เจเนซิส จะกลับมาใน Final Fantasy VII Remake Part ต่อ ๆ ไป
Did you know? ในหนังสือ Crisis Core Final Fantasy VII Ultimania ที่วางจำหน่ายในเดือนตุลาคม 2007 หรือ 13 ปีที่แล้ว...
ตั้งแต่หน้า 542 เป็นต้นไป เป็นส่วน Q&A กับ Scenario Staff ซึ่งไม่ได้มีการระบุว่าใครเป็นคนตอบคำถาม (แต่ก็น่าจะช่วยกันตอบ แล้วค่อยเรียบเรียงขึ้นมา)
ในส่วน Section 6 ที่เป็นตอบคำถามเรื่องของเจเนซิส ได้มีการอธิบายไว้ว่า (คัดลอกจากที่ผมแปลไว้ตอนปี 2008 : http://web.archive.org/web/20140803133314/http://ffplanet.exteen.com/20080402/q-a-crisis-core-ffvii-ultimania-6)
"หลังจากเจเนซิสเกิดมาแล้ว ชินระก็ส่งเขาไปให้เจ้าของที่ดินของหมู่บ้านบาโนล่าเลี้ยงดู เจ้าของที่นั้นได้รับหน้าที่ให้คอยสังเกตดูพฤติกรรมและการเติบโตของเจเนซิส ทว่าเมื่อเวลาผ่านไปหลายปี การได้ใช้ชีวิตร่วมกันก็ทำให้เจ้าของที่ดินนั้นรู้สึกรักเจเนซิสเหมือนกับลูกแท้ ๆ จริง ๆ ตัวเขานั้นคิดที่จะทรยศ ให้ข้อมูลเท็จกับชินระเพื่อปกป้องเจเนซิสด้วยซ้ำ (ในเกมพอลาซาร์ดติดต่อไปว่าเจเนซิสอยู่ที่บาโนล่ารึเปล่า พวกเขาก็โกหกว่าเปล่า) อย่างไรก็ตาม น่าเสียดายที่ความรักและความจริงใจนี้ไม่ได้ถูกส่งผ่านเข้าไปในหัวใจของเจเนซิสแม้แต่น้อย เมื่อเจเนซิสรู้เรื่องชาติกำเนิดของตัวเอง และรู้ว่าผู้ที่เลี้ยงดูเขามาเป็นแค่คนที่ถูกสั่งให้ทำหน้าที่คอยจับตาดูเขา เขาจึงฆ่าพ่อเลี้ยงแม่เลี้ยงของเขาทิ้ง"
"เป้าหมายของเจเนซิสก็คือการรักษาอาการเสื่อมสภาพของตนเอง เขาได้พยายามค้นหาวิธีหลาย ๆ วิธีเพื่อรักษาอาการเจ็บป่วยของตน ในตอนท้ายเขาไม่สามารถเอาเซลล์ของคลาวด์ออกมาได้ แถมฮอลันเดอร์ก็ดันมาตายไปซะอีก เจเนซิสจึงได้พยายามตีความหมายของบทกลอนใน Loveless เพื่อหาว่าแท้จริงแล้วของขวัญจากเทพธิดาคืออะไร แล้วเขาก็ได้ความว่าผิวน้ำในบทกลอนนั้นต้องหมายถึงไลฟ์สตรีมแน่ๆ แสดงว่าของขวัญจากเทพธิดามันต้องเกี่ยวข้องกับไลฟ์สตรีม เขาจึงหันไปขอความช่วยเหลือจากไลฟ์สตรีมแทน"
"ต้นฉบับบทสุดท้ายของ Loveless นั้นเป็นสิ่งที่สูญหายกระจัดกระจายไปก่อนที่จะมีการตีพิมพ์ มันจึงไม่มีอยู่จริงบนโลกของ FFVII มีผู้เชี่ยวชาญมากมายพยายามสร้างทฤษฎีเกี่ยวกับตอนจบของ Loveless ขึ้นมา ซึ่งก็รวมถึงเจเนซิสด้วย คำกล่าวในตอนจบที่เป็นฉากกระดาษปลิวไปปลิวมา นั่นคือบทสรุปของวรรณกรรม Loveless ตามทฤษฎีของเจเนซิส"
