ครบรอบ 10 ปี Final Fantasy XIII


วันที่ผ่านมาเป็นวันครบรอบ 10 ปีการวางจำหน่ายของ Final Fantasy XIII บน PS3

ที่ผ่านมา เวลาพูดถึงเกมนี้ทีไร ก็จะมีทัวร์ลง คนมาช่วยกันลงแขกเยอะแล้ว ผมเลยแทบไม่ค่อยพูดตำหนิไรเกมมากนัก เพราะก็มีคนพูดแทนอย่างหนักหน่วงรุนแรงเยอะแล้ว บทบาทของผมเลยมักเป็นการบอกเล่าถึงมุมดี ๆ สิ่งดี ๆ ในเกมทั้งการกำกับซีน และดนตรีประกอบ เพื่อให้ผู้เล่นอย่างน้อยก็จะสามารถแสวงหาความสุขจากผลงานดังกล่าวได้

และก็เป็นวัฏจักรของเกมที่โดนด่าหนัก ๆ อย่างนึงว่า พอเกมมันผ่านไปอีกทศวรรษนึง ไปถึงอีกยุคสมัยนึง ด้วยทัศนคติของคนเล่นเดิมที่เปลี้ยนแปลงไป ผสมกับทัศนคติจากคนที่ได้มาเล่นทีหลัง มันอาจทำให้มุมมองที่คนเล่นมีต่อเกมนั้น ๆ เปลี่ยนไป

สมัยตอน FFVIII ออกบน PS1 ก็เคยโดนด่ายับมาก่อน ทั้งเรื่องไม่แฟนตาซี ระบบกาก ไม่ใช่ไฟนอลฯ กลายเป็นภาคนอกคอกที่ถ้าแฟน ๆ ไม่รู้จะคุยอะไรก็หยิบภาคนี้ขึ้นมาด่าก่อน ก่อน ก่อน ก่อนที่ FFXIII จะมารับไม้ต่อของสถานะนั้นในอีก 10 ปีให้หลัง ขณะที่ภาพลักษณ์ FFVIII ก็ดีขึ้นมาทันตา

และปัจจุบัน FFXV ก็มารับไม้ต่อจาก FFXIII ไป (นานแล้ว) ก็ไว้มาดูกันว่าในอนาคตจะมีภาคไหนมารับไม้ต่อของสถานะนี้ไปจาก FFXV ถึงตอนนั้น มุมมองที่คนเล่นพูดถึง FFXV ก็คงเปลี่ยนไป เหมือนที่เคยเกิดขึ้นกับ FFVIII และ FFXIII มาแล้ว

ด้านล่างนี่คือ ผมเขียนตอบในอีกโพสต์นึงครับ ไม่เคยเขียนบ่นถึง FFXIII ยาว ๆ มาก่อนเลยนะ 5555 ปกติจะเลี่ยงไปใช้คำพูดถนอมน้ำใจตลอดเพราะเห็นคนด่าเยอะ แต่วันนี้ไม่เห็นคนเปิด นาน ๆ ทีเลยเปิดเองสักหน่อย พิมพ์ในมือถือ ขุดเอาจากความทรงจำในอดีตเนี่ยแหละ

----------------------------

นอกจากคุณ Kemo ไม่มีคนช่วยเปิดให้เลย นาน ๆ ทีขอเปิดเองซะหน่อย

ข้อเสีย (FFXIII)

- Map เกมเป็นเส้นตรงเกือบทั้งหมดในเกม ขาดอิสระและความสนุกในการ explore พื้นที่ จนกระทั่งมาถึง Gran Pulse ช่วงท้ายเกม แต่ถึงจะมีทางแยกย่อยใน Gran Pulse บ้าง ทว่าหากเทียบกับภาคอื่น ๆ แล้วภาคนี้น่าจะเป็นหนึ่งในภาคที่มอบอิสระในการออกสำรวจให้ผู้เล่นน้อยที่สุด

- ศัตรูตามทาง fix มาให้สู้แล้ว เป็นระบบ symbol encounter ดังนั้นเล่นใหม่กี่รอบก็เจอศัตรูตามทางชุดเดิม

