บันทึกของเวอร์สไตล์ใน FFXV -Episode Ardyn-


[21 ส.ค. ปี 715] | บาฮามุท

ในบรรดาเทพทั้งหมด ตัวที่มีข้อมูลน้อยที่สุดคือบาฮามุท แทบไม่มีชื่อเขาปรากฏอยู่ในบันทึกต่าง ๆ เลย

บางตำนานกล่าวว่าบาฮามุทได้เลือกราชามาปกครองลูซิส และมอบแหวนในตำนานกับคริสตัลให้แก่ผู้ถูกเลือก

เวอร์สไตล์คิดว่าเรื่องพวกนี้ฟังดูเหมือนนิทานที่ราชวงศ์ลูซิสแต่งขึ้นเพื่อแสดงถึงพลังอำนาจของพวกเขา ทว่าถ้าได้ไปเยี่ยมเยียนคนสนิทของตระกูลลูซิสที่เทเนแบร (ตระกูล Fleuret) ก็อาจจะเข้าใจเรื่องนี้ได้ดียิ่งขึ้น

[9 เม.ย. ปี 716] | เดม่อน

เวอร์สไตล์ในวัยเด็กเจอเดม่อนครั้งแรก เป็นหมาปิศาจธรรมดาที่พลาสโมเดียมผิดเพี้ยน แต่แทนที่จะกลัว ใจของเขาดันปกคลุมด้วยความตื่นเต้นยินดี ราวกับพิษ Miasma ที่แพร่กระจายปลิดชีวิตและแสงสว่างทั่วแผ่นดิน

บางคนหาว่าเขาวิกลจริต ประณามที่เขาทดการวิจัยเรื่องโรคระบาดร้ายที่เป็นแล้วตายสถานเดียว

แต่เวอร์สไตล์คิดว่าการทำความเข้าใจกับสิ่งที่เราหวาดกลัว ทั้งเทคโนโลยีมาจิเทคของยุคโบราณ และทั้งเรื่องเดม่อนในทุกวันนี้ ล้วนเป็นก้าวสำคัญไปสู่ความหยั่งรู้

[2 พ.ค. ปี 716] | ทูตสวรรค์ (The Messenger)

มีบันทึกเพียงน้อยนิดเท่านั้นที่เขียนถึงทูตสวรรค์หลงเหลืออยู่

คณะขุดสำรวจของพวกเขาที่ไปยัง Taelpar Crag ได้ค้นพบข้อมูลที่น่าสนใจผ่านการบอกเล่าปากต่อปากจากการสำรวจรอบดินแดนนั้น

จากที่ได้ยินมา เทวดาเหล่านั้นได้ต่อสู้เคียงข้างเทพที่ตนรับใช้ในสงครามแห่งเทพ

โดยเทวดาผู้ติดตามอัคคีเทพอิฟรีทผู้ทรยศ ได้ถูกลบจากหน้าประวัติศาสตร์ไปหลังพ่ายแพ้ต่อน้ำมือของเทพองค์อื่น นอกจากนั้นเราก็แทบไม่รู้อะไรเกี่ยวกับทูตสวรรค์ แต่เวอร์สไตล์ตั้งใจจะแสวงหาข้อมูลเรื่องนี้ต่อไป

[21 มี.ค. ปี 717] | โรคแห่งดวงดาว

โรคระบาดที่ทำลายดวงดาวแห่งนี้เมื่อหลายศตวรรษก่อนได้หายสาบสูญไปนานแล้ว พร้อมกับความรู้เกี่ยวกับมอนสเตอร์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นมา

แต่เมื่อมีการค้นพบพลาสโมเดียมกลายพันธุ์ในใต้ดิน คำว่าเดม่อน จึงกลับเข้ามาอยู่ในพจนานุกรมของพวกเราอีกครั้ง

เวอร์สไตล์สงสัยว่าทำไมจู่ ๆ โรคระบาดนั้นถึงกลับมาได้ล่ะ? และตั้งข้อสันนิษฐานไว้ว่า น่าจะเป็นเพราะการเพิ่มขึ้นของจำนวนประชากรในช่วงครึ่งหลังของสหัสวรรษ

แม้ว่าการนำเทคโนโลยีมาจิเทคมาใช้จะพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนทั่วจักรวรรดิเป็นอย่างมาก แต่การขยายพรมแดนออกไป อาจไปกระตุ้นให้พลาสโมเดียมที่อยู่สงบนิ่งมาอย่างยาวนานกลับมาเคลื่อนไหวอีกครั้ง ถ้าเป็นเช่นนั้นแล้ว การระบาดที่แท้จริงของโรคแห่งดวงดาว คงพึ่งเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น

[6 ต.ค. ปี 719] | มังกรแห่ง Taelpar

ทีมงานที่ถูกส่งไปยังหุบเขา Taelpar Crag ไดกลับมาพร้อมรายงานที่น่าทึ่ง : ยานของพวกเขาถูกโจมตีโดยมังกรบินทันทีที่เข้าไปยังหุบเขาแห่งนั้น

พอได้ยินแล้วเวอร์สไตล์ก็นึกถึงเนื้อหาเรื่องนักดาบในตำนาน (กิลก้าแมช) ที่ปกป้องปฐมกษัตริย์แห่งลูซิส ด้วยดาบในมือและมีมังกรอยู่ข้างกาย (Enkidu ของภาคนี้) หมายความว่าสิ่งที่พวกนั้นเจอ ได้ปกป้องหุบเขาแห่งนั้นมานานร่วม 2 สหัสวรรษ

และหากว่าตำนานของลูซิสเรื่องนี้เป็นความจริงแล้ว บางทีพวกนิทานต่าง ๆ ของลูซิสอาจไม่ได้เป็นเพียงแค่ข่าวลือ รวมถึงเรื่องของ "ผู้ที่ไม่มีวันตาย" ด้วย


