Friday, April 29, 2016

KH Unchained χ อัพเดท 4 เมดัลใหม่ พร้อมแคมเปญพิเศษฉลอง Golden Week


โปรโมชั่น ใหม่ประจำปักษ์นี้ (29 เมษายน - 12 พฤษภาคม 2016)

Premium Draw - เปิดแล้วการันตีว่าจะได้เมดัล 5 ดาวขั้นไป 3 เหรียญ โดย 1 ในนั้นจะเป็นเมดัลใหม่อันใดอันหนึ่ง

- เมดัลใหม่ที่หากดรอว์ได้ จะออกแบบ 6 ดาวเลยคือ เทอร์ร่าอิลลัสฯ ซึ่งเมดัลนี้เป็น Limited Edition ดรอว์ได้แค่ช่วงนี้เท่านั้น และเป็นกิลท์ขั้นที่ 4

- ถ้ากด Premium Draw 9 ครั้งแล้วยังไม่ได้เทอร์ร่า การันตีว่าจะได้ในครั้งที่ 10

- ในเมดัลใหม่ที่ได้มา มีโอกาสที่จะได้ Status Bonus คือพลังโจมตีสูงกว่าปกติ 1000 โดยยังใช้ชิพ อัพเกรดได้อีกด้วย

เมดัลใหม่รอบนี้มี 4 อัน ประกอบด้วย

เทอร์ร่าอิลลัสฯ - สายเมจิค / ใช้เกจ 2 / พลังโจมตี x6.76 / โจมตีหมู่ 13 ครั้ง / บัฟพลังเวทย์ 2 ขั้นในเทิร์นนั้น (แนวเดียวกับโซระอิลลัสฯ และริคุอิลลัสฯ)

มาสเตอร์เอราคุส - สายพาวเวอร์ / ใช้ 5 เกจ / พลังโจมตี x9.16 / โจมตีเดี่ยว 5 ครั้ง

มาสเตอร์เซอานอร์ท - สายเมจิค / ใช้ 5 เกจ / พลังโจมตี x9.16 / โจมตีเดี่ยว 1 ครั้ง

วานิทัศ - สายสปีด / ใช้ 1 เกจ / พลังโจมตี x7 / โจมตีแบบสุ่มเป้าหมาย 7 ครั้ง



นอกจากนี้ยังมีแคมเปญใหม่เงื่อนไขคือ ให้ผู้เล่นรวบรวมเมดัลอควออิลลัสฯ เวนตุสอิลลัสฯ เทอร์ร่าอิลลัสฯ "อันไหนก็ได้ที่เป็นระดับกิลท์ และรวมกันหมดให้ได้ 3 เหรียญ"

ต้องทำเงื่อนไขให้สำเร็จภายในวันที่ 19 พ.ค. 2016 เวลาบ่ายโมงของประเทศไทย พอพ้นช่วงเวลาดังกล่าวไปแล้ว ก็จะแจกเมดัลเป็นรางวัล 1 เหรียญ ให้คนที่ทำเงื่อนไขสำเร็จทันที

รางวัลคือเมดัลเทอร์ร่า & เวนตุส & อควอ - สายสปีด / ใช้เกจ 0 / พลังโจมตี x2.97 ~ 5.13 / โจมตีหมู่ 13 ครั้ง / ความรุนแรงแปรผันตามพลังชีวิตที่เหลืออยู่

ซึ่งเมดัลนี้โกงมาก เพราะหากเรามีพลังชีวิตเต็มจะสามารถโจมตีได้รุนแรงถึง x5.13 ไม่ใช้เกจ แถมยังเป็นการโจมตีหมู่ 13 ฮิต แต่ก็ติดปัญหาคือ... ตอนเราได้มามันเราต้องยัดมิคกี้ไม้กวาดอีกครึ่งโหล มันถึงจะกิลท์ได้...


อีกทั้งช่วงระหว่างวันที่ 29 เมษายน - 8 พฤษภาคม 2016 ซึ่งเป็น Golden Week จะมีแคมเปญพิเศษดังนี้
- เควสต์ทุกประเภท ทั้งเนื้อเรื่อง สเปเชี่ยล อีเวนต์ โคลอสเซียม ใช้ AP แค่ 1
- เหรดบอสก็ใช้แค่ 1 AP
- EXP ที่ได้จากการผสมเมดัล เพิ่มเป็น 1.5 เท่า
- เวลาผสมกิลท์ จะได้ % ค่าพลังที่สูงขึ้น โดยกิลท์ขั้น 4 จะได้พลัง +90~130%, กิลท์ขั้น 3 พลัง +70~100%

Thursday, April 28, 2016

SQEX เตรียมจัดคอนเสิร์ตออเครสต้าและคอนเสิร์ตแตรวงให้ซีรีส์ KH


Square Enix ร่วมกับ La Fée Sauvage ซึ่งเป็นบริษัทจัดงานคอนเสิร์ตระดับสากล เตรียมจัดทัวร์คอนเสิร์ต Kingdom Hearts "ปีหน้า" ในชื่อ Kingdom Hearts Orchestra -World Tour- โดยใช้นักดนตรีกว่า 70 คน บรรเลงเพลงในซีรีส์ที่คัดสรรมาเป็นอย่างดีแล้ว พร้อมเปิดวีดีโอเหตุการณ์จากซีรีส์ซึ่งกำกับโดยเท็ตสึยะ โนมุระ เอามาประกอบด้วย

การทัวร์ครั้งนี้จะจัดขึ้นตามประเทศต่าง ๆ ดังนี้

10 มีนาคม 2017 - Tokyo International Forum Hall A (Tokyo, Japan)
18-19 มีนาคม 2017 - Salle Pleyel (Paris, France)
24-25 มีนาคม 2017 - Central Hall Westminster (London, United Kingdom)
6-7 พฤษภาคม 2017 Esplanade Concert Hall (Singapore, Singapore)
28 พฤษภาคม 2017 - Mercedes Benz Arena (Shanghai, China)
10,14 มิถุนายน 2017 - Dolby Theatre (Los Angeles, California, USA)
24 มิถุนายน 2017 - United Palace Theatre (New York, New York, USA)

