รวมข้อมูลจากหนังสือ Final Fantasy VII Remake Material Ultimania Plus
จากหนังสือ Final Fantasy VII Remake Material Ultimania Plus
คำถาม : ระหว่างฉากเตาปฏิกรณ์มาโค ตอนที่คลาวด์นึกถึงเรื่องราวในนีเบิลไฮม์ เพลง "Anxious Hearts, Fake memories" ก็บรรเลงขึ้น ภาพเหล่านั้นคือความทรงจำที่ถูกสร้างขึ้นด้วยเหตุปัจจัยอื่นอย่างที่เพลงมันใบ้ไว้รึเปล่า?
โทริยามะ : ในตัวของคลาวด์นั้นยังคงมีเอฟเฟคท์ที่เป็นผลลัพธ์จากการทดลองที่ตัวเขาเองก็ไม่รู้หลงเหลืออยู่ ประเด็นนี้นำเสนอผ่านเสียงรบกวนที่ดังขึ้นในโสตประสาทของเขา หรือก่อตัวขึ้นเป็นภาพลวงตาตลอดทั้งเรื่อง
สำหรับฉากเตาปฏิกรณ์มาโค ความทรงจำเมื่อเขานึกถึงบ้านเกิด ทำให้เกิดความเศร้าและความวิตกกังวล แต่ความทรงจำเหล่านั้นเป็นจริงหรือเปล่า? หรือมันมาจากไหน? มันเป็นเพียงสิ่งที่คลาวด์ปรารถนาอยากให้เป็นรึเปล่า? ก็ยังไม่เป็นที่เปิดเผย
https://twitter.com/aitaikimochi/status/1415939930501517318
ในส่วนสคริปต์เกมนั้น มีการระบุว่า ความทรงจำนี้ altered unconsciously หรือถูกบิดเบือนไปโดยที่คลาวด์เองก็ไม่รู้ตัว โดยในเหตุการณ์จริงนั้น ทิฟาในวัย 8 ขวบไม่รู้ตัวว่าคลาวด์เดินมาด้อม ๆ มอง ๆ
https://twitter.com/aitaikimochi/status/1417735835730931714
คำถาม : เซฟิรอธที่ปรากฏตัวใน Chapter 2 และเซฟิรอธที่เราเห็นใน Chapter 18 ที่ Edge of Creation ต่างก็พยายามหลีกเลี่ยงความล่มสลายของดวงดาว ทั้งสองคนเกี่ยวข้องกันหรือไม่?
โทริยามะ : เซฟิรอธที่เราเห็นตลอดทั้งเกมนั้นแตกต่างกัน มีทั้งภาพลวงตาที่คลาวด์เห็นคนเดียว, นิมิตที่เซฟิรอธเองสร้างขึ้นมา, ร่างจำแลงของคนในผ้าคลุม และตัวเซฟิรอธเองจริง ๆ ทั้งหมดนั้นล้วนเกิดจากจิตของเซฟิรอธเอง พวกเขาต่างพูดถึงเป้าหมายเดียวกัน และก็เล่นกับจิตใจของคลาวด์เหมือน ๆ กัน
คำถาม : ตอนที่เซฟิรอธบอกว่า "นั่นคือความทรงจำอันสวยงามของพวกเรา" มันทำให้ผมนึกถึงประโยคที่คลาวด์พูดใน Advent Children ว่า "อยู่แค่ในความทรงจำฉันนั่นแหละ" ความหมายเบื้องหลังจริง ๆ คืออะไรกันแน่?
โทริยามะ : กายเนื้อของเซฟิรอธนั้นตายไปแล้ว ถูกฆ่าด้วยน้ำมือของคลาวด์เอง แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็เป็นส่วนหนึ่งในความทรงจำของคลาวด์ สำหรับเซฟิรอธแล้ว คลาวด์คือคนเพียงไม่กี่คนที่เซฟิรอธคิดว่าเข้าใจเขา และสามารถเป็นได้ทั้งสหายและคู่ปรับเก่า เขาจึงอยากมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับคลาวด์ เพราะงี้ เขาจึงใช้คำว่า "ความทรงจำ" เพื่อรื้อฟื้นถึงความทรงจำเหล่านั้น
https://twitter.com/aitaikimochi/status/1415734209562304517
คำถาม : ทำไมคลาวด์จึงดูแอบลำพองตอนที่ยื่นดอกไม้ให้ทิฟา?
โทริยามะ : ตอนที่คลาวด์เจอทิฟาที่เซเว่นเฮฟเว่น จะเห็นว่าเขาพยายามทำเป็นเท่ ที่จริงก็คือเขาพยายามโชว์ออฟภาพลักษณ์วัยหนุ่มอย่างที่เขาอยากจะเป็น ซึ่งมันก็ไม่ค่อยเข้ากันเท่าไหร่ อาจจะเพราะว่ามันคือภาพลักษณ์แบบที่เขามโนขึ้นมาในหัวเอง
(ก็คือตอนเด็ก ๆ อย่างเป็น SOLDIER เท่ ๆ ตอนนี้พอเข้าใจผิดว่าตัวเองเป็นและออกจาก SOLDIER มาแล้ว เลยยังมีความรู้สึกลำพองที่ว่ากูเจ๋งอยู่)
*มีหมายเหตุตัวแดงใต้ภาพว่าคลาวด์ยื่นดอกไม้ให้ทิฟา ด้วยท่าทางที่เหมือนกับแซ็ค
https://twitter.com/aitaikimochi/status/1415669251889786891
คำถาม : ตอนที่คลาวด์และแอริธคุยกันในโบสถ์ ก็มีนิมิตบางอย่างปรากฏขึ้น อะไรเป็น trigger ของนิมิตเหล่านั้น?
