FINAL FANTASY VII REBIRTH Special Talk Session แก็งสามโน


- เปิดมาประโยคแรก โนบุโอะพูดผิดก่อนเลยว่าโนมุระเข้า Square มาตอน FFV ทั้งที่โนะ เข้ามาตอน FFIV (https://www.siliconera.com/final-fantasy-v-turning-point-tetsuya-nomuras-career)

- ตอนงานปาร์ตี้ FFVI โนะบอกซากากุจิ ขอขึ้นเงินเดือน โนะดูเป็นคนเงียบ ๆ แต่ก็พูดความรู้สึกออกมาตรง ๆ 

- โนะบอกเขาจำเรื่องตอนนั้นไม่ได้เลย แต่จำได้ว่าตัวเองไม่ค่อยมีเงิน ครั้งหนึ่งพวกเราเคยไปกันที่บ้านของโนบุโอะ แกแบบอยู่ดีมากหยั่งกับราชวัง ในขณะที่เขายังอยู่อพาร์ตเมนต์นักเรียน

- โนจิมะชอบดนตรีร็อค และมวยปล้ำเหมือนโนบุโอะ ในค่ายมีคนที่ความสนใจตรงกันน้อย เลยมักไปดื่มกันที่บาร์แห่งนึง

- โนจิมะบอกว่าตอนนั้นเราทำงานแบบต่างคนต่างอัปโหลดข้อมูลเข้า sever ทำให้คุยกันน้อย แล้วโนบุโอะเองก็ดูน่ากลัว (โนะหัวเราะแล้วบอกว่าแกก็ว่างั้น)

- ตรง SQUARE Times ที่จะติดรูปและข้อความของพนักงานแต่ละคน โนจิมะบอกว่าไม่ว่ากี่ปีผ่านไป รูปและข้อความของโนะก็ไม่เคยเปลี่ยน แล้วข้อความใต้รูปของโนะคือ "มวนท้อง" โนจิมะเลยคิดว่าโนะคงไม่ค่อยอยากพูดอะไรมาก

- โนจิมะบอกว่าจะรู้ว่าใครอยู่มานานแค่ไหน ดูที่คอมเมนต์ได้เลย ยิ่งอยู่มานานคอมเมนต์ยิ่งเลอะเทอะ

- โนะบอกตอนนั้นเขาไม่รู้จะเขียนอะไร

--------------------------------------

- โนจิมะบอกเท็ตซัง มักจะเจาะจงมาเลยว่าต้องการอะไร อยากให้มีอะไร แล้วปล่อยให้เราไปจัดการ (ผสมเข้าไปเอง) เขาก็ยินดีที่ได้ทำงานแบบนั้น รู้สึกว่าเขาเชื่อใจเรา ส่วนโนบุโอะ ตอนเจอกันครั้งแรกก็เป็นคนดังแล้ว โนบุโอะทำอะไรสนุก ๆ ออกมาเสมอ ก็ดีใจที่ได้ทำงานด้วยกัน

- โนบุโอะบอกว่าเห็นโนะมาตั้งแต่ยังเป็นถั่วงอก เลยรู้สึกทึ่งมากที่เห็นโนะมาไกลขนาดนี้ โนะเติบโตขึ้นมาก, ส่วนโนจิมะนั้นเหมือนก้มหน้าก้มตาทำงานเสมอ ดูไม่ใช่คนตลก ดูแล้วไม่น่าเป็นคู่แข่งด้วย ดูแล้วที่โนจิมะเขียนเนื้อเรื่อง ถ้ามาแต่งเพลงแข่งด้วย เขาต้องโยนผ้าขาวยอมแพ้

-------------------------------------

 - ทีมงานเก่า จะได้สำเนาซีนาริโอของ FFVII ไว้คนละชุด โนบุโอะจำได้ว่า มันหนามาก

- โนะบอกตอนนั้นเขาต้องวาด design document ด้วยมือเองหมด เพราะต้องทำมือเองหมด เลยไม่ได้แตะ server หรือ pc สักพักใหญ่เลย

- โนบุโอะบอกตอนนั้นทำงานแบบ analog กันหมด ในการทำเพลงก็ไม่มีทางใช้ time code ถ้าเขาได้ใช้นะ ก็จะทำให้เพลงมันเปลี่ยนอัตโนมัติเวลาเข้าฉากต่อไปได้ แต่นี่เขาต้องทำแบบ analog เอง