สามารถจองตั๋วคอนเสิร์ตทุกประเทศได้ตั้งแต่วันที่ 30 เมษายน 2016 (ปีนี้) ผ่านทางเว็บไซต์ Wildfaery  และจองแยกตามประเทศผ่านทางเว็บไซต์อื่น ๆ ได้ตั้งแต่วันที่ 14 พฤษภาคม 2016 ตั้งแต่เที่ยงวันตามเวลาท้องถิ่นในแต่ละเมืองที่จัดงานเป็นต้นไป

ทั้งนี้คุณโนมุระได้เผยว่าไอเดียของงานคอนเสิร์ตนั้นได้มีมานานหลายปีแล้ว แต่ถึงตอนนี้เขาก็ยังอดแปลกใจไม่ได้ที่ในที่สุดคอนเสิร์ต KH จะออกมาในรูปแบบวงออเครสต้าเต็มรูปแบบ สำหรับงานนี้ เขาได้รับโอกาสในการกำกับดูแลเรื่องชื่องาน โลโก้ และอีกหลายอย่าง ซึ่งก็มั่นใจว่ามันจะสร้างความประทับใจให้กับแฟน ๆ KH ในทุกประเทศ ตัวงานนั้นจะจัดในปี 2017 ซึ่งเป็นการครบรอบ 15 ปีของซีรีส์ ในช่วงเวลาเดียวกันแฟน ๆ ก็คงกำลังเพลิดเพลินกับ KH II.8 ที่จะออกมาในช่วงปลายปีนี้ ก็หวังว่าความสนุกตื่นเต้นที่ทุกคนได้รับ จะยิ่งเร้าให้ทุกคนมุ่งหวังกับการวางจำหน่าย KHIII กันมากขึ้น

ส่วนคุณโยโกะ ชิโมมุระบอกว่า ก่อนหน้านี้เธอได้ยินคำขอให้จัดการคอนเสิร์จออเครสต้าของ KH มาตลอด ซึ่งเธอก็ดีใจมากที่สุดท้ายมันก็เป็นจริง ตอนแรกที่เธอได้มาประพันธ์เพลงให้ซีรีส์ เธอไม่เคยคิดว่าจะมีวันนี้มาก่อน คอนเสิร์ตครั้งนี้คงไม่อาจเกิดขึ้นได้หากปราศจากการสนับสนุนของผองแฟน จึงอยากขอบคุณทุกคนมาก คอนเสิร์ตนี้จะส่งมอบความรู้สึกที่เธอมีต่อซีรีส์และต่อคนทั่วโลกที่รักเธอ ก็คอยที่จะได้เจอแฟน ๆ ทุกคนในงานคอนเสิร์ตปีหน้า


นอกจากคอนเสิร์ตออเครสต้าที่จัดรอบโลกในปีหน้าแล้ว Square Enix ยังเตรียมจัดงานคอนเสิร์ตแตรวงใน 3 เมืองใหญ่ของญี่ปุ่น ภายใต้ชื่อ Kingdom Hearts Concert -First Breath- ในช่วงฤดูร้อนนี้ วันเวลาและสถานที่จัดงานประกอบด้วย

11 สิงหาคม 2016 - Tokyo Metropolitan Art Theater Concert Hall (Tokyo, Japan)
27 สิงหาคม 2016 - NGK Spark Plug Co., Ltd. Citizens’ Hall Forest Hall (Aichi, Japan)
28 สิงหาคม 2016 - The Symphony Hall (Osaka, Japan)

สามารถจองตั๋วได้ที่


วีดีโอสาสน์จากทีมพัฒนา KINGDOM HEARTS UNCHAINED χ

Tuesday, April 26, 2016

คลิปสัมภาษณ์ยูสึเกะ นาโอระ และรายละเอียด Audi R8 ใน FFXV

คลิปบทสัมภาษณ์คุณยูสึเกะ นาโอระ จากเว็บไซต์ Game Informer ตัวแกเข้าร่วมเป็นฝ่ายศิลป์ให้ซีรีส์นี้มาตั้งแต่ปี 1993 สมัยช่วง FFVI และทำงานเป็นภาค ๆ เรื่อยมา ในคลิปนี้แกอธิบายถึงความเป็นมา และบทบาทหน้าที่ของแกในฐานะ 1 ใน 3 ผู้กำกับศิลป์ของ Final Fantasy XV โดยในคลิปมีการแสดงภาพโมเดลแบบเก่าและใหม่ของพรอมพท์ สมัย FF Versus XIII เปรียบเทียบกับ FFXV ด้วย (แต่ไม่มีเวอร์ชั่น 2013 ที่เป็นอีกแบบนึงแฮะ)





นอกจากนี้ทาง Nova Crystallis ยังได้มีโอกาสคุยกับทาง Audi ของเยอรมันเพื่อสอบถามถึงรายละเอียดของรถ Audi R8 ที่ใช้ในภาพยนตร์ Kingsglaive -Final Fantasy XV- โดยทาง Audi บอกว่าโมเดลของรถรุ่นดังกล่าวมีชื่อเต็มว่า Audi R8 plus Coupé 5.2 FSI quattro ซึ่งมีความเร็วสูงสุด 330 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และสามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตรได้ภายใน 3.2 วินาที

ทาง Audi ยังบอกว่าทาง Square Enix โดยคุณคุณทาเคชิ โนซึเอะ และคุณเคนจิ คินิ ได้เอาแบบรถรุ่นดังกล่าวไปปรับแต่งให้กลายเป็นโมเดลรุ่นพิเศษตามที่เราเห็นในเกม โดยปัจจุบันตัวรถยังเป็นแค่ CGI เท่านั้น ยังไม่ได้มีการผลิตกันจริง ๆ ออกมา

ปกติแล้ว Audi R8 plus Coupé 5.2 FSI quattro ผลิตที่เมือง Neckarsulm ในเยอรมัน จริง ๆ แล้วทาง Audi ก็คิดจะสร้างรถรุ่นปรับแต่งพิเศษนี้ขึ้นมาสักคัน แต่ขณะนี้ก็ยังไม่ได้มีแผนที่เป็นรูปธรรม

ปกติแล้วรถรุ่นนี้มีราคา 190,000 ยูโร (ประมาณ 7.5 ล้านบาทหรือ 23.7 ล้านเยน แต่คุณทาบาตะกับคุณซากากุจิ บอกแฟมิซือว่า 40 ล้านเยน คาดว่าเป็นราคารวมภาษีและค่าจิปาถะต่าง ๆ แล้ว)