- HP ฟื้นกลับมาเต็มทุกครั้งหลังสู้จบ ทำให้แทบไม่ต้องบริหารการใช้ไอเทมฟื้นพลังแบบภาคอื่น ๆ

- ไม่มี MP ทำให้ยิงเวทย์ได้แบบแทบไร้ข้อจำกัด ไม่ต้องกังวลหรือกั๊ก mp และ ether ไว้ในการสู้บอส

- แต่ละ chapter มีกั๊กขีดจำกัดในการพัฒนาตัวละครไว้แล้ว ว่าไปได้ถึง crystarium เท่าไหร่

- ระบบพัฒนาตัวละครแบบ crystarium แทบไม่ให้อิสระในการพัฒนาตัวละคร ถึงมีทางอัปแยก แต่อัปไปนิดนึงก็ตัน มีทางแยกก็เหมือนไม่มี แบบนี้ไม่ต่างอะไรกับระบบเลเวลแบบโบราณที่ได้สกิล อบิลิตี้และความสามารถใหม่ตามเลเวล

- ผลจากหลายข้อด้านบนรวมกัน ทำให้เมื่อเราเอาชนะศัตรูชนิดนึงเป็นแล้ว เวลาสู้ครั้งต่อไปจะโคตรน่าเบื่อ เพราะเราเล่นตามสเต็บเดิมเป๊ะก็ผ่าน เราไม่ต้องลุ้นว่า MP จะพอไปถึงบอสมั้ย? ไอเทมฟื้นพลังจะพอใช้มั้ย? มันไม่ต้องบริหารและคำนวณค่าพวกนี้แล้ว ซึ่งถ้าเป็นภาคก่อน ๆ เรายังต้องบริหารของและ mp ไปตลอดเส้นทางด้วย

- ระบบ Optima (ชื่อออริจินอล) ไม่ได้มีความซับซ้อนอะไรมาก สุดท้ายเกมมีแค่บัฟเรา ดีบัฟฝั่งตรงข้าม ทำเชน เบรก ทุบ แค่นั้นก็ชนะศัตรูทั้งเกมแล้ว ถ้าเจอเต่าก็แค่ guard 3 คน ดาเมจก็ลดเหลือ 30% คอนเซปต์เกมมันมีแค่นี้

- ไม่มีหมู่บ้านที่เป็นหมู่บ้านจริง ๆ ให้สำรวจ ชาวบ้านที่จะให้คุยกันจริงจังก็ไม่มี สถานที่ฉากเก่าก่อน Gran Pulse ก็ย้อนไปสำรวจไม่ได้

- เล่าเนื้อหาไม่รู้เรื่อง, คนทั้งโลกอ่าน Analect แล้วก็งงเป็นไก่ตาแตก ตีความกันไม่เหมือนกัน บทสรุปต่างประเทศก็เขียนอธิบายเนื้อหาไปกันคนละทาง ตอนนั้นเราเข้าใจได้แค่ว่าฟัลซิฝั่งลินด์เซย์ อยากทำให้โคคูนตกลงแกรนพัลส์ ให้คนทั้งโคคูนตาย แล้วลินด์้เซย์จะได้กลับมา แต่ก็เกิดคำถามมากมาย เช่น ลินด์เซย์กับพัลส์ต้องการอะไรกันแน่? มันทำอะไรไว้? ทำไมถึงจากโลกนี้ไป? Term The Maker ในภาค eng ครอบคลุมแค่ไหน? ทำไมพวกฟัลซิถึงอยากให้ลินด์เซย์กลับมามากจนขนาดที่ออฟานยังต้องเชื้อเชิญลูซิให้มาฆ่าตัวมันเองเพื่อให้โคคูนสูญเสียแหล่งพลังงานได้ แบบนั้นแล้วออฟานจะได้อะไร? แล้วเอโทรเกี่ยวข้องกับพวกนั้นยังไง? เอโทรจะทำอะไรกันแน่? ฯลฯ

สุดท้าย คำถามทั้งหมดมาเฉลยในคลิปเปิดตำนาน Fabula Nova Crystallis ในงานสถาปนาฝ่าย 1st production department premiere ที่อธิบาย prologue ก่อนเข้าสู่ FF13 ทุกอย่างเลยกระจ่าง...... กุจะบร้าาา

ไม่มีความคิดเห็น