โทริยามะ : มาเทเรียที่ซ่อนไว้ในผมของแอริธ ลูกที่แม่ของเธอมอบให้ เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดนิมิตนั้น สิ่งทีคลาวด์เห็นคือสัญลักษณ์ของสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นกับพวกเขาในอนาคต
คำถาม : ตอนที่แอริธบอกว่าคลาวด์เป็นทหารรับจ้าง/なんでも屋 มันเหมือนเป็นอาการพลั้งปาก ทำไมแอริธถึงรู้ว่าคลาวด์เป็นทหารรับจ้างล่ะ?
โทริยามะ : มันก็อธิบายใน Chapter 17 ที่แอริธมีความทรงจำอันมากมาย ทำให้เธอรู้อะไรเยอะแยะ แต่เธอพยายามปิดบังไม่ให้คนรอบตัวรู้ ทว่า หนึ่งในความทรงจำก็ทำให้เธอรู้ว่าคลาวด์เป็นทหารรับจ้าง แล้วเธอก็พลั้งปากพูดออกมา Feeler บางส่วนในเนื้อเรื่องก็พยายามแย่งชิงความทรงจำในตัวแอริธไป
https://twitter.com/aitaikimochi/status/1415723751447031808
คำถาม : ในฉากที่คลาวด์มองแอริธที่เดินนำออกไป ในสคริปต์เขียนว่า "นิ้วมือของเขาสั่นเทิ้ม ตาของเขาร้อนเป็นไฟ" คลาวด์นึกถึงเหตุการณ์ในเมืองที่ถูกลืมเลือนใน FF7 Original แล้วความวิตกกังวลที่เอ่อล้นขึ้นมาก็ทำให้เขาหลั่งน้ำตา เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นได้อย่างไร?
โทริยามะ : เวลาที่ได้อยู่กับแอริธนั้นสนุก แต่อนาคตภายภาคหน้าของพวกเขานั้นก็ไม่แน่นอน แม้ฉากนี้จะเป็นเพียงการที่แอริธมาพบกับคลาวด์ แต่มันก็มีอะไรบางอย่างระหว่างคลาวด์กับแอริธเกิดขึ้นในช่วงเวลาสำคัญนี้ นอกจากนี้ใน FF7 Original ก็มีฉากในป่าอันหลับใหล ที่แอริธเคลื่อนไหวในฉากที่มีองค์ประกอบลักษณะนี้เลย จึงเป็นไปได้ว่าสาเหตุที่คลาวด์หลั่งน้่ำตาออกมา ก็เพราะความทรงจำในอนาคตนั้นได้ตื่นขึ้น
https://twitter.com/aitaikimochi/status/1415988916876832769
คำถาม : ตอนที่แอริธพูดชื่อแซ็คออกมา คลาวด์มีอาการปวดหัวฉับพลันขึ้น นั่นเป็นกลไกการปกป้องความทรงจำปลอมรึเปล่า ถึงทำให้เกิดปฏิกิริยาแบบนั้นขึ้น?
โทริยามะ : มันเกิดขึ้นเมื่อคลาวด์มีปฏิกิริยารุนแรงต่อเรื่องที่ไม่อยากนึกถึงหรือไม่อยากฟัง ฉากเดทในสวนเอฟเวอร์กรีนนั้นก็มีอยู่ใน FF7 Original ซึ่งเป็นฉากที่น่าจดจำมาก แต่เมื่อลองคิดว่าคลาวด์กำลังจินตนาการว่าแอริธก็เคยมาเดทในที่แห่งนี้กับใครคนอื่น มันก็มีความรู้สึกที๋ซับซ้อนเกิดขึ้นกับเขา บางทีนี่ก็เป็นการเพิ่มมิติให้กับตัวละครคลาวด์
https://twitter.com/aitaikimochi/status/1415699146900533252
ตอนที่อังเดรียดีดนิ้ว แล้วดนตรีมาาาา อังเดรียเชื้อเชิญให้คลาวด์เข้ามาเต้นด้วย แต่คลาวด์ส่ายหน้าเดินออกแล้วคิดในใจ "เต้น... กูเนี่ยนะะะ? ล้อเล่นน่าาา"
แต่แล้วเหล่าแดนเซอร์ก็พยายามรั้งคลาวด์ไว้ ตอนนั้นเองคลาวด์สังเกตเห็นว่าแอริธเองกลับยกนิ้วเชียร์อยู่ด้วย
คลาวด์ถอนหายใจแล้วเงยหน้ามองเพดาน แสงสปอตไลต์ส่องลงมา ตอนนั้นเองที่คลาวด์ flashback เห็นภาพรอยยิ้มของแซ็คที่กำลังสนุกสนาน
ฉากนี้ไม่ได้ใส่ลงไปในเกม แต่มันส่งผลต่อการกระทำของคลาวด์หลังจากนั้น สำหรับคลาวด์แล้ว แซ็คคือภาพลักษณ์ของการเป็น SOLDIER ในอุดมคติ เขาคิดว่าถ้าแซ็คมาอยู่แทนที่เขาตรงนี้ มันจะเป็นยังไงน้า คลาวด์คิดได้ว่าถ้าเป็นแซ็คล่ะก้อ จะต้องสนุกไปกับสถานการณ์ตอนนี้อย่างแน่นอน
แม้ว่าคลาวด์จะสับสน แต่ก็เอาวะ ตัดสินใจแน่วแน่ก้าวเข้าไปหาอังเดรีย แล้วอังเดรียก็ยิ้มให้
คลาวด์หยุดหายใจตอนที่ถูกจับแปลงโฉมเป็นเจ้าสาวแสนสวย แล้วคลาวด์ก็สังเกตเห็นว่าแอริธกำลังดูท่าทางมีความสุข เขาก็ตั้งใจว่าจะทำให้โชว์นี้มันสำเร็จลุลุวง แล้วก็เต้นต่อด้วยกันกับอังเดรีย
หลังการแสดงจบ ผู้ชมพากันทำ Standing Ovation ให้ คลาวด์ยังคงงวยงงอยู่ แต่ผู้ชมก็ตื่นเต้นกันมาก แซมเป่าปาก ส่วนมาดามเอ็มก็ชูแก้วให้ แอริธดูปฏิกิริยาของผู้ชมรอบตัว แล้วก็หันไปยิ้ม ยกนิ้วให้คลาวด์
อังเดรียส่งสัญญาณให้ปิดม่าย ผู้ชมปรบมือ แล้วการแสดงบนเวทีก็จบลง
https://twitter.com/aitaikimochi/status/1415687661742739459
คำถาม : ความเป็นมาในการสร้างฉากที่ Honey Bee และการครอสเดรสในเกมนี้เป็นอย่างไร?