Monday, April 25, 2016

คลิปโฆษณา Kingsglaive เผยอาณาจักรเทเนแบร


คลิปโฆษณา Kingsglaive -Final Fantasy XV-

ช่วงวินาทีที่ 21 มีซีนใหม่ ซึ่งเป็นครั้งแรกที่เราได้เห็นอาณาจักรเทเนแบร อาณาจักรของลูน่าด้วย

Saturday, April 23, 2016

LRFFXIII เตรียมปิด Outerworld Service และเก็บตกข่าว FFXV

Wallpaper ใหม่ของ Final Fantasy XV

ระบบ Outerworld Sevices ของ Lightning Returns -FFXIII- ที่ใช้อัพโหลดรูป แชร์ไอเทมและข้อความไปให้กับผู้เล่นคนอื่น จะปิดตัวลงวันที่ 26 เมษายนนี้

ประโยคเด็ดจากซากากุจิ
Sakaguchi was still heavily involved in the development of these titles, and his motto was essentially, ‘It doesn’t make sense to create the same thing. We always need to create new surprises.’

ประโยคเด็ดจากโยชิดะ
“My personal opinion is, up until Final Fantasy VIII, the games were always on the cutting edge of technology,” says Final Fantasy XIV: A Realm Reborn director and producer Naoki Yoshida.


จากที่ก่อนหน้านี้ GI บอกว่าการปรับแต่งเรกาเลียให้บินได้ จะทำได้ช่วงท้ายเกม เป็นชาเลนจ์เสริม

ล่าสุดคุณทาบาตะให้สัมภาษณ์นิตยสารเกมฝั่งเยอรมันที่มีชื่อว่า Games Aktuell โดยบอกว่ารถเหาะจะทำให้เข้าไปในสถานที่ ๆ เดิมเข้าไม่ถึงได้
นอกจากนี้การนั่งเรือในเกม เป็นเหตุการณ์ตามเนื้อเรื่องครั้งเดียว หลังจากนั้นจะไม่สามารถไปนั่งเรือที่ไหนบนโลกได้อีกแล้ว โดยคุณทาบาตะเสริมว่ามันจะเหมือนการเดินทางจริง เขาอยากให้ผู้เล่นรู้สึกและจดจำมันไว้ มันจะให้ความรู้สึกเหมือนการล่องเรือเดินทางจากฝรั่งเศสไปยังผาแห่งโดเวอร์ (หน้าผาที่เป็นเขตแดนเกาะอังกฤษ ถ้านั่งเรือไปจากฝรั่งเศสก็จะเห็น)
ซึ่งเราก็รู้กันแล้วว่าตามเนื้อเรื่อง สี่สหายจะต้องนั่งเรือจากด่านคามไปยังเมืองอัลทิสเซีย

คลิปสัมภาษณ์คุณโยโกะ ชิโมมุระ ผู้ประพันธ์เพลงให้ FFXV เนื้อหาพูดเรื่องแรงบันดาลใจ เป้าหมาย เกี่ยวกับการแต่งเพลง นอกจากนี้ในคลิปยังมีการแทรกเกมเพลย์ใหม่ ๆ ของ FFXV เข้าไป อย่างตอนใช้ Blizzard ขั้นแรก (ไม่ถึงกับน้ำแข็งเกาะ แต่ก็ไอเย็นคลุ้งทุ่งเลย) ตอนน็อคติสขับรถเอง การขี่โจโคโบะตั้งแต่บทที่ 1 ของเกม ฯลฯ

Thursday, April 21, 2016

สรุปรัฐบาลทาบาตะพบประชาชนรอบพิเศษ เก็บตกงาน Uncovered


จากที่ 18.00 - 19.05 น. ของวันนี้มีการจัดงานถ่ายทอดสดรัฐบาลทาบาตะพบประชาชน รอบพิเศษ โดยรวมแล้วมีประเด็นสำคัญที่ผมคัดมาแล้วว่าควรรู้ 4 เรื่องได้แก่

1. คุณทาบาตะขอโทษเรื่องที่ก่อนหน้านี้แกหมิ่น FFXIII แต่พยายามอธิบายว่าแกไม่ได้มีเจตนาหมิ่น

2. ประกาศวันฉาย Kingsglaive ทั่วญี่ปุ่น 9 กรกฎาคม

3. เรื่องชุด Ultimate Collector's Edition ซึ่งตอนแรกมีปัญหาผลิตทันวัน Shipped แค่ 30,000 ชุด ตอนนี้ให้ฝ่ายการตลาดไปดีลมาแล้ว ผลิตเพิ่มได้อีก 10,000 ชุด แบ่งกระจายให้ทั่วโลก แต่ไอ้ล็อตหลังอาจจัดส่งล่าช้าได้หากการขนส่งทางทะเลมีปัญหา

4. ตัวเกมมีระบบ New Game+ เอาความสามารถไปใช้ต่อในการเล่นรอบถัดไปได้

---------------------------------

- งวดนี้เป็นถ่ายทอดสดจริง ๆ จึงไม่มีซับไตเติล (หลังจากที่หลายครั้งก่อนหน้านี้เป็นการถ่ายคลิปไว้ก่อน แล้วให้ทีมแปลไปใส่ซับไตเติลแล้วค่อยออนแอร์)

- กลุ่มเป้าหมายของการถ่ายทอดสดคราวนี้ขอเป็นฝั่งญี่ปุ่น หลังจากไปทัวร์อเมริกา ให้สัมภาษณ์สื่อตะวันตกรัว ๆ กันมาแล้ว

- วันนี้คุณทาบาตะใส่แว่นมา เพื่อจะมาอ่านคอมเมนต์จากแฟน ๆ

- ประเด็นวันนี้ได้แก่ ทบทวนเหตุการณ์จากงาน Uncovered, ฉายคลิปรวม TVCM ของ FF ในญี่ปุ่น, รายงานสถานการณ์ของการพรีออเดอร์, ข้อมูล 3 อย่าง (หนัง ชุด Ultimate และการจัด ATR ครั้งหน้า)

