Sunday, August 30, 2020

ประสบการณ์ 2-shot ครั้งแรกกับ Daisy Daisy


วันนี้ได้ไป 2-shot (เชกิ) กับน้องแฮมมี่ (Hammy DAISY DAISY​) ครั้งแรกแล้ว เย้~ 😆

หากมิตรสหายพอจำกันได้... ผมเคยเล่าในเพจเก่าเมื่อต้นมกราคมที่ผ่านมาว่า วันที่ผมไปงาน Idol Music Exchange เพื่อตามไปให้กำลังใจคุณไข่ตามปกติของผมนั้น ผมก็สะดุดรักกับเสียงของสาวน้อยที่ร้อง Part of Your World เข้าอย่างจัง เป็นความประทับใจที่เริ่มต้นขึ้นจากการประทับใจน้ำเสียงเพียว ๆ โดยไม่มีอย่างอื่นเจือปน

วันนั้นตอนที่ถ่าย Group Shot กัน ผมจึงขอให้คุณไข่กับคุณแฮม (หรือที่สตาฟฟ์เรียกว่าคู่ Breakfast) เป็นสองคนที่ขนาบข้าง

จากวันนั้นมาผมก็คอยเกาะติดน้องแฮมเรื่อยมา ถึงได้รู้ว่าน้องเป็นดาวจรัสแสงมาตั้งแต่เด็กแล้ว ทั้งทักษะทางดนตรี เสียงร้อง รูปร่างหน้าตา performance การเอนเตอร์เทนคนดู ประสบการณ์ผ่านเวทีต่าง ๆ ความมั่นใจ... คือแฮมมีองค์ประกอบครบที่จะเป็นซุปตาร์มาก และเราก็หวังว่าเธอจะเติบโตในสายดนตรีไปได้อีกไกล


แต่ที่เด็ดที่สุดเลยนะะ!!

น้องเป็นคนที่มีลีลาการเล่าเรื่องที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวมากก และเอกลักษณ์นั้นก็ถูกจริตผมสุด ๆ 5555

แฮมค่อนข้างเป็นคนสำรวม พูดเสียงเย็น ๆ และช้า ๆ เรียกว่าช้ากว่าจังหวะการพูดคนทั่วไปขั้นนึง

แล้วเรื่องที่น้องเล่าบ่อยครั้งก็เป็นเรื่องที่ทำให้ผมรู้สึก "อีหยังวะะะ!!!" และรู้สึกเป็นบุญหูมากที่ได้ยิน 555

อย่างล่าสุดก็เรื่องความรักในวัยมัธยม ที่แฮมเล่าตั้งแต่ 5 ทุ่มครึ่งยันตี 3... ตอนแรกแฮมจะตัดจบตอนตี 1 แล้ว ซึ่งตอนนั้นเธอเล่าไปถึงไคลแมกซ์นึงพอดี โคตรจะ cliffhanger... แล้วทั้งห้องก็ช่วยกันดิ้นขอให้เธอเล่าต่อ จนแฮมยอมเล่าจนจบได้ตอนตี 3

หรือย้อนไปก่อนหน้านั้น แรก ๆ ที่ผมเริ่มตามแฮม ในเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ ที่จำได้ขึ้นใจก็คือแฮมตื่นมากลางดึกตี 2... ไลฟ์แบบปิดกล้องไป ให้คนดูฟังแต่เสียง แล้วก็ได้ยินเสียงแฮมสูดเส้นมาม่า... แฮมก็พูดในไลฟ์ว่าเหงา แล้วก็ชวนคุยเรื่องจิปาถะหลายเรื่อง... ที่แบบ เอ่ออออ... (ไม่ควรบรรยาย) สุดท้ายคลิปไลฟ์นั้นก็หายไป 😂😂 (แต่เป็นประสบการณ์ประทับใจผู้ฟังแบบผมมาก วันนั้นผมฟังไลฟ์จบแล้วต้องมาเขียนเล่าต่อไว้ในเฟสส่วนตัวผมเลย)


ก็หลังจากติดตามมาครึ่งปี... ผ่านช่วง COVID-19 กันมา วันนี้ก็ได้ไปคุยกับน้องแฮมแล้ว และก็รู้สึกว่า... Merry Go Sound หรือค่าย Daisy Daisy นั้นให้เวลาน้อยจังเลย 😂😂😂


อ่ออ... นอกจากเรื่องน้ำเสียง, ลีลาการเล่าเรื่องแล้ว อีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ประทับใจแฮมมากก็คือ... ในคืนเดือนกุมภาพันธ์วันนึง เวลาประมาณตี 4 ....ผมที่นอนหลับอยู่ก็ได้ยินเสียง noti จากมือถือเด้งรัว ๆ ติดกันเป็นสิบที

ด้วยความงัวเงียก็หยิบมือถือมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น... 🤔

แล้วสิ่งที่พบก็คือ แฮมเอาเฟสหลักของเธอเอง มาไล่กด Like ภาพของเธอที่ผมถ่ายลงอีกเพจนึง ทุกรูปเลย...  😂😂 - (อันนี้ - https://www.facebook.com/BonchanGallery/posts/152113069586316)

จากวันนั้นมาก็เป็นจุดเริ่มต้นให้ผมแตกกิ่งก้านสาขา... จากที่ตาม CM Cafe อย่างเดียว ก็หันมาตาม Daisy Daisy ด้วยเพราะคุณแฮมเนี่ยแหละครับ <3

//พี่ bonchan เอง คนที่ Lv.1 ตลอดกาลใน Vibie เพราะเล่นไม่เป็น... 55

Friday, August 28, 2020

Spoiler ตอนจบซึบาสะภาค Timeline ที่ 2


ไปดูคลิปสปอยล์ซึบาสะภาค Timeline ที่ 2 จากแชนแนล Duck360Gaming2 มาละ 

[Spoiler Alert]

- เห็นเขาลงไว้ 2 คลิป มีทั้งแบบที่นัดชิงชนะเลิศ U-15 ไปเจอกับบราซิล และแบบที่เจอกับเยอรมัน

- ถ้าเล่นแบบเจอนัดชิงเจอเยอรมัน เหตุการณ์ก็แทบเหมือน Timeline ที่ 1 ในมังงะเป๊ะ - https://www.youtube.com/watch?v=QsBWvOMTF4E

- ถ้าเล่นแบบนัดชิงเจอบราซิล https://youtu.be/xoS0ETcIR4w เหตุการณ์ก็คล้ายกัน ก่อนเริ่มเกมบาร์บัส โค้ชอาร์เจนก็สนใจอยากจะทาบทามซึบาสะไปดูแล แต่ก็ได้เจอโรเบอร์โต และพนันกันว่าถ้าญี่ปุ่นชนะ โรแบร์โตก็เข้าไปหิ้วซึบาสะได้ แต่ถ้าบราซิลชนะ บาร์บัส ก็หิ้วซึบาสะไป

- หลังญี่ปุ่นชนะบราซิลได้ ซันตานา (ที่ตอนนี้ยังอยู่ในการควบคุมของเจ้าของ Bara FC เลยยังใช้ชื่อว่าบาร่า แต่ผมขอเรียกซันตานาตามความคุ้นชินละกัน) จะเกิดความรู้สึกอยากไปพูดกับซึบาสะเป็นการส่วนตัว แล้วก็เข้าไปบอกว่าเขาจะรอล้างตาในการแข่งขันลีกบราซิลในปีหน้า ...พูดได้ไม่ทันไรก็หนีเข้าอุโมงค์ไป

- เลโอบอกว่าซันตานาไม่ค่อยชื่นชมใครนักหรอก ไอ้ที่พูดนั่นก็แสดงว่าเขายอมรับนับถือซึบาสะมากแล้ว ก็ไว้ล้างตากันใหม่ในปีหน้า (แล้วก็คิดในใจว่าการที่ซันตานาได้พบซึบาสะ เหมือนได้สะกิดให้อะไรบางอย่างในใจซันตานาเปลี่ยนไป บางทีถ้าซึบาสะย้ายมาเล่นในบราซิล และได้เจอซันตานามากขึ้น ก็อาจจะเปลี่ยนความนึกคิดในตัวซันตานาให้กลับมาเป็นปกติได้)

- ซันตานาเข้าไปในอุโมงค์คุยโทรศัพท์ แล้วพูดแบบนิ่ง ๆ คอตกว่าเข้าใจแล้ว คราวหน้าเขาจะเป็นที่ 1 ของโลกให้ได้...เลโอที่ตามมาก็ถามว่าใครโทรมาเหรอ? ซันตานาไม่ตอบ... เลโอเลยรู้ว่านายของซันตานาโทรมา ซันตานาก็วิ่งหนีไปอยู่คนเดียว แล้วก็คิดในใจย้ำตัวเองว่าจะต้องทิ้งอารมณ์ที่เป็นส่วนเกินของมนุษย์ทั้งหมดไป จะเป็น Soccer Cyborg ที่สมบูรณ์แบบเพื่อเป็นที่ 1 ของโลกให้ได้ พระเจ้าที่พรากคุณตาคุณยายไป ก็คงประสงค์เช่นนั้น....

- หลังจากนั้น Ending ในส่วนพิธีรับรางวัลก็เหมือน Timeline ที่ 1 ซึบาสะกล่าวว่าจะไล่ตามความฝันในการทำให้ญี่ปุ่นเป็นแชมป์โลกไปเรื่อย ๆ โรแบร์โตก็ออกมาแสดงความยินดี ทำให้ซึบาสะร้องไห้ และไว้เจอกันใหม่ที่บราซิล

- จากนั้นก็เป็น Ending ย่อยของตัวอวาตาร์ของเรา ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับว่าเราเลือกเป็นเพื่อนมัตสึยามะ มิสุงิ หรือเฮียวงะ แต่ไม่มีเนื้อหาสำคัญอะไร....



โอเค จบแล้ว ไม่ต้องซื้ออ
ไปเล่น Overwatch และ Fall Guys ต่อด้ายยยย 😂😂

Ark ที่ไม่สมบูรณ์ เครื่องท่อลกาลเวลาที่ไม่ได้ส่งไคริข้ามกาลเวลา


ว่าด้วยช็อตสุดท้ายของเทรลเลอร์ล่าสุด Kingdom Hearts -Melody of Memory- ที่น่าสนใจดี

เป็นอะไรที่ตลกมาก ผมว่าซีนแบบนี้มันก็เหมือนพวกมุกหลาย ๆ อย่างใน KH III ที่เก็ตยาก เพราะมันอ้างอิงซ้อนไว้หลายชั้น การที่จะเก็ตได้นั้นก็ต้องอาศัยการเก็บข้อมูลหลายอย่างมาหลายภาค ถึงจะเข้าใจได้ปรุ

หากจะพูดโดยละเอียดสำหรับซีนนี้แล้ว ก็จะขอแบ่งความเข้าใจเป็นหลายกลุ่ม ดังนี้

-------------------------------------
1. คนที่เล่น KH1 มาละเอียด แต่ lost จากซีรีส์ไปนาน
-------------------------------------

- คนกลุ่ม 1 อาจยังเข้าใจเหมือนสมัยนั้นว่าเจ้าเครื่องจักรหน้าตาประหลาดนั่น คือเครื่องผลิตฮาร์ทเลสประเภท Emblem

- คนกลุ่ม 1 จะงงว่าไคริเข้าไปอยู่ในเครื่องนั้นได้ยังไง เพื่ออะไร?

- แต่คนกลุ่ม 1 ก็จะนึกถึงสิ่งที่อันเซมตัวปลอม เขียนรีพอร์ททิ้งไว้ได้ว่า (アンセムレポート10 / Ansem's Report 11)

プリンセスとキーブレードに密接な関係があるとするならば、互いに共鳴しあうであろう…。

特別な少女を一人選んだ。

彼女がプリンセスと呼ばれる者達と同様の能力があるかは分からない。

しかし、これは一つの可能性であり、実験である。彼女が鍵を持つ者のいる場所へ私を導いてくれるのか…

異空の海に送り出してみよう。

If the princesses and the Keyblade are connected, they should resonate.

I've chosen a girl. I don't know if she holds the princesses' powers, but I will find out. She may lead me to the key bearer.

I shall set her free and observe.

https://wikiwiki.jp/kh_series/レポート/【アンセムレポート】
https://www.khwiki.com/Ansem%27s_Reports

- แล้วคนกลุ่ม 1 ก็จะโยงได้ว่าอันเซมตัวปลอม อาจใช้เครื่องจักรนั้นทดสอบพลังของไคริ หรือไม่ก็ใช้ส่งเธอออกไปยังนอกโลก โดยหวังว่าเธอจะถูกชะตากรรมนำพาไปให้พบกับคีย์เบลด

-------------------------------------
2. คนที่ตามเนื้อเรื่องคร่าว ๆ มาจนถึงปัจจุบัน
-------------------------------------

- คนกลุ่ม 2 จะรู้ว่าเครื่องจักรประหลาดนั้นมีชื่อในซีรีส์ว่า 箱舟 หรือ Ark

- Ark ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อใช้เดินทางข้ามมิติและกาลเวลา (Space & Time) ด้วยเป้าหมายที่ผู้สร้างอยากไปยังโลกอนาคต

- ยามิได้บอกไว้ว่า Ark ที่เห็นในภาค KHUχ ซึ่งขณะนั้นทุกคนอยู่ใน Data World ...เป็น Ark ที่ไม่สมบูรณ์ เนื่องจากถูกยกเลิกการพัฒนาไปกลางคัน

- Ark ที่ไม่สมบูรณ์ สามารถพาตัว Pod และหัวใจของคนที่โดยสารข้างใน Pod เดินทางไปยังอนาคตได้ แต่ ร่างเนื้อของผู้โดยสารจะไม่สามารถทนต่อความเร็วในการเดินทางได้ ทำให้ร่างกายสลายไปในกระบวนการเดินทาง...

- แต่หากมี "สื่อกลาง" ที่จะสร้างร่างเนื้อให้ใหม่ กับมีคนที่จดจำผู้โดยสารคนนั้นได้ รออยู่ในอนาคตปลายทาง ก็จะสามารถสร้างร่างเนื้อขึ้นใหม่ได้

- Ark ใน Data World ของยุค KHUχ มีให้เห็น 7 Pod... แต่เสียหายในการต่อสู้ระหว่างมาเลฟิเซนต์กับลอวเรียมไป 1 Pod, ถูกมาเลฟิเซนต์เอาไปใช้แล้วหายไป 1 Pod, เหลือ 5 Pod... ที่ถูกส่งต่อมายังจนถึงยุค KH1 (สันนิษฐานว่าถูกใช้งาน มีคนขึ้นไปโดยสารข้ามมายุค KH1 เลย)

- เป็นที่น่าสังเกตว่า Ark ที่เห็นนั้นอยู่ใน Data World ยุคอดีต... แต่มันสามารถพามาเลฟิเซนต์ออกมายังโลกแห่งความจริงในอนาคตได้ หมายความว่าอย่างน้อย ๆ ตัวมันเองสามารถพาออกจาก Data World มายังโลกจริงได้ด้วยนั่นเอง

http://re-ffplanet.blogspot.com/2019/12/khu-ark.html
http://re-ffplanet.blogspot.com/2020/02/khu.html
http://re-ffplanet.blogspot.com/2020/04/khu-ark.html

-------------------------------------
3. คนที่เคยอ่านบทสัมภาษณ์ Kingdom Hearts -Birth by Sleep- ในคอลัมน์สัมภาษณ์คุณโนมุระที่จะมาเฉลยปริศนาหลังเกมวางจำหน่ายได้ 1 เดือน
-------------------------------------

- เราบอกไม่ได้ว่าอันเซมตัวปลอม รู้จักเครื่องจักรปริศนานี้ดีแค่ไหน? เขาคงรู้แหละว่าเครื่องมันพาวาร์ปได้เลยใส่ไคริเข้าไปใน Pod แต่เขาจะรู้มั้ยว่าเครื่องมันพาข้ามมิติ และกระทั่งข้ามกาลเวลาได้?