- โนบุโอะพึ่งได้ใช้ time code ตอน op FFVIII

- โนบุโอะบอกว่าเพราะใส่ data ได้เยอะขึ้่น ใส่เสียงได้เยอะขึ้น เลยทำงานง่ายกว่ายุค SFC เยอเลย

- โนะบอกว่าส่วนเขาช่วงนั้นไม่ได้ต่างไปจากยุค SFC ตอนนั้นเขามีสิ่งที่อยากทำเยอะแยะเลย การได้เข้าร่วมทีม FFVII ทำให้เขาทำได้อิสระ ตอนเขาเข้าสมาใหม่ ๆ ไม่ได้มีอิสระแบบนั้น ได้แต่ดีไซน์มอนสเตอร์ คนอื่นเริ่มเห็นความสามารถเขาตอน FFVI และให้อิสระเขาตอน FFVII

-------------------------------------

- โนจิมะบอกว่าจำได้ตอนนั้นเคยไปถามโนะแบบเกรงใจว่า "วินเซนต์เสร็จยัง?" ตอนนั้นอาร์ตของวินเซนต์ใช้เวลานานมากเลย

- โนะบอกว่าคิตาเสะพิถีพิถันกับวินเซนต์เป็นพิเศษ เขาเคยวาดไปก่อนแล้วแต่โดนปฏิเสะ คิตาเสะบอกว่าอยากให้รองเท้าแหลมกว่านั้นอีก อยากให้ดูเหมือนแวมไพร์ขึ้น วินเซนต์ไม่ได้อยู่ในเกมจนกระทั่งช่วงครึ่งทางของการพัฒนา ตอนที่คิตาเสะอยากให้เพิ่มวินเซนต์ขึ้่นมาอีก โนะก็นึกว่างานส่วนของตัวเองจบไปแล้ว

- โนะบอกไม่นานนี้ยังเคยไปคุ้ยเจอ relationship chart ที่วาดให้โนจิมะ ในนั้นไม่มีรูปวินเซนต์ แต่เขียนว่า ex-turk แล้วของยุฟฟีก็เขียนว่าเป็นสปายชินระ ตอนนั้นความคิดต่าง ๆ มันยังหลวม ๆ แล้วค่อยมาถมเติมเอาทีหลัง

- โนจิมะบอกว่าพอได้ยินว่ามีตัวละครเพิ่มมาอีก ทั้งที่เนื้อเรื่องมันก็ไปไกลแล้ว เขาก็อยากได้ภาพอาร์ตออกมาให้ดู แต่จะง่ายกว่าถ้ามันไม่ออกมาเลย (หัวเราะ) (ก็คือตัดทิ้ง)

- โนบุโอะบอกว่า ตอน FFVI เขาดูภาพ Last Boss (เคฟก้า) ที่โนะวาดมาแล้วเห็นยาวเฟื้อยขึ้นไปด้านบน ก็ไม่รู้ว่ามันจะไปจบตรงไหน (ไม่รู้ว่ามีกี่ร่าง) แบบนี้มันแต่งเพลงให้เข้ากันยากนะเฟ้ย แต่ก็ดีใจกับผลลัพธ์ที่ออกมา

- ส่วนของ One-Winged Angel ที่มีคอรัสด้วย ก็ทำให้รู้สึกดี สนุกที่ได้ทดลองทำตอนนั้น พอทำเสร็จแล้วก็ให้ทุกคนลองฟัน จำไม่ได้ว่าใครพูดว่า "อะไรวะเนี่ย" "ช่วยเอาแบบเท่ ๆ กว่านั้นสมกับเป็น Last Boss ได้มั้ย?" แต่โนบุโอะก็บอกว่า "ไม่เป็นไร ๆ คอยดูละกัน"

- โนะบอกเขาจำได้ว่าตอนนั้นถามเรื่องคอรัสไปด้วยว่า "มันพูดอะไรวะ?" มันร้องกันในภาษาที่เขาไม่เข้าใจ นั่นเป็นครั้งแรกที่เขาได้ฟังภาษาลาติน หลังจากนั้นโนะก็รับเอาภาษาลาตินไปใช้ในงานอื่นเป็นต้นมา

