เควสต์ดิออน-ฮาร์โปคราเตส ปากกาขนนก และผู้แต่งหนังสือตอนจบเกม


 ช่วง #ชั้นรู้พวกแกไม่ได้ตั้งใจอ่าน หรืออีกชื่อนึงคือ #ก็อปบันทึกการเล่นมาแปะซ้ำ ขอนำเสนอเรื่องเควสต์ของดิออน-ฮาร์โปคราเตส ก่อนจะค่อย ๆ ล้างสมองด้วยการแปะเควสต์ของคนอื่น ๆ ต่อไป

#SpoilerAlert #SpoilerAlert 


เรื่องคือ

ฮาร์โปคราเตสเล่าว่า เขาเคยเป็นครูของดิออน ก่อนจะมารวมกลุ่มกับซิด เขาเป็นหนึ่งใน scholar ที่เก่งที่สุดใน Oriflamme และถูกเชิญไปที่ราชวัง เพื่อสอนหนังสือ เพื่อที่ดิออนในฐานะว่าที่จักรพรรดิจะมีพื้นฐานทุกอย่างที่ควรมี ประวัติศาสตร์ ศาสนา การพาณิชย์ การปกครอง

แต่ต่อมา ดิออนไปเข้ากองทัพดรากูน การเรียนพวกนั้นเลยสิ้นสุด ไม่จำเป็นกับเขาอีกต่อไป ฮาร์โปคราเตสก็คิดว่าคงไม่ได้เจอดิออนอีก แต่พอดิออนมาร่วมที่รังลับด้วยแล้ว ตอนนี้ฮาร์โปคราเตสก็ยังหาจังหวะคุยไม่ได้เลย เพราะดิออนดูใช้ความคิดอยู่ตลอดเวลา ยิ่งเวลาอยู่ตัวคนเดียว เขาก็ไม่อยากไปรบกวนทักทาย ยิ่งพอรู้ว่าดิออนจมอยู่กับเรื่องอัลเทม่าทำให้เขาก่อเรื่องที่ Dominion ยิ่งไม่อยากรบกวน

ไคลฟ์บอกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นที่ Dominion มันก็ฝีมืออัลเทม่า ดิออนไม่ควรโทษตัวเอง เอามาแบกรับไว้เลย

ฮาร์โปคราเตสบอกว่าตอนเจอกันครั้งแรก ในวัยเด็ก ดิออนก็แบกรับความคาดหวังคนรอบข้าง แล้วตัวฮาร์โปคราเตสก็ไม่ได้ช่วยบรรเทาภาระนั้นเลย ดิออนแบกคนเดียว จนถึงวันหนึ่งที่ "ดิออนแบกรับมันไม่ไหว" เขาเลยเสียใจที่สุด ที่วันนั้นไม่ได้ช่วยเสนอแนะอะไรไป ในยามที่สิ่งที่ดิออนต้องการที่สุด ก็คือมิตรภาพ วันนี้ ฮาร์โปคราเตสเลยอยากให้ช่วยเอาดอก Wyvern Tail มาให้หน่อย เพราะเภสัชกรบอกว่ามันสามารถปลอบขวัญในใจคนเราได้

ไคลฟ์ก็ไปหาดอกไม้จากดินแล้งที่วาลูดมาให้ แล้วไปตามดิออนให้มาพบฮาร์โปคราเตส

ดิออนจะไม่กล้ามาพบ เพราะทำให้คนฉิบหายไปเยอะ ตอนนี้ตั้งใจว่าจะไถ่บาป หรือพยายามจนตัวตาย ตอนนี้เขากลัวว่าถ้าพบหน้าฮาร์โปคราเคสอีกครั้ง ก็กลัวจะลังเลกับสิ่งที่ตัดสินใจไปแล้ว

ไคลฟ์บอกงั้นยิ่งต้องไป เพื่อทดสอบตัวเอง แสดงให้เห็นว่าตัวเองมุ่งมั่นแค่ไหน

แล้วไคลฟ์ก็พาดิออนไป โดยดิออนก็ลังเลเรื่อย ๆ

พอมาถึงห้องฮาร์โปคราเตส ดิออนขอโทษที่ในวัยเด็กนั้น เขาออกจากการเรียนก่อนจบหลักสูตร บทเรียนที่ฮาร์โปคราเตสสอนเขานั้น ได้เปิดโลกให้เขารู้ยิ่งกว่าที่เคยจินตนาการไว้ และรู้สึกขอบพระคุณมาก

ฮาร์โปคราเตสบอกไม่ต้องขอโทษอะไรเลย แล้วเขามีของอยากจะให้ เป็นดอก Wyvern Tail ที่สีต่างไปจากที่ดิออนเคยเห็น เพราะสิ่งที่เติบโตมาในสภาพแวดล้อมอันลำบาก ก็จะมีสีโดดเด่นแบบนี้ แม้รากจะไม่ต่างจากดอกที่โตในสภาพที่ดี แต่เมื่อมันเบ่งบาน ความแตกต่างนั้นก็จะปรากฏขึ้นทันที ถึงจะเป็นรากของดอก Wyvern Tail แต่รากไม่ได้กำหนดว่ามันจะโตมาเป็นยังไง เช่นเดียวกับรากเหง้าของท่านที่ไม่ได้กำหนดว่าท่านต้องเป็นอย่างไร  เลยอยากให้เก็บไว้เพื่อเตือนใจถึงความจริงนี้

