สรุปบทสัมภาษณ์ Digging Deep โลกของ Final Fantasy VII Remake ตอนที่ 2
*เป็นการสัมภาษณ์ผู้กำกับร่วม คุณโมโตมุ โทริยามะ
**ตอนแรก ย้อนอ่านได้ที่ - http://re-ffplanet.blogspot.com/2020/08/digging-deep-final-fantasy-vii-remake-1.html
- ร้านที่ขาย Chocobo Popcorn ในวอลล์มาร์เก็ต มันคือการเอาถั่วโจโคโบะ (チョコボ豆) ซึ่งมีรูปร่างเป็นโจโคโบะ ไปทอดในน้ำมัน ถั่วนั้นหลังจากมันป๊อปแล้ว ก็ยังคงรูปร่างเป็นโจโคโบะอยู่ เวลากินเราก็จะเผลอพูด "เคว๊" (クエ) แบบโจโคโบะออกมา
- ในภาคออริจินอล สุสานรถไฟเป็นเพียงดันเจียนธรรมดา แต่ในรีเมคได้ทำให้มันเป็น Chapter เฉพาะของมันเอง เพื่อการนั้นจึงเติมแต่งให้มีองค์ประกอบเหมือนบ้านผีสิง
- บอสของแชปเตอร์สุสานรถไฟ เจ้า Eligor เล็งเห็นอนาคตได้ว่าหลังจากนี้เพลทของเขต 7 จะถล่มลงมา ทำให้คนตายมากมาย สร้างความปั่นป่วนให้ไลฟฺสตรีม มันเลยพยายามหยุดยั้งพวกคลาวด์ไม่ให้ไปที่เสาค้ำเพลทได้ทันเวลา
- การวิ่งบันไดขึ้นตึกชินระ ถูกออกแบบให้ยังไงก็ไม่มีทางเอาชนะทิฟาได้ เรื่องวิ่งนี่ไม่มีใครเอาชนะเธอได้
- ปกติพวกตึก High Rise จะแยกลิฟต์สำหรับรับส่งคนไปยังกลุ่มชั้นต่าง ๆ เพื่อประสิทธิภาพในการรับส่งคน แต่ลิฟต์ของตึกชินระจะวิ่งรับส่งเปิดได้ทุกชั้นตั้งแต่ชั้น 1-59 เพราะบริษัทไม่ได้รังเกียจที่จะสูบมาโคมาใช้อย่างไม่บันยะบันยัง ไม่ได้สนใจผลกระทบ แต่อยากจะอวดความก้าวหน้าด้านวิศวกรรมของตน
- คุณโทริยามะบอกว่าตึกชินระ ไม่ได้เอาโมเดลต้นแบบมาจากสถานที่จริงบนโลก
*แต่คุณยูสึเกะ นาโอระ ฝ่ายศิลป์เคยอธิบายชัดเจนว่าเอาแบบมาจากตึก GUNKAN東新宿ビル ซึ่งตอนนี้ก็อยู่ห่างจากออฟฟิศของ Square Enix ไป 350 เมตร https://youtu.be/jNQfY3G35y0?t=180 | หน้า Wiki ของตึก : https://ja.wikipedia.org/wiki/GUNKAN東新宿ビル
- ตอนสร้างภาคออริจินอลนั้น ที่ออฟฟิศ Square เก่ามี รีเฟรชฟลอร์ (リフレッシュフロア) เป็นพื้นที่สำหรับพักผ่อนให้พนักงาน ชื่อรีเฟรชฟลอร์ในเกม ก็เอามาจากอันนี้
- ตึกชินระไม่ได้เป็นเพียงที่ทำงาน แต่ยังเป็นสถานที่ให้ประชาชนเข้ามาเรียนรู้เรื่องเกี่ยวกับบริษัท และระบบพลังงานของเมือง เพื่อการนั้น จึงคิดว่าใส่พิพิธภัณฑ์เข้าไปด้วยก็ดี นอกจากนี้ทีมงานยังอยากให้ผู้เล่นเข้าใจพวกคีย์เวิร์ดสำคัญของเนื้อเรื่อง อย่างชนเผ่าโบราณและ Promised Land ก็เลยใส่คลิป VR ลงไปให้ชมใน Visual Floor ด้วย