- แต่ไม่ว่าอันเซมตัวปลอมจะรู้เรื่องนั้นหรือไม่... ทว่าอย่างน้อยที่สุด เราก็รู้ว่าสิ่งที่ป้องกันไม่ให้ไคริในวัยเด็ก กระเด็นหลุดออกไปยังมิติอื่น หรือช่วงเวลาอื่น... ก็คือมนต์ที่อควอร่ายลงไปในสร้อยของไคริ

- โดยคุณโนมุระให้สัมภาษณ์ผ่านแฟมิซือไว้ในปี 2010 เองว่าเพราะมนต์นั้น ทำให้ไคริถูกวาร์ปส่งมายังเกาะแห่งชะตากรรม ที่โซระอยู่ - http://re-ffplanet.blogspot.com/2018/08/birth-by-sleep-1.html

- หมายความว่าถ้าอควอไม่ร่ายมนต์ให้ ไคริอาจจะถูก Ark วาร์ปพาท่องไปยังอนาคต เพื่อไปหาโซระยุคที่พร้อมใช้คีย์เบลด Kingdom Key แล้วในอีก 10 ปีข้างหน้า... แต่เพราะมนต์ของอควอ ไคริเลยไม่ได้ข้ามกาลเวลา แต่ Ark ก็ยังพาไปหาโซระที่จะเป็นผู้ครอบครอง Kingdom Key ในอนาคตให้....



😂😂😂😂ความสนุกของเนื้อเรื่องซีรีส์นี้ คือการมานั่งนึกว่ามันโยงใยกลับไปยังภาคใด ๆ บ้าง และทำให้ข้อมูลเก่ามันกลับมามีความสำคัญต่อการตีความและสันนิษฐานความเป็นไปต่อเนี่ยแหละ

Wednesday, August 26, 2020

Kingdom Hearts -Melody of Memory- ประกาศวันวางจำหน่าย


Nintendo Direct Mini ประกาศวันวางจำหน่าย Kingdom Hearts -Melody of Memory- ซึ่งปรากฏว่าเป็นวันศุกร์ที่ 13 พฤศจิกายน 2020 ตามที่ร้าน Gameware ของประเทศออสเตรียเคย leak มาก่อน

ข่าวเก่าตอน Gameware leak - http://re-ffplanet.blogspot.com/2020/08/kingdom-hearts-melody-of-memory.html

ตัวเกมเป็นเรื่องราวต่อจาก Kingdom Hearts III Re: Mind และเราจะได้ท่องไปในความทรงจำเก่า ๆ เรื่องราวที่ผ่านมาแล้วของซีรีส์ แต่ก็จะได้เห็นเรื่องราวบทใหม่ ความคืบหน้าฝั่งของไคริและริคุ ที่ตามหาโซระผู้สาบสูญไปอยู่นั่นเอง

ตัวเกมจะมีโหมดแข่งกันแบบ Online ที่ไม่ได้ระบุว่าเล่นได้พร้อมกันกี่คน แต่มีบอกว่าโหมด Local สำหรับ Nintendo Switch เล่นได้พร้อมกันถึง 8 คน!!


***ทางค่ายเคยให้ข้อมูลว่าทั้งเกมจะมีเพลงให้เล่นกว่า 140 เพลง ส่วนในภาพ แค่เพลงจากภาค 1 ก็ 30 เพลงแล้ว

คลิปเทรลเลอร์ : https://youtu.be/DKXn9V9-OBU


----------------------------------------

เว็บไซต์หลักของเกมฝั่ง JP อัปเดตว่าจะวางจำหน่ายในญี่ปุ่น 11 พฤศจิกายน 2020 

เกมดังกล่าวจะวางจำหน่ายให้กับทั้ง PS4, Nintendo Switch และ Xbox One ในราคา 6,800 เยน




เท็ตสึโนผู้กลับลำจาก Unbirth เป็น Unversed


กาลครั้งหนึ้งก่อนที่ Kingdom Hearts -Birth by Sleep- จะวางจำหน่าย คุณเท็ตสึโนเคยให้สัมภาษณ์ว่า アンバース มาจากการเขียนคาตาคานะของคำว่า unbirth ที่หมายถึงยังไม่เกิด

จริง ๆ แล้วก่อนแกให้สัมภาษณ์ สื่อและแฟนด้อม Kingdom Hearts ทั่วโลกก็เข้าใจกันว่าแกน่าจะเอามาจากคำว่า unbirth อยู่แล้ว เพราะเกมมันก็ยังชื่อ Birth by Sleep สื่อต่าง ๆ จึงนำเสนอข่าวเป็นภาษาอังกฤษว่า unbirth กันมาตลอด

กระทั่งวันหนึ่งเท็ตสึโนแกไป retcon ตัวเองแล้วให้สัมภาษณ์ใหม่ว่า アンバース มาจาก unversed (ไม่ประสีประสา) ซึ่งในเมื่อจู่ ๆ official แกอยากเปลี่ยนคำแบบนี้ สื่อทั่วโลกก็ต้องเปลี่ยนคำที่ใช้ในการนำเสนอข่าว จาก unbirth เป็น unversed ตามไปด้วย

เวลาผ่านไปจนหลังเกมออก แฟนบางส่วนที่ไม่ได้ติดตามข้อมูลเกมมาแต่แรก และมาตามในช่วงที่คำว่า unversed แพร่หลายไปแทนแล้ว ก็จะคิดกันไปว่าแฟน ๆ คนอื่นที่ยังเรียกว่า unbirth นั้น เป็นการมั่วมโน ถอดคาตาคานะมาแบบผิด ๆ เอง

ซึ่งที่จริงก็ไม่ได้ผิดอะไร เพียงแต่เรื่องมันเริ่มมาจากการที่จู่ ๆ เท็ตสึโนแกก็กลับลำเองซะอย่างงั้น

Tuesday, August 25, 2020

เก็บตกฉลาดเกมส์โกงซีรีส์ สัปดาห์ 4


/แบงค์มองเพิ่ล ๆ นับเงินสด 7 ล้านบาท

/แบงค์ตาเหลือก
/แบงค์หยิบแบรนด์มากระดกอึ่ก อึ่ก อึ่กกกกก

โอ้ยยย 55555555555555 😂😂


/แบงค์บอกขอส่วนแบ่งก่อน 5 แสนดิ จะรีบเอาเงินไปจ่ายค่ารักษาแม่

พัฒน์บอกไม่ให้ เดี๋ยวมึงเชิ่ด

พัฒน์ : แต่เดี๋ยวกูจะออกไปซื้อกาแฟสัก 10 นาที ถ้าเงินสดในกระเป๋าหายไป ก็ไม่ใช่ความผิดกูนะ...

แล้วก็เดินลอยชายไป


แบงค์ : อ่ะ เอ่อออ อ่าาาา ขอบใจว่ะ


ชอบที่เขาหยิบประเด็นที่โดนแซวในเวอร์ชั่นภาพยนตร์ มาเล่นในเวอร์ชั่นซีรีส์แฮะ

ก่อนหน้านี้ก็แซวเรื่องวิธีโกงข้อสอบด้วยการมองนิ้วที่เล่นแพทเทิร์นเปียโน มันยากไป จนจูเน่ต้องไปหาวิธีมาใหม่ไม่ให้ซ้ำฉบับหนัง


ล่าสุดก็มาถึง "ถ้าชักโครกไม่มีถังเก็บน้ำล่ะ?" กับ "ภาพที่ถ่ายไว้ไม่ยิ่งกลายเป็นหลักฐานให้สาวตัวกันได้เหรอ?"

เรียบร้อย ฮ่า ๆ

#จูเน่DarkRoad
#ฉลาดเกมส์โกงEP7


ยอมรับมาซะ ว่าคุณก็เป็นคนที่เล่น FFVII
ดูจูเน่ Dark Road ตอนเมื่อวาน
แต่ก็นึกไม่ถึงว่าพี่ค้าวเคยสอนวิธีนี้วั้ยยยย

#จูเน่DarkRoad
#ฉลาดเกมส์โกงEP8


"อย่าลืมใส่หมวกด้วย"

เอามงประจำ EP8 ไปเลยยยย
จะโกงส์แล้วยังอุตส่าห์หวังดีให้ทุกคนปลอดภัยยย

Sunday, August 23, 2020

ครบรอบ 13 ปี Ring of Fates กับความพยายามในการป้องกัน Hacker


13 ปีก่อน Final Fantasy Crystal Chronicle -Ring of Fates- (2007) เคยวางจำหน่ายบนเครื่อง NDS ในวันนี้

นอกจากจะเป็นเกมที่ไม่ค่อยจะสนุก เนื้อเรื่องก็ประหลาด (แต่ในความประหลาดนั้นก็ทำให้กินใจ) เล่น new game+ รวม ๆ กันได้ถึง 3 รอบ แต่ละรอบศัตรูก็โหดโฉดร้ายขึ้นเรื่อย ๆ ผมไต่ไปถึงต้นรอบที่ 3 ก็อ้วกแล้ว

มีกิมมิคนึงที่ทีมงานใส่ลงไปในเกมได้น่าสนใจ คือระบบกัน Piracy ซึ่งถ้าเกมถูกแฮ็คทำเป็น ROM แล้วเอาไปเล่นผ่านอุปกรณ์เสริมอย่างตลับ R4 ที่กำลังฮิตในตอนนั้น เกมจะเล่นได้เพียง 15 นาที แล้วก็ตัดขึ้นฉาก Thank you for playing ขึ้นมา ราวกับทีมงานจะบอกว่าให้ทดลองเล่นได้เท่านี้แหละ หลังจากนี้ก็ไปจ่ายเงินซื้อตลับแท้มาเล่นให้ถูกต้องซะ

หลังเกมออกไม่นาน ทีมแฮ็คก็สามารถ Patch ROM เกมให้ฉากนี้ไม่แสดงผลได้ แต่ก็เห็นได้ว่าเป็นความพยายามครั้งหนึ่งที่ผู้พัฒนาเกมพยายามใส่ระบบป้องกันการแฮ็คเข้าไป

Thursday, August 20, 2020

การจากไปของเมรุส สู่โกคูที่สมบูรณ์


หลังจากอ่านตอนล่าสุดจบ คิดว่าคำถามที่น่าจะเกิดขึ้นในใจของทุกคนก่อนเลยคือ โกคูจะอยู่ในอารมณ์ความรู้สึกแบบไหนนะ?

หากไม่ใช่ความโกรธ แต่เป็นความสงบ จะเป็นความสงบแบบไหน?

แล้วการจากไปของเมรุสนั้น มันคืออารมณ์ใดกันแน่?

เมรุส เทวดาผู้จากไปพร้อมกับรอยยิ้ม....?



ในความคิดผม คนเราสามารถจากไปด้วยรอยยิ้มได้ ก็ต่อเมื่อไม่เหลืออะไรที่อยากทำในชีวิตแล้ว หมดห่วงแล้ว

แต่ก่อนที่จะหมดห่วง สิ่งหนึ่งที่เชื่อว่าหลายคนอยากจะมีกัน ก็คือการมีผู้สืบทอดจิตวิญญาณของตัวเอง

ดั่งพ่อแม่ที่หมดห่วงเมื่อเห็นลูกเติบใหญ่ไปโดยเห็นเมล็ดพันธุ์/เงา/จิตวิญญาณของตัวเอง ที่มีชีวิตอยู่ต่อไปในตัวลูก และจิตวิญญาณนั้นก็จะสืบทอดและวิวัฒน์ต่อไปในรุ่นสู่รุ่น

สำหรับผม ก็คือเมล็ดพันธุ์ความคิดของผม ได้ไปผลิบานอยู่ในตัวหลานที่เลี้ยงดูมาแต่เด็กหมดแล้ว หลานกลายเป็นเสมือนตัวผมใน new game+ ที่เกิดมาในช่วงเวลาใหม่ โดยสมบูรณ์... และเมื่อเขาเติบโตพอยืนหยัดเองได้ ผมก็หมดห่วงได้

สำหรับเมรุส.... ในบทสุดท้าย ทำให้ผมรู้สึกว่าเมรุสเองก็เชื่อว่าเมล๋็ดพันธุ์ จิตวิญญาณ และความคิดของเขานั้น จะเติบโตในตัวของคาคาล็อตต่อไป

เขาเชื่อว่าอีกเพียงนิดเดียวโกคูก็จะบรรลุ และเมื่อบรรลุแล้วก็จะไม่พ่ายแพ้โมโรหรือใครอีก จิตวิญญาณของเมรุสก็จะสืบทอดต่อไปผ่านตัวโกคู

หนำซ้ำ ในชีวิตของเมรุสเอง แกก็ได้ค้นพบ sense of justice, ความรู้สึกที่อยากผดุงสันติสุขไว้, และค้นพบคนมหัศจรรย์มากมายทั้งสายตรวจอวกาศและชาวไซย่าอย่างโกคู ที่เชื่อว่าจะสามารถเปลี่ยนแปลงคนร้ายให้กลายเป็นดีได้

เมรุสได้เรียนรู้อะไรมากมายที่อยู่นอกเหนือจุดยืนของเทวดา  ได้เรียนรู้ บรรลุในความรู้สึกของตนเอง พร้อมทั้งได้ถ่ายทอดตัวตนของเขาส่งต่อไปยังบุคคลอื่น

ผมจึงเชื่อว่าเมรุสนั้น หมดห่วงแล้ว และไม่เหลืออะไรที่อยากจะทำต่อไปแล้ว...

การตายของเมรุสจึงไม่ใช่อุบัติเหตุ เมรุสไม่ได้ถูกโมโรหรือใครฆ่าตาย

เมรุส เลือกที่จะจบชีวิตตัวเองด้วยตัวเอง

ทำในสิ่งที่รู้แก่ใจว่าตัวเองต้องตาย ด้วยความตั้งใจของตนเอง

เขาถึงได้จากไปด้วยรอยยิ้ม

รอยยิ้มของความสุข จวบจนวินาทีสุดท้าย....



ผมเชื่อว่าความรู้สึกทั้งหมดนี้ ก็จะส่งผ่านไปถึงตัวโกคู

โกคูไม่ได้โกรธ

แต่สิ่งที่เขาได้รับ และคิดได้ คือความเข้าใจความเป็นไปของชีวิตที่มากขึ้น

มันคือการบรรลุไปอีกขั้นหนึ่ง หรือ one last push ดั่งที่เมรุสปรารถนาไว้

ความเข้าใจในความเป็นไปของชีวิต ทำให้โกคูสงบ

บรรลุ และกลายเป็นตัวตนที่สมบูรณ์...

Monday, August 17, 2020

เก็บตกฉลาดเกมส์โกงซีรีส์ สัปดาห์ 3


ลิน
"พอรู้ตัวอีกที เรากลายเป็นคนแบบที่เราไม่ชอบไปแล้ว"

แบงค์
"สำหรับเรา สิ่งที่แกพูดมาทั้งหมด มันก็แค่ข้ออ้างในการหาความชอบธรรมให้กับตนเอง"

พัฒน์
"ไปเป็นเพื่อนเราหน่อย..."
"เรากลัว...."


ลิน
"ถามจริง ๆ ตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกันมา"
"แกเล่นละครใส่เรารึเปล่าวะ?"
"ไม่เหรอ"
"น่าเสียดายเนอะ เราว่าแกเล่นละครเก่งมากเลย"
"วันนี้ที่แกบอกรักเรา เราเชื่อสนิทใจเลย..."


