Timeline - Final Fantasy XVI (ฉบับสั้น)


----------------------

ยุคของพระผู้เป็นเจ้า | มนุษย์ต่างดาว

----------------------

1. นานแสนนานมาแล้ว ในภพอื่น ดาวอื่น มีชนเผ่าโบราณที่ใช้เวทมนต์ได้ สร้างอารยธรรมเจริญล้ำกันสมบูรณ์ พวกเขาใช้เวทมนต์ได้ แต่ใช้ไปใช้มา โรคโซนดำ (Blight) ก็ระบาดไปทั่วปฐมี พื้นที่ไหนที่โดนโซนดำกลืนกิน ก็แห้งแล้ง กลายเป็นดินดำ น้ำดำ ปลูกพืชไม่ขึ้น เลี้ยงสัตว์ไม่ได้ ชนเผ่าโบราณเลยพากันล้มตาย


2. ผู้รอดชีวิตกลุ่มสุดท้ายของชนเผ่าโบราณ มีด้วยกัน 16 ตน พวกเขามีชื่อว่าเหล่าอัลเทม่า (Ultimas) (เติม s)  พวกเขานั่งยาน “Origin” เดินทางไกลข้ามสุดขอบจักรวาล เพื่อตามหาดินแดนใหม่อันเหมาะสมแก่การสร้างบ้านใหม่ ในการเดินทางไกลนั้น พวกเขาต้องสละกายเนื้อ เหลือแต่วิญญาณ ถึงจะเดินทางไกลได้


3. พวกเขาเป็นสิ่งมีชีวิตประหลาด ถึงจะมีกัน 16 ตน แต่มี “สติ” (Conscioness) ร่วมกัน ทำให้เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน คิดอะไรก็คิดเหมือนกัน ฐานข้อมูลเท่ากัน แล้วแบ่งงานกันทำได้


4. พวกเขามาถึงโลกใบใหม่ แผ่นดินใหม่ และเรียกแผ่นดินนั้นว่าวาลิสเธีย (Valisthea) มันเป็นแผ่นดินที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วย Aether (พลังงานแห่งแผ่นดิน คอนเซปต์คล้าย Lifestream ของ FFVII) ซึ่ง Aether นั้นเป็นแหล่งพลังเวทย์ของพวกเขา

5. พวกเขาสร้างอารยธรรม สถาปัตยกรรม เครื่องมือบางอย่าง ไว้บนวาลิสเธีย เช่น Arete Stone และ Obelisk


6. อยู่มาวันหนึ่ง พวกเขาวางแผนใช้ Aether ที่มีอยู่อย่างมหาศาลขึ้นมา 2 อย่าง

- สร้างดาวดวงใหม่ขึ้นมาเป็นสวรรค์ของพวกเขา

- ใช้เวทย์ Raise หมู่ ชุบชีวิตเผ่าพันธุ์ที่ตายไปแล้วทั้งหมดของพวกเขา ขึ้นมาบนดาวดวงใหม่


7. แต่การจะทำแบบนั้นได้ มันมีเงื่อนไขที่ต้องเคลียร์ให้ได้ก่อน 2 อย่าง

- ต้องดูด Aether ทั้งหมดของวาลิสเธีย ไปรวมกันในที่เดียว

- พวกเขาที่เป็นเพียงวิญญาณ ต้องหากายเนื้อ อันเป็นร่างภาชนะที่แข็งแกร่งมาก พอที่จะรับ Aether มหาศาลนั้นเข้าไปในร่าง และควบคุมมันได้


8. เพื่อเป้าหมายนั้น พวกเขาหลายคนจึงจำแลงแปลงกลายเป็น Mothercrystal 8 ก้อน ปักหลักกระจายอยู่ทั่ววาลิสเธีย เพื่อสูบ Aether ขึ้นมาจากแผ่นดิน และส่ง Aether ไปยังคริสตัลที่อยู่ในยาน Origin


9. พวกเขาหว่านเมล็ดพันธุ์อันเป็นบ่อเกิดของมนุษย์ลงไปในวาลิสเธีย และให้พรแห่งธาตุ 8 ธาตุลงไป ทำให้แต่ละยุคจะมีมนุษย์ 8 คนเกิดขึ้นมาเป็นผู้พิทักษ์ Mothercrystal ทั้ง 8 ก้อน โดยผู้พิทักษ์ธาตุแต่ละรุ่นจะพัฒนาขึ้นไปเรื่อย ๆ รุ่นสู่รุ่น จนถึงเวลาหนึ่งพวกเขาจะกลายเป็น Eikon (อสูรมายา) ได้