- ทหารที่ต้องก้มตัว เป็นที่รองขาให้สการ์เล็ต เป็นทหารที่ถูกเลือกและมอบหมายให้เป็นที่พักเท้าของเธอ เพื่อไม่ให้สการ์เล็กตต้องเมื่อยเท้า คนที่ทำหน้าที่นี้เรียกว่า อ๊อตโตะมัน (オットマン) หลังอ๊อตโตะแมนจะมีความนุ่มเป็นพิเศษจนสการ์เล็ตชื่นชอบ เขาจะต้องสแตนด์บายพร้อมปฏิบัติงานตลอด 24 ชั่วโมง กระทั่งตอนสการ์เล็ตเข้าห้องนอน ตาอ๊อตโตะมันก็ยังต้องไปรออยู่นอกห้อง
- ทีมงานอยากให้มีช่วงที่ผู้เล่นได้ควบคุมตัวละครอื่นนอกจากคลาวด์ สำหรับทิฟาก็อยากให้เธอได้แสดงความปราดเปรียว ก็เลยให้เธอได้โหนไต่ไปตามบาร์โหนลิง (うんてい/Monkey Bar - ชื่อเฉพาะที่ทีมงานเรียกกัน) ในตึกชินระ
- ภาพวาดบนกำแพงในห้องที่แอริธเคยอยู่ตอนเด็ก เป็นภาพปริศนาที่แอริธวาดตอนเป็นเด็กและพลังของชนเผ่าโบราณเริ่มสำแดงออกมา คุณคาสึชิเงะ โนจิมะ (คนเขียนสคริปต์) เตรียมข้อมูลมาขยายความภาพวาดนั้นในนิยายภายในหนังสือ FFVII Remake World Preview (เวอร์ชั่นญี่ปุ่นออกไปเมื่อเดือนมีนาคม เวอร์ชั่นอังกฤษจะออกเดือนกันยายนนี้) ในนิยายนั้นจะเล่าถึงความเศร้าของการเกิดมาเป็นชนเผ่าโบราณ ดังนั้นไปซื้อมาคลายสงสัยซะ
- นอกจากนี้ในช่วง Planning Stage เรายังสั่งทำภาพอาร์ตนั้น ด้วยไอเดียว่าแอริธวาดด้วยกันกับอิฟาลน่า (แม่จริง) ระหว่างที่แอริธได้รับฟังและเรียนรู้เรื่องประวัติศาสตร์ของชนเผ่าโบราณไปด้วย
- มอนสเตอร์ซอร์ดแดนซ์ (ソードダン) และบ้านผี (ヘルハウス) เป็นศัตรูธรรมดาในภาคออริจินอล แต่ดีไซน์ของพวกมันโดดเด่นกว่าพวกมาก ก็เลยตัดสินใจจะเสริมความเด่นให้พวกมันเลยอัปเกรดเป็นบอสไปเลย
- ถึงอัปเกรดบ้านผีเป็นบอสแล้ว แต่การมีบ้านที่ต่อสู้ได้ (闘う家) โผล่ออกมา มันก็ยังดูเป็นมอนสเตอร์จากแฟนตาซีหลุดโลกอยู่ดี จู่ ๆ จะให้มันโผล่มาตามปกติก็คงประหลาดไป ก็เลยตัดสินใจใส่มันลงไปเป็นบอสในการต่อสู้ที่โคลอสเซียมของวอลล์มาร์เก็ตเพื่อให้ดูโชว์อัปอลังการงานสร้าง แล้วยังสร้างบทพูดให้สองพิธีกร คจจิ (コッチ) ซจจิ (ソッチ) พูดเยอะเป็นพิเศษในแมตช์นั้น ซึ่งไม่ใช่งานง่ายเลย แต่พอได้ยินว่าซีนนี้ได้รับเสียงตอบรับจากแฟน ๆ ดีมากก็ชื่นใจ
- การที่ Part 1 เจาะลงไปแค่เนื้อเรื่องในมิดการ์ ทำให้ใช้เทคโนโลยีล่าสุดได้เต็มที่ เสียงตอบรับที่ได้ยินจากแฟน ๆ ก็ค่อนข้างเป็นบวกท่วมท้น ก็โล่งใจที่แฟน ๆ ชอบกัน แต่ก็เป็นแรงบันดาลใจที่จะทำให้ดียิ่งขึ้นใน Part ต่อไป
Post a Comment