เบื้องหลังฉากโปรยกระดาษข้อสอบจากมุมสูง (โปรยจริงไม่ฟิลเตอร์)
https://twitter.com/JustForJu/status/1295346495558791170

ภาพตอนทีมงานมานั่งเก็บกระดาษข้อสอบที่โปรยกันลงมา
https://twitter.com/Kangaroo0908/status/1295372357490503681

ลินสูญเสียอะไรไปบ้าง?
❌เรียนไม่จบ
❌เสียเพื่อนที่สนิทที่สุด
❌เสียคนที่รัก
❌เสียทุนไปอเมริกา
❌เสียความศรัทธาไว้ใจที่พ่อเคยมีให้

จากจุดเริ่มต้นที่เพียงอยากทุจริตนิด ๆ หน่อย ๆ เพื่อช่วยเพื่อนสนิท ลิน (จูเน่ Dark Road)..... ตกกระไดพลอยโจนให้ต้องย่างเข้าสู่เส้นทางความมืด ใช้การทุจริตต่อสู้กับระบบสังคมโรงเรียนที่บิดเบี้ยวจนผู้ใหญ่ยอมรับให้กลายเป็นค่านิยม จนเธอได้เข้าสู่เส้นทางความมืดอย่างเต็มด้วย และกลายเป็นคนในแบบที่เธอตอน ม.ต้น เคยรังเกียจสุดหัวใจ....



ดูเรื่องนี้แล้ว เข้าใจเซอานอร์ทได้ดียิ่งกว่า Kingdom Hearts Dark Road ซะอี๊กกกก 😭

#จูเน่DarkRaod
#ฉลาดเกมส์โกงEP5

ธานอสกับแผนล้างครึ่งจักรวาลที่ไม่เคยมีความสมเหตุสมผล

ตั้งแต่ดู Avengers : Infinity War อยู่ในโรงภาพยนตร์แล้ว ผมก็ว่าแผนของธานอส made no sense หรืออย่างน้อยแผนมันก็ไม่สามารถแก้ปัญหาอย่างยั่งยืนได้ และผมคาดหวังว่าจะให้มีตัวละครฉลาด ๆ สักตัวในเรื่องโพล่งขัดขึ้นมาว่าถ้าจะแก้ปัญหา overpopulation และ overconsumption ด้วยการดีดนิ้วให้ประชากรจักรวาลหายไป 1/2 ....แล้วจะเรียนเศรษฐศาสตร์ การบริหารทรัพยากร การคุมกำเนิด ไปทำไม???

อนิจจา ดันไม่มีตัวละครสักตัวพูดอะไรแบบนี้ออกมา เสียจัยยยย 😭

ระหว่างดู ผมก็คิดว่าทางแก้ปัญหาด้วยการ
- แพร่กระจายแนวคิดและวิธีคุมกำเนิด เพื่อควบคุมจำนวนประชากรในระยะยาว
- หาทางขนส่งทรัพยากรจากดาวที่ทรัพยากร oversupply ไปยังดาวที่ขาดแคลน
- จำกัดการใช้ทรัพยากรของดาวที่มีปัญหา ไม่ให้มีการใช้ทรัพยากรอย่างสิ้นเปลืองเกินจำเป็น
- ฯลฯ

อะไรเปล่านี้ เป็นวิธีที่ธานอส หรือคนที่คิดจะแก้ปัญหาจริงจัง น่าจะลองทำดูก่อนเลือกใช้วิธีไปดีดนิ้วหายครึ่งจักรวาล

โอเคว่าการลงมือปฏิบัติแนวทางดังกล่าวดังกล่าวในสเกลจักรวาล มันยากและเป็นงานใหญ่จนมองไม่เห็นทางจะทำได้..... ทว่าถ้าธานอสมีพลังอำนาจมากพอ แล้วยังมีถุงมือวิเศษแบบนั้นอีก (คิดซะว่าเป็นดราก้อนบอล) ก็น่าจะหาทางประยุกต์ใช้เพื่อให้แนวทางดังกล่าว สัมฤทธิ์ผลให้ได้ก่อนมิใช่หรือ

จากวันนั้นผมกลับมาบ้าน ก็นั่งพิมพ์สเตตัส วิเคราะห์ผลเสียจากการ random ฆ่าคนครึ่งจักรวาล โดยเฉพาะเรื่องดาวที่ผลิตทรัพยากรได้มาก ผมเสียดายประชากรดาวที่บริหารทรัพยากรกันได้ดี เสียดายพวกที่ใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่ากันอยู่แล้ว และมองว่าการปิดตา random ฆ่าของธานอส ที่ทำให้เหล่าชาวดาวที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ กับปัญหาเลย และใช้ชีวิตแบบ do their best ที่สุดแล้ว ต้องตายไปด้วย เป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้.... พวกเขาจะต้องตายฟรีเพื่อวิธีการแก้ปัญหาที่สุดท้าย ก็ไม่สามารถแก้ไขต้นตอของปัญหาได้... ธานอสพยายามหลอกลวงว่าการ random คือความยุติธรรม แต่ในสายนิติศาสตร์แล้ว ความยุติธรรมไม่ใช่การปฏิบัติอย่างเหมือนกันหมดต่อทุกคน แต่เป็นการปฏิบัติต่อปัจเจกชนที่มีความแตกต่างกัน ให้ได้ความแตกต่างที่เหมาะสมกับสิ่งที่เขาพึงได้รับ... (แล้วอาจารย์ก็จะยกตัวอย่างในคลาสว่า คนรวยก็ควรจะต้องเสียภาษีเป็นจำนวนเงินมากกว่าคนจน และได้รับการช่วยเหลือจากภาครัฐน้อยกว่าคนจน อะไรแบบนั้น แต่ทั้งหมดก็ต้องอยู่บนหลักเกณฑ์ที่มันเป็นธรรม ให้ปฏิบัติต่อคนฐานะเดียวกันอย่างเหมือนกัน)



ในลิงก์นี้ เขาก็วิเคราะห์กันว่าวิธีการของธานอส มันเป็น temporary solution แก้ปัญหาได้แค่ชั่วคราวเท่านั้น... หากไม่ควบคุมอัตราการเพิ่มประชากร พอผ่านไป XX ปี ประชากรก็จะเพิ่มกลับมาเท่าเดิม แล้วปัญหาเดิมมันก็กลับมา

แล้วถ้าปัญหาเดิมกลับมา ธานอสจะทำยังไง? จะดีดนิ้วใหม่อีกรอบเหรอ? เป็นไปไม่ได้หรอก ก็เอ็งทำลายมณีทิ้งไปแล้วววว

หรือถ้าธานอสจะหวังว่าประชากรครึ่งนึงที่เหลืออยู่ จะสำนึกกันได้ และลดอัตราการเกิดประชากรกันเอง.... หาทางกระจายทรัพยากรให้เหมาะสมกันเอง ใช้ทรัพยากรอย่างประหยัดกันเอง มันก็ยากปัยยยยย ธานอสเองก็ควรจะนำเสนอไอเดียนั้นอย่างตรงไปตรงมา แต่แรกสิว้อยยย



สุดท้ายบทความจบท้ายอย่างเฉียบขาดว่า ไม่ว่าเหตุผลที่แท้จริงจะเป็นอย่างไร แต่อย่างน้อยภาพยนตร์มันก็อลังการงานสร้างทางช้างเผือกตะลึง มากพอที่จะดึงความสนใจ (กลบ) จากแผนงี่เง่านี้ไปได้....
.
ป่ะ 16.55 น. แล้ว หิ้วกระเป๋า กลับบ้านครับบ

https://www.cheatsheet.com/entertainment/avengers-endgame-thanos-plan-actually-made-no-sense.html

เสรีภาพในการทิ้งขยะเกลื่อนกลาดของม็อบ

เห็น Dev. ไทยท่านหนึ่ง ถูกใจภาพสถานที่ชุมนุมที่ค่อนข้างสะอาดหลังจากเลิกชุมนุมเมื่อคืนนี้ พร้อม caption ว่าขอบคุณทุกคนที่ช่วยกันรักษาความสะอาดดี เสร็จกิจแล้วก็เก็บขยะ ให้เรียบร้อยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

(ซึ่งผมไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ ก็ไม่รู้หรอกว่ารักษาความสะอาดกันดีแค่ไหน แต่จะดีใจมากหากทุกคนช่วยกันรักษาความสะอาด อย่างที่เห็นในภาพ)

พูดแล้วนึกถึงช่วง 10 กว่าปีก่อน ที่ม็อบ 2 สีกำลังพีก

ด้วยความที่ว่าบ้านผมอยู่ใกล้กลับทำเนียบรัฐบาล ทำให้ต้องพบปะกับม็อบทุกสีบ่อย จะไปไหนมาไหนก็ต้องก็ลำบาก และต้องเปลี่ยนเส้นทางไปเรื่อย ๆ เพราะม็อบ (ทุกสี) ก็กีดขวางเส้นทางหลายเส้นรอบบ้าน ช่วงนั้นจะออกไปเรียนก็ลำบาก ก่อนออกจากบ้านก็ต้องมาสอบถามก่อนว่ารถจะผ่านเส้นทางไหนได้-ไม่ได้บ้าง ตอนจะกลับบ้านก็ต้องมาระทมกบาลตรวจสอบเส้นทางกันใหม่....


เอ่อ หลุดประเด็นครับ ขออภัย... ที่จะสื่อคือ บ่อยครั้งม็อบ (ทุกสี) ก็จะเดินขบวนผ่านหน้าผมบ้าน ผ่านซอยข้างบ้านบ้าง ผ่านหลังบ้านบ้าง

ยุคนั้นเวลาม็อบ (ทุกสี) เคลื่อนขบวนผ่านมาทีไร ถนนก็เละตุ้มเป๊ะไปด้วยขนมนมเนยขวดน้ำที่มวลชนปล่อยทิ้งลงบนถนนขณะเดินขบวน กลายเป็นเส้นทางขยะ... ดูไม่มีจิตสาธารณะในการรักษาความสะอาดกันสักเท่าไหร่ ลำบากให้ผู้อยู่อาศัยบนเส้นทางนั้น ต้องมาทำความสะอาดกันเองน่ะแหละ
.
ตอนนั้น คนแถวบ้านก็ได้แต่ทำใจ และมองว่ามันเป็นเรื่องปกติที่เมื่อมีม็อบชุมนุมหรือเดินขบวนแล้ว ถนนก็ต้องเละเทะไปด้วยขยะ เขาก็พยายามบิ้วกันว่าเพื่อจะเปลี่ยนแปลงประเทศมันก็ต้องมีการเสียสละ และม็อบกับขยะก็เป็นสิ่งคู่กัน ดังนั้นผู้ที่อาศัยแถวนั้นต้องทำใจ



กลับมาปัจจุบัน ถ้าคนรุ่นใหม่ ๆ หลายคนมองว่าการมีจิตสาธารณะในการรักษาความสะอาดเป็๋นสิ่งสำคัญ และหลังเลิกชุมนุมแล้วก็ต้องช่วยกันเก็บขยะ ไม่ให้ถนนต้องเละเทะเป็นภาระแก่ผู้อื่น แบบที่ม็อบในอดีตกระทำต่อถนนรอบบ้านผมจนชินตาไว้ ผมก็จะดีใจมากเลยล่ะ

ให้ค่านิยมว่า "ม็อบ = เสรีภาพในการทิ้งขยะเกลื่อนกลาดจนถนนเละเทะ" มันอวสานไปพร้อมกับรุ่นลุงป้าน้าอาครับ...

เว็บขายเกมออสเตรียลงวันวางจำหน่าย Kingdom Hearts - Melody of Memory


หลุดหรือมั่ว? เว็บไซต์ร้าน Gameware ของประเทศออสเตรียลงวันวางจำหน่าย Kingdom Hearts - Melody of Memory เป็นวันที่ 13 พฤศจิกายน 2020 (วันศุกร์) พร้อมเปิดให้ลูกค้าสั่งจองกันได้แล้ว


เดิมเกมนี้มีกำหนดวางจำหน่ายภายในปี 2020 การจะไปออกช่วงสิ้นปีเลย ก็สมเหตุสมผลอยู่

Sunday, August 16, 2020

SarahKeys โชว์ปราบเซฟิรอธด้วยฝีตีนพร้อม Dance Pad


นาย A : ซาร่าห์... ช่วงกักตัวโควิด-19 เธอไปทำอะไรมาบ้าง?

ซาร่าห์ : คือเรื่องมันซับซ้อนหน่อยนะ.....


SarahKey - ระหว่างช่วงสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ระบาด เธอใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ ด้วยการฝึกใช้ตีนเหยียบแผ่นเต้น ปราบเซฟิรอธใน Kingdom Hearts I โหมด Proud

หลังผ่านการฝึกฝนฝีตีนและเพลงเข้งมายาวนาน ผ่านการกดคอนทินิวมานับครั้งไม่ถ้วน... ในที่สุดเธอก็สามารถปราบเซฟิรอธได้โดยไม่ต้องใช้จอยหรือคีย์บอร์ด แต่ใช้สองตีนกับความพยายามของตน!!

นี่สินะ ที่เขาเรียกว่า "สยบแทบเท้า"

Fall Guys - กว่าจะได้มงนั้นแสนยากเย็น

https://www.facebook.com/bonchandiary/videos/615162212747531/

- ไปถึงรอบชิงครั้งที่ 1 ด่านปีนเขาจับมง
- ไอ้คนที่วิ่งนำโด่งที่ 1 ไปหยุดอยู่บนยอด ไม่โดดจับมง
- ไอ้เราวิ่งมาคนที่ 2 ก็งงว่าทำไมมันนิ่ง
- แต่จังหวะนี้แหละ กุโดดล่ะะ
- ฟุบบบบบบบ มงลอยขึ้นฟ้าหนี
- พอมงลอยลงมา คนที่วิ่งมาถึงก่อนผม ก็โดดไปจับ
Orz... อ่อ บทเรียนที่ 1 มงมันลอยหนีได้นี่เอง


- ไปถึงรอบชิงครั้งที่ 2 ด่านเดิม
- ไอ้คนที่วิ่งนำโด่งที่ 1 โดดว่าววว มงลอยหนี
- ไอ้คนที่วิ่งนำที่ 2 มาติด ๆ กันว่าวอีกก มงลอยหนี
- บอนจังวิ่งมาถึงคนที่ 3 กระโดดขึ้นไป ย๊ากกกก!!
- ร่วง ฟุบบบบบบบบบบบบบบ


- อิชั้นก็แตะโดนมงจัง ๆ แล้ว แต่ทำไมถึงร่วงลงมา?

มานั่งอ่านคำอธิบาย ถึงรู้ว่ามันต้องกด R2 ด้วย
Orz.... บทเรียนที่ 2 ต้องกด R2 จับมงด้วย



ส่วนในคลิปนี้ คือครั้งที่ 3....

Thursday, August 13, 2020

14 ปีกับ seasons change ในความทรงจำ


2 ทุ่มนิด ๆ บนแผ่นดินสยาม

หลาน : ช่วยเปิด True ID หาอะไรน่าดูประกอบการทำการบ้านให้หน่อย

ข้าพเจ้า : วันนี้ขอเสนออออ เฮบี้โร~~~

หลาน : ไม่เอาไอดอลลลลลลลลลลล (โว้ย!)

ข้าพเจ้า : งั้นก็เอารีโมตไปเลือกเองละกัน...