- รอบนี้จะไม่มีการพูดข้อมูลใหม่ แต่เป็นการทบทวนเรื่องที่ผ่านมา

- พูดเรื่องการสัมภาษณ์สดทางแฟมิซือสัปดาห์ก่อน คุณโอฟุจิกังวลมาก ตอนรอให้สัมภาษณ์นั้นคุณซากากุจิแกก็หาอะไรดื่มไป พอถึงเวลาสัมภาษณ์ แกก็ล่อไปหมดขวดแล้ว  ไอ้ตรงที่นั่งรอก็คลุ้งไปด้วยกลิ่นเหล้า

- ทาบาตะยังไม่เคยจบ FFII

- คุณซากากุจิเคยบอกว่าชอบคุณทาบาตะ มากกว่าโยชิดะ

- สัปดาห์ก่อนคุณซากากุจิพลาดไป ดันเผลอพูดเรื่องมินิเกมอีกอันนึงออกมา ทั้งที่ยังไม่ถึงกำหนดการเปิดเผย

- คุณทาบาตะพูดเรื่องที่มีกระแสว่าแกหมิ่น FFXIII (จริง ๆ คือให้สัมภาษณ์พาดพิง FFXIII 2 ครั้ง โดยครั้งแรกบอกแฟมิซือว่า FFXIII เป็นช่วงพีคของวิกฤตศรัทธา ส่วนอีกครั้งบอก 4Gamer ว่ามันเป็นเส้นตรง ทำให้โลกคิดว่าค่ายนั้นล้าหลังด้านเทคโนโลยี) แกบอกว่าแกขอโทษ แต่จริง ๆ แล้วแกไม่ได้หมิ่น แกรู้ว่า FFXIII มีแฟนอยู่มากมาย แกเองก็เป็นหนึ่งในนั้น แกอธิบายว่าตอนนี้ทางค่ายพยายามชาเลนจ์เทคโนโลยีใหม่ ๆ และมันจะแตกต่างไปจาก FFXIII

- คุณทาบาตะบอกว่า การพูดในงาน Uncovered นั่นตัวแกไม่ได้ซ้อมมาก่อน (สัปดาห์ก่อนแกก็พึ่งบอกว่ามันมีการเปลี่ยนบทในภายหลัง มันเลยรวน ๆ แบบที่แกบอกไปแล้ว)

- ตอนก่อนจะเริ่มงาน Uncovered มีการเอาวิสกี้แพงจากญี่ปุ่นไปฝากคุณอารอน นักพากย์ด้วย แล้วก่อนเริ่มงาน พอทาบาตะไปหา ก็พบแกเริ่มจะกริ่ม ๆ ก่อนขึ้นเวทีแล้ว!! (มิน่าแกถึงดูไร้สติตอนพูด)

- คุณแมทท์ คิชิโมโตะ พูดญี่ปุ่นไม่ได้เลย แม้ว่าแกจะนามสกุลคิชิโมโตะก็ตาม แกรู้ศัพท์คำเดียวคือโอสึคาเระซามะ

- ปัจจุบัน PV ของอนิเม Brotherhood 4 ล้านวิวแล้ว ส่วน Kingsglaive 2 ล้านวิว ทีมงานดีใจที่ทำให้คนมากมายรู้จัก FFXV มากขึ้น

- คุณทาบาตะพูดเรื่อง Air Button ซึ่งตามบทที่แก้ใหม่แล้ว แกต้องได้ปุ่มจริงมากด แต่ก่อนจะขึ้นเวที มันก็ไม่มีใครเอาปุ่มมาให้แกนี่หว่า แกก็เดินขึ้นไปตัวเปล่า แล้วก็เลยสร้างมุก Air Button สดขึ้นมา คุณโอฟุจิบอกว่าตอนนั้นแกตื่นตระหนกมาก

- คุณทาบาตะบอกว่า โดนลูกสาวหาว่าภาษาอังกฤษพ่อเห่ยมาก

- ตอนที่กำหนดวันวางจำหน่าย Leak ออกไป ทีมงานคิดว่าจะไม่ประกาศวันวางจำหน่ายแบบสล็อตแมชชีนแล้ว แต่สุดท้ายก็เปลี่ยนใจกลับมาทำสล็อต พร้อมคิดว่ามันเจ๋งดี

- คุณทาบาตะบอกว่าเอาจริง ๆ ไม่ต้องดู Kingsglaive และ Brotherhood ก่อนเล่น FFXV ก็ได้ มันเป็น Bous Content เพื่อลากแฟนใหม่ ๆ เข้าสู่ซีรีส์ บางทีพอเล่นเกมจบแล้ว ผู้เล่นอาจจะอยากไปหาหนังและอนิเมมาดูเองก็ได้

- ฉาย TVCM รวมของซีรีส์ ซึ่ง 2 นาทีแรกสร้างโดย Sony ส่วนอีก 1 นาทีสร้างโดยทางค่ายเอง โดย 2 นาทีแรก ตอนแรกมันความละเอียดต่ำมากเพราะทำเมื่อนานมาแล้ว ทาง Sony จึงนำไปปรับปรุงใหม่ นอกจากนี้ในคลิปยังเป็นของ FFXIV เวอร์ชั่นแรก ทางคุณทาบาตะจึงอยากขอโทษคุณโยชิดะด้วย แต่คุณโยชิดะบอกว่าไม่ต้องขอโทษเขา ให้ขอโทษแฟน ๆ มากกว่า

- ตอนนี้การ Pre-ordered ดำเนินไปด้วยดี ยอดการสั่งมากกว่าที่ทีมงานคาดกันไว้อีก

- ตามที่พูดไว้ว่าจะพูดเรื่อง Product 3 อย่าง อย่างแรกประกาศวันฉาย Kingsglaive เดิมกำหนดไว้เป็นภายในเดือนกรกฎาคม ตอนนี้กำหนดวันแล้วเป็น 7 กรกฎาคม ทั่วญี่ปุ่น สามารถจองตั๋วกันได้ตั้งแต่ 23 เมษายน

- มีการชี้ให้ดูในโปสเตอร์ Kingsglaive ว่ามันมีน็อคติสแอบอยู่ด้วย กว่าจะเพ่งเห็นได้ คงเหนื่อยมาก

- เอา Film collection box ออกมาโชว์

- Product อย่างที่สอง Justice Monsters Five - ลง Android วันจันทร์หน้า ลง iOS มิถุนายน ลง Windows 10 ช่วงหน้าร้อน ที่ญี่ปุ่นมีคนลงทะเบียนล่วงหน้าแล้ว 90,000 คน