แต่ดิออนไม่รับดอก Wyvern Tail ไว้ และบอกว่าให้เก็บไว้ก่อน จนกว่าเขาจะทำหน้าที่สำเร็จ แล้วเขาจึงคู่ควรที่จะรับมัน

ฮาร์โปคราเตสก็รับปากว่าจะรอ วันที่ดิออนจะกลับมารับดอกไม้นี้

ดิออนบอกไคลฟ์ว่ารากเหง้าไม่ได้กำหนดว่าเราจะเป็นอย่างไร ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมแม่บุญธรรม (อนาเบลล่า) ถึงไม่เหมือนกับไคลฟ์ แล้วดิออนก็ให้แหวนที่ลด cooldown gigaflare มา สำหรับการให้เขาหวนคืนถึงความทรงจำที่ลืมไปนาน

ฮาร์โปคราเตสกล่าวขอบคุณไคลฟ์ และบอกว่าเขาต้องปลูกดอก Wyvern Tail เองแล้ว ตอนที่ดิออนกลับมาหาเขาอีกครั้ง ดิออนจะได้ไม่ผิดหวัง (จะได้มีดอกให้) ดอกนี้ยังปลูกในดินแดนแห้งแล้งของวาลูดได้ ดินที่รังลับนี่สบาย

ฮาร์โปคราเตสให้ปากกาขนนก Stolas ของเขาแก่ไคลฟ์ แล้วบอกว่าปีกนกฮูกเต็มไปด้วยความปรารถนาที่มันได้ยินมาชั่วชีวิตอันยาวนาน คำพูดทั้งหมดรอที่จะพรั่งพรูลงไปในหน้ากระดาษ วันหนึ่งไคลฟ์อาจจะวางดาบ หันมาจับปากกาแทน

ไคลฟ์บอกถึงวันนั้น เขาคงมีเรื่องมากมายให้เขียน - https://youtu.be/m8H3bgkPf2E

ฮาร์โปคราเตสพูดต่อว่า เขาจำได้ว่าดิออนเป็นคนที่เชื่อหมดใจ ว่าหน้าที่ของจักรวรรดิ คือรับใช้ประชาชน แล้วตัดสินใจเรียนรู้อดีต เพื่อจะได้ไม่ก่อความผิดพลาดซ้ำ เพราะงี้การล่มสลายของ Twinside จึงทำให้ดิออนเจ็บปวดมาก เขาต้องรับผลที่ตามมา แลเกรงว่าลำพังเวลา ไม่เพียงพอที่จะเยียวยาเขา มันต้องได้รับการให้อภัย แต่ไม่ใช่ไคลฟ์ จากฮาร์โปคราเตส จากประชาชน จากจักรพรรดิที่ตายไป แต่เป็นจากตัวเขาเอง เมื่อนั้น ดอกไม้ของดิออนจะเบ่งบานขึ้นอีกครั้ง

พอไคลฟ์เดินกลับไปคุยกับดิออนด้านนอก ดิออนอยากกลับมาเห็นดอกนั้นอีกครั้ง เมื่อเขาคู่ควร ช่วงเวลาที่ได้เรียนกับฮาร์โปคราเตส เป็นช่วงสุกสกาวของชีวิต เพื่อที่เขาจะได้เป็นจักรพรรดิแบบที่ประชาชนควรมี แต่แล้วเขากลับทำให้ฮาร์โปคราเตสผิดหวัง ทว่าฮาร์โปคราเตสกลับต้อนรับเขาอยากอบอุ่น ราวกับว่าเขาเป็นเด็กน้อยในวันวานคนนั้น เขาก็อยากทำให้ฮาร์โปคราเตสภูมิใจในตัวเขาให้ได้...


--------------------------------------


พูดถึงตรงนี้ อยากพักไว้ก่อนว่า มันมีประเด็นตั้งแต่เทรลเลอร์แรกแล้วว่า เรื่องราวของ FFXVI มันถูกนำเสนอราวกับว่าเป็นเรื่องราวในหนังสือพงศาวดารเล่มนึง ตอนเดือน พ.ย. 2022 ทางแฟมิซือเลยถามทีมงานว่า เนื้อเรื่องมันก็จะดำเนินไปในลักษณะหน้าหนังสือรึเปล่า หรือไอ้อิมเมจหนังสือนี้อันนี้เป็นแค่สำหรับเทรลเลอร์เท่านั้น? โยชิดะบอกว่าคาดไม่ถึงว่าจะโดนถาม เป็นคำถามที่ดีมาก แต่ตอนนี้ขออุบเป็นความลับไว้ก่อน - http://re-ffplanet.blogspot.com/2022/11/ffxvi-7.html