ว่าแล้วหลานก็จิ้มเปิด seasons change ภาพยนตร์ปี 2006 ของ GTH ดูเป็นครั้งแรก (ส่วนผมไม่ได้ดูช่วงที่หนังเข้าฉาย แต่ซื้อแผ่นแท้ตามดูทีหลัง แล้วชอบมาก)

https://th.wikipedia.org/wiki/ซีซันส์เชนจ์_เพราะอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย


หลาน : อืม... เด็ก ม.ปลาย ยุค 2000s เขาแต่งตัวตลกดีเนอะ

ข้าพเจ้า : นั่นคือการมองจากมุมของเจนฯ ถัดมาแหละนะ แต่สมัยนั้นก็คือปกติ และสวยงามน่ารักดีแล้ว

หลาน : เด็ก ม.ปลาย ที่ไหนเขามาเล่นแปะแข็งกัน...

ข้าพเจ้า : ใช่... เล่นเป็นซอมบี้ไล่กัดเพื่อนให้ติดเชื้อ แล้วเอาปืนในจินตนาการยิงสู้ซอมบี้ สนุกกว่าเยอะ

หลาน : ...........................



ก็ดูกันไป จนถึงฉากหนึ่ง...

หลาน : อ่าวววว นางเอกอกหักเหรอ? เพลงมันถึงได้ feel pain ขนาดนั้น เขาเล่นออกมาจากความรู้สึกตัวเอง

ข้าพเจ้า : นางเอกไหน?

หลาน : ก็อ้อมไง!

ข้าพเจ้า : นางเอกคือดาว!!

หลาน : ดาวมัน ทอrareee!! เสียงสอง! ตัวประกอบบ! เห็นผู้ชายเป็นของเล่นนนนน!!

ข้าพเจ้า : เธอช่างสง่างามประดุจดาวบนฟ้า เป็นดั่งแสงสว่างนำทางให้เหล่าลูกแกะผู้หลงทาง ยึดมั่นและเดินตามยิ่งนัก

หลาน : นางเอกคืออ้อมสิ! จริงใจ แมน ๆ เพื่อนกัน!

ข้าพเจ้า : คนนั้นเป็นผู้หญิงธรรมดา หาได้ตามซูเปอร์มาร์เก็ต ตลาดนัดคนเดิน ร้านหมูกระทะ หรือร้าน After You ทั่วไป

หลาน : อ้อออมมมมมมมมมมมมม!!

ข้าพเจ้า : ดาววววววววววววววววววว!!




พอดูจบ... เครดิตขึ้นชื่อลำดับตัวละคร

1. ป้อม
2. อ้อม
3. ดาว



ข้าพเจ้า : บอกชั้นสิว่ามันไม่ใช่ความเจรงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง

หลาน : ก็บอกแล้วว่านางเอกคืออ้อม แต่ที่ผิดคาดไปหน่อย คือนึกว่ามาโนชจะอยู่อันดับที่ 4 ดันไม่ใช่...



#พาธสตอรี

สรุปบทสัมภาษณ์ Digging Deep โลกของ Final Fantasy VII Remake ตอนที่ 2


*เป็นการสัมภาษณ์ผู้กำกับร่วม คุณโมโตมุ โทริยามะ
**ตอนแรก ย้อนอ่านได้ที่ - http://re-ffplanet.blogspot.com/2020/08/digging-deep-final-fantasy-vii-remake-1.html

- ร้านที่ขาย Chocobo Popcorn ในวอลล์มาร์เก็ต มันคือการเอาถั่วโจโคโบะ (チョコボ豆) ซึ่งมีรูปร่างเป็นโจโคโบะ ไปทอดในน้ำมัน ถั่วนั้นหลังจากมันป๊อปแล้ว ก็ยังคงรูปร่างเป็นโจโคโบะอยู่ เวลากินเราก็จะเผลอพูด "เคว๊" (クエ) แบบโจโคโบะออกมา

- ในภาคออริจินอล สุสานรถไฟเป็นเพียงดันเจียนธรรมดา แต่ในรีเมคได้ทำให้มันเป็น Chapter เฉพาะของมันเอง เพื่อการนั้นจึงเติมแต่งให้มีองค์ประกอบเหมือนบ้านผีสิง

- บอสของแชปเตอร์สุสานรถไฟ เจ้า Eligor เล็งเห็นอนาคตได้ว่าหลังจากนี้เพลทของเขต 7 จะถล่มลงมา ทำให้คนตายมากมาย สร้างความปั่นป่วนให้ไลฟฺสตรีม มันเลยพยายามหยุดยั้งพวกคลาวด์ไม่ให้ไปที่เสาค้ำเพลทได้ทันเวลา

- การวิ่งบันไดขึ้นตึกชินระ ถูกออกแบบให้ยังไงก็ไม่มีทางเอาชนะทิฟาได้ เรื่องวิ่งนี่ไม่มีใครเอาชนะเธอได้

- ปกติพวกตึก High Rise จะแยกลิฟต์สำหรับรับส่งคนไปยังกลุ่มชั้นต่าง ๆ เพื่อประสิทธิภาพในการรับส่งคน แต่ลิฟต์ของตึกชินระจะวิ่งรับส่งเปิดได้ทุกชั้นตั้งแต่ชั้น 1-59 เพราะบริษัทไม่ได้รังเกียจที่จะสูบมาโคมาใช้อย่างไม่บันยะบันยัง ไม่ได้สนใจผลกระทบ แต่อยากจะอวดความก้าวหน้าด้านวิศวกรรมของตน

- คุณโทริยามะบอกว่าตึกชินระ ไม่ได้เอาโมเดลต้นแบบมาจากสถานที่จริงบนโลก

*แต่คุณยูสึเกะ นาโอระ ฝ่ายศิลป์เคยอธิบายชัดเจนว่าเอาแบบมาจากตึก GUNKAN東新宿ビル ซึ่งตอนนี้ก็อยู่ห่างจากออฟฟิศของ Square Enix ไป 350 เมตร https://youtu.be/jNQfY3G35y0?t=180 | หน้า Wiki ของตึก : https://ja.wikipedia.org/wiki/GUNKAN東新宿ビル



- ตอนสร้างภาคออริจินอลนั้น ที่ออฟฟิศ Square เก่ามี รีเฟรชฟลอร์ (リフレッシュフロア) เป็นพื้นที่สำหรับพักผ่อนให้พนักงาน ชื่อรีเฟรชฟลอร์ในเกม ก็เอามาจากอันนี้

- ตึกชินระไม่ได้เป็นเพียงที่ทำงาน แต่ยังเป็นสถานที่ให้ประชาชนเข้ามาเรียนรู้เรื่องเกี่ยวกับบริษัท และระบบพลังงานของเมือง เพื่อการนั้น จึงคิดว่าใส่พิพิธภัณฑ์เข้าไปด้วยก็ดี นอกจากนี้ทีมงานยังอยากให้ผู้เล่นเข้าใจพวกคีย์เวิร์ดสำคัญของเนื้อเรื่อง อย่างชนเผ่าโบราณและ Promised Land ก็เลยใส่คลิป VR ลงไปให้ชมใน Visual Floor ด้วย

- ทหารที่ต้องก้มตัว เป็นที่รองขาให้สการ์เล็ต เป็นทหารที่ถูกเลือกและมอบหมายให้เป็นที่พักเท้าของเธอ เพื่อไม่ให้สการ์เล็กตต้องเมื่อยเท้า คนที่ทำหน้าที่นี้เรียกว่า อ๊อตโตะมัน (オットマン) หลังอ๊อตโตะแมนจะมีความนุ่มเป็นพิเศษจนสการ์เล็ตชื่นชอบ เขาจะต้องสแตนด์บายพร้อมปฏิบัติงานตลอด 24 ชั่วโมง กระทั่งตอนสการ์เล็ตเข้าห้องนอน ตาอ๊อตโตะมันก็ยังต้องไปรออยู่นอกห้อง

- ทีมงานอยากให้มีช่วงที่ผู้เล่นได้ควบคุมตัวละครอื่นนอกจากคลาวด์ สำหรับทิฟาก็อยากให้เธอได้แสดงความปราดเปรียว ก็เลยให้เธอได้โหนไต่ไปตามบาร์โหนลิง (うんてい/Monkey Bar - ชื่อเฉพาะที่ทีมงานเรียกกัน) ในตึกชินระ

- ภาพวาดบนกำแพงในห้องที่แอริธเคยอยู่ตอนเด็ก เป็นภาพปริศนาที่แอริธวาดตอนเป็นเด็กและพลังของชนเผ่าโบราณเริ่มสำแดงออกมา คุณคาสึชิเงะ โนจิมะ (คนเขียนสคริปต์) เตรียมข้อมูลมาขยายความภาพวาดนั้นในนิยายภายในหนังสือ FFVII Remake World Preview (เวอร์ชั่นญี่ปุ่นออกไปเมื่อเดือนมีนาคม เวอร์ชั่นอังกฤษจะออกเดือนกันยายนนี้) ในนิยายนั้นจะเล่าถึงความเศร้าของการเกิดมาเป็นชนเผ่าโบราณ ดังนั้นไปซื้อมาคลายสงสัยซะ

- นอกจากนี้ในช่วง Planning Stage เรายังสั่งทำภาพอาร์ตนั้น ด้วยไอเดียว่าแอริธวาดด้วยกันกับอิฟาลน่า (แม่จริง) ระหว่างที่แอริธได้รับฟังและเรียนรู้เรื่องประวัติศาสตร์ของชนเผ่าโบราณไปด้วย

- มอนสเตอร์ซอร์ดแดนซ์ (ソードダン) และบ้านผี (ヘルハウス) เป็นศัตรูธรรมดาในภาคออริจินอล แต่ดีไซน์ของพวกมันโดดเด่นกว่าพวกมาก ก็เลยตัดสินใจจะเสริมความเด่นให้พวกมันเลยอัปเกรดเป็นบอสไปเลย

- ถึงอัปเกรดบ้านผีเป็นบอสแล้ว แต่การมีบ้านที่ต่อสู้ได้ (闘う家) โผล่ออกมา มันก็ยังดูเป็นมอนสเตอร์จากแฟนตาซีหลุดโลกอยู่ดี จู่ ๆ จะให้มันโผล่มาตามปกติก็คงประหลาดไป ก็เลยตัดสินใจใส่มันลงไปเป็นบอสในการต่อสู้ที่โคลอสเซียมของวอลล์มาร์เก็ตเพื่อให้ดูโชว์อัปอลังการงานสร้าง แล้วยังสร้างบทพูดให้สองพิธีกร คจจิ (コッチ) ซจจิ (ソッチ) พูดเยอะเป็นพิเศษในแมตช์นั้น ซึ่งไม่ใช่งานง่ายเลย แต่พอได้ยินว่าซีนนี้ได้รับเสียงตอบรับจากแฟน ๆ ดีมากก็ชื่นใจ

- การที่ Part 1 เจาะลงไปแค่เนื้อเรื่องในมิดการ์ ทำให้ใช้เทคโนโลยีล่าสุดได้เต็มที่ เสียงตอบรับที่ได้ยินจากแฟน ๆ ก็ค่อนข้างเป็นบวกท่วมท้น ก็โล่งใจที่แฟน ๆ ชอบกัน แต่ก็เป็นแรงบันดาลใจที่จะทำให้ดียิ่งขึ้นใน Part ต่อไป

Wednesday, August 12, 2020

เก็บตกฉลาดเกมส์โกงซีรีส์ สัปดาห์ 2


จากฉลาดเกมส์โกง Timeline ที่ 3....
ในจักรวาลที่พวกจูเน่เป็นติ่ง KH
ภาพในหัวของแบงค์ ก็จะออกมาประมาณนี้....

#จูเน่DarkRoad


ถ้าจูเน่ในฉลาดเกมส์โกง Dark Road เปรียบได้ดั่งเซอานอร์ท ที่เดิมก็เป็นคนเทา ๆ ก่อนจะดำปิ๊ดปี๋ โดยอ้างว่าไอ้ที่ตัวเองทำไปนั้นก็คือความชอบธรรม สิ่งที่ควรจะเป็น ความยุติธรรม (นำสมดุลคืนสู่จักรวาล รีเซทจักรวาล สร้างจักรวาลที่แสงสว่าง-ความมืดที่เท่าเทียมกัน)

เพื่อนแบงค์ที่ตอนแรกสว่างอำไพยิ่งกว่าไฟซีนอน... ก่อนที่นิสัยจะเริ่มเปลี่ยนไป ซึ่งไม่รู้จะไปหยุดที่ตรงไหน... (หวังว่าใน Timeline นี้ จะเห็นปลายทางของเขา) จะเปรียบได้ดั่งตัวละครไหนที่เรารู้จักดีเนี่ย....

เห็นในทวีตภพบอกว่าตอนจบจะไม่เหมือนในหนัง ขอตอนจบแบบฟิน ๆ ฟีลกู๊ด ดูหลอกตัวเองหน่อยนะ

#จูเน่DarkRoad
#ฉลาดเกมส์โกงEP4



ตอนนั่งดูฉลาดเกมโกงส์ สดพร้อมกับหลาน มีคุยกันประเด็นนึงว่า... วิธีปฏิบัติที่ครูมีต่อนักเรียนหัวกะทิ ที่สร้างชื่อเสียงให้กับโรงเรียน ไม่ค่อยสมจริงสักเท่าไหร่

อย่างจากประสบการณ์วัยเรียนของผม หลังขึ้นชั้นมัธยมมาและการสอบแข่งขันระหว่างโรงเรียนต่าง ๆ เริ่มเข้มข้นขึ้น พวกเด็ก top tier ก็ย่อมเป็นที่รู้จักในหมู่อาจารย์ทุกคน และย่อมได้รับการให้เกียรติ ปฏิบัติอย่างให้ความเมตตา ชื่นชม ใส่ใจ มากกว่าที่อาจารย์ปฏิบัติต่อนักเรียนทั่วไป

เรียกได้ว่าอาจารย์ "เชื่อใจ" "ให้การยอมรับ" นักเรียนหัวกะทิมากกว่านักเรียนปกติ

ส่วนหลานก็บอกเล่าจากประสบการณ์ตัวเองว่า ตั้งแต่เขาอยู่สตรีวิทย์ห้อง Gifted.... และยิ่งเรียนหลักสูตร IJSO ที่เข้มข้นมากจนถึงเป็นการขยำรวมเนื้อหาตั้งแต่ ม.1-ม.6 ผสมรวมเข้าด้วยกันแล้วสอนนักเรียนตั้งแต่ ม.1 ...(แน่นอนว่าตอนหลานผมอยู่ ม.1 การบ้านที่มันต้องทำ ก็คือโจทย์เอนทรานซ์เคมีฟิสิกส์ชีวะเลข ที่ผมทราบได้ก็เพราะตอนนั้นรู้สึกว่าโจทย์มันระดับเดียวกับข้อสอบเอนทรานซ์ แล้วพอผมไปเปิดหนังสือรวมข้อสอบเก่าที่ผมยังเก็บไว้ มันก็ตรงจริง ๆ)

พวกเด็ก Gifted ม.ต้น ต่างทั้งเรียนรู้ และค้นคว้าวิชาที่สอน ลึกไปไกลล้ำ เกินกว่าที่อาจารย์จะคิดคำนึงได้แล้ว พวกเขาก็ย่อมได้รับการปฏิบัติที่ต่างไปจากเด็กธรรมดามาก ๆ... ดังนั้นเวลาที่เขาจะพูดอะไรที่เป็นจริงจัง อาจารย์ก็ให้เกียรติที่จะรับฟังมาก



ตัดกลับมาที่โรงเรียนกรุงเทพฯ ทวีปัญญา ที่ครูแต่ละคน ล้วนไม่เห็นหัวอีแบงค์เลยยยยย

เรียกว่าครูก็ปฏิบัติต่อแบงค์ แบบเดียวกับที่ปฏิบัติต่อนักเรียนทั่ว ๆ ไปคนอื่น ๆ แหละนะ.... ก็มีการใช้อำนาจครู เสียงดัง-ข่ม-สั่ง-กด-ขู่กาหัวกระดาษ แบบที่ใช้จนเป็นปกติเคยชินกับคนอื่น ๆ แก่แบงค์ไปด้วย

ผมเลยว่าตรงนี้มันไม่ค่อยสมจริงเท่าไหร่... มันค่อนข้างแย้งกับประสบการณ์ที่ผมกับหลานเจอมา

แต่ก็นะ.... ในชีวิตจริง ก็อาจมีโรงเรียนอื่น ๆ ที่ครูก็ยังปฏิบัติแบบนี้ต่อนักเรียนที่เป็นหน้าเป็นตาของโรงเรียนแหละมั้ง?