"การได้ต่อสู้กับแซ็คและพ่ายแพ้อย่างสมศักดิ์ศรี ทำให้เจเนซิสรู้สึกว่าเขาได้รับความภาคภูมิใจในฐานะของโซลเยอร์คนหนึ่งกลับคืนมา หลังจากนั้นเขาก็เริ่มคิดว่าในเมื่อเซฟิรอธและแองจีลตายไปแล้ว ก็เหลือแต่เขาเพียงคนเดียวที่จะสามารถปกป้องโลกใบนี้ต่อไปได้ และเพื่อการเตรียมพร้อมสำหรับวันที่วิกฤตจะมาเยือนโลกอีกครั้ง เจเนซิสก็ได้ผนึกตัวเขาเองอยู่ในห้องลับด้วยความตั้งใจของตัวเขาเอง การที่เขาจะผนึกตัวเองนี่ก็คือความหมายที่แท้จริงของตอนจบ Loveless ในทฤษฎีของเจเนซิสน่ะเอง และนี่ก็คือความหมายที่แท้จริงของตอนจบภาค DC ด้วย"
ในขณะที่ Section 7 ที่เป็นหัวข้อ G SOLDIER ก็มีการลงท้ายไว้ว่า (คัดลอกจากที่ผมแปลไว้ตอนปี 2008 : http://web.archive.org/web/20140803132851/http://ffplanet.exteen.com/20080404/q-a-crisis-core-ffvii-ultimania-7)
"คนที่เล่นเฉพาะภาค DC อาจเข้าใจฉากจบลับในทำนองว่า 'วายร้ายหลุดจากการผนึกออกมาคุกคามโลกอีกแล้วเหรอเนี่ย!!' แต่ถ้าได้ลองกลับไปดูฉากนั้นอีกครั้งหลังจากที่เล่นภาค CC จบแล้ว พวกเขาคงต้องตีความฉากจบนั่นไปในทางตรงกันข้ามกันเลยทีเดียว"
--------------------------------------------------
อันนั้นคือส่วนของ [Fact] ที่ทีมงานให้ไว้ ที่จริงแล้วเหมือนมีบทสัมภาษณ์อีกจุดหนึ่งที่จะเสริมสิ่งที่ผมกำลังอยากจะสื่อ แต่ผมนึกไม่ออกว่าบทสัมภาษณ์นั้นเผยแพร่ในช่วงเดือนปีอะไร....
แต่เอาเป็นว่า ณ ตอนนั้นแฟนฮาร์ดคอร์ของ Compilation of FFVII ที่ได้ติดตามข่าวสารจาก Ultimania เล่มนี้แล้ว ต่างเข้าใจตรงกันหมดว่า... เจเนซิสปฏิเสธที่จะให้ความร่วมมือกับชินระต่อไปแล้ว เขาได้หนีไปซ่อนตัวและผนึกตัวเองไว้ การที่เจเนซิสตื่นขึ้นในตอนจบของ Dirge of Cerberus นั่นก็เพราะเขาสัมผัสได้ถึงภยันตรายที่ร้ายแรงที่สุดที่กำลังจะมาเยือนโลก ซึ่งบนโลกที่ปราศจากเซฟิรอธและแองจีลแล้ว คนที่จะหยุดยั้งมหันตภัยนั้นได้... ก็มีแต่ชายเสื้อแดงเจ้าบทเจ้ากลอนอารมณ์ศิลปินคนนี้ คนเดียวเท่านั้น...
ดังนั้น ในส่วนหนึ่งของทฤษเฎาเรื่องราวที่จะเกิดขึ้นต่อไปในอนาคตของ Timeline - Remake ซึ่งผมว่าอาจจะเขียนลงได้พรุ่งนี้หรือมะรืนนี้.... ผมคิดว่าถ้ามีบอสใหญ่ตัวใหม่ ที่อยู่หลังเซฟิรอธไปอีก ปรากฏตัวขึ้นมาอย่างชัดเจนเมื่อไหร่...
เจเนซิสจะกลับมา เพื่อร่วมต่อกรกับภยันตรายที่ร้ายแรงที่สุดนั้น ในฐานะของศิลปินคนนึง ที่คลั่งเรื่องความฝัน เกียรติภูมิ และการมีชีวิตอยู่ต่อไปอย่างสง่างามเหมือนกับทุก ๆ คน
Post a Comment