โทริยามะ : เราอยากสร้างฉากการเต้นมหัศจรรย์ที่จะฝากความประทับใจไว้อย่างยาวนาน โดยมีคลาวด์ที่ก้าวออกมาแต่งตัวเป็นไฮไลต์ อังเดรียนั้นใช้ชีวิตอย่างอิสระโดยไม่มีแนวคิดเรื่องเพศ แล้วเมื่อเข้าเป็นผู้ดูแล Honey Bee Inn ไม่ว่าคุณจะมีรูปลักษณ์อย่างไร ที่แห่งนี้ก็จะอ้าแขนต้อนรับเสมอ ผมคิดว่าฉากครอสเดรสที่เราเขียนขึ้นสำหรับฉากการเต้นใน Honey Bee Inn เป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของเจเนอเรชันปัจจุบันนี้
https://twitter.com/aitaikimochi/status/1416026099352432644/
คำถาม : น้่ำเสียงและท่าทางการเคลื่อนไหวของคอร์เนโอในเกมนี้ทำให้เป็นตัวละครที่น่าจดจำมาก คุณเขียนแผนเกี่ยวกับแคแรคเตอร์นี้ไว้อย่างไร?
โทริยามะ : นักพากย์ผู้มีเสียงที่เป็นเอกลักษณ์และมีพรสวรรค์ ได้ช่วยให้เสียงแก่ตัวละครบ้านคอร์เนโอ แล้วด้วยความที่คอร์เนโอมันเป็นคนที่แปลกอยู่แล้วตั้งแต่แรก มันก็ผลิบานเป็นแคแรคเตอร์ของเขาไปเองตามธรรมชาติ ใน FF7 Original คำว่า hohi เป็นประโยคที่ค่อนข้างยูนีค เราก็กลัวว่าถ้าเอาไปพากย์เสียงแล้ว มันจะดูเป็นตลกเกินไปรึเปล่า แต่เราก็ตัดสินใจเก็บประโยคนี้ไว้ แต่เราก็มีปรับลดความฮาลงในหลาย ๆ ประโยค
เพราะการเคลื่อนไหวและการให้เสียงเป็นเรื่องสำคัญ เราจึงให้ actor มาแสดงท่าทางการเคลื่อนไหวสุดพิเศษล้อตามซีนจากออริจินอล ทำให้การสร้างตัวละครนี้เป็นอะไรที่สนุกมาก
ก็เหมือนกับในไลท์โนเวลของโนจิมะซัง ที่เอ่ยถึง "ภาพที่ระลึกของคอร์เนโอ"** เราจึงสามารถเอาองค์ประกอบต่าง ๆ จากเกมใน Compilation หลังการวางจำหน่ายของ FF7 Original มารวมใส่ลงไปได้อย่างอิสระ
**หมายถึงภาพแอริธ ทิฟา และคลาวด์ครอสเดรส ในวันที่แต่งเป็นเจ้าสาวไปหาคอร์เนโอ ซึ่งคอร์เนโอแอบถ่ายเก็บไว้ มีเปิดเผยในนิยาย FFVII Lateral Biography TURKS -The Kids Are Alright-
https://twitter.com/aitaikimochi/status/1416097239429046272
คำถาม : เรโน่และรู๊ดต่างก็มีความข้องใจในการต้องถล่มเพลทเขต 7 ช่วยอธิบายหน่อยสิว่าทำไมถึงมุ่งเน้นที่จะแสดงด้านความเป็นมนุษย์ของสองตัวละครนี้?
โทริยามะ : ภาคแรกของ Remake นั้นเป็นเรื่องที่เกิดในมิดการ์เท่านั้น เราจึงตัดสินใจตั้งแต่แรกว่าจะมุ่งเน้นการตีความตัวละครฝั่งชินระใหม่
เรโน่ รู๊ดและเหล่าเทิร์กก็เป็นตัวละครที่ได้รับความนิยมมากใน Compilation เราจึงตัดสินใจเพิ่มซีนให้ และเจาะลึกลงไปในแคแรคเตอร์มากขึ้น
แม้พวกเทิร์กจะมุ่งมั่นถวายชีวิตให้กับงาน เราก็อยากจะเล่นประเด็นทัศนคติที่พวกเขามีต่อภารกิจต่าง ๆ ที่ได้รับมอบหมาย ตัวอย่างเช่น ก็อยากโชว์ให้เห็นว่าพวกเขาคิดยังไงตอนทำงานเหล่านี้ เราก็จะได้สามารถเจาะลึกลงไปในด้านความเป็นมนุษย์ของพวกเขามากขึ้น
https://twitter.com/aitaikimochi/status/1415659854161612800
คำถาม : ตอนที่มาร์ลีนกอดแอริธ เหมือนว่าเธอจะเห็นอะไรบางอย่าง ตอนนั้นเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
โทริยามะ : เมื่อได้สัมผัสกับแอริธ ภาพนิมิตที่อยู่เหนือมิติและกาลเวลาก็จะปรากฏขึ้นมา ขึ้นอยู่กับความเซฟซิทีฟของคน ๆ นั้น
ตอนอยู่ในเซเว่นเฮฟเว่น มาร์ลีนกำลังหวาดกลัว แอริธจึงพยายามจะปลอบเธอ ตอนนั้นเองมาร์ลีนได้เห็นอะไรบางอย่างที่เธอยังไม่ควรจะเห็น ส่วนเธอเห็นอะไรนั้น ตอนนี้ก็ขอปล่อยให้ผู้เล่นจินตนาการกันไปก่อน
https://twitter.com/aitaikimochi/status/1415649097290186752
คำถาม : ในฉากจบที่บิ๊กตื่นขึ้นมา ผ้าคาดหัวกับถุงมือของเจสซีวางอยู่บนโต๊ะ หมายความว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ใช่มั้ย?