อ่อ แล้วก็ดูไปดูมา ภาพของคิระที่เป็นคนร้าย กับ L ที่หาทางจับให้ได้ไล่ให้ทัน โดยทั้งคิระและ L ต่างก็อยู่ใกล้ ๆ กัน ก็ซ้อนขึ้นมาอีกภาพนึง

ป.ล. 60 วินาที คือเวลาที่ตั้งแต่แบงค์ เงยหน้าขึ้นมองตู้ล็อคเกอร์ แล้วค่อย ๆ ย่างเท้าเข้าใกล้จู้อย่างช้า ๆ จนกระทั่งก้มลงไปหยิบ USB ของจูเน่

เซซิล วิถีแห่ง Paladin


"ฉันมันไอ้ขี้ขลาด.... ไอ้ขี้ขลาดที่ไม่กล้าปฏิเสธคำสั่งที่รู้อยู่แก่ใจว่าไม่ควรรับฟัง"
(I'm a coward. A coward who cannot even defy orders he knows he ought not follow")

เมื่อช่วงเย็น ระหว่างผมกำลังเดินทางไปขึ้นบริการสาธารณะกลับบ้าน จู่ ๆ ผมก็นึกย้อนถึงเหตุการณ์หนึ่งของแซ็คขึ้นมา มันเป็นจุดด่างพร้อยเล็ก ๆ ในนิสัยของแซ็ค แต่เป็นเรื่องใหญ่ในสายตาของผม

พอนึกถึงแง่มุมนั้นแล้ว (ซึ่งผมจะยังไม่บอกว่าแง่มุมไหน) ผมจำได้ว่าตอนที่ได้เห็นเหตุการณ์นั้นของแซ็คเป็นครั้งแรก ภาพของเซซิล (FFIV) ก็สะท้อนขึ้นมาในใจของผม แต่เซซิลนั้นเฉิดฉายและสุกสกาวยิ่งนัก

หากจะยกถึงประโยคใน Final Fantasy IV ที่ผมตราตรึงใจที่สุด ก็คือ "ฉันมันไอ้ขี้ขลาด.... ไอ้ขี้ขลาดที่ไม่กล้าปฏิเสธคำสั่งที่รู้อยู่แก่ใจว่าไม่ควรรับฟัง"

มันเป็นเรื่องง่าย ๆ ตั้งแต่ตอนต้นเกม ที่กษัตริย์แห่งอาณาจักรบารอน (ตัวปลอม) บ้านเกิดของเซซิล ได้สั่งยอดอัศวินดำเซซิลนำกองทัพ Red Wings ของอาณาจักรบารอน ไปบุกปล้นฆ่าชิงคริสตัลแห่งน้ำจากอาณาจักรมิซิเดียที่เป็นอาณาจักรจอมเวทย์ ซึ่งการรุกรานก็เป็นไปอย่างง่ายดาย จน FFWikia บอกว่ามันน่าจะเรียกว่าเป็นการสังหารหมู่มากกว่าการต่อสู้

ทีนี้เมื่อเซซิลนำทัพกลับมาแล้ว ก็เป็นกังวลกับสิ่งที่ตัวเองทำลงไป ทำไมเราจึงต้องพรากชีวิตผู้บริสุทธิ์มากมาย และทำในสิ่งที่เรารู้สึกว่ามันไม่ถูกต้อง

ในคืนนั้นเซซิลก็นั่งเศร้าจุ้มปุกและพูดประโยคสุดคลาสสิกนั้นแก่โรซ่า บุคคลผู้เป็นที่รักยิ่งของเขา

จวบจนเซซิลได้ออกเดินทางไปปฏิบัติภารกิจต่อ และพบว่าเขาถูกหลอกใช้จากกษัตริย์ ให้ถือแหวนระเบิดมาสำแดงเวทย์ ทำลายล้างหมู่บ้านมิสท์ที่เป็นหมู่บ้านของนักอัญเชิญ คร่าชีวิตผู้บริสุทธิ์แทบหมดหมู่บ้าน เด็กที่รอดชีวิตมาอย่างริเดียวก็กลายเป็นเด็กกำพร้า สร้างความเศร้าเสียใจให้เซซิลอย่างมาก

จากวินาทีนั้นเป็นต้นมา เซซิลจึงตัดสินใจเด็ดขาด ที่จะต้องต่อสู้กับความขลาดเขลาของตนเอง เลิกก้มหน้าเชื่อฟังคำสั่งที่ตนสำนึกได้ว่ามันไม่ถูกต้อง... เขาอยากจะเติบโตขึ้นเป็นคนที่อยู่เพื่อปกป้องผู้อื่น และชดเชยความผิดที่ตนได้กระทำลงไป ไม่ใช่ไอ้ขี้ขลาดที่มาเสียใจภายหลังกับความผิดและความขี้ขลาดของตัวเองอีกแล้ว

ความสำนึกผิดของเซซิล...

ความกล้าที่จะปฏิเสธต่อคำสั่งอันไม่ชอบธรรม...

อยากจะเปลี่ยนแปลงตัวเองไปในทางที่ดีขึ้น...

ปกป้องผู้อื่น....

ผมว่าปัจจัยทั้งหมดนั้น คือเหตุผลที่ทำให้เซซิลได้เลือกวิถีของ Paladin อัศวินแห่งแสง...

และนั่นก็คือภาพลักษณ์ที่โดดเด่นที่สุดของเซซิลในความทรงจำของผม... เซซิลผู้ตระหนักในบาปของตนเอง และกล้า



ส่วนเรื่องของแซ็คที่ contrast กับแง่มุมนี้ของเซซิลอย่างชัดเจน ตอนแรกก็คิดว่าจะเขียนครับ... แต่เอ่อ ผมไม่สามารถเขียนไปพร้อมดู "จูเน่ Dark Road" (สนุกมว๊ากกกก) ไปพร้อมกันได้ ดังนั้นผมเลิกเขียนแล้วไปดูละครอย่างเดียวแทนล่ะครับ

**เรื่องที่ผมนึกถึงแซ็ค คือตอนไปบุกวูไถแล้วเจอกับกลุ่มทหารสีเงินในชื่อ Crescent ซึ่งกลุ่มนั้นพยายามอธิบายว่าชินระมันเลวร้ายและล้างสมองหลอกลวงผู้คนยังไงบ้าง เขาก็อยากอธิบายให้อย่างน้อยแซ็คก็ช่วยรับฟัง และใคร่ครวญด้วยเหตุผลว่าอะไรคือสิ่งที่เพื่อนมนุษย์พึงกระทำกันแน่... - ผมเคยมีเกริ่นไว้เมื่อปี 2008 ตามลิงก์ ถ้าสนใจไปดูกันต่อได้ (http://web.archive.org/web/20140803091800/http://ffplanet.exteen.com/20080321/entry)



แต่ก่อนจะไปดูละครต่อ ขอย้ำอีกรอบ

โพสต์นี้ไม่เกี่ยวกับการเมืองหรือสถาบานนนนนนนนน =[]=!

Sunday, August 9, 2020

ก่อนจะเริ่มวิจารณ์อะไร



นึกถึงประสบการณ์ตรงของผมกับวินนิ่งฯ

ผมเล่นวินนิ่งฯ หนักมาทุกภาคตั้งแต่วินนิ่งฯ 3 เวลาดูเทรลเลอร์บรรยากาศในเกม มันก็ค่อนข้างเหมือน ๆ กันหมดแหละ คือมันก็เตะไปเตะมา เขี่ยไปเขี่ยมา

วินนิ่งฯ ออกภาคต่อภาคมาทุกปี ภาคที่อยู่ติด ๆ กันนี่บรรยากาศและระบบเกมแทบเหมือนกันเป๊ะ แต่มันจะค่อย ๆ เปลี่ยนไปภาคละนิดละหน่อยอย่างช้า ๆ

เชื่อว่าถ้าเอาวินนิ่งภาค 2010~2020 ให้คนทั่วไปดู ก็คงแยกไม่ออกหรอกว่ามันจะสนุก-ไม่สนุกต่างกันยังไง แต่จะแยกได้แค่กราฟฟิกพัฒนาไปแค่ไหน

การจะรู้ได้ว่าวินนิ่งฯ 2013 มันสนุกต่างจากภาคอื่น ๆ ในช่วงปีใกล้เคียงกันยังไง หรือวินนิ่งฯ 2014 มันมีปัญหาหนักหน่วงจากการที่พึ่งเปลี่ยนเอนจิ้น ทำให้ระบบฟิสิกส์มีปัญหา เกิด input lag มากมายจนน่ารำคาญ.... มันต้องสัมผัสเอง ได้ sync ระหว่างตัวเรากับนักเตะที่เราควบคุมเอง มันถึงจะรู้

สำหรับวินนิ่งฯ 2021 ที่จะออกปีนี้ก็เช่นกัน คนเล่นวินนิ่งฯ ทุกคนย่อมรู้ว่า ลำพังการดูแค่คลิป ภาพ เทรลเลอร์ ไม่สามารถบอกได้เลยว่าเกมมันสนุกมั้ย เราต้องลองเองกับมือ.....

--------------------------

ในทางกลับกัน การเล่นมาเยอะ ก็ไม่ได้แปลว่าจะวิจารณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ตั้งแต่เด็ก บางครั้งบางคราวผมก็จะเจอคนที่บอกว่า....
- จบ FF7 มา 30 รอบครับ
- จบ KH1 มา 10 รอบครับ

หรือพูดทำนองว่าจบซีรีส์นั้นนู้นนี้มาหลายรอบ เล่นจนพรุน

แต่พอผมลองแหย่ถามประเด็นทางเนื้อเรื่องง่าย ๆ กลับไป บ่อยครั้งกลับพบคนเหล่านี้บางคน ที่ตอบคำถามง่าย ๆ ก็ยังไม่ได้เลย

ราวกับว่าเขาเล่นแบบ skip รัว ๆ มาตลอดไม่ได้อ่านหรือพยายามทำความเข้าใจอะไรเลย

ถึงเล่นมาเยอะ แต่ในเมื่อเขาไม่เข้าใจ เวลาเขาวิจารณ์เนื้อเรื่อง มันก็กลายเป็นคำวิจารณ์จากความเข้าใจที่ว่างเปล่า แล้วก็เชื่อถือไม่ได้อยู่ดีครับ (พูดถึงเฉพาะเนื้อเรื่องนะ เพราะเขาอาจวิจารณ์ด้านอื่น ๆ ที่คลุกคลีมา อย่างมีประสิทธิภาพได้)



หรุปว่าจะวิจารณ์อะไร ก็ต้องคลุกคลีกับมันมาจนลลึกซึ้งมากพอ ไม่งั้นมันก็จะเป็นการวิจารณ์ที่ไม่มีประสิทธิภาพครับ

Friday, August 7, 2020

FFVII Remake ทำยอดทะลุ 5 ล้านชุดแล้ว!


Square Enix มีความยินดีที่จะประกาศว่าหลังจาก Final Fantasy VII Remake เริ่มวางจำหน่ายในวันที่ 10 เมษายน 2020 บัดนี้ตัวเกมทำยอดส่งไปจัดจำหน่าย (shipment) และยอดขายเกมแบบดิจิตอลรวมกันไปได้ผ่านหลัก 5 ล้านชุดแล้ว

(ซึ่งในทางบัญชี เมื่อส่งของไปจัดจำหน่าย บริษัทก็จะได้เงินเข้ามาเป็นรายรับแล้ว)

ทั้งนี้สำหรับยอดขายแบบดิจิตอลของเกม ก็ทำไปได้ทะลุ 2 ล้านชุดแล้ว นับเป็นเกมแรกของ Square Enix ที่ขายบน PSN ผ่านหลัก 2 ล้านชุดไปได้

ป.ล. ยอด 5 ล้านนี้ก็เท่ากับยอดเปิดตัว (และก็เป็นยอดจนถึงปัจจุบัน) ของ Kingdom Hearts III

กำเนิด Kingdom Hearts เรื่องราวประวัติศาสตร์จากทีมงานฝั่ง Disney


คุณชูจิ อุซึมิ อดีตรองประธาน และกรรมการผู้จัดการของ Disney Interactive ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค (สำนักงานอยู่ในโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น) เขียนบทความลงเว็บไซต์ Otocoto เล่าถึงประวัติศาสตร์หน้าสำคัญของซีรีส์ Kingdom Hearts ตอนที่เริ่มทดลองสร้างกันขึ้นมาจนได้รับอนุมัติจาก ไมเคิล ไอสเนอร์ (Michael Eisner/アイズナー) อดีตประธานและ CEO ของบริษัท Walt Disney โดยบอกว่าคำตัดสินของไอสเนอร์นั้นเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ Kingdom Hearts ได้รับอนุมัติการสร้างขึ้นมาได้

--------

คุณอุซิมิเล่าว่าตอนที่เขาย้ายจาก SEGA เข้ามาทำงานให้ Disney Interactive ในปี 2000 เขาก็ได้รับมอบหมายให้ไปขออนุมัติการสร้างโปรเจคท์ Kingdom Hearts ให้สำเร็จให้ได้ โดยที่ขณะนั้น SquareSoft ก็ดำเนินการสร้าง Kingdom Hearts อย่างเต็มรูปแบบไปแล้วทั้งที่ยังไม่เคยได้รับการอนุมัติอย่างเป็นทางการเลยด้วยซ้ำ ซึ่ง SquareSoft ในขณะก็ไม่ได้รู้เรื่องว่าเกมมันยังไม่ได้รับอนุมัติการสร้างอย่างเป็นทางการ พวก SquareSoft เพียงแต่ได้เจรจากับทาง Disney Japan ทว่าไม่มีใครใน Disney Japan ที่มีอำนาจอนุมัติการสร้างโปรเจคท์สุดพิสดารรวมเครือญาติทั่วจักรวาล Disney พ่วงด้วย Final Fantasy แบบนี้ขึ้นมาได้

ตอนที่อุซิมิพึ่งย้ายมา แล้วรู้ว่า SquareSoft ทั้งทดลอง และลงมือสร้าง Kingdom Hearts ไปไกลแล้ว... แกก็ช็อคสุดชีวิต

ช็อคที่ 1 ทาง Disney ไม่เคยอนุมัติ License ให้ฝั่งญี่ปุ่นเอาไปสร้างเนื้อเรื่องที่มี Setting ทุกอย่างขึ้นมาใหม่ได้

ช็อคที่ 2 ทาง Disney ไม่เคยขยำปั่นรวมหลาย ๆ แฟรนไชส์ เข้ามาเป็นเรื่อง ๆ เดียวกันมาก่อนนะเหวยยย

นอกจากนี้ ก็ยังไม่เคยมีการสร้างโมเดล 3D ของมิคกี้เมาส์ ขึ้นมาเป็นไกด์มาก่อนด้วย...