[12 พ.ย. ปี 720] | ยอดเขา Ravatogh

หลังได้รับข้อมูลจากเพื่อนมาเป็นการส่วนตัว เวอร์สไตล์จึงส่งทีมขุดค้นไปยังยอดเขา Ravatogh

ในขณะที่พวกเขาไม่สามารถเคลื่อนย้ายร่างไตตันที่ Disc of Cauthess ได้ แต่การเคลื่อนย้ายร่างของอิฟรีทไม่น่ามีปัญหาใด ๆ หากทีมของเขาสามารถไปถึงยอดเขาได้สำเร็จ

ตำนานกลาวไว้ว่าในสมัยโบราณ อิฟรีทได้มอบเปลวไฟให้แก่มนุษย์ และเพลิงแห่งปัญญานั้นได้สร้างรากฐานของอารยธรรมโซลไฮม์ขึ้นมา และเมื่อเขาได้เพลิงในตำนานไว้ในกำมือแล้ว ก็เป็นก้าวแรกสู่การเป็นเทพของเวอร์สไตล์

[9 ธ.ค. ปี 720] | การต่อสู้กับเวทมนต์ของชาวลูซิส

การที่ทหารลูซิสต้องพึ่งพาพลังเวทย์จากราชวงศ์นั้นไม่ใช่เรื่องใหม่ และเวอร์สไตล์ก็เชื่อว่ากองทัพลูซิสคงไม่เปลี่ยนแปลงกลยุทธใด ๆ ในอนาคตอันใกล้นี้ด้วย

ดังนั้น พวกเขาก็น่าจะวางแผนหาทางยับยั้งความสามารถดังกล่าวนั้น เวอร์สไตล์คิดหาวิธีสะกดพลังเวทย์ของลูซิสมานาน และว่าจะสร้างอุปกรณ์แทรกแซงการส่งพลังเพิ่มเข้าไปในคลังอาวุธมาจิเทค (สุดท้ายก็ออกมาเป็นเรื่องคลื่นทลายกำแพง ที่ปรากฏใน Chapter 12-13)

แต่คงต้องใช้เวลาอักสักระยะกว่าจะทำตัวต้นแบบเสร็จ ข้อมูลจากการต่อสู้นั้นจะช่วงทำให้การพัฒนาเสร็จเร็วขึ้น โดยเฉพาะข้อมูลที่เกี่ยวกับพวกเทพ (ภายหลังในปี 745 ศิวะก็แพ้จักรวรรดิ เพราะผลจากอุปกรณ์นี้ไปลดทอนพลังของเทพได้ด้วย)

[17 ม.ค. ปี 721] | อดาเจียม

เวอร์สไตล์เลิกล้มความสนใจเรื่องอดาเจียมไปนานแล้วเพราะคิดว่าเป็นแค่นิทานไร้สาระธรรมดา

ทว่าล่าสุดหลังค้นพบตำราโบราณในสุสานกษัตริย์ลูซิสแห่งหนึ่ง ตำรานั้นกลับยืนยันว่าอดาเจียมมีตัวตนอยู่จริง

ตำรานั้นบอกว่าอมนุษย์ที่ถือกำเนิดจากความมืด มีชีวิตอยู่ในเกาะ Angelgard มาราว 2 สหัสวรรษ และชาวลูซิสหวาดกลัวต่อพลังเหนือมนุษย์ และศักยภาพในการทำลายล้างของมัน

เวอร์สไตล์คิดว่าการปล่อยพลังแบบนั้นไว้เฉย ๆ โดยไม่ทำอะไร เป็นการโคตรเสียโอกาส ป่านนี้พวกกองทัพก็กำลังเย้ยหยันนักวิจัยอย่างเวอร์สไตล์ ที่ยังไม่มีความคืบหน้าเรื่องทหารมาจิเทคและการศึกษาเดม่อนอย่างเป็นรูปธรรม เวอร์สไตล์จึงคิดว่าถ้าจับอดาเจียมมา และควบคุมความลับที่มันกำไว้ได้ ก็จะได้เป็นฝ่ายหัวเราะในท้ายที่สุด

[27 ก.ย. ปี 721] | ทัดเทียมกับความเป็นเทพ

เวอร์สไตล์รู้สึกตื่นเต้นตกใจมาก เมื่อพบว่ามอนสเตอร์ที่เรียกว่าอดาเจียมนั้น แท้จริงแล้วก็คือ อาร์ดีน ลูซิส ไคลัม พี่ชายของปฐมกษัตริย์แห่งลูซิส

การได้คุยกับคนที่มีชีวิตอยู่มาหลายร้อยปีแบบนี้ ทำให้เขาปลาบปลื้มยินดีเหนือคำบรรยายใด ๆ

อาร์ดีนแสดงพลังที่น่าทึ่งออกมาให้เห็นเรื่อย ๆ ไม่เพียงแต่อาร์ดีนจะสามารถดูดซับพิษเดม่อน (Daemonic Miasma) เข้าไปในร่างได้แล้ว ยังสามารถส่งต่อโรคร้ายนี้เข้าไปยังตัวผู้อื่นได้ด้วย

อาร์ดีนยังบอกไว้ว่าเวลาทำแบบนั้น เขาจะเห็นความทรงจำแวบหนึ่งจากจิตใจของคน ๆ นั้นด้วย ถ้าเป็นแบบนั้นจริง ก็แปลว่าชายคนนี้ได้รับพรทั้งชีวิตอันเป็นนิรันดร์ และความรู้อันเป็นอนันต์ นี่มันเทพชัด ๆ!

ไม่มีความคิดเห็น