โทริยามะ : อืม เรารู้ว่าบิ๊กส์รอดตายในฉากจบก็เพราะเห็นร่างเขาเต็ม ๆ มองอีกมุมหนึ่ง การที่เจสซีไม่โผล่ในฉากจบ ก็เพราะเราช่วยเธอไว้ไม่ได้... คุณอาจจะคิดแบบนั้น
ทว่าหากมีปาฏิหาริย์บางอย่างช่วยชีวิตบิ๊กส์เอาไว้ได้ หมายความว่าคนอื่น ๆ ก็อาจจะรอดเช่นกัน เจสซีอาจจะรอดหรือกไม่ก็ได้
ทว่าธีมสำคัญของเรื่องนี้คือ "การสูญเสีย" หากตัวละครทั้งหมดที่คุณเห็นนั้นมีชีวิตรอดกันหมดในอนาคต บางทีมันก็อาจจะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในต่างโลก
https://twitter.com/aitaikimochi/status/1415573942266339331
คำถาม : "เธอจะรักฉันไม่ได้นะ ต่อให้เธอคิดแบบนั้น... มันก็แค่การคิดไปเอง" แอริธที่พูดประโยคนี้มีเจตนายังไงกันแน่?
โทริยามะ : ณ จุดนั้นของเกม กายหยาบของแอริธน่ะถูกกักตัวอยู่ในตึกชินระ ทว่าด้วยจิตบางอย่าง เธอจึงสามารถให้ไลฟ์สตรีมนำพาแอริธที่มีความทรงจำใกล้เคียงกับอนาคตมากที่สุดออกมา คำพูดนั้นไม่ได้เพียงเพื่อคลาวด์ แต่เธอก็อาจกำลังพูดกับตัวเธอเองด้วย
แล้วไม่ว่าคำพูดของเธอนั้นจะขอร้องยังไงออกไป บางทีคำพูดของเธอนั้นอาจขัดแย้งกับความรู้สึกที่แท้จริงในหัวใจของเธอ
https://twitter.com/aitaikimochi/status/1415567942855450624
คำถาม : ช่วยอธิบายให้ฟังหน่อยว่าทำไม Red XIII ถึงขาดสติใน Chapter 16? เหมือนว่าฟีลเลอร์จะไล่ล่าเขาจากการที่เขามีท่าทีที่รุนแรง ต่างไปจากชะตากรรมที่ฟีลเลอร์มุ่งหมายไว้ แล้วไหงฟีลเลอร์ไม่หยุดเขาล่ะ?
โทริยามะ : Red XIII ไม่ได้ขาดสติ แต่มันเป็นผลจากการทดลองซ้ำแล้วซ้ำเล่าของโฮโจที่สร้างความหวาดกลัวและความโกรธให้ หลังปลดปล่อยอารมณ์ออกมา เขาก็มีท่าทีเหมือนสัตว์ป่าที่ระมัดระวังตัว ทว่าต้องขอบคุณความกล้าของแอริธที่เอื้อมมือไปสัมผัสเขา เขาจึงสงบลงได้ ฟีลเลอร์จึงไม่จำเป็นต้องแทรกแซง นอกจากนี้ ตอนที่แอริธสัมผัส Red XIII เขาก็ได้รับความรู้ที่มีเขาเพียงคนเดียวที่มองเห็นเนื่องจากช่วงชีวิตที่ยาวนานเป็นพิเศษ แต่ว่าด้วยปริมาณข้อมูลที่ได้รับมานั้นมันมหาศาลมาก จนเขาเองก็ไม่สามารถมองเห็นทุกอย่างได้ชัด
https://twitter.com/aitaikimochi/status/1416050629047308292
คำถาม : แอริธบอกว่าดอกไม้สีเหลืองนั้นได้นำทางเธอมา หมายความว่ายังไงกันแน่?
โทริยามะ : ตั้งแต่ที่แอริธปรากฏตัวครั้งแรกในเขต 8 สิ่งที่เธอประสบพบเจอ ความคิดที่ก่อตัวขึ้น หรือสิ่งที่เธอสูญเสียไป ล้วนถูกนำเสนอผ่านดอกไม้สีเหลือง ทั้งชาวมิดการ์ที่เหยียบดอกไม้ของเธอ ทั้งดอกไม้ที่เธอมอบให้คลาวด์เมื่อตอนพบกันครั้งแรก บางทีดอกไม้ก็อาจนำเสนอถึงอนาคตที่ดอกไม้สามารถผลิบานบนดาวดวงนี้ ทว่ามันก็เหมือนกลีบดอกที่โรยรวงมา เธอรู้สึกว่าฟีลเลอร์กำลังช่วงชิงบางอย่างไปจากเธอ ทำให้เธอสูญเสียอะไรบางอย่างในตัวไป ทำให้เธอรู้สึกว่ามันสูญหาย
https://twitter.com/aitaikimochi/status/1415552832141357056
คำถาม : เป้าหมายที่แท้จริงของรูฟัสตอนก้าวออกมาจากเฮลิคอปเตอร์ที่ยอดบนยอดตึกชินระ คืออะไรกันแน่?