- โนบุโอะบอกว่าเข้าใช้ในฉากเปิด FFVIII ด้วย ส่วนตัวเขาคิดว่าเพลงของเราควรใช้ภาษาญี่ปุ่น แต่ทีมงานขอให้ทำภาษาอังกฤษ เพื่อดึงดูดฝรั่ง แต่พวกเราเป็นทีมญี่ปุ่นที่สร้างเกมให้ผู้เล่นฝั่งญี่ปุ่น ดังนั้นถ้าแต่งเพลงภาษาอังกฤษออกมา คนญี่ปุ่นก็ไม่น่าจะเข้าใจ แต่สาเหตุที่ใช้ภาษาลาตินกับเพลงของเซฟิรอธก็เพราะ คิดว่ามีคนเพียงหยิบมือในโลกเท่านั้นที่เข้าใจภาษานี้ ดังนั้น ถ้าทุกคนบนโลกต่างก็ไม่เข้าใจเหมือน ๆ กัน มันเท่าเทียมกัน เขาก็เลยเอาภาษาลาติน

 -------------------------------------


- โนบุโอะบอกย้อนกลับไปตอน FFVII (1997) พวกเราชาว Square นับว่าพอมีประสบการณ์ในวงการบ้าง แต่ถ้าเทียบยักษ์ใหญ่-มืออาชีพในวงการอื่น ๆ แล้วพวกเขาเหมือนเป็นแค่กลุ่มเด็กกระโปกอายุน้อย ทุกคนก็กล้าที่จะทำอะไรต่าง ๆ ตามความสนใจตัวเองลงไป แต่พอมาทำ Remake แล้ว เรามาทำแบบนั้นไม่ได้แล้ว กลายเป็นว่าตอนนี้ทุกอย่างต้องเลิศเลอเพอเฟคท์ มันทำให้เขากลัว โปรเจคท์แบบ Remake มันเต็มไปด้วยแรงกดดัน ก็รู้สึกเป็นเกียรติยิ่งที่เรียกตัวกลับมา ทำเพลงให้ Remake และ Rebirth เขาก็ยินดีที่จะช่วย

- โนะบอกหลายปีก่อน ตอนที่ยังอยู่ใน Planning Phase ใจนึงเขาก็ไม่อยากทำ เขามองออกว่างานมันจะหนักหนาขนาดไหน แล้วพอเริ่มทำไปแล้ว จะมาเลิกกลางทางไม่ได้แล้วนะ จะมาตัดจบกลางทางไม่ได้ ตอนนี้มันถอยไม่ได้แล้ว ตอนที่โปรเจคท์เริ่ม เขาก็อยากให้มันจบเดี๋ยวนั้นเลย แต่ตอนนี้ ก็ผ่านพ้นครึ่งทางมาแล้วล่ะ

- โนจิมะบอกว่าตอนทำ AC และ CC ไม่ได้คิดว่ามันจะเชื่อมโยงมาขนาดนี้ ไม่งั้นจะได้วางแผนได้ดีขึ้น ใน OG นั้นซีนาริโอที่เขาเขียนกับสิ่งที่ปรากฏในเกมแทบไม่ต่างกัน มันค่อนข้างเหมือนกับที่เขาจินตนาการไว้ แต่บอกเลย กรณีของ Remake นั้นไม่ใช่ เมืองมันใหญ่กว่าที่คิดไว้ 100 เท่า ระเบิดมันเล่นใหญ่กว่ามาก ไม่คิดว่าสคริปต์ที่เขียนไปจะออกมาเป็นแบบนี้ ตอนเห็นเกมโชว์ต่อหน้าสาธารณชน มันก็ emotional มาก ไหนจะการตีความของนักพากย์อีก ทุกคนมีการตีความของตัวเอง และทำให้ผลงานที่ออกมาสุดท้ายมันดีขึ้น

-------------------------------------

- โนะบอกว่าเพลงของ Remake นั้นเป็นเรื่องของคลาวด์ และ Rebirth เป็นเรื่องของแอริธ เลยบอกคิตาเสะว่าอยากให้ผู้ชายร้องเพลงเกมแรก เอาเป็นศิลปินในญี่ปุ่น และผู้หญิงร้องให้เกมที่สอง เป็นศิลปินต่างชาติ เขามีไอเดียในหัวอยู่แล้วว่าต้องการเพลงแบบไหน เลยโชว์วีดีโอของลอเรน ให้ทุกคนดู บอกว่าเสียงแบบนี้ เพลงแบบนี้คือสิ่งที่เขาต้องการ ทีมงานฟังแล้วก็ไม่มีใครค้าน