- ตอนนี้ได้มีการสั่งผลิตชุด Ultimate Collector's Edition เพิ่มแล้ว อย่างที่บอกไว้ก่อนหน้านี้ว่ามันมีปัญหาเรื่องฟิกเกอร์ มันผลิตทันแค่ 30,000 ตัวก่อนถึงวัน Shipped เท่านั้น เลยตั้งยอดไว้ตอนแรกเท่านั้น

- ตอนเริ่มเปิดให้สั่งจองชุด UCE ได้ ช่วงนั้น Store ฝั่งญี่ปุ่นถึงกับล่มไป

- ให้คุณทาคาฮาชิ ฝ่ายการตลาดออกมาอธิบาย ก็พยายามดีลกัน จนสรุปว่าผลิตเพิ่มได้ 10,000 ชุด แบ่งให้ทั่วโลก แต่ไอ้ 10,000 ที่ผลิตตามมาทีหลัง ไม่การันตีว่าจะออกมาทันวันวางจำหน่ายเกม หากการขนส่งทางทะเลมีปัญหา สินค้าอาจไปถึงล่าช้าได้

- คุณทาบาตะจะจัด ATR พบประชาชนครั้งหน้า ช่วง E3

- คอนเฟิร์มว่ามีระบบ New Game+ เริ่มเกมใหม่ด้วยน็อคติสที่เอาเลเวลจากเซฟเดิมมาใช้ต่อ ตามที่ให้สัมภาษณ์สื่อตะวันตกไปแล้ว

- https://www.youtube.com/watch?v=5EHh1opKfyM

- ขอบคุณคุณ Jirokichi ที่ช่วยแปล ATR นี้ให้ด้วยครับ - https://twitter.com/Kume856

Game Informer ตีแผ่กระบวนการออกแบบมอนสเตอร์ใน FFXV

เว็บไซต์ Game Informer ได้ลงข้อมูลกระบวนการออกแบบมอนสเตอร์ใน Final Fantasy XV ตามที่พวกเขาได้ไปสัมภาษณ์ทีมศิลป์ของเกมไว้ดังนี้


เป้าหมายการสร้างมอนสเตอร์ ตามที่คุณทาบาตะให้ไว้

- สร้างสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติที่มีชีวิตชีวา ทำให้เห็นว่ามอนสเตอร์แต่ละตัวเป็นผู้อาศัยอยู่ในแต่ละท้องที่จริง ๆ

- เอาให้ได้ระดับเดียวกับ National Geographic

ขั้นตอนการทำงาน

- วางแผนกันว่าจะทำยังไงให้มอนสเตอร์มันดูเป็นผู้อาศัยในแต่ละพื้นที่จริง ๆ จึงต้องคิดว่ามันจะอยู่ยังไง หาอาหาร และป้องกันตัวยังไง

- พากันไปดูของจริงที่สวนสัตว์

- หาข้อมูลเรื่องการใช้ชีวิตของสัตว์ หาแรงบันดาลใจที่จะเอามาใช้ในเกม

- จำลองพฤติกรรม ลักษณะทางกายภาพของพวกมอนสเตอร์ในอดีตที่ดัง ๆ มาใช้

- ตัวอย่างเช่นคาโตเบลพัส ได้เอาต้นแบบจาก FFV มาเป็น Reference โดยต้องปรับดีไซน์ให้มันสอดคล้องกับความเป็นจริงมากขึ้น โดยที่ยังคงลักษณะคอยาว (เพื่อให้ก้มลงไปหาอะไรกินใต้น้ำได้) มีงา และมีตาเดียว

- วาดโครงกระดูกและกล้ามเนื้อของมอนสเตอร์ กำหนดลักษณะการเคลื่อนไหว กรณีคาโตเบลพัส เอายีราฟ ช้าง และแรดเป็นต้นแบบ เพื่อจะค้ำคอยาว ๆ ของมันได้ มันจึงต้องมีกล้ามเนื้อขาหน้าที่หนาแน่นแข็งแกร่ง มีกระดูกสันหลังที่ยาว มีศูนย์ถ่วงต่ำ คอมันก็ต้องมีลักษณะเหมือนสะพานแขวน มีใบหูขนาดใหญ่หลายใบเพื่อช่วยควบคุมอุณหภูมิร่างกาย

- ปรับโทนสีมอนสเตอร์ตามถิ่นอาศัยของแต่ละตัว เช่น พวกที่อาศัยอยู่ในทะเลทราย ก็ต้องมีโทนสีแบบทราย พวกที่อยู่ในแถบหนาวเย็น ก็ต้องโทนสีฟ้า

SQEX Blog ลงบทความอธิบายระบบแสงใน FFXV


Blog ของ Square Enix ฝั่งยุโรปได้เผยแพร่บทความเกี่ยวกับกระบวนการพัฒนาเกม Final Fantasy XV อีกครั้ง โดยคราวนี้อธิบายถึงเรื่องของระบบของแสงและท้องฟ้าในเกม

ก่อนอื่นเรามาทำความเข้าใจกันก่อนว่า ท้องฟ้าในซีรีส์ FF ภาคก่อน ๆ นั้น มันเป็นการเอาภาพเลื่อน มาเลื่อนไปเรื่อย ๆ บนฟ้า เป็นการหลอกตาว่ามันคือท้องฟ้า ทั้งที่จริง ๆ มันคือภาพเลื่อน

แต่ FFXV นี้ เป็นภาคแรกที่มีการทำระบบที่เรียกว่า Cloud Simulation ขึ้นมา สิ่งที่เราจะได้เห็นกันบนท้องฟ้า จึงเป็น Object บ้าง Particle บ้าง หรืออะไรต่อมิอะไรหลายแหล่ (ที่ทีมงานได้เคยกรุณาอธิบายให้ฟังแล้ว แต่มันไม่เข้าหัวผม) เคลื่อนไหวอยู่บนท้องฟ้าตามหลักฟิสิกส์

ในบทความนี้ จึงชวนไปดูการทำงานของคุณสึมุระ จากทีมทำระบบแสง ซึ่งโต๊ะทำงานของแกก็ถูกเรียกว่าเป็นแลปสุมึระ เนื่องจากมีอุปกรณ์ฟิสิกส์พิสดารอยู่เต็มเหมือนห้องแลป