โทริยามะ : ในเบื้องต้นนั้น การที่รูฟัสมายังตึกชินระก็พราะได้ยินว่าอวาแลนซ์มีแผนจะเข้าโจมตีแอเรียดังกล่าว เขาจึงรีบกลับมายังสำนักงานใหญ่ ทว่าแทนที่จะกังวลเกี่ยวกับคุณพ่อเพรสซิเดนท์ชินระ รูฟัสคาดว่าจะมีเหตุร้ายเกิดขึ้นกับเขา บางทีเขาคงเตรียมตัวว่าถ้าเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้น เขาก็ต้องไปเจรจาหลังม่านกับคนอื่น ๆ เพื่อเข้าควบคุมสถานการณ์ให้ได้
https://twitter.com/aitaikimochi/status/1415544883981426693
ขณะที่รูฟัสกำลังตื่นตะลึงกับฟีลเลอร์มากมายที่ล่อยลอยอยู่รอบตึกชินระ เส็งกลับมองไม่เห็นและถามว่ามีอะไรผิดปกติเหรอ? รูฟัสจึงมองที่เส็งแล้วพยายามทำความเข้าใจ แต่ก็งงว่าทำไมเส็งถึงไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลยกับฟีลเลอร์มากมายที่ล้อมรอบพวกเขาอยู่
https://twitter.com/aitaikimochi/status/1416054720557240324
คำถาม : ทำไมคลาวด์ถึงมองไม่เห็นฟีลเลอร์จนกระทั่งได้สัมผัสกับแอริธ?
โทริยามะ : คลาวด์มองเห็นฟีลเลอร์ได้ตอนที่เขาสัมผัสกับพวกมันที่ตามแจแอริธอยู่ ทว่าความสามารถในการมองเห็นฟีลเลอร์นั้น ไม่ได้เกิดขึ้นจากการสัมผัสเพียงอย่างเดียว เฉพาะผู้ที่สามารถมีอิทธิพลและตัดสินชะตากรรมของดวงดาวเท่านั้นจึงจะเห็นพวกมัน
แม้ว่าจะไม่ได้โชว์ในเกม แบร์เร็ตและพวกก็มองเห็นฟีลเลอร์ตอนที่พวกเขาสัมผัสกับฟีลเลอร์ที่เฝ้าดูคลาวด์อยู่ รูฟัสเองก็เห็นฟีลเลอร์เพราะเขาได้สัมผัสฟัลเลอร์ระหว่างการต่อสู้กับคลาวด์
https://twitter.com/aitaikimochi/status/1415948640732864512
ในท้ายของเรื่องเซฟิรอธพูดประโยคนี้กับคลาวด์ ด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม แล้วบอกว่าอนาคตนั้นขึ้นอยู่กับคลาวด์แล้ว
คำถาม : ความหมายลับที่ซ่อนอยู่หลังประโยค "อีก 7 วินาทีจะถึงจุดจบ" คืออะไร?
โทริยามะ : ดินแดนที่เราเห็นคลาวด์และเซฟิรอธต่อสู้กันในฉากสุดท้าย เรียกว่า 世界の先端 (Edge of Creation ในเวอร์ชันอังกฤษ) มันคือปลายสุดของมิติและกาลเวลาของโลก ที่ซึ่งเวลาหยุดลง
เวลาได้หมดลงก่อนที่จะถึงจุดจบของโลก ดังนั้นจึงนำเสนอด้วยคำว่า "อีก 7 วินาที" หากเวลากลับมาเดินต่อ โลกก็จะถึงจุดจบภายใน 7 วินาที
หรือไม่ก็ด้วยพลังงานบางอย่าง เส้นทางของมิติกาลเวลาก็อาจเปลี่ยนไป
ดังนั้นเซฟิรอธถึงบอกคลาวด์ว่า "มันขึ้นอยู่กับแก"
https://twitter.com/aitaikimochi/status/1415528240760819715
คำถาม : กลุ่มอวาแลนซ์ที่พวกนาโยอยู่ เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มอวาแลนซ์ที่ปรากฏในภาค Before Crisis ใช่หรือไม่? (กลุ่มที่นำโดยเอลเฟ่ ฟุฮิโตะ ซึ่งเป็นกลุ่มออริจินอลของอวาแลนซ์ ซึ่งก่อกำเนิดขึ้นที่คอสโมแคนยอน)
โทริยามะ : ใน Before Crisis ฟุฮิโตะและเอลเฟ่เป็นผู้นำกลุ่มอวาแลนซ์ ทว่ากลุ่มนั้นถูกทำลายไปแล้ว จึงไม่ใช่กลุ่มเดียวกับที่ปรากฏใน DLC ในอวาแลนซ์นั้นก็แบ่งออกเป็นหลายกลุ่มย่อยด้วยกัน ทั้งกลุ่มของแบร์เร็ต และกลุ่มอื่น ๆ
อวาแลนซ์ HQ สาขาใหญ่จริง ๆ ไม่ได้มาทำงานกระจิดกระจ้อยอยู่ในมิดการ์อย่างที่พวกนาโยทำอยู่หรอก พวกเขาเฝ้าสังเกตการกระทำของกลุ่มแบร์เร็ตจากที่อันห่างไกลโดยไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว แล้วก็จับตาดูความเคลื่อนไหวของกลุ่มในสลัมเขต 7 ไปด้วย
https://twitter.com/aitaikimochi/status/1415536065314648064
คำถาม : ทำไมถึงตัดสินใจใส่ชั้นใต้ดินของตึกชินระลงไปเป็นฉากใน DLC ของยุฟฟี่?
โทริยามะ : สถานที่ซึ่งตั้งอยู่ใต้ดินของตึกชินระนั้น คือที่ซึ่งสการ์เล็ตที่ดูแลฝ่ายพัฒนายุทธภัณฑ์ ทำการทดลองเพื่อจะสร้างสุดยอดมาเทเรีย ยุฟฟี่และโซนอนได้รับมอบหมายให้ลอบเข้าไปในที่แห่งนั้นเพื่อขโมยสุดยอดมาเทเรีย ดังนั้นเราจึงตัดสินใจกำหนดให้ฉากดำเนินเรื่องนั้นเป็นชั้นใต้ดินของตึกชินระ
มีปริศนามากมายนับพันซุกอยู่ข้างใต้นั้น เราก็อยากเขียนเนื้อเรื่องที่แสดงความดำมืดที่ซุกซ่อนอยู่ในชินระ DEEPGROUD คือสัญลักษณ์ของสิ่งเหล่านั้น ซึ่งเดิมก็ปรากฏออกมาในภาค Dirge of Cerberus
https://twitter.com/aitaikimochi/status/1415533686695464963
คำถาม : ช่วยอธิบานเรื่องถั่วดาชาโออันเลื่องชื่อของวูไถ ที่พึ่งเผยโฉมครั้งแรกใน DLC หน่อย?