- โนบุโอะบอกว่าเราประชุมกันเป็นชั่วโมง แล้วไอเดียเพลงบัลลาดก็แล่นเข้ามา

- โนะบอกว่าตอนทำเพลงธีมของ Remake ยากกว่ามาก ตั้งกะการเลือกนักร้องเลย ตอนนั้นเขาเสนอ Rock and Roll ด้วยซ้ำ แต่พอ Rebirth ก็ต้องการเป็นบัลลาด เขาจำได้ว่าไม่อยากให้เพลงทั้งสองภาคมันคล้ายกันเกินไป ตอนทำ Remake เลยบอกให้ทำเป็นบัลลาดที่ต่างจากปกติ

- โนบุโอะบอกว่าจำได้ตอนประชุมครั้งแรก โนะบอกว่าอยากให้เพลงมี keyword ที่ร้องซ้ำแล้วซ้ำเล่า เขาชอบไอเดียนั้น เหมือนกับ I can't live ในเพลง Without You ของ Harry Nilsson

- โนบุโอะบอกว่าเรื่องหนึ่งที่เขาเซอร์ไพรส์ตอนที่ซ้อมเพลง No Promise to Keep กับวงคือ ตัวนักร้องบอกว่ามันสามารถร้องด้วยเนื้อญี่ปุ่นก็ได้นะ (ก็คือเนื้อญี่ปุ่นมันก็แต่งมาให้เข้าทำนองแต่แรกแล้ว โนจิมะไม่ได้แค่เขียนเนื้อขึ้นมาง่าย ๆ) พอลองดูปรากฏว่าได้จริง ๆ เลยส่งเพลงแบบญี่ปุ่นไปให้โนจิมะฟัง ถามโนจิมะว่า "มึงเชื่อเปล๊าาา!?" แล้วโนจิมะก็ตอบ "เออ ก็กูแต่งไว้แบบนั้นแหละ" โนบุโอะก็ตอบ "ซือเก๊~~~~~~"

- โนจิมะบอกว่าเขาเพลงเป็น Eng ไม่ได้ แต่แต่งญี่ปุ่นได้นะ เขารู้แต่แรกแล้วว่าสุดท้ายเพลงจะร้องเป็น Eng ตอนแรกไม่ได้คิดจะให้โชว์เนื้อญี่ปุ่นขึ้นจอด้วย แต่ตอนหลังก็ตัดสินใจโชว์เนื้อญี่ปุ่นด้วย เขาก็แต่งเนื้อเพลงให้มันร้องเป็นเวอร์ชันญี่ปุ่นได้ตั้งแต่แรก

- โนะบอกกูเป็นคนตัดสินใจบอกให้ใส่ซับไตเติลเนื้อเพลงเข้าไปเลยนั่นแหละ

- ทั้ง 3 โนะช่วยกันสรรเสริญลอเรนอยู่พักนึง ในเวอร์ชั่นออร์เคสตรา เธอก็ร้องไต่ระดับเสียงไป  ในแบบแบนด์ เธอก็ร้องด้วยอิสระอีกแบบ เธอยังสาวมากและไปได้ไกลอีก

*ในคลิปตอนอัดเสียง ผมเห็นโทริยามะ โนจิมะ และคิตาเสะ นั่งคุมอยู่ด้วย

- ตอนอัดเสียงมีที่โนบุโอะบอกว่าร้องได้ดีมาก ให้ลอเรนพักก่อน แล้วเราจะคิดว่าจะปรับตรงไหนยังไงดี ซึ่งเธอก็ร้องหลาย ๆ แบบออกมา โนบุโอะก็ให้คอมเมนต์แก้ไปเรื่อยว่าตรงไหนลากเสียง ตรงไหนปรับยังไง