ส่วนทาคาอิเสริมว่า "เมื่อไหร่ที่ผู้เล่นรู้ว่เสียงผู้หญิงที่บรรยายในเทรลเลอร์ เป็นตัวละครใด คุณจะ โอ้ววววว กับมัน" *คนที่พูดว่าผ่านไป 1,500 ปีนับจากมนุษย์ไปสู้กับเทพเจ้า*

ตั้งแต่วันนั้น ผมก็มั่นใจแล้วว่า... เกมมันต้องเล่นมุก เรื่องราวทั้งหมดเป็นเรื่องเล่าในหนังสือ และตอนจบเรื่อง หนังสือนั้นต้องปิดลง และมีการเฉลยชื่อคนเขียนหนังสือ... มันคือมุกที่ใช้ใน Brave Story ของ Final Fantasy Tactics

แต่ ณ วันนั้น ผมยังไม่มีเงื่อนงำว่าคนเขียนหนังสือเป็นใคร แต่ก็เอียง ๆ ว่าคงฮาร์โปคราเตสเขียนละมั้ง เพราะข้อมูลเรามีแค่นั้น

จนตอนที่ผมได้เล่นเกม ถึงเนื้อเรื่องที่ปราบโอดิน และกลับจากวาลูดมาได้ โดยพอเราไปคุยกับฮาร์โปคราเตส เขาจะฟุ้งให้ฟังว่า "โจชัวเก่งมากที่ออกเดินทางรอบโลก จนค้นพบเรื่องอัลเทม่า, Circle of Malius (ศาสนาเก่า) การค้นพบของโจชัวนั้น เลอค่าดั่งตัว Moss ผู้ยิ่งใหญ่เลย ถ้าวันหนึ่งโจชัวเลือกที่จะเอาดีทางด้านนี้ วันหนึ่งจะกลายเป็นนักประวัติศาสตร์ผู้ยิ่งใหญ่" - http://re-ffplanet.blogspot.com/2023/07/ffxvi-10.html

ถึงตอนนั้น ผมปักธงในใจแล้วว่า!! โอเค ตรูได้คำตอบแล้ว ตอนจบตำราปิด ต้องมีอะไรที่เป็นการเฉลยว่าโจชัวเป็นคนเขียนพงศาวดารทั้งหมดแน่นอน....

ทีนี้ ภายหลังเมื่อเราไปทำเควสต์ที่เล่ามานี้ ก็เห็นว่าฮาร์โปคราเตสให้ปากกาขนนกแก่ไคลฟ์ และเกริ่นว่าวันหนึ่งไคลฟ์อาจจะวางดาบแล้วหันมาจับปากกา ส่วนไคลฟ์ก็รับว่าถึงวันนั้นเขาคงมีอะไรมากมายให้เขียน

พอรับข้อมูลใหม่ไป ผมก็ชักไม่แน่ใจละว่าเอ... แบบนี้มันเขียนกันสองคน หรือมันเขียนคนเดียวนะ หรือเขาอยากเปิดให้เดากันได้ทั้งสองทางว่าใครเขียนก็ได้


แต่ถึงตอนนี้ ความคิดปัจจุบันของผมคือ ในเควสต์จบของ NPC แต่ละตัวมันต้องมีการให้ของที่ระลึก พร้อมบ่นอะไรปิดท้ายหน่อย - สำหรับฮาร์โปคราเตสสิ่งแทนตัวที่เหมาะสมที่สุด ถ้าไม่เป็นหนังสือก็ต้องเป็นปากกา แล้วถ้าทีมงานเลือกจะให้ของที่ระลึกเป็นปากกาแล้ว มันก็เขียนบทเป็นอย่างอื่นไม่ได้ นอกจากการแต่งไปว่า ฮาร์โปคราเตสหวังว่าวันหนึ่งไคลฟ์จะได้ใช้ปากกานั้น

ด้วยเหตุนี้ ผมเลยคิดว่า ในเมื่อเนื้อเรื่องหลักฮาร์โปคราเตสอวยโจชัว ว่าอาจจะกลายเป็นนักประวัติศาสตร์ผู้ยิ่งใหญ่ระดับมอส เรื่องมันเลย hint ไปทางว่าโจชัวเป็นคนแต่งหนังสือในตอนจบมากกว่า ส่วนเรื่องการให้ปากกาขนนกแก่ไคลฟ์ เป็นสิ่งที่ถูกแต่งเติมขึ้นมาทีหลัง เพื่อให้มีเควสต์ของฮาร์โปคราเตสเกิดขึ้น และเพื่อเป็นการสับขาหลอก ให้คนได้จินตนาการไปอีกทางบ้าง เพื่อเปิดให้คนเล่นได้ไปใช้ความคิดถกเถียงกัน ก็เป็นเรื่องที่น่าสนุกดี

ไม่มีความคิดเห็น