงเธอ นับจากวันนั้นมายูริก็ต้องใช้ชีวิตอยู่คนเดียวหัวเดียวโด่เด่ต่อไป หลังจากนั้นไม่นานพ่อกับแม่ของยูริที่ยังมีชีวิตอยู่ในโลกใบนี้ก็ย้ายมาอาศัยอยู่ ณ หมู่บ้านแห่งนี้ หลายเดือนต่อมาพวกเขาก็ได้ให้กำเนิดยูริและเชลินก้าอีกคนหนึ่งขึ้นมา

เวลาผ่านไปหลายปี ยูริและเชลินก้าของโลกใบนี้ได้โตขึ้นมาจนวิ่งได้พูดได้แล้ว ยูริที่มาจากต่างโลกก็ได้แต่จ้องมองความสุขและความอบอุ่นที่เกิดขึ้นกับทั้งสองคนด้วยสายตาที่เศร้าสร้อย กระทั่งวันหนึ่งยูริได้ทำสร้อยคริสตัลที่เป็นของดูต่างหน้าของเชลินก้าตกเอาไว้ เชลินก้าของโลกใบนี้เก็บมันขึ้นมาและส่งสร้อยคริสตัลคืนให้กับยูริ แล้วเชลินก้าก็พูดคำพูดที่ทำให้ยูริต้องตกใจ เธอบอกให้ยูริอธิษฐานต่อคริสตัล แล้วคำอธิษฐานของยูริจะกลายเป็นจริงในโลกนี้ มาช่วยกันสร้างโลกของเราด้วยกันเถอะ 

* ในจุดนี้ผมมองว่าการที่เชลินก้าพูดให้ยูริมาช่วยกันสร้างโลกของ "เรา" แปลว่าเธอต้องรู้ว่ายูริคนนี้คือใคร เมื่อเธอรู้ว่ายูริคือใครนั่นแปลว่าเชลินก้าที่ยังเป็นเด็กตัวกระเปี๊ยกคืนนี้ก็คือเชลินก้าที่ยูริรู้จัก เธอคือเชลินก้าที่มีความทรงจำร่วมกับยูริและตายไปก่อนน่ะเอง

ทันทีที่แสงของคริสตัลสว่างวาบขึ้นมา ยูริก็ตกใจที่ตัวเองกลับกลายเป็นเด็กอีกครั้ง (ยูริตัวโตได้เข้าไปรวมกับจิตสำนึกของยูริที่ยังเป็นเด็กในโลกใบนี้) จากนี้ไปเขาจะได้ใช้ชีวิตใหม่อยู่ในโลกใบนี้พร้อมๆ กับพ่อแม่และเชลินก้า ยูริวิ่งเข้าไปกอดแม่ของเขาและก็ร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ นั่นคือครั้งแรกที่เขาได้กอดแม่ที่เป็นที่รักของเขาจริงๆ (เพราะในโลกก่อนหน้านี้ที่หมอนี่อยู่ แม่ของเขาโดนพวกจอมมารพาตัวไปตั้งแต่วันที่ยูริคลอดออกมา) เชลินก้าเองก็กอดแม่เอาไว้แน่นเช่นกัน และเธอยังบอกด้วยว่าพ่อของเธอน่ารักที่สุดเลย

หลังจากนั้นเชลินก้าก็หันมาพูดกับยูริว่า "บอกแล้วไงว่า แล้วเราจะได้พบกันใหม่ในไม่ช้า ยินดีต้อนรับนะยูริ"

"กลับมาแล้วครับ" ยูริตอบกลับไปด้วยรอยยิ้ม (ถ้าภาคอังกฤษจะพูดว่า ได้อยู่บ้านเนี่ยแหละ ดีที่สุดแล้ว)


มีจุดน่าสนใจที่ผมเห็นคือ ประโยคช่วงสุดท้ายของที่เชลินก้าพูดเป็นตัวยืนยันว่าเธอคือเชลินก้าคนเดียวกับเชลินก้าที่มาจากโลกที่ยูริคนนี้เคยอาศัยอยู่มาก่อน เป็นเชลินก้าที่มีความทรงจำร่วมกันมากับยูริคนนี้ ผมว่าให้เป็นแบบนี้ก็ดีแล้วแหละ ขืนเชลินก้าที่อยู่ในโลกนี้เป็นเชลินก้าคนอื่นที่ไม่ใช่คนที่เคยมีความทรงจำร่วมกันมากับยูริ ยูริเค้าก็คงเหงาแย่... ตอนแรกผมดูฉากจบแล้วก็งงว่าทำไมเชลินก้าถึงพายูริมาในโลกในอดีตที่ไม่มีใครรู้จักพวกเขา แต่พอดูจนจบแล้วก็เข้าใจว่านั่นเป็นแผนของเชลินก้า ที่จะทำให้เธอและยูริได้กลับมาเริ่มต้นชีวิตใหม่ตั้งแต่ช่วงวัยเด็ก ที่เขายังคงได้รับความอบอุ่นและความรักที่แท้จริงจากพ่อและแม่ 

สาเหตุที่ผมไม่ชอบฉากจบเกมแบบนี้ก็เพราะผมชอบที่จะได้เห็นพวกตัวเอกก้าวเดินต่อไปในอนาคต แม้จะเป็นอนาคตที่โหดร้ายก็ต้องมุ่งหน้าฝ่าฟันขวากนามต่อไปและเอาชนะมันให้ได้ ผมอยากจะเห็นตัวเอกที่สู้คนแบบนั้น ไม่ใช่ตัวเอกที่ยึดติดกับอดีต อยากกลับเป็นเด็ก อยากกลับไปอยู่ใต้ร่มเงาของพ่อแม่ในสมัยที่พ่อแม่ของตนยังมีชีวิตอยู่ ยังไงซะซักวันหนึ่งพ่อแม่ก็ต้องจากเราไป ถ้าเรามัวแต่ยึดติดกับอดีตเราก็จะเป็นทุกข์ กรณีของยูรินี่ถึงเขาจะได้กลับเป็นเด็กอีกครั้งแต่ในอนาคตพ่อแม่เขาก็ต้องตายแล้วเขาก็ต้องเศร้าเสียใจอีก แล้วแบบนี้เขาก็จะไม่ได้มีความสุขที่แท้จริงซะที จริงๆ แล้วถ้าจบแบบยูริกับเชลินก้าไม่โดนผลกระทบจากการใช้คริสตัล และได้อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขตลอดไป ผมยังจะชอบมากกว่าเลยนะเนี่ย....

ไม่มีความคิดเห็น