โทริยามะ : ถั่วดาชาโอที่ปลูกในวูไถ เต็มไปด้วยสารอาหารเป็นเป็นทั่วที่อุดมด้วยโภชนาการ เวลาที่นินจาถูกส่งไปทำภารกิจสายลับโดยเฉพาะอย่างนิ่งสำหรับภารกิจระยะยาว พวกเขาก็จะพกถั่วไปด้วย เพื่อที่จะได้รับสารอาหารที่จำเป็นจากถั่ว
ถั่วดาชาโอนี้ถูกรมควันมาเพื่อยืดอายุการเก็บรักษา ทำให้ผิวมันแข็งมาก จนการกัดเพื่อเปิดถั่วดาชาโอนั้นกลายเป็นส่วนหนึ่งในการฝึกนินจา สำหรับรสชาติถั่วนั้นคำแรกก็จะขม แต่เมื่อเคี้ยวไปแล้ว ก็จะสัมผัสรสชาติหวานบาง ๆ
https://twitter.com/aitaikimochi/status/1416074177430188032
โซนอนบอกให้ยุฟฟี่ไปต่อแม้ไม่มีเขา แม้สติกำลังเลือนลาง ทว่าคราวนี้ไม่เหมือนวันที่สูญเสียน้องสาว ครั้งนี้โซนอนช่วยยุฟฟี่เอาไว้ได้ รอยยิ้มจึงปรากฏบนใบหน้าของเขา
ระหว่างที่โซนอนนึกถึงใบหน้าของน้องสาว เนโรก็ปรากฏตัวขึ้นแล้วใช้ความมืดปกคลุมเขาไว้ จากนั้นโซนอนก็หายไป
คำถาม : หลังการต่อสู้กับเนโร เราเห็นยุฟฟี่ขี่โจโคโบะอยู่บนถนน ดูเหมือนว่าเธอออกจากมิดกาณ์ในช่วงเวลาเดียวกับคลาวด์และสหาย เล่าให้ฟังหน่อยได้มั้ยว่ายุฟฟี่ไปทำอะไรหลังจากเพลทของเขต 7 ถล่มลงมา?
โทริยามะ : หลังจากเห็นเหตุการณ์เพลทเขต 7 ถล่มลงมาต่อหน้าต่อตา เธอตัดสินใจที่จะออกไปจากมิดการ์ด้วยตัวคนเดียว เพราะยังไงเธอก็กลับไปยังฐานทัพของอวาแลนซ์ในเขต 7 ไม่ได้แล้ว ทั้งนี้ยังเพราะการวางกองกำลังรักษาความปลอดภัยทั่วมิดการ์ท่ามกลางความโกลาหล ยุฟฟี่จึงสามารถหลบหนีออกมาได้สำเร็จ ในแง่ของเวลาแล้ว เธอออกจากมิดการ์ช่วงเวลาประมาณเดียวกับที่คลาวด์และพรรคพวกออกมา
https://twitter.com/aitaikimochi/status/1415531287159336962
Voice Script
ทิฟาตระหนักว่าเธอไม่เคยพูดเรื่องมาร์ลีนให้แอริธฟังมาก่อน ตอนที่แอริธพูดออกมาเองว่าทิฟาอยากให้เธอไปช่วยมาร์ลีนใช่มั้ย? ทิฟาจึงแปลกใจมาก แอริธมองมาด้วยสายตาแน่วแน่และรอยยิ้มที่อ่อนโยน ทิฟาสับสนอยู้บ้าง แต่ท่าทางของแอริธก็ทำให้ทิฟามั่นใจ
แต่ทิฟาก็ว่ามันแปลกที่แอริธรู้เรื่องมาร์ลีน โดยที่เธอยังไม่ได้อธิบายสถานการณ์ให้ฟังด้วยซ้ำ
https://twitter.com/aitaikimochi/status/1415699146900533252
ตอนที่ทิฟาวิ่งขึ้นบันไดรอบเสาค้ำเพลทมา และกำลังจะขึ้นมาถึงชั้นที่คลาวด์อยู่ เรโนเห็นสบโอกาสพอดี เลยบอกว่า "ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว" แล้วก็รัวกระสุนจากเฮลิคอปเตอร์ไป แต่ทันใดนั้นรู๊ดที่นั่งอยู่ในคอปเตอร์ด้วย กลับหักคันบังคับให้เอียงขวากะทันหัน ทำเอาเรโน่หัวเหวี่ยงกระแทกกระจกข้าง แล้วกระสุนก็พลาดเป้าไป รู๊ดก็ถอนหายใจ แล้วแก้ตัวว่า "มือลื่น"
สาเหตุที่รู๊ดทำเช่นนั้นเพราะแคแรคเตอร์ของรู๊ดถูกกำหนดให้เป็นคนที่ไม่ทำอันตรายผู้หญิง โดยเฉพาะทิฟาที่จะต้องสู้หลังจากนั้น
ส่วนตอนที่เรโน่พ่ายแพ้ต่อคลาวด์ และเตรียมใจจะตายแล้ว รู๊ดอยากจะช่วยเรโน่ไว้ และคิดว่าทางเดียวที่จะทำแบบนั้นได้ คือการเบี่ยงเบนความสนใจของพวกคลาวด์ จึงจำเป็นต้องระเบิดเสาค้ำเพลท แกจึงกระโจนเข้าไปที่แผงควบคุมทันที
https://twitter.com/aitaikimochi/status/1415541544853991425
ตอนที่แอริธมองขึ้นไปบนท้องฟ้าของเขต 7 แล้วเธอดูเศร้า แสงสีเขียวที่เปล่งประกายบนฟ้าเป็นออร่านั้น แท้จริงแล้วคือวิญญาณของผู้ที่ตายจากเหตุการณ์เพลทถล่ม กำลังกลับคืนสู่ไลฟ์สตรีม แอริธจึงกุมมือทำท่าภาวนา แล้วบอกว่า "ท้ายที่สุดทุกคนก็ต้องตาย" (ซึ่งคลาวด์งง แล้วก็ตอบเออออไปว่าคงจะใช่)