- โนะถามว่าพวกมึงประชุมข้ามประเทศ และบันทึกเสียงผ่าน Zoom เหรอ? โนบุโอะบอกใช่ และตอนนั้นสัญญาณไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ลอเรนอยู่อเมริกาส่วนพวกเราอยู่ญี่ปุ่น เราก็พยายามทำให้การเชื่อมต่อเสถียร แต่ก็เกือบอัดไม่ได้ ต่อมาลอเรนก็ซุยเอง แล้วส่งไฟล์เทคที่ร้องใหม่มา พอเราฟังแล้ว ก็ฟีดแบ็คกลับไป ให้ร้องแล้วส่งไฟล์มาใหม่ นี่พวกเราอยู่ในยุคไหนกันวะเนี่ย? (หัวเราะ)

**ก็คือตอนแรกว่าจะร้อง-ฟังสด บอกให้แก้สดนั่นแหละ แต่พอสัญญาณมีปัญหา มันเลยกลายเป็น ลอเรนร้อง+อัดเสียง> อัปโหลดไฟล์มาให้พวกโนบุโอะคอมเมนต์ > ลอเรนร้องแก้แล้วส่งมาใหม่ ซึ่งในบทสัมภาษณ์ลอเรนก็พูดถึงเรื่องสัญญาณมีปัญหา พอล่ามแปล ๆ อยู่สัญญาณก็หาย พอลอเรนจะพูดสัญญาณฝั่งญี่ปุ่นก็หายอีก ลอเรนเลยขอว่าให้เชื่อมือเธอ ปล่อยเธอซุยเองได้ เธอรู้ว่าแบบไหนดีที่สุด

- โนะถามว่าแล้วประโยคไหนที่ได้คุยกันสด ๆ ? โนบุโอะตอบ ก็ "ฮายยยย" ตอนเริ่มนั่นแหละ แล้วก็ disconnect (หัวเราะ) 

- โนะบอกตอนวันนั้นมีคนถามว่าจะไปฟังอัดเพลงด้วยมั้ย โนะปฏิเสธไปเพราะกูคงมีเซนส์ว่ามันจะลงเอยแบบนี้ (หัวเราะ)

- โนจิมะบอกวันนั้น เซ็ต monitor ไม่ค่อยดีด้วย เลยฟังไม่ค่อยได้ยิน ตอนนั้นนึกว่าโนบุโอะจะล้มโต๊ะเลิกกลางทางแล้ว

- การแต่งเนื้อ โนจิมะบอกว่าเพลงนำเสนอความรู้สึกของแอริธ โดยไม่ได้เจาะจงว่าร้องถึงคลาวด์ แซ็ค หรือใครคนใดคนหนึ่ง แม้เพลงมีองค์ประกอบอย่างเช่น การได้พบเจอใครสักคน เขาได้เปลี่ยนโลกของเธอไป ฯลฯ แต่มันก็เป็นเรื่องภาระจากชะตากรรมของเธอในฐานะชาวเซทร่าคนสุดท้าย ชะตากรรมนั่นแหละคือ Promise ที่ผูกมัดเธอไว้และเธออยากจะหลุดพ้น แอริธเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับแม่และไม่สบายใจ เธอไม่อยากลงเอยแบบเดียวกัน นั่นคือสิ่งที่เขาใส่ลงไปในเนื้อเพลง ทั้งนี้มันก็เกี่ยวกับทุกคนที่เธอรัก ทั้งเอลมีรา คุณแม่แท้ ๆ แซ็ค คลาวด์ ทิฟา รวมถึงแบร์เร็ตด้วย มันเป็นเพลงใจร้าวที่อยากเหนี่ยวรั้งคนที่เราใกล้ชิดไว้


[หมายเหตุ]

***เพลงนั้นแต่งเนื้อโดยโนจิมะ แต่นำไป Localize โดยทีมงานเป็นภาษาอังกฤษ

****พรี่ค้อนทักว่า เนื้อเพลง Eng ที่ถูกแปลงมา มีหลายประโยคไปทับซ้อนกับประโยคที่แอริธพูดกับคลาวด์ใน Eng (น่าจะหมายถึงการกลับไปเจอกันในที่ของพวกเรา แล้วก็ cobblestone street) มันเลยให้อิมเมจสื่อถึงคลาวด์ ยิ่งในตอนท้ายเกม ก่อนเพลงขึ้น ที่แอริธพูด "แน่นะมึงงง" คลาวด์ตอบ "แน่สิวะะะ" แล้วถูกแปลเป็น "Promise?" "Promise!" ไปทั้งคู่ แล้วเพลงก็เล่นขึ้นมา มันเลยดูเหมือนผู้แปลส่งไปในทางว่านี่เป็นเพลงจากแอริธถึงคลาวด์

https://docs.google.com/spreadsheets/d/1glj8z_KHN0Rvi2cVHDhjfLQpeiIkhJqa2KYF1O9AZ3c/edit#gid=6554596