10. พวกเขาหวังว่าสักวันหนึ่ง จะมีมนุษย์ที่เป็น “ร่างภาชนะอันไร้ขีดจำกัด” เกิดขึ้น และตั้งชื่อเรียกล่วงหน้าให้ภาชนะนั้นว่า “Mythos” เป็นมนุษย์ที่สามารถซึมซับพลังของ Eikon ทั้งหมดเข้าไปในร่างได้จนแข็งแกร่งสุด ๆ แล้ว Mythos ก็จะสามารถควบคุม Aether ทั้งหมดในวาลิสเธียที่พวกเขาสูบมาเก็บไว้ได้

11. เมื่อใดที่ Mythos เกิดขึ้นมา และดูดซับพลังไปจนร่างกายสมบูรณ์ พวกเขาก็จะตื่นขึ้นมาอีกครั้ง และเข้าสิงเพื่อยึดร่างกายของ Mythos เพื่อใช้เวทมนต์สุดยอดสร้างดาวดวงใหม่ และชุบชีวิตพวกเขาที่ตายไปแล้วทั้งหมดขึ้นมา


12. พอวางหมากกันเสร็จแล้ว พวกเขาส่วนหนึ่งก็เข้าสู่การหลับใหล พวกที่เป็น Mothercrystal ก็หลับไปสูบ Aether ไป ส่วนคนที่หลับเฉย ๆ ก็หลับเฉย ๆ อยู่ในยาน Origin


----------------------

ยุคของมนุษย์โบราณ | The Fallen

----------------------

13. มนุษย์ที่พึ่งเกิดขึ้นมาบนโลก ขาดหลง ๆ งง ๆ ต้องการมองหาพระเจ้าที่จะชี้นำตน แต่เมื่อไม่มีพระเจ้าชี้นำ พวกเขาเลยเกิด “จิต / เจตจำนงค์อิสระ” หรือ Will ของตนเองขึ้นมา (ต่อไปจะเรียกว่าจิต เพราะผมขี้เกียจพิมพ์ยาว)

14. มนุษย์ที่เกิดจิตขึ้นมา เริ่มสร้างอารยธรรมเลียนแบบเหล่าอัลเทม่า พวกเขาเข้าใจว่าอารยธรรมที่มีอยู่ก่อนนั้น เป็นอารยธรรมของ “พระเจ้า” นั่นจึงเป็นเหตุให้มนุษย์โบราณซึ่งภายหลังถูกเรียกว่า The Fallen มีอารยธรรมที่คล้ายกับเหล่าอัลเทม่า


15. The Fallen เจริญก้าวหน้าขึ้น จนถึงขั้นมีคนที่กลายเป็น Eikon ได้ ถือกำเนิดขึ้นในหมู่มนุษย์ เราเรียกคนเหล่านั้นว่า ร่างทรง หรือ Dominant

16. The Fallen เจริญก้าวหน้าสุดขีดจนคิดค้น Magitek เทคโนโลยีการใช้เวทมนต์ผสมผสานกับจักรลได้ สร้างเรือเหาะ และสร้าง Eikonoklastes จักรกลที่มีรูปร่างเหมือนสิ่งมีชีวิต ว่ากันว่ามีพลังทำลายล้างเทียบเท่าเทพเจ้า *สร้างมาเพื่อโค่นพระเจ้า และยังใช้เชื้อพันธุ์ของสิ่งมีชีวิต (Organic Seed) สร้าง Magitek Mothercrystal ขึ้นมาใช้กันเองได้ ซึ่งพอจะใช้ก็เกิดสภาวะท้องฟ้าแปรปรวนครั้งแรก (Arche Sky)