แอริธก็พูดต่อไปว่าเพราะฉะนั้นเราจึงต้องใช้เวลาทั้งหมดที่มี ใช้ชีวิตอย่างที่เราอยากจะเป็น ทุกนาที ทุกวินาที ให้คุ้มค่าที่สุด ซึ่งคลาวด์ก็ไม่เก็ตถึงเจตนาที่แท้จริงของเธอ แต่ก็เออออบอกว่าเขาจะจำเอาไว้
https://twitter.com/aitaikimochi/status/1415610345415090180
ตอนที่ทิฟาบอกว่าพวกมันพรากทุกอย่างไปจากเราอีกแล้ว
ความรู้สึกทั้งหมดที่เธอเก็บกลั้นเอาไว้ ได้พรั่งพรูออกมา ทั้งการตายของพ่อแม่ การล่มสลายของบ้านเกิด ความเศร้าโศกทั้งหมดที่เธอรู้สึกเรื่อยมาจนถึงตอนนี้ได้ถูกปลดปล่อยออกมา ทิฟาซบคลาวด์แล้วเริ่มร้องไห้ออกมา ดั่งดอกไม้ที่สั่นเทิ้มท่ามกลางสายลม เสียงอันเศร้าโสกของทิฟาดังขึ้นท่ามกลางค่ำคืนอันเงียบสงัด
คลาวด์พยายามโอบกอดเธอไว้ด้วยสองแขน ตอนแรกเขางึกงัก แต่แล้วรวบแขนเข้ากอดเธอไว้
นอกจากการถ่ายทอดความรู้สึกของตนไปสู่ทิฟาแล้ว เสี้ยวหนึ่งที่หลบซ่อนอยู่ในใจของคลาวด์ก็เผยออกมา นั่นคือการที่เขาอยากจะเป็นอัศวินขี่ม้าขาวที่สามารถช่วยทิฟาได้มาโดยตลอด เขารู้สึกว่าการที่เขาทำแบบนี้ให้กับเธอได้ มันเป็นความสุข
ยิ่งไปกว่านั้น มันยังเป็นดั่งความผิดพลาดในวัยเยาว์ที่คลาวด์ไม่เคยพบเจออะไรแบบนี้มาก่อน ทิ้งไว้ซึ่งความทรงจำอันขมขื่น ด้วยเหตุนี้ รอยยิ้มเล็ก ๆ แห่งความพอใจจึงปรากฏขึ้นบนใบหน้าของคลาวด์
https://twitter.com/aitaikimochi/status/1415587635469307907
ตอนที่แบร์เร็ตบอกว่าพวกเขาต้องไม่เป็นไร พวกนั้นเก๋า แกร่งเหมือนเขา
แบร์เร็ตพูดเสมือนการภาวนาให้บิ๊กส์ เวจด์ เจสซีปลอดภัย
ตอนที่ทั้งสองเดินกลับเข้าบ้าน มีการหยอกล้อกันซึ่งไม่ได้พากย์เสียงลงไป คลาวด์แซวว่า "เลิกกรนได้เปล่า?" แล้วแบร์เน็ตก็ตอบ "ห๊ะ?" ทั้งสองเดินแซวหยอกกันจนฉากตัดไป
https://twitter.com/aitaikimochi/status/1415596160484446211
- ใบหน้าของยุฟฟี ทำให้มีสไตล์เอเชียมากกว่าแอริธและทิฟา และนำเสนอความเป็นวัยรุ่นออกมา
- เดิมทีแล้วในตอนท้าย DLC จะเพิ่มลดลงไปบนแก้มยุฟฟี่เยอะกว่านั้น แต่ก็คำนึงถึงเรื่อง Rate เกมไปด้วย ทว่าสุดท้ายก็ปรับให้ Shock Factor ไม่ได้อยู่ที่เลือด แต่อยู่ที่ความรู้สึกเจ็บปวดที่ถ่ายทอดออกมา
- ผมของไวส์นั้น จงใจสร้างให้เยอะกว่าตัวละครอื่น ๆ และดีไซน์ให้เหมือนแผงคอสิงโต
- เนโรมีรูปร่างแบบลีน แต่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อเน้น ๆ
- ตอนที่รู๊ดเจอคลาวด์ใน Chapter 8 รู๊ดรู้ว่าคลาวด์ไม่ได้เป็น SOLDIER จริง ๆ https://twitter.com/aitaikimochi/status/1415892077926260738
- อักษร A.S.O. บนเสื้อของนาโย ย่อมาจาก Anti-Shinra Organization
- เจสซีออกจากบ้านมาโดยไม่ค่อยได้กลับไปที่บ้านบ่อยนัก เธอรู้ว่าตัวเองไม่ใช่ลูกที่ดี แต่เป็นลูกที่ไม่เชื่อฟัง บิ๊กส์กับเวจด์รู้ถึงสถานการณ์ดี ก็เลยพยายามเกื้อหนุน คลาวด์เองพอเริ่มคุ้นเคยกับพวกอวาแลนซ์ ก็เริ่มเล่าความเป็นมาของตัวเองออกไปโดยไม่ทันรู้ตัวเหมือนกัน https://twitter.com/aitaikimochi/status/1415961608761737218
- ตอนที่เจสซีมาดักรอที่ชั้น 2 ของอพาร์ตเมนต์เพื่อจะคุยกับคลาวด์ เธอพูดเล่นเสมือนว่าเป็นคนรักที่รอแฟนกลับบ้านอยู่ แต่คลาวด์ขมวดคิ้วไม่เล่นด้วย ทำให้เจสซีเองก็ขุ่นเคือง https://twitter.com/aitaikimochi/status/1415964885733699587