*****ผมว่าสิ่งสำคัญที่เปลี่ยนวิธีคิดคือ การที่โนจิมะบอกว่า Promise ในที่นี้หมายถึงชะตากรรมที่ผูกมัดแอริธและเธออยากหลุดพ้น แปลว่า Promise ในเพลงนี้มันมีความหมายเชิงลบ ในเนื้อเพลง JP แอริธเลยอยากเจอกับทุกคนที่หัวมุมถนนเดิม ด้วยความบังเอิญ ไม่ใช่ด้วยคำสัญญาที่ผูกมัดโดยกำเนิด (ชะตากรรม) No Promise to Keep เลยควรจะหมายถึง No Destiny to Keep (ช่างหัวชะตากรรมสิวะ)


-------------------------------------

- โนบุโอะบอกว่าเพราะเป็นเพลงแอริธ เขาเลยใส่ธีมของเธอเข้าไปด้วย แต่ไม่ได้ใส่ main melody ลงไป ไม่งั้นมันจะเยอะไป

- โนะบอกว่าเขาก็เป็นคนผลักดันให้ใส่ธีมของแอริธเข้าไปด้วยเอง

- โนบุโอะคิดว่าคนอาจจะไม่ชอบเพลงประกอบที่เก่าแก่นับทศวรรษแบบนี้แล้ว แต่ทุกคนยังชอบกันอยู่ เขาก็ดีใจ

- โนจิมะก็บอกว่ามันเป็น perfect theme สำหรับ FF

- โนบุโอะพอได้ยินผลงานสำเร็จก็ภูมิใจที่เขาทำให้ซีรีส์ได้ขนาดนี้ ในวัยที่ไม่ได้มีพลังงานล้นเหลือเหมือนแต่ก่อนแล้ว ในอีก 10-20 ปีข้างหน้า เขาคงย้อนกลับมามองโมเมนต์นี้ แล้วน้ำตาคลอเบ้า ที่ได้สร้างเพลงนี้ขึ้นมา

-------------------------------------

- โนบุโอะบอกจะรอดูว่าแฟน ๆ จะมีฟีดแบ็คยังไงกับเพลงนี้ ในงานออร์เคสตราคอนเสิร์ต และอีเวนต์อื่น ๆ ตัวเขาเองลองเล่นเป็นเวอร์ชั่น JP ด้วยเหมือนกัน

- โนจิมะบอกบางคนจบไวก็จริง แต่เกมมันมีอะไรให้ทำอีกเยอะ ยังมีเวลาอีกมากกว่าภาค 3 จะออกมา

- โนะบอกเขาอยากให้โปรเจคท์มาราธอนนี้จบโดยไว (หัวเราะ) พวกเพลงใน Remake Rebirth ก็จะตราตรึงในความทรงจำแต่ละคนไปอีกนาน อยากให้มีความความทรงจำที่ดีกันมาก ๆ แล้วก็หวังว่าโนบุโอะจะล็อคคิวไว้แต่งเพลงให้ภาคต่อไปด้วยได้ใช่มั้ย? (หัวเราะกันหมด) นี่ไม่ใช่ประกาศทางการ ไม่ใช่ข้อเสนอ แต่เป็นสัญญาลูกผู้ชาย.... จะกลับมาแต่งเพลงให้ภาค 3 ได้ใช่มั้ย?

- โนบุโอะตอบ "ก็เป็นเกียรติของพ้มมมม" ก็เป็นเกียรติที่โนะ เสนอแบบนี้มาอีก

- โนะถามว่าพร้อมจะชาเลนจ์ตัวเองมั้ย? มันยากที่จะแต่งเพลงให้ก้าวข้ามของเดิมนะ

- โนบุโอะบอก ก่อนอื่น กูจะไปพักร้อนล่ะะะะะ (ฮาครืนนน)

https://youtu.be/okZYq0KjXvg

ไม่มีความคิดเห็น