ด้วยเหตุผลอันมาจากความพิสดารแปลกใหม่ของ Kingdom Hearts ในเวลานั้น มันเป็นอะไรที่แปลกมาก และไม่มีใครในญี่ปุ่นที่จะมีอำนาจอนุมัติสิ่งที่ผ่าเหล่าผ่ากอแบบนี้ออกมาได้

ในตอนนั้นทีมงานก็รู้สึกว่าโปรเจคท์นี้มันยากที่โปรเจคท์จะได้รับอนุมัติ พวกสตาฟฟ์ที่อยู่กับ Disney Japan มานานก็บอกเขาว่าให้เตรียมหาทางแจ้ง SquareSoft ว่าให้ยกเลิกโปรเจคท์ไปเถอะ ยังไงก็ไม่มีทาง... ซึ่งตอนนั้นเองคุณอุซิมิก็คิดว่าไม่มีหวังเหมือนกัน

ตอนนั้นเองธุรกิจของทาง Disney ภายใต้การบริหารงานและมนต์ขลังของไอสเนอร์ (ประธานและ CEO ของ Walt Disney ในขณะนั้น) ก็เริ่มเสื่อมถอย ผลประกอบการโดยรวมทั่วโลกไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ทว่าคุณอุซึมิก็พยายามหารือกับพวกระดับบอสในอเมริกา หัวหน้าแบรนด์ และทีมงานมากมายเพื่อปูทางให้สามารถสร้าง Kingdom Hearts ให้ได้ แต่ทั้งนี้ คำตอบสุดท้ายก็ต้องขึ้นอยู่กับ ไอสเนอร์

ขณะนั้นทางฝั่งญี่ปุ่นที่พึ่งเปิด Tokyo Disney Sea*** และกิจการก็ไปได้สวยโดดเด้งเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ๆ  ทำให้ไอสเนอร์ และบ็อบ ไอเกอร์ (Bob Iger - คนที่มาเป็นประธานและ CEO ของ Walt Disney ต่อจากไอสเนอร์) ได้เดินทางมาประเทศญี่ปุ่นหลังจากห่างหายไปนาน เพื่อมาดูงานและฟังผลการดำเนินงานของ Tokyo Disney Sea สาขาญี่ปุ่น

ซึ่งไอสเนอร์ไม่ได้มากับไอเกอร์แค่ 2 คน แต่ยังมีคณะผู้ติดตาม เป็นทีมผู้บริหารของ Walt Disney กว่า 100 ชีวิตติดตามมาด้วย ซึ่งอุซึมิก็ตาเหลือก คือฝั่งญี่ปุ่นเองพวกบริษัทเก่าแก่หรือทรงอำนาจ ประธานจะมีคณะผู้ติดตามเยอะ ๆ ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก... แต่ไอ้บินข้ามน้ำข้ามทะเลมาพร้อมผู้ติดตาม 100 กว่าคนแบบนี้มันเหลือเชื่อ

ทีนี้พอมาถึงวันประชุมร่วมกันระหว่างผู้บริหารฝั่งญี่ปุ่นและผู้บริหารที่บินมาจากอเมริกาซึ่งก็นั่งด้วยกัน 100 กว่าชีวิต ทุกสายตาก็ล้วนจับจ้องไปยังคุณไอสเนอร์ที่นั่งเก้าอี้ประธานหัวโต๊ะ แล้วคอยซักถามคนที่พรีเซนต์ในแต่ละวาระ และสั่งการต่าง ๆ

คุณอุซึมิจำได้ดีเลยว่า การประชุมวันนั้น ทุกสายตาจะจับจ้องไปที่ไอสเนอร์ รอฟังสิ่งที่แกจะพูดแต่ละคำ พยายามสังเกตอาการของแกตลอดเวลา มันดูเหมือนการประชุมธุรกิจของบริษัทญี่ปุ่นโบร๊าณโบราณ ไม่เหมือนฝั่งตะวันตกเลยสักนิด... แล้วสถานะของไอสเนอร์ในตอนนั้น เปรียบได้ดั่งจักรพรรดิจีน (中国の皇帝) ยังไงยังงั้นเลย....

(แล้วแกก็บอกว่าแต่ในการประชุมที่ไม่มีไอสเนอร์ บรรยากาศก็จะต่างกันเป็นคนละเรื่อง)

 ในเวทีนั้นเองคุณอุซึมิก็ได้นำเสนอโปรเจคท์ Kingdom Hearts ให้ฟัง ซึ่งก็เป็นไปอย่างราบรื่นเพราะการที่ก่อนหน้านี้คุณอุซึมิก็ได้อธิบายเกริ่นกับพวกระดับบอส หัวหน้าแบรนด์ และทีมงานในอเมริกาไว้ก่อนแล้ว

ซึ่งคุณไอสเนอร์ก็ไม่ได้ชมอะไรมาก เพียงแต่บอกคุณอุซึมิว่า "จากนี้ไปก็ทำให้ดีละกัน" 「これからも続けてちゃんとやれよ」 ซึ่งก็เป็นการให้กำลังใจและถือได้ว่าอนุมัติแล้ว ป๊าดดดด

หลังเสร็จสิ้นการประชุมนั้น ทีมผู้บริหารและสตาฟฟ์ก็แห่กันมาเขย่ามือกับคุณไอสเนอร์ด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม

ก็อย่างที่ว่าไป Kingdom Hearts จึงเป็นการทดลองแหก Creative Rule หลาย ๆ อย่างของบริษัทเป็นครั้งแรก

คุณอุซึมิตบท้ายว่า ที่จริงแล้วพวกผู้บริหารก็วางตัวเป็นกลางแหละ แต่พวกเขาก็อยากให้ปฏิบัติตาม Creative Rule ภายในบริษัท ทว่าคำพูดอนุมัติของไอสเนอร์ ก็เป็นขว้างระเบิดบรึ้มใส่กฎเกณฑ์ภายในทั้งหลาย สลายปัญหาและความกังวลใจของทีมงานทุกคนไปด้วย ทุกคนเข้าใจตรงกันว่า Kingdom Hearts ได้รับอนุมัติสร้างและได้รับการสนับสนุนจากไอสเนอร์ อย่างเป็นทางการแล้ว


---------------------------

***ทั้งนี้คุณ aibo ยอดนักข่าวสาย Square Enix ชาวญี่ปุ่น ได้ทักท้วงว่าคุณอุซึมิน่าจะจำสับสน เนื่องจาก Tokyo DisneySea นั้นเปิดอย่างเป็นทางการในเดือนกันยายนในปี 2001 กว่าจะแสดงผลการดำเนินงานที่ดีจนคุณไอสเนอร์เข้ามาดูงานได้ ก็น่าจะหลังจากนั้นเป็นปี ๆ ซึ่งจะขัดกับข้อเท็จจริงที่ Kingdom Hearts วางจำหน่ายในเดือนมีนาคม 2002 

ด้วยเหตุนี้คุณ aibo จึงคิดว่าแท้จริงแล้วคุณไอสเนอร์ เข้ามาดูงานของศูนย์การค้า Iskpiari กับ Disney Ambassador Hotel ที่เปิดให้บริการในปี 2000 ด้วยกันทั้งคู่มากกว่า

Thursday, August 6, 2020

สรุปบทสัมภาษณ์ Digging Deep โลกของ Final Fantasy VII Remake ตอนที่ 1


*เป็นการสัมภาษณ์สองผู้กำกับร่วม คุณโมโตมุ โทริยามะ และคุณนาโอคิ ฮามากุจิ
**สำหรับตอนที่ 2 จะเผยแพร่วันที่ 12 สิงหาคม

- คุณโทริยามะบอกว่า ใน FFVII Remake Part 1 เราได้กลับมายังสลัมเขต 7 หลายครั้ง ที่นี่เสมือนเป็นศูนย์บัญชาการของเนื้อเรื่องช่วงนี้ ก็อยากให้ผู้เล่นรู้สึกเหมือนเป็นบ้านที่ตอนรับด้วยความอบอุ่น ด้วยเหตุนี้เลยเลือกใช้เพลง Main Theme of Final Fantasy VII ที่บรรเลงบน World Map ของภาคออริจินอล มาเป็นเพลงประกอบ นอกจากนี้แม้ Part 1 จะเป็นเรื่องราวภายในเมืองมิดการ์ แต่สำหรับเพลงประกอบ ทีมงานก็เลือกหยิบกระจาย ๆ จากทั่วทั้งภาคออริจินอลมาใช้ประกอบตามความเหมาะสม

- เหล้าที่ทิฟาชงในบาร์ 7th Heaven มี Seventh Heaven ที่ดื่มแล้วกระปรี้กระเปร่าทำให้มีชีวิตชีวา, Cosmo Canyon ค็อกเทลสีแดงตามทิวทัศน์ของที่นั่น และ Lifestream ที่เป็นเครื่องดื่มสีเขียว

-  ทิฟาต้องแสดงท่าชงเท่ ๆ ออกมา เพราะเธอรู้ว่าลูกค้าเห็นแล้วจะยิ่งให้ทิปเยอะ

- เบื้องหลังความเป็นมาของแชดลีย์ ไปดูเอาหลังจากเคลียร์ Battle Report ครบ (ที่ว่าเป็นไซบอร์กที่โฮโจสร้างขึ้น)

- เวจด์มักจะไปเก็บแมวจรจัดมาเลี้ยง ในหมู่ทีมงาน คุณฮามากุจิก็เลี้ยงแมว ทีมงานเลยทำโมเดลแมวตามแมวของคุณฮามากุจิ

- ส่วนคุณโทริยามะเองชอบหมามากกว่า ก็เลยมีการเพิ่มจำนวนหมาลงไปบ้างเพื่อบาลานซ์กัน อย่างเช่นหมาเลี้ยงใต้อพาร์ตเมนต์ของป้ามาร์ล

- เวจด์กินจุ เลยให้น้องแมวกินอาหารในสัดส่วนที่เยอะเหมือนกัน มันเลยดูตัวใหญ่

- คุณโทริยามะยืนยันว่าในคอนเซปต์อาร์ตของเกมภาคออริจินอล มีการเขียนชื่อตัวละครแม่ของคลาวด์ว่า คลาวเดีย (クラウディア) และพ่อของทิฟาว่า ไบรอัน (ブライアン) แต่แรกแล้ว (*ใน Ultimania ก็มีระบุไว้ชัดเจน) ทว่าในภาครีเมค พ่อของทิฟาก็ยังไม่ได้มีบทพูดใด ๆ เวลาทีมงานเรียก ก็เลยเรียกถึงโมเดลพ่อทิฟาว่า "ศพ" เฉย ๆ

- ด้วยความที่มีแม่น้ำขนาดใหญ่ไหลผ่านชานเมืองสลัมเขต 5 เลยทำให้มีไลฟ์สตรีมมากมายไหลเวียนอยู่ใต้บ้านของแอริธ และทอดยาวไปถึงโบสถ์ ทำให้มีน้ำบริสุทธิ์ใช้ แอริธใช้น้ำเหล่านั้นดูแลดอกไม้ และจากการที่เธอเป็นชนเผ่ายุคโบราณ ก็อาจเป็นเหตุผลทำให้ดึงดูดแหล่งน้ำและทำให้ดอกไม้ที่นั่นมีชีวิตชีวา (エアリスが古代種だから、天然の水や花が生き生きと惹きつけられているのかもしれません。)

- ตอนที่คลาวด์พยายามย่องหนีออกจากบ้านของแอริธ เธอค่อย ๆ เก็บข้าวของที่ขวางทางเดินออกทีละน้อย เพื่อให้คลาวด์ย่องออกไปง่ายขึ้น ถึงแม้เราจะย่องออกไปได้แล้ว แต่เธอก็จะไปซุ่มรออยู่ทีหลัง บางทีไอ้ทั้งหมดเนี่ยคือเราเต้นอยู่ในกำมือของแอริธแต่แรก แค่คิดก็หลอนแล้ว (抜けだした後に待ち伏せされていますが、エアリスの手の内で遊ばされていたのかもしれません。そう思うと、こわいですね。)

- ในโลกภาคนี้ มีผู้ใหญ่หลายคนที่คลั่งสะสมเหรียญ ม็อคกูรีคอยน์ (モーグリコイン) เจ้าหนูม็อกกี้/โมกุยะ ก็ใช้เส้นสายเอาแรร์ไอเทมจากพวกเขามาเสนอแลกกับเหรียญที่คลาวด์สะสมไว้ น้องม็อกนี่ก็เป็นตัวอย่างว่าทำไมเด็กในสลัมเขต 5 ถึงเข้มแข็งและมีไหวพริบ

- ในภาคออริจินอล รู๊ดจะไม่โจมตีทิฟาเลย ในภาค Remake นี้เลนตัดสินใจให้เขาไม่โจมตีผู้หญิง แต่ถ้าทำแบบนั้นตลอดการต่อสู้มันก็ดำเนินไปไม่ได้ ก็เลยให้เขาเบาได้เบา อย่างเช่นร่ายเวทย์ Sleep

- ตัวละครยายมิเรล (Mireille) ปรากฏตัวมาก่อนในนิยาย TURKS: The Kids Are All Right ทีมงานก็อยากให้เธอปรากฏตัวใน Remake ด้วยเหมือนกัน แต่เมื่อครุ่นคิดว่าแล้วจะให้เธอทำอะไรอยู่ในช่วงเวลานี้ ก็เลยตัดสินใจให้เป็นจอมโจรปริศนาในชื่อนางฟ้าแห่งสลัม

- ภาครีเมคนั้นได้ใส่ตัวละครจากภาคย่อยที่ออกหลัง FFVII ออริจินอลลงไปมากมาย ก็เลยตัดสินใจตั้งแต่แรกว่าจะใส่ตัวละครจากภาคย่อยอื่น ๆ จากคิริเอ และเลสลีย์ลงไปเป็นชาวสลัมด้วย แล้วก็พยายามทำให้แคแรคเตอร์ตรงกับในนิยาย อย่างเลสลีย์ที่เป็นลูกน้องของดอนคอร์เนโอมาก่อน เลยเอาไปผูกกับเนื้อเรื่องหลักง่าย ทำให้มีซีนเยอะ

- เมื่อถามถึง NPC และบทสนทนาที่ชอบ คุณโทริยามะบอกว่ามีบทพูดของ NPC ในภาคออริจินอลหลายตัวที่เขารับผิดชอบได้มาโผล่ใน Remake ด้วย แต่อันที่ชอบสุดเลยคือคู่รักที่จีบกันอยู่ตรงสถานีสลัมเขต 7 

fan-translation โดยคุณ Audrey - https://aitaikimochi.tumblr.com/post/625591165134258176

---------------------------------------------

ส่วนที่คุณโทริยามะบอกว่าบทสนทนาของคู่รักที่จีบกันตรงสถานีรถไฟสลัมเขต 7 ผมลองไปค้นสคริปต์ของออริจินอลมา คิดว่าน่าจะเป็นท่อนนี้นะ

“I'm not letting you go tonight.”
“Wow!”
“Isn't there somewherewe could go to be alone?”
“There's only the train graveyard around here.
And they say there's ghosts around too!”

“…damn.”
“What?”
“Hey, come over here.”
“But people will…”
“Who cares?”
“But…
There's a weirdo over there.”
“Huh?”
“Say, you're pretty gutsy.”

“Why don't you go snoop somewhere
else, Romeo?”
“I've had it!”
“Me too.”