- ใน Chapter 3 ตอนที่ทิฟาบอกว่าเธอรู้ว่าถ้าเราต้องการสร้างความเปลี่ยนแปลง ก็ต้องคิดการใหญ่ แต่ไม่ใช่ทำแบบนี้.... เธอสับสน แล้วคลาวด์บอกว่าถ้ารู้สึกผิด ก็ไม่ต้องทำก็ได้.... หลังจากนั้นก็เงียบยาว ในใจทิฟานั้นกำลังผิดหวังที่คลาวด์จำสัญญาที่เคยให้กันไว้ตั้งแต่เด็กไม่ได้ สัญญาที่คลาวด์บอกว่าจะมาช่วยเธอเมื่ออยู่ในอันตราย แต่แม้ทิฟาจะจับได้ว่าคลาวด์ลืมสัญญาไป เธอก็ยังไม่พูดออกมา https://twitter.com/aitaikimochi/status/1415970074687467521
- ใน Chapter 2 ตอนที่คลาวด์ถูกทหารล้อม ทหารคนหนึ่งพูดเป็น JP ว่า "โอ่ยย ดาบนั่นมัน..." จากนั้นคลาวด์บิ๊บบบหูดับไป โดยที่ทหารคนนี้พูดต่อ แต่ไม่ได้พากย์เสียง ไม่ได้ขึ้นสคริปต์ ซึ่งเขียนบทไว้ว่าทหารพูดว่า "แกรู้จักแซ็คได้ไง?" ก็เป็นตัวอย่างที่ว่า ในชินระมีคนจำดาบบัสเตอร์ซอร์ดที่แซ็คเคยใช้ได้ แต่พอจะถามคลาวด์ เซลล์เจโนว่าก็ช่วยเซนเซอร์ให้ https://twitter.com/aitaikimochi/status/1416668165665296385
- ใน Chapter 18 เซฟิรอธเชื้อเชิญคลาวด์ให้ตามเข้าไป เพื่อที่เขาจะบอกความจริงเกี่ยวกับชะตากรรมของดวงดาวให้คลาวด์ฟัง, แอริธบอกว่าอีกฟากของ Destiny's Crossroad คือ 'อิสรภาพ' โดยในสคริปต์เขียนว่าเป็นการล้อจากคำพูดของแซ็คที่สู้เพื่ออิสรภาพ
จากประโยคที่แอริธบอกว่า : He'd tell you that he only cares about the planet. That he'd do everything in his power to protect and preserve it. But this isn't the way it's supposed to be. แอริธกำลังคิดว่าเซฟิรอธตั้งใจเซ่นสังเวยชีวิตของผู้คนทั้งหมด เพื่อรักษาดวงดาวไว้ ทว่าดวงดาวไม่ได้ต้องการให้เป็นแบบนั้น แอริธจึงพูดต่อไปว่า "There's no greater threat to the planet than him." คุณ Audrey ตั้งข้อสังเกตว่า ประเด็นที่แอริธคิดว่าเซฟิรอธตั้งใจเซ่นสังเวยชีวิตผู้คนทั้งหมดเพื่อรักษาดวงดาวไว้ มันเป็นเพียงข้อสันนิษฐานที่ผิดของแอริธหรือไม่? แท้จริงแล้วเซฟิรอธมีเจตนาอย่างอื่นรึเปล่า? https://twitter.com/aitaikimochi/status/1418501621487575041
- เรื่องสุดยอดมาเทเรียที่เชื่อว่าสการ์เล็ตกำลังพัฒนาอยู่ใน DLC Episode Yuffie แล้วสการ์เล็ตบอกว่าการทดลองมันถูกเลื่อนออกไป เพราะต้องไปให้ priority กับแผนถล่มเพลทเขต 7 ก่อน เมื่อเพลทถล่มแล้วถึงจะกลับมาทดลองต่อได้ การทดลองสร้างสุดยอดมาเทเรียที่กล่าวถึงใน DLC มันก็คือการทดลองมาเทเรียที่สการ์เล็ตทำในเนื้อเรื่องหลักแล้วระเบิดบะคู้มใน Chapter 16 ซึ่งภายหลังการทดลองนั้น พวกเธอก็ล้มเลิกการสร้างสุดยอดมาเทเรียด้วยวิธีสังเคราะห์ แล้วภายหลังในเนื้อเรื่อง สการ์เล็ตก็จะค้นพบว่าเตาปฏิกรณ์มาโคมันสามารถตกผลึก Huge Materia ออกมาได้.... https://twitter.com/aitaikimochi/status/1417861892102492170
อาคามะ (VFX Supervisor)
"เส้นทางข้างหน้าของคลาวด์และเพื่อนเต็มไปด้วยขวากหนาม เราก็คิดกันหนักว่าจะนำเสนอยังไงโดยไม่ต้องทำเป็นฉากแอ็คชั่นเข้มข้น แต่เนื่องจากเนื้อเรื่องหลักของ FF7R ก็ค่อนข้างมืดมนอยู่แล้ว เราจึงตัดสินใจว่าสำหรับมูฟวี่ในส่วนนี้ เราจะนำเสนอช่วงเวลาที่ตัวละครเหล่านั้นสามารถพักความวิตกกังวลเอาไว้ แม้เพียงชั่วขณะหนึ่งก็ยังดี เราก็พยายามกันเต็มที่ทำให้สีหน้าท่าทางของพวกเขา ถ่ายทอดความรู้สึกสบายใจออกมา"
Post a Comment