ในเกม FFXV นั้น  ก็แบ่งเวลาออกเป็น 24 ชั่วโมงเหมือนกับโลกของเรา ซึ่งการจะทำให้แสงในเวลาแต่ละช่วงของวันนั้นเหมือนจริง ทีมงานก็ต้องไปถ่ายภาพท้องฟ้าแบบ 360 HDR Panorama ในแต่ละช่วงเวลามา แล้วเอาข้อมูลเหล่านั้นประยุกต์ใส่เข้าไปในเกม สร้างเป็นระบบ Sky System ขึ้นมา

ว่ากันว่าในโลกแห่งความจริงของเรานั้น ไม่มีสักวินาทีเดียวที่แสงนั้นมีความส่องสว่างเท่ากัน ดวงอาทิตย์เองก็มีความสว่างมากกว่าดวงจันทร์ถึง 400,000 เท่า ซึ่งเรื่องเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งที่ตาคนจะแยกแยะได้

เพื่อให้เกม FFXV ใกล้เคียงความจริง ทีมงานจึงได้ตั้งค่าความส่องสว่างของดวงอาทิตย์ในเกม ให้สว่างกว่าดวงจันทร์ 100,000 เท่า นอกจากนี้ ความส่องสว่างในเกมก็เปลี่ยนแปลงอยู่ทุกวินาทีเหมือนกับโลกในความจริง จึงไม่มีสักวินาทีเดียวที่แสงส่องสว่างเท่ากัน

ว่าแล้ว ในบทความก็ล่งภาพช่วงเวลาต่าง ๆ ของเกม ตั้งแต่รุ่งอรุณ 04.30 น. ยาวไปจนถึง 21.00 น. ซึ่งท้องฟ้าแตกต่างกันไปมาก เป็นตัวอย่างให้ชมกัน


คลิป Time-lapse จาก Episode Duscae

Saturday, April 16, 2016

ลูปการพยายามผ่านเควสต์เลเวล 200+ Kingdom Hearts Unchained χ


ตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงตอนนี้ พึ่งหาวิธีผ่านเควสต์เพิ่มมาได้ 3 เควสต์ คือเควสต์ Adamantine Starlight 4, 5 และเควสต์ Moogle of Glory 1... - -"

ขนาดศึกษาคลิปของที่ 1 ในเกมก็แล้ว, ส่องตารางค่าพลังทั้งหมดในเกมประกอบก็แล้ว นั่งจัดเด็คอยู่เป็นชั่วโมงแล้ว ก็ต้องเข้าไปลองผิดลองถูกอยู่ร่วมชั่วโมงกว่าจะผ่านได้แต่ละเควสต์ โคตรยากจริง ๆ

และมันไม่ได้ยากเพราะผมเป็นสายฟรีด้วยนะ เพราะเพื่อนผมที่เล่นแบบเติมเงินทุกสัปดาห์ ก็เล่นแทบไม่ผ่านเหมือนกัน

กว่าจะวางแผนเพื่อผ่านแต่ละเควสต์ได้ เสียเวลาหลายชั่วโมง

สนุกก็จริง แต่โคตรเหนื่อยยย

----------------------------------

เควสต์สตาไลท์ 4 ผมใช้ พิกเล็ค อลิซ นาฬิกา ไฟนอลฟอร์ม อาละดิน แอ็คเซล
เควสต์สตาไลท์ 5 ผมใช้ พิกเล็ต อลิซ เฟรนด์ชิพ ไฟนอลฟอร์ม มาร์ลักเซีย แอ็คเซล
เควสต์ม็อคออฟกลอรี ผมใช้พิกเล็ต อลิซ เซมุนัส อาละดิน ไฟนอลฟอร์ม คลาวด์อิลลัสฯ

รายละเอียดเบื้องต้นตัวละคร FFXV จาก Game Informer


เว็บไซต์ Game Informer ได้ลงข้อมูล Final Fantasy XV ชุดใหม่ ซึ่งก็เป็นข้อมูลที่พวกเขาได้ตอนไปเยี่ยมเยียนกองบัญชาการ Square Enix ที่ชินจูกุ สำหรับงวดนี้ ทาง Game Informer ได้นำเสนอประเด็นในเรื่องประวัติของตัวละครไว้ดังนี้

=====================
น็อคติส
=====================

ตัวเอกของเรื่อง ว่าที่กษัตริย์แห่งอาณาจักรลูซิสซึ่งแบกรับภาระไว้มากมาย และมันจะยิ่งหนักหน่วงขึ้นไปตลอดการเดินทาง แม้น็อคติสจะไม่ค่อยแสดงออกและออกจะทำตัวห่างเหินกับบริวารอยู่เนือง ๆ แต่นั่นก็มีเหตุผลของมัน เจ้าชายคนนี้เป็นตัวละครผู้ซับซ้อนซึ่งผ่านช่วงอารมณ์อันปั่นป่วนมาหลายครั้งในชีวิต มารดาของเขาเสียชีวิตตั้งแต่เขายังเด็ก ส่วนพ่อก็ต้องบริหารจัดการอาณาจักร น็อคติสจึงรู้สึกเหงาและโดดเดี่ยวอยู่เสมอ

ทว่าน็อคติสก็ไม่ได้ขุ่นเคืองต่อเรื่องนี้ เขาเข้าใจว่ามันเป็นเรื่องที่ต้องเสียสละ จึงไม่ได้มองพ่อในแง่ร้าย แต่พยายามที่จะยอมรับการใช้ชีวิตอยู่ในสภาพแวดล้อมนั้นให้ได้

คุณทาบาตะบอกว่าน็อคติสนั้นพยายามค้นหาตนเอง แต่ชะตากรรมที่กำหนดให้เขาต้องเป็นกษัตริย์นั้นเป็นอุปสรรคต่อกระบวนการค้นหา เขามีปัญหาในการแสดงความรู้สึกและเลือกที่จะเก็บสิ่งต่าง ๆ ไว้ในใจ นั่นอาจเป็นเหตุผลที่ทำให้เขาเข้ากับผู้หญิงไม่ค่อยได้ โดยเฉพาะเมื่อต้องเผชิญกับความรู้สึกที่มีต่อลูน่า เพื่อนในวัยเด็กของเขา