17. แต่แล้วเมื่อใช้ชีวิตกันไปนาน ๆ และใช้เวทมนต์กันมากขึ้น ก็เกิดโรคโซนดำแบบที่เคยระบาดบนดาวของเหล่าอัลเทม่าขึ้นมา The Fallen ทั่วโลก จึงสร้างกองทัพเครื่องจักรที่ขับเคลื่อนด้วยเวทมนต์ขึ้นมา ทำสงครามสู้รบเพื่อแย่งชิง Mothercystal ของกันและกัน *และสู้เพื่อประกาศศักดาความยิ่งใหญ่ดุจพระเจ้าเสียเอง โดยพวกเขาเข้าใจว่า Mothercystal เป็นแหล่งงานงาน เพราะมันปักอยู่ตรงไหน ตรงนั้นก็อุดมสมบูรณ์และไม่มีโซนดำ แต่การรบกันครั้ง ยิ่งเป็นการเร่งสูบ Aether ให้หายไปจากแผ่นดิน และทำให้โซนดำยิ่งแพร่กระจายเร็วกว่าเดิม ภายหลังสงครามนั้นถูกเรียกว่า The War of Magi พอถึงจุดหนึ่ง The Fallen ก็หยุดสู้กัน และกลับสู่สันติสุข


18. ในยุคเดียวกัน ช่วงเวลาไม่ปรากฏ The Fallen ที่อาศัยอยู่รอบ Mothercrystal Dzemekys ค้นพบว่าที่แห่งนั้นเชื่อมต่อกับยาน Origin ทำให้เขาค้นพบว่าอัลเทม่าคือพระเจ้าผู้ให้กำเนิดของพวกเขา เลยกำเนิดศาสนา Circle of Malius ขึ้นมา เป็นศาสนาที่บูชาอัลเทม่า พยายามเข้าใจความเป็นมาของอัลเทม่าทุกอย่าง ตั้งแต่การให้กำเนิดมนุษย์ การสร้าง Eikon การสร้างโลกใหม่…. แต่พวกเขาเข้าใจผิดอย่างนึงที่สำคัญที่สุด คือพวกเขาเข้าใจผิดว่าอัลเทม่า จะพา “มนุษย์ที่ปราศจากจิต” อันเป็นสภาพแรกเริ่มที่อัลเทม่าสร้างไว้ ไปยังโลกใบใหม่ด้วย

19. ประมาณ 1,500 ปี The Fallen ที่ไม่ศรัทธาในอัลเทม่า ก็แห่กันยกทัพไปล้อม Mothercrystal Dzemekys หวังจะเคลมพลังของพระเจ้าเป็นของตนเอง พวกเขาพยายามบุกเข้าไปยังหัวใจของ Mothercrystal แต่เมื่ออัลเทม่ารู้ว่าพวกมนุษย์มันไม่ได้มาดีแล้ว… เลยตอบโต้กลับ ด้วยการทำลาย Mothercrystal Dzemekys ทิ้ง ก่อให้เกิดแรงระเบิดขนาดใหญ่ หลุมขนาดยักษ์ และน้ำตกที่ตกลงหลุมเท่าไหร่ก็ไม่มีวันเต็ม


20. ชาว Dzemekys ที่รอดชีวิตจากการระเบิดนั้น ส่วนใหญ่อพยพออกไปยังแผ่นดินนอกวาลิสเธีย แต่ยังคงนำศาสนา Circle of Malius ออกเผยแพร่และสั่งสอนกันเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน ในขณะที่ส่วนน้อยก็ร่อนเร่พเนจรไปทั่วภพ เพราะกลัวว่าถ้ายังอยู่ที่เดิมเดี๋ยวสวรรค์จะลงโทษ

21. ผู้รอดชีวิตส่วนน้อย คนหนึ่งได้สร้างบ้าน สร้างหมู่บ้าน สร้างประเทศขึ้นมา จนกลายมาเป็นราชรัฐโรซาเรีย ภายหลังชื่อของเขาได้หายไปจากประวัติศาสตร์ แต่ชาวโรซาเรียยังคงเรียกเขาว่า The Founder 


22. อารยธรรม Magitek ค่อย ๆ เลือนหายไปจากประวัติศาสตร์อย่างช้า ๆ ส่วนคนรุ่นหลังที่เกิดขึ้นมา ก็ไม่สามารถทำความเข้าใจกับอารยธรรมของ The Fallen ได้



----------------------

ยุคศาสนจักร | ตั้งระบบทาส

----------------------

23. ในยุคต่อมา มีคนส่วนน้อยที่ใช้เวทมนต์ได้เองโดยไม่ต้องพกคริสตัลปรากฏขึ้น ในตอนแรกพวกเขาถึงเรียกว่า ผู้รับพรจากสวรรค์ หรือ Bearer of the Heavenly Blessing และได้รับการยกย่องเชิดชู ได้รับการแต่งตั้งสู่ตำแหน่งอันทรงเกียรติในสังคม จนเกิดเป็นศาสนจักรของแบร์เรอร์ขึ้น