“You know this is the first time
we've ever agreed on something.”
“Yes…”
“Well then, shall we?”
“urggh…”
“…huff…wheez”

Wednesday, August 5, 2020

Official จับนักพากย์มาพูดอะไรก็ได้ เกี่ยวกับ Subarashiki Kono Sekai


โคคิ อุจิยามะ

ผู้พากย์เสียงร็อคซัส-เนกุ บอกว่าตอนสมัยพากย์ Subarashiki Kono Sekai ที่ว่งจำหน่ายปี 2007 แกยังเรียนมัธยมอยู่เลย ตอนนั้นเกมโคตรน่าสนใจมากและเล่นได้เป็นปี ตอนนี้ที่กำลังทำภาคแอนิเมแล้ว ก็รอดูว่าชิบุยะจะออกมาเป็นยังไง ทั้งนี้ไม่ได้พากย์เนกุมานานแล้ว ก็จะตั้งใจทำให้ Best ที่สุด

#officialไม่มีอะไรจะอัปเลยเรียกให้นักพากย์มาพูดอะไรสักหน่อยนี่หว่า

https://twitter.com/TWEWY_PR/status/1290210803963101184


อันนะ ฮาจิมิเนะ

ผ่านมา 13 ปีแล้วนับตั้งแต่ได้พบชิกิ (เกมออก 2007 หรือ 13 ปีที่แล้ว แต่จริง ๆ คงพากย์ตั้งแต่ปีก่อนนั้น) และได้มีประสบการณ์พากย์เสียงครั้งแรก ก็มีความทรงจำ ความรู้สึกมากมาย ก็จะคอยดูว่าแอนิเมจะออกมาเป็นยังไง ก็ตื่นเต้นตึกตักที่จะได้เห็นชิกิในแอนิเม

https://twitter.com/TWEW…/status/1290935575143501826/photo/1

---------------------------------
Spoiler คอขาดบาดตาย Alert
---------------------------------

*ผมเสริมของผมเอง

ผู้หญิงผมแดงที่มักจะถูกนำเสนอในฐานะชิกิ จิตใจในร่างนั้นเป็นชิกิจริง แต่รูปลักษณ์ที่เห็นนั้นไม่ใช่เธอ

ผมใคร่สงสัยมาตลอดว่าวันหนึ่งที่เกมนี้มีภาคต่อ และชิกิได้กลับร่างจริงแล้ว ทางค่ายคงต้องแต่งองค์ทรงเครื่อง หวีผม จับเธอแต่งตัวใหม่เซ็ตใหญ่ แล้วจะออกมาเป็นไงน้า~~~~

---------------------------------
ความสัมพันธ์กับเนกุ
---------------------------------

เนกุกับชิกิ เป็นเคมีที่เข้ากันอย่างลงตัว เนื่องจากในขณะที่เนกุช่วงแรกมันเป็นคน "ล้น" แต่ชิกิเป็นคน "ขาด"

พอชิกิอ่อนแอ แสดงความไม่มั่นใจ บกพร่องของตัวเองออกมา เนกุที่เป็นคนตรงข้ามก็ไม่ได้ไปกด แต่ใช้ความล้นของตัวเอง เติมเสริมเข้าไปให้ชิกิมั่นใจ เชื่อมั่นในตัวเองมากขึ้น และทำให้เธอก้าวเดินไปข้างหน้า

ยิ่งพอชิกิก้าวเดิน มุ้ฟอรไปได้เพราะเนกุ พัฒนาการระหว่างความสัมพันธ์ของทั้งสองคน จึงเริ่มต้นขึ้น

แต่จนจบเกม ก็ไม่ได้มีอะไรคืบหน้ามากเท่าไหร่ ก็เป็นเพื่อนพ้องที่เชื่อใจกันได้ แต่ก็ไม่ได้ไปไกลขนาดนั้น

"แต่ฉันก็ชอบชิกิในแบบที่ชิกิเป็นนะ" คือประโยคที่เนกุพูดคาไว้กับชิกิในเกมนั้น...

*ในโลกคู่ขนาน ตอนตัวละครแย่งกันว่าใครจะเป็นสีอะไร... ตอนแรกชิกิจะขอสีชมพู แต่โจชัวแย่งสีชมพูไป และบอกว่าสีชมพูคือสีแห่งความรัก เขามีความรักต่อมนุษย์อย่างเปี่ยมล้นจึงควรจะได้สีนี้ ส่วนชิกิให้เอา "สีเขียว" ไปแทน แปลว่าโจชัวมองตัวตนแท้จริงของชิกิออก...

เก็บตกฉลาดเกมส์โกงซีรีส์ สัปดาห์ 1

หนีปัยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

#อย่าไว้ใจทางอย่าวางใจโนมุระ
#เจองูกับเจอโนมุระ #ให้ตีโนมุระก่อน

#ฉลาดเกมส์โกงEP1
#จูเน่DarkRoad


เก็บตกประเด็นจากฉลาดเกมส์โกงที่ฉายเมื่อวานนี้

ว่าด้วยเรื่อง การที่ครูเอาแนวข้อสอบ/ข้อสอบตรง ๆ เลยมาปล่อยให้คนที่เรียนพิเศษกับครู

**แนวข้อสอบ หมายถึงโจทย์ที่ pattern เดียวกับข้อสอบที่จะออก แต่เปลี่ยนตัวเลข หรือตัวละคร หรืออะไรไปนิด ๆ หน่อย ๆ แต่ใช้วิธีคิดแบบเดียวกัน

จากประสบการณ์ในวัยเรียนผม

- เจอทั้งครูในโรงเรียนที่เอาแนว/ข้อสอบ มาสอนในคาบเรียนพิเศษตอนเย็นหลังเลิกเรียน, คาบเรียนพิเศษวันเสาร์

- นักเรียนที่ได้เกรดต่ำเป็นพิเศษ โรงเรียนจะขอให้เรียนพิเศษช่วง 5-6 โมงเย็นด้วย ซึ่งผมไม่ได้เรียนหรอก แต่ก็เดา ๆ ได้ว่าครูก็คงจะปล่อยแนว/ข้อสอบ ให้เด็กในคาบนั้นแหละ

- เพื่อนบางคนสนิทกับครู จ้างครูไปสอนพิเศษได้ ก็ได้แนว/ข้อสอบมาตรง ๆ

- ครูบางคนมีเพื่อนสนิท แล้วเพื่อนสนิทก็เปิดโรงเรียนกวดวิชาใกล้ ๆ โรงเรียน ครูก็ช่วยส่งเสริมการขายด้วยการเอาข้อสอบ ไปให้เพื่อนสนิทคนนั้นสอนในที่กวดวิชา

- จริง ๆ ครูหลายคนก็ขี้เกียจคิดโจทย์ขึ้นใหม่ เลยเอาข้อสอบมาจากพวกหนังสือตำราต่าง ๆ ....ซึ่งนักเรียนที่ชอบค้นคว้าจากตำราเล่มอื่น ๆ หลายเล่ม ก็อาจจะจำได้ว่าเราเคยเจอโจทย์นี้ในหนังสือที่เราอ่านแล้วเด๊ะเลยนี่หว่า....

- ส่วนตัวผมในขณะนั้นไม่ได้มีปัญหาอะไรกับการที่ครูปล่อยข้อสอบหรอก เพราะถึงตรูไม่ได้แนวข้อสอบ ตรูก็ทำคะแนนติด top tier ด้วยตัวเองได้ และเพื่อนที่อยู่ top tier เหมือนกัน ก็มักไม่คิดพึ่งพาแนวข้อสอบจากครู เขาก็เอาเวลาไปเรียนพิเศษที่อื่น หรือทำกิจกรรมอย่างอื่น.... ให้ได้ความรู้ความสามารถที่กว้างกว่าสิ่งที่ครูในโรงเรียนจะมอบให้ได้ (เราต่างไม่ได้อยากเก่งแค่เนื้อหาในโรงเรียน)

- เรามองว่าปล่อยให้เฉพาะเด็กที่ทำคะแนนได้ไม่ดี พึ่งพาแนวข้อสอบจากครูไป ส่วนพวกเราก็ใช้ชีวิตตามปกติของเรา แต่ถ้ามีโอกาส ได้ชีทจากคนที่เรียนพิเศษจากครูมาบ้าง เราก็เอามาอ่านบ้าง สมมติถ้าเป็นคณิตศาสตร์ เราก็อยากจะเห็นโจทย์ทุกแนวไง ว่าในบทเรื่องนี้ มันประยุกต์ออกมาเป็นโจทย์แบบไหนได้บ้าง ถ้าอ่านมาครบทุกแนวแล้ว จะเจอโจทย์แบบไหนเราก็ย่อมทำได้



แต่ที่พีกสุดเลยนะ....

สมัยผมอยู่ ม.6 ผมเรียนคอร์สกวดวิชาเตรียมเอนทรานซ์เข้มข้น กับสถาบันเรียนพิเศษชื่อดังที่นึง วิชานึง...

ก่อนถึงวันสอบเอนทรานซ์ประมาณ 2 สัปดาห์ เป็นคาบเรียนสุดท้ายของที่เรียนพิเศษที่นั้น

ครูก็ทิ้งท้ายคาบ ด้วยการเอาชีทโจทย์พิเศษมาให้ 20 ข้อ แล้วก็บอกว่าเอาชีทนี้ไปตั้งใจอ่านให้ดีเป็นพิเศษ แต่ไม่ต้องทำถามว่าทำไมต้องเป็นพิเศษษษ อย่าถามเยอะสิโว้ยยยย บอกให้อ่านก็อ่านไปเถอะะะะะะะ

สุดท้าย ในชีทโจทย์นั้น ก็เอาไปออกเป็นข้อสอบเอนทรานซ์ตรง ๆ เลย ประมาณ 10 ข้อ....

😌This is สยามแลนด์....

#ฉลาดเกมส์โกงEP1
#จูเน่DarkRoad




- เรียนเก่งเพราะขยันทุ่มเท ได้ทุนเรียนมาตั้งแต่ ม.ต้น

- ชีวิตปากกัดตีนถีบ บ้านยากจน

- แม่ปวดหลังเรื้อรัง ต้องพามา รพ. รัฐเองบ่อย ๆ เวลามาที ก็ต้องมากดคิวตั้งแต่ตี 5... (ปกติ) แล้วก็ต้องรอคิวย๊าววววววววววววววววว

- วันหนึ่งก็มีคนเก่งกว่าปรากฏตัว และได้ทุนไปแทนเรา ตามกติกาที่โรงเรียนตั้งขึ้นมา ให้ทั้งสองคนแสดงประสิทธิภาพสูงสุดเพื่อแย่งทุนกัน (โรงเรียน winnn)

- แล้วก็ต้องกล้ำกลืนมาบอกแม่ว่าไม่ได้ทุนแล้วอ่ะ โรงเรียนให้ทุนคนเก่งกว่าไปแล้ว....



- แน่นอนว่าด้วยสปิริตของแม่ที่ต้องเป็นแสงสว่างให้ลูกเสมอ ก็ต้องบอกว่าไม่เป็นไร ยังมีเวลาอีกหลายเดือน ยังมีเวลา ยังไง ก็จะปากกัดตีนถีบ หาเงินมาให้ได้ ไม่เป็นไรหรอกลูก....

- ลูกก็รู้ว่าคนเป็นแม่ จะแสดงความอ่อนแอให้ลูกเห็นไม่ได้ ต้องเข้มแข็งอยู่เสมอ ลูกก็ยิ่งต้องกลืนน้ำตา ฝืนกลับเข้าไปในตาด้วย

ส่วนอิชั้นนี่ น้ำตารื้นไปแล้วววว 😭

#ฉลาดเกมส์โกงEP2
#จูเน่DarkRoad




ม่วนท้องมาทั้งตอนนนน ดันมาจบแบบแบ่งหูฟังให้กันได้ไงวะะะะะะะะะะะะะะะ

แล้วเซอานอร์ท-จูเน่ ที่กำลังเข้าสู่ Dark Road ก็ไปได้สหายเพิ่มมา 1 ea.....

ซึ่งแบงค์ในบทนี้ ถึงจะเป็นคนดี แต่ด้วยสภาพที่โตมาแบบปากกัดตีนถีบ ก็ต้องมีความเคี่ยว-เหนียวสูง มองโลกในแง่ร้าย คิดคำนึงถึงทุก probability ในการกระทำอะไรสักอย่างต่อผลลัพธ์ที่จะตามมา ฯลฯ.... เอ่อ ผมแค่จะสื่อว่าตานี่ คนละขั้วกับเอราคุสที่บ้า ๆ บวม ๆ ยิ้มเป็นคนบ้านั่นแหละ

เอาเถอะ เดี๋ยวตอนหน้าก็คงแตกคอกัน...

#ฉลาดเกมส์โกงEP2
#จูเน่DarkRoad


หลังจากนั้นทั้งสองก็คุยเรื่อง Kingdom Hearts ยาวยันหว่าง รู้สึกตัวอีกทีก็กลายเป็นเพื่อนซี้ที่ขาดกันไม่ได้.....

ที่สุดของการขอเป็นเพื่อน คือการชวนอีกฝ่ายชวนคุยเรื่อง Hard Core เฉพาะกลุ่มที่ยากจะหาคนคุยด้วยได้ไปเลยยยยยยยยยยยย

#ฉลาดเกมส์โกงEP2
#จูเน่DarkRoad

Monday, August 3, 2020

คนเราสามารถชอบไอดอลหลายคนพร้อมกันได้โว้ยยย


เมื่อกี้ระหว่างผมกำลังอาบน้ำ ก็เปิดมือถือหาอะไรดูทิ้งไว้ไปด้วย เผอิญไปเจอคุณคิม กำลังไลฟ์อยู่พอดี....

เห็นคุณคิม School day พูดหัวข้อน่าสนใจเลยอยากบอกต่อ

คุณคิมบอกว่า เธอเข้าใจความรู้สึกของคุณอุ๋มแล้ว ที่อุ๋มเคยบอกว่าเคยมีแฟนคลับคนหนึ่งที่ปลื้มอุ๋มมาก แต่วันนึงแฟนคลับคนนั้นพอเจอคุณคิม ก็เปลี่ยนไปเป็นแฟนคลับคุณคิม แล้วก็ Ignore... เมินคุณอุ๋ม ทำเป็นแบบไม่รู้จักกันไปอีกเลย...

แล้วเนื่องจากคุณคิม+อุ๋มอยู่ในวงไอดอลเดียวกัน มันเลยมีช่วงเวลาที่แฟนคลับคนนั้น มาหาคุณคิม แล้วก็ต้องผ่านมาเห็นคุณอุ๋มบ่อย ๆ แต่ก็ทำเป็น Ignore ไง

จริง ๆ สภาพแบบนี้ น้อง ๆ ไอดอลหลายคนก็คงเคยเจอมาก่อน แล้วก็ต้องรู้สึก อิหยังวะะะะ แล้วชั้นควรจะต้องทำตัวยังไง!?

คุณคิมบอกว่า เร็ว ๆ นี้เธอก็เห็นแฟนคลับคนนึง ที่ผ่านมาชื่นชอบเธอมากกก แต่จู่ ๆ เหมือนเปลี่ยนไปชอบอีกคนนึงในวงเดียวกัน... แล้วก็เปลี่ยนท่าที กลายเป็นทำเป็น Ignore ไม่รู้จักคุณคิมอีกเลยยย ไม่แม้แต่จะส่งยิ้มทักทายให้....