=====================
กลาดิโอลัส
=====================

เรียกสั้น ๆ ว่ากลาดิโอ เป็นชายผู้มาจากตระกูลผู้พิทักษ์ราชวงศ์ลูซิส มีจิตใจแห่งนักรบ เป็นสมาชิกคนเดียวที่รับการฝึกทหารมาก่อน เขาฝึกฝนอย่างหนักเพื่อจะทำหน้าที่ปกป้องเจ้าชาย

แม้จะเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่ม แต่ก็ไม่อายที่จะแสดงความคิดเห็นที่คิดว่าจำเป็นต่อกลุ่ม ถ้าไม่มีเขา ก็จะไม่มีคนพูดในสิ่งที่ถูกต้องในเวลาอันเหมาะสม ทำให้ทีมมีความเชื่อมั่นว่าต้องทำอะไรต่อไป เป็นเสาหลักที่ทำให้ทีมไม่อ่อนไหว

กลาดิโอมักจะโต้เถียงกับน็อคติสเป็นประจำ เนื่องจากแกเป็นคนขวานผ่าซาก พูดตรง ๆ คิดว่าควรจะทำยังไง ก็พูดอย่างงั้น

=====================
อิกนิส
=====================

เป็นคนจริงจังและเอาใจใส่ อิกนิสเปรียบได้กับมือขวาของน็อคติส ทั้งสองรู้จักกันมาตั้งแต่เด็กและสนิทกันเหลือเชื่อ อิกนิสเป็นคนจงรักภักดี ทำทุกอย่างให้เจ้าชายได้

เนื่องจากน็อคติสสูญเสียแม่ไปตั้งแต่เด็ก อิกนิสจึงพยายามทำหน้าที่บางส่วนทดแทนให้ เช่น อิกนิสเรียนรู้ที่จะทำกับข้าวให้ พยายามยัดผักให้ทาน และคอยขับรถเรกาเลียให้

คุณมาริเอะ อิวานากะ บอกว่าอิกนิสจะอยู่ข้างน็อคติสเสมอ แม้ในยามต่อสู้ก็เช่นกัน ซึ่งผู้เล่นคงจะเห็นได้จากใน Episode Duscae อิกนิสจะอยู่ใกล้น็อคติสตลอด คอยคุ้มกันและปกป้องให้

นอกจากนี้ อิกนิสยังเป็นมันสมองของกลุ่ม ทำให้ทุกคนไม่ทิ้งงาน และเลือกหนทางที่ดีที่สุดเพื่อความสำเร็จ คุณทาบาตะบอกว่าอิกนิสเป็นเหมือนแสงนำทาง และเป็นผู้บัญชาการ

แม้อิกนิสจะดูเป็นคนจริงจังและฉลาดเฉลียว แต่ก็เป็นพวกมองเจตนาคนอื่นไม่ออก โดยเฉพาะเวลาที่คนอื่นยิงมุกกัน (อิกนิสก็จะไม่รู้ว่าเป็นมุก) เขาเป็น Perfectionist ที่จะสั่นไหวหากอะไร ๆ เริ่มไม่เป็นไปตามที่คาดไว้ และนั่นจะนำไปสู่ดราม่าของการผจญภัยในครั้งนี้

=====================
พรอมพ์
=====================

พรอมพ์ไม่ใช่พวกเชี่ยวชาญการต่อสู้ แต่ถนัดงานให้กำลังใจ ทำให้บรรยากาศเบิกบาน เป็น Mood-Maker ของกลุ่ม

การที่พรอมพ์พยายามทำให้กลุ่มเฮฮา มีเหตุผลจากอดีตวัยเด็กที่เขาเศร้าและเปล่าเปลี่ยว ซึ่งจะได้เห็นกันในอนิเม Brotherhood

แม้อาจดูเป็นคนรักสนุกครึกครื้น แต่ที่จริงแล้วเจ้าตัวพยายามอย่างหนักเพื่อให้ดูเป็นคนแบบนั้น เขาอาจดูเป็นคนง่าย ๆ แต่ที่จริงแล้วเป็นพวกคิดเยอะคิดลึก

ทีมงานเองก็ต้องคิดเรื่องอนิเมชั่นของพรอมพ์กันเยอะ เพราะเจ้าตัวจะต้องเคลื่อนไหวและตอบสนองมากกว่าคนอื่น ๆ แถมยังทำอะไรเว่อร์เกินจริงเสมอ

นอกจากนี้พรอมพ์ยังถนัดเรื่องเครื่องยนต์กลไก เทคโนโลยี เทรนด์ ชอบวีดีโอเกมและอนิเมด้วย

=====================
ลูน่า
=====================

ลูน่าเป็นคนหนักแน่น แน่วแน่ และปราดเปรื่อง และเป็นโหรที่คอยสื่อสารกับเทพเจ้า เธอมีความสัมพันธ์อันซับซ้อนกับน็อคติส ทั้งสองเป็นคนต่างอาณาจักร เป็นเพื่อนสมัยเด็ก แต่ต้องมาแต่งงานกันด้วยเหตุผลทางการเมือง เพื่อความเป็นปึกแผ่นของอาณาจักรทั้งสอง

คุณทาบาตะบอกว่าฝั่งลูน่านั้นมีความรู้สึกรักชอบ แต่น็อคติสอาจไม่มีความมั่นใจที่จะตอบสนองความรักนั้น (ตัวเอง ก็ยังค้นหาตัวเองไม่เจอเลย)

ลูน่านั้นไม่ได้ร่วมการเดินทางไปกับพวกน็อค ส่วนใหญ่เราจะได้เห็นเธอผ่านคัตซีน ทว่าในคำพูดของน็อคติส ก็จะมีคำเชิดชูลูน่า บ่งบอกว่าเธอมีความหมายกับเขามากแค่ไหน และทำไมเขาถึงเริ่มต้นที่จะชอบเธอ

อีกทั้งลูน่ายังมีบทบาทสำคัญต่อน็อคติส และเป็นมากกว่าเรื่องของความรักใคร่ เธอเป็นคนที่ค้่ำจุนให้เขาทำชะตากรรมของตนเองให้สำเร็จ