24. ทว่านานาประเทศสมัยนั้น ไม่เห็นด้วยกับการก่อตั้งศาสนจักร กลุ่มผู้ครองอำนาจไม่เชื่อใจศาสนจักรที่มีอำนาจยิ่งใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ จึงเกิดความพยายามลงโทษศาสนจักรและสาวก พร้อมกีดกันเขาจากการถือยศตำแหน่ง ขับไล่สาวกออกจากบ้านเกิด และสลายขั้วด้วยการใช้กำลัง ศาสนจักรจึงตอบโต้ด้วยการก่อตั้งกองกำลังอาสา นำไปสู่สงครามระหว่างศาสนจักรและผู้ครองอำนาจในยุคนั้น โดยสงครามดำเนินไปเกือบชั่วอายุคน สุดท้ายฝ่ายศาสนจักรพ่ายแพ้


25. 860 ปีก่อน นานาประเทศของวาลิสเธียได้ร่วมกันมาลงนามสนธิสัญญาทวีป (Continental Accord) ตั้งระบบทาส กำหนดว่าแบร์เรอร์ไม่ใช่คน ให้สักหน้าแบร์เรอร์ทุกคน ตั้งปีปฏิทินขึ้นมา ตั้งสกุลเงิน "กิล" ใช้ร่วมกัน เป็นจุดเริ่มต้นใหม่ของมนุษย์

26. มีการตั้ง Covetors of Secrets องค์กรลับที่เก็บรวบรวมตำราต้องห้าม และเทคโนโลยีต้องห้าม ตำราและหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่แท้จริง เช่นเรื่องความเป็นมาของการกดขี่แบร์เรอร์เป็นทาสไว้ มันเป็นเรื่องที่อาจจะพลิกกฎเกณฑ์ของสังคมที่มีอยู่ได้ หากข้อมูลถูกเผยแพร่ออกมา ผู้มีอำนาจจึงอยากบิดเบือนประวัติศาสตร์ และปิดบังเรื่องนี้ไปตลอดกาล องค์กรนี้ก็ยังทำงานอยู่เรื่อยมาจนถึงยุคปัจจุบัน


----------------------

ยุคปัจจุบัน

----------------------


27. 878 ปีต่อมา พรี่ไคลฟ์ที่อัลเทม่าเชื่อว่าเป็น Mythos - ร่างภาชนะอันไร้ขีดจำกัด ได้รวบรวมพลัง Eikon เข้าสู่ร่างกายตนเองจนเกือบครบแล้ว ในขณะที่ยาน Origin ก็สูบ Aether มาจนอิ่มแล้ว อัลเทม่าจึงตื่นจากการหลับใหลและพยายามเข้าไปสิงไคลฟ์ เหล่าอัลเทม่าทั้ง 16 ตนพากันตื่นขึ้นมา รวมร่างกัน เข้าไปสู้กับไคลฟ์ แต่ดันแพ้ซะงั้น กลายเป็นว่ามนุษย์ที่มีเจตจำนงค์อิสระ / ศรัทธา / ยื่นมือมาเกื้อหนุนกันและกันและผลักดันกันให้ก้าวหน้า ก็สามารถเอาชนะผู้ที่สร้างเผ่าพันธุ์มนุษย์ขึ้นมาได้สำเร็จ

28. หลังจากชนะอัลเทม่าได้แล้ว ไคลฟ์ดูดพลังจากอัลเทม่าเข้าร่างตัวเอง และกลับพบว่าพลังของอัลเทม่าที่ดูดเข้าไปนั้น ไอ้ฉิบหาย!! มันเกินกว่าที่ร่างภาชนะอย่างเขาจะรับได้… ไคลฟ์เลยปลดปล่อยพลังทั้งหมด ระเบิด Origin ที่เป็นยานของอัลเทม่าทิ้ง ด้วยความหวังว่าจะทำให้มรดกทั้งหมดของอัลเทม่า “แบร์เรอร์ ร่างทรง คริสตัล การใช้เวทมนต์” สูญหายสลายไปทั้งหมด



----------------------

ยุคอนาคต

----------------------

29. ในยุคสมัยต่อมา เรื่องราวข้างบนทั้ง 28 ข้อ กลายเป็นเพียงนิทานให้คนรุ่นหลังในโลกที่ปราศจากเวทมนต์ คริสตัล ร่างทรง แบร์เรอร์แล้ว เล่าขานสืบไป

ไม่มีความคิดเห็น