ด้วยท่าทีที่เปลี่ยนไปขนาดนี้ คุณคิมก็เลยเป็นกังวล คิดว่า "คิมทำอะไรผิดไปเหรอ?" แล้วก็ได้หาโอกาสคุยกับแฟนคลับคนนั้น

ปรากฏว่าคุณคิมก็ไม่ได้ทำอะไรผิดไปหรอก เป็นแฟนคลับคนนั้นต่างหากที่รู้สึกผิดขึ้นมา จากการที่เคยวางตัวประกาศกร้าวเป็นคนชอบคิมคนเดียว พอวันนึงไปชอบไอดอลอีกคนนึง (บด) ก็เลยทำตัวไม่ถูก ไม่กล้ามองหน้า เลยเป็นที่มาของการ Ignore คุณคิมไป



คุณคิมก็ได้ปรับความเข้าใจกับแฟนคลับคนนั้นแล้ว และอยากบอกว่าาา การชอบไอดอลล คนเราสามารถชอบไอดอลหลายคนพร้อมกันได้โว้ยยยย คิมไม่โกรธธธ

ไม่ใช่เรื่องที่ต้องโกรธหรือควรจะโกรธ

อย่างน้อย ถึงไม่ได้มาเชกิด้วยแล้ว แต่หากได้ผ่านมาเจอหน้ากัน ก็ยิ้มทักทาย ส่งกำลังใจให้กันเล็ก ๆ แบบเดิมก็ยังดี


พูดถึงตรงนี้ คุณคิมก็เสียบสายชาร์จโทรศัพท์ที่แบตกำลังจะหมด แล้วก็วางเครื่องเป็นแนวนอนเพื่อให้ตูดโทรศัพท์มันชาร์จได้

แล้วก็ฟุบ................. /สาบสูญ

Saturday, August 1, 2020

Kingdom Hearts - Dark Road : Episode 2 The Presence of Darkness


Kingdom Hearts - Dark Road : Episode 2 The Presence of Darkness

- ต่อจากตอนที่แล้ว ซึ่งมาสเตอร์โวเดน ขอให้พวกลูกศิษย์ 6 จาก 7 คนในคลาสคีย์เบลดพื้นฐาน อันประกอบด้วย เซอานอร์ท เอราคุส เฮอร์ม็อด (Hermod) บรากิ (Bragi) อูล (Urd) เวียร์ (Vor) และบัลด์ (Baldr) ไปตามหาศิษย์ในคลาสชั้นสูง 7 คนที่หายตัวไประหว่างการเดินทางไปยังดาวต่าง ๆ เพื่อฝึกฝนก่อนสอบเป็นมาสเตอร์

- พวกเซอานอร์ท เอราคุส ไปที่อกราบาห์ดูก่อน ปรากฏว่าไม่เจอมนุษย์เลย จึงวิเคราะห์กันว่าในกระบวนการฟื้นฟูดวงดาวหลังจักรวาลล่มสลาย มนุษย์ผู้อาศัยในดาวนั้น ๆ คงถูกฟื้นฟูกลับมาเป็นสิ่งสุดท้าย

------------------------------
เริ่มตอนใหม่
------------------------------

- เซอานอร์ทเริ่มคิดว่าวันเวลาที่ได้อยู่กับเพื่อนร่วมคลาส ใช้เวลาร่วมกัน ทำกิจวัตรประจำวันต่าง ๆ บางทีก็น่าเบื่อ บางทีก็ดูสุขสบาย แต่ก็นึกขึ้นได้ว่าการมาอยู่แบบนี้ มันก็ไม่ต่างอะไรจากตอนที่เขาอยู่บนเกาะ ก็แค่เปลี่ยนจากการใช้ชีวิตบนดาวเล็ก ๆ ย้ายจากกล่องใบนึง มายังกล่องอีกใบนึง แบบนี้มันก็เหมือนว่าเขากลับไปยังจุดเริ่มต้น ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไร ดังนั้นตัวกล่อง (สถานที่) ไม่ใช่ปัญหา แต่เป็นเขาต่างหากที่จะปฏิบัติกับคนอื่นอย่างไร?

- เซอานอร์ทเข้าใจว่าสภาพแวดล้อมที่เราใช้ชีวิตอยู่นั้นจะค่อย ๆ หล่อหลอมหัวใจเรา ให้กลายเป็นตัวเราที่โตขึ้น ระหว่างการหล่อหลอม หัวใจเราก็จะค่อย ๆ แปรเปลี่ยนไป อาจจะเป็นแสงสว่าง หรืออาจจะเป็นความมืดก็ได้ทั้งนั้น

- เซอานอร์ท เอราคุส อูล ลองมาตามหาพวกศิษย์จากคลาสสูงที่หายตัวไปที่ Wonderland โดยนัดเจอกับบรากิ เวียร์ บัลด์ ภายในป่า แต่ 3 คนนั้นกลับไม่ปรากฏตัวมาสักที

- ระหว่างรอ เซอานอร์ทก็จับความผิดปกติได้ว่าพวกเราโดนเจ้าแมวเชสเชอร์แอบจับตาดูอยู่ แมวเชสเชอร์บอกว่าเพื่อนของเซอานอร์ทถูกจับเป็นนักโทษอยู่ในเงามืดที่เขาก็มองไม่เห็น ทำให้มาหาไม่ได้

- แมวเชสเชอร์หายไป แล้วมีทหารโพธิ์ดำ 3 นายปรากฏตัวขึ้นมาล้อมจับ โดยหาว่าพวกเซฯ มาก่อความวุ่นวายในอาณาจักรของพวกเขา

- แต่แล้วทหารโพธิ์แดงนายหนึ่ง โผล่มาเรียกให้พวกทหารไปเข้าร่วมกระบวนการไต่สวนที่กำลังจะเริ่ม ถ้าไปช้าจะโดนตัดหัวเอาได้... ทำให้ทหารโพธิ์ดำเลยต้องทิ้งการจับกุมพวกเซอานอร์ท แล้ววิ่งไปก่อน

- เอราคุส เซอานอร์ท คิดได้เหมือนกันว่าไอ้ที่กำลังจะโดนไต่สวน ก็คือเพื่อนอีก 3 คนที่ไม่โผล่มาสักที

.
.
.

- ในห้องพิจารณาคดี กระต่ายขาวแจ้งว่าบรากิ เฮอร์ม็อด เวียร์ มีความผิดข้อหาบุกรุกเข้ามาในอาณาจักรของราชินี และใช้กำลังก่อความวุ่นวาย

- บรากิขอโทษที่บุกรุกเข้ามา แต่ไอ้เรื่องใช้กำลังนั่นไม่เห็นด้วย พวกเขาแค่สู้กับมอนสเตอร์

- ราชินีถือว่านั่นคือการรับสารภาพทุกข้อกล่าวหา ไอ้ที่สู้กับมอนสเตอร์นั่นก็ใช้กำลังเหมือนกัน ในอาณาจักรแห่งนี้นางเป็นคนเดียวที่จะอนุญาตสิทธิทั้งหมดได้

- เอราคุสที่แอบฟังอยู่ด้านนอกเริ่มเอือมระอาและชักคีย์เบลดขึ้นมา เตรียมบุกเข้าไปในห้อง แต่เซอานอร์ทปรามไว้ว่าจะทำร้ายผู้อาศัยในโลกนี้ไม่ได้ ต้องเคารพกฎของโลกด้วย...

- อูลถามว่าแล้วจะให้ทำยังไง? เซอานอร์ทบอกว่าเขาก็ไม่ได้บอกให้พวกเรานั่งดูอยู่เฉย ๆ 

- เซอานอร์ท อูล เอราคุส ยิ้มส่งสัญญาณให้กัน แล้วก็วิ่งมือเปล่าบุกเข้าไปในห้องพิจารณาคดี

- ราชินีกำลังตัดสินว่าจำเลยทั้งหมดมีความผิด แต่เซอานอร์ทโผล่ไปขวางว่าการพิจารณาคดีต้องดำเนินอย่างยุติธรรมภายใต้กฎหมาย ไม่ใช้คิดเองเออเองฝ่ายเดียว ทำตัวเป็นกฎซะเองได้ / ราชินีแย้งว่าถ้าปล่อยให้ฝูงชนทำตามใจชอบได้ ก็จะนำไปสู่การทะเลาะเบาะแว้งและเกิดปัญหา ข้าเลยต้องเป็นคนนนนน.... (ที่จะควบคุมทุกคน)

-  เอราคุสก็แย้งว่าไอ้การควบคุมฝูงชนมันก็มีวิธีที่ดี ไม่ใช่ควบคุมคนด้วยความหวาดกลัวแบบนี้

- ราชินีแหกปากลั่นว่าความกลัววว? ไหนใครกลัววววว!? แล้วกระต่ายขาวกับทหารทั้งหมด ก็พากันตัวสั่น

- ราชินีก็ไม่สนใจ สั่งให้เอาพวกผู้ใช้คีย์เบลดทั้ง 6 คนไปตัดหัว ทหารไพ่เลยรีบกรูกันเข้ามาปิดทางออกจากห้อง ช่วยกันตะโกน "เอามันไปตัดหัว" และต่อตัวกันเป็นหอคอยไพ่

- เอราคุสถามว่าเอาไงดี? เซอานอร์ทบอกว่าในเมื่อราชินีคุยด้วยเหตุผลไม่รู้เรื่อง ก็เตรียมฟ้าวโลดกัน~ เอราคุสก็บอกว่าแบบนั้นแหละของชอบเลย

- ทันใดนั้นเซอานอร์ทกลับรู้สึกถึงความมืดที่ปรากฏขึ้นหลังราชินีได้ แต่พอหันไปมอง มันกลับหายไปอย่างรวดเร็ว

- ทหารไพ่แห่กันมาจะจับพวกเซอานอร์ท แต่กลับโดนฮาร์ทเลส Fairy Reaper ไซส์ยักษ์ ปรากฏตัวขึ้นมาขวางและโจมตีใส่จนหงายเก๋งกันไปหมด



- 6 ผู้ใช้คีย์เบลด พากันเรียกคีย์เบลดของตนออกมารวมพลังเตรียมประจันบาน / กระต่ายขาวบอกการพิจารณาคดีจบลงแล้ว เลิกศาลลลล / ส่วนราชินียังตะโกนบอกฮาร์ทเลสว่าแกไม่มีสิทธิทำอะไรตามใจชอบในอาณาจักรของชั้นนน / พวกทหารไพ่ลุกขึ้นมาเดินหน้าเข้าหาฮาร์ทเลสอีกที แต่ก็โดนฟาดหงายไม่เป็นท่าอีกรอบ

- Fairy Reaper จะฆ่าพวกทหารไพ่ที่กำลังตัวสั่นด้วยความกลัว แต่บรากิ เวียร์ เฮอร์ม็อด ก็เข้าไปช่วยต้านการโจมตีไว้จนกระเด็นกระดอนออกไป / พวกเซอานอร์ท เอราคุส อูล เลยต้องร่วมมือกันเอามันลง

.
.
.

- หลังชนะได้ เพื่อนทั้ง 6 คนก็ไปรวมตัวกันในป่า เฮอร์ม็อดบอกว่าวันนี้พวกเขาได้ค้นพบศัตรูที่น่าสะพรึง ซึ่งไม่ใช่ฮาร์ทเลส แต่เป็นสิ่งที่แข็งแกร่งกว่านั้น มันคือความมืดในหัวใจของผู้คน อย่างราชินีที่ปกครองผู้คนด้วยความหวาดกลัว ในสายตาพวกเขาที่มาจากต่างโลกแล้ว นั่นก็คือความชั่วร้าย.... แต่ถ้านั่นคือธรรมชาติอันเป็นกฎของโลกใบนี้ เราก็ไปตัดสินให้แน่ชัดไม่ได้ว่าอะไรดี อะไรชั่ว จะเอาคีย์เบลดไปจามหัวโดยไม่คิดหน้าคิดหลังไม่ได้....

- เพราะเฮอร์ม็อด เวียร์ อยากปฏิบัติตามกฎของโลกแต่ละใบ ก่อนหน้านี้ก็เลยยอมให้จับกุมโดยไม่ขัดขืน จึงเลยเถิดไปถึงเข้าห้องพิจารณาคดีได้ เอราคุสฟังแล้วก็กังวลว่างั้นพวกเพื่อนที่หายไป ก็เพราะไปเจอคนที่สัมผัสกับความมืดรึเปล่านะ แล้วก็ทำอะไรไม่ได้เพราะต้องปฏิบัติตามกฎของโลกอีก ป่านนี้อาจจะโดนจับตัวไปแล้วก็ได้

- เซอานอร์ทฟังแล้ว ก็มีความทรงจำจากภาค Union χ แล่นแทรกขึ้นมา (ซึ่งตอนนี้ก็ยังระบุไม่ได้ว่าทำไมเขาถึงมีความทรงจำจากยุคนี้) ตอนที่เบรนอธิบายให้เอเฟเมร่า สคูลด์ และเวนตุส ฟังบนเนินเขาว่าสิ่งที่ไม่อยากให้แสงสว่างถูกปกปักรักษาไว้ ก็คือความมืดที่มาเยือนในหลายรูปแบบ รวมถึงความมืดที่หลบซ่อนอยู่ในตัวมนุษย์... แล้วเซอานอร์ทก็นึกถึงเงามืดที่เขาเห็นแอบอยู่หลังราชินี

- เซอานอร์ทกับเอราคุสพูดออกมาพร้อมกันว่า "ความมืดที่หลบซ่อนในตัวมนุษย์" เซอานอร์ทคิดว่าราชินีเข้าใจธรรมชาติของพลังอำนาจผิดไป หากปล่อยให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า บางทีสักวันเราก็อาจต้องหันคีย์เบลดเข้าใส่คนเหล่านั้น / ส่วนเอราคุสยังอยากเชื่อในพลังของมนุษย์ ในแสงสว่างจากหัวใจ

- อูลกับเวียร์ อยากให้ลืมเรื่องนี้ไปก่อน และกลับไปโฟกัสกับเรื่องตามหาศิษย์ 7 คนที่หายไป

- เซอานอร์ทยังคิดทบทวน และมีข้อสรุปว่าคนที่มีความมืดเข้าไปซ่อนตัวอยู่ ก็ไม่ได้รู้ตัว เขาก็ไม่รู้ว่าถ้าจำเป็นแล้วเขาควรจะหันคีย์เบลดเข้าใส่คนพวกนี้มั้ย?

- ทั้ง 6 ไม่รู้ว่าพวกศิษย์ 7 คนที่หายตัวไป ถูกจับกุมอยู่ในโลกนี้ หรืออยู่ดาวอื่น? เลยว่าแบ่งกันค้นหาดีกว่า โดยเอราคุส เซอานอร์ท อูล ค้นหาต่อในโลกนี้ ส่วนบรากิ เฮอร์ม็อด เวียร์ ไปหาในดาวอื่น

.
.
.
------------------------------
ตัดข้ามไป 4 ปีต่อไปมา
------------------------------

** สงสัยภาค Dark Road แต่ละตอน คงเล่าเรื่องราวในช่วงค้นหาศิษย์ 7 คน กับเหตุการณ์ 4 ปีต่อมา สลับกันไปมาเรื่อย ๆ แบบนี้ทุกตอน

- เซอานอร์ทที่ออกเดินทางจาก Scala ad Caelum ในช่วงท้ายของตอนที่ 1 มาที่ Wonderland โดยเขายอมให้ทหารไพ่จับตัวแต่โดยดี และนำตัวเข้าสู่กระบวนการพิจารณาดี

- ตอนพิจารณาคดี กระต่ายขาวก็กล่าวความผิดฐานเดิม ทั้งเรื่องบุกรุกและใช้กำลัง... แต่เหมือนราชินีจะจับเซอานอร์ทไม่ได้ จึงถามว่าเจ้าเป็นใครและมาจากไหน?

- เงามืดปรากฏตัวขึ้นหลังราชินีอีกครั้ง อย่างที่เซอานอร์ทเคยเห็น... เจ้าตัวก็ยิ้มกริ่มว่าเห็นความมืดอีกแล้ว อย่างที่คิดจริง ๆ ด้วย... แล้วเซอานอร์ทก็เดินขึ้นไปบนแท่นเบิกความ พร้อมรับการไต่สวน