=====================
เรจิส
=====================

ด้วยฐานันดรแห่งกษัตริย์ทำให้เรื่องราวต่างต้องซับซ้อน น็อคติสนั้นแสวงหาความรักจากพ่อ แต่ก็เข้าใจในชะตากรรมของตนเอง และเข้าใจหน้าที่ของเจ้าชายที่จะต้องขึ้นสืบราชบัลลงค์ต่อไป

เรจิสเองก็ทำทุกอย่างเพื่อลูกของตน ทั้งปกป้องเขาจากภยันตราย และเป็นแบบอย่างของกษัตริย์ที่ดีผู้เป็นที่รักใคร่ของปวงชน เขาเป็นคนที่มีอิทธิพลต่อชีวิตของน็อคติสมากที่สุด

ขณะที่น็อคติสเริ่มออกเดินทาง กษัตริย์เรจิสก็อยู่ในอาณาจักรบ้านเกิด คอยเตรียมงานเจรจาสันติภาพระหว่างอาณาจักรลูซิสและจักรวรรดินิฟไฮม์ ซึ่งจะแสดงเหตุการณ์นั้นให้เห็นในภาค CGI Kingsglaive


------------------------------

อ้างอิง
- เรื่องการแต่งงานเพื่อก่อตั้งรัฐสหภาพที่เคยลงในเดนเกคิมาแล้ว : http://ffplanet.exteen.com/20150923/ffxv-tgs-2015
- เรื่องที่ลูน่าชอบน็อคติส แต่น็อคติสยังค้นหาตนเองไม่เจอ : http://ffplanet.exteen.com/20160408/game-informer-ffxv-chapter-1
- รายละเอียดตัวละคร FFXV เวอร์ชั่นสุดท้ายก่อนจะถูกรีบู๊ท : http://ffplanet.exteen.com/20130625/final-fantasy-xv

ประเด็นที่แฟนต่างประเทศตั้งข้อสังเกตคือ ในรายละเอียดตัวละครเวอร์ชั่น 2013 ยังเขียนเรื่องที่น็อคติสมีพลังพิเศษ มองเห็นแสงสวรรค์และสัมผัสได้ถึงผู้ตาย (ผมเข้าใจว่าหมายถึงวิญญาณของคนตายขณะข้ามผ่านเข้าประตูสู่โลกที่มองไม่เห็น) และน็อคติสเวอร์ชั่นนั้นยังปฏิเสธที่จะวางตัวให้สมกับเป็นรัชทายาท ทำตัวนอกคอก สร้างความท้อแท้ให้กับบริวาร

ทว่าเนื้อเรื่องในปัจจุบันนี้ กลายเป็นว่าตัดเรื่องที่น็อคติสมองเห็นแสงประหลาดนั้นไปแล้ว แถมกลายเป็นคนที่เข้าใจในบทบาทหน้าที่ของเจ้าชาย เข้าใจว่าการเป็นรัชทายาท หมายถึงการเสียสละ.... ซึ่งมันคนละเรื่องกับบทเดิมนี่หว่าเฮ่ย

นี่นับเป็นอีกหนึ่งหลักฐานว่าเนื้อเรื่องถูกรีบู๊ทครั้งสุดท้ายภายหลัง E3 2013 (ซึ่งผมยืนยันมาตลอดว่าโดนรีบู๊ทตอนปลายปี 2013 แต่คุณทาบาตะมักจะชอบให้สัมภาษณ์ว่ารีบู๊ทตอนเปลี่ยนเป็นชื่อ FFXV) โดยก่อนหน้านี้ในเทรลเลอร์ E3 2013 มันก็ยังแปะชื่อ Fabula Nova Crystallis, คุณโนมุระยังเรียกนางเอกว่าสเตลล่า และคุณโนมุระกับคุณฮาชิโมโตะก็ยังพูดเรื่องภาคต่อของเกม ทว่านับแต่ TGS 2014 เป็นต้นมา เรื่องทั้งหมดนี้ก็เปลี่ยนแปลงไปจนหมดแล้ว

Thursday, April 14, 2016

ทาบาตะและซากากุจิให้สัมภาษณ์แฟมิซือเรื่องเบื้องหลังงาน Uncovered


จากที่ช่วง 6 โมงเย็นของวันนี้ ทางแฟมิซือได้มีนัดสัมภาษณ์คุณฮาจิเมะ ทาบาตะ และคุณฮิโรโนบุ ซากากุจิ (กำลังเมาได้ที่เลย) ซึ่งก็พึ่งสัมภาษณ์เสร็จไปเมื่อหนึ่งทุ่มครึ่งที่ผ่านมา ในการสัมภาษณ์ พวกเขาก็ได้พูดถึงเรื่องตัวเกม ภาคหนัง ภาคอนิเม แล้วก็เบื้องหลังการจัดงาน Uncovered ซึ่งสรุปเนื้อหาได้ดังนี้

- ทาบาตะอยากให้เรื่องที่คุณซากากุจิเข้าร่วมงาน Uncovered ด้วยเป็นเซอร์ไพรซ์แก่ผู้ชม ดังนั้น ตอนเดินทางและเข้ามาในตึกนี่ เลยต้องให้คุณซากากุจิทำตัวลับ ๆ แอบ ๆ เพื่อไม่ให้ใครเห็น ไม่ให้แฟนพบตัวแกก่อนให้ได้

- สาเหตุที่เลือกเพลง Stand by Me เพราะเป็นเพลงประกอบหนังแนว Road Trip และเนื้อเพลงก็ลงตัวกับน็อคติส มันไม่ใช่เพลงรัก แต่เป็นเพลงแสดงความขอบคุณต่อพ่อและเพื่อนพ้อง

- คุณซากากุจิคิดว่าเพลง Stand by Me นั้นมันเหมาะเป็นเพลงประกอบหนังมากกว่า เขาคิดว่าเพลงแบบนี้ไม่เหมาะกับ FF ยุคก่อนหรอก แต่ด้วยวิวัฒนาการของกราฟฟิกในยุคปัจจุบันที่ทัดเทียมหนัง ทำให้เพลงนี้มันเหมาะสมลงตัวกับเกมได้

- ภาคอนิเม ตอนนี้มีคนดูร่วม 2 ล้านครั้งแล้ว ทีมงานอยากใช้อนิเมนี้แนะนำว่าสหายทั้ง 4 มารู้จักกันได้ยังไง

- นอกจากมินิเกม Justice Monsters Five แล้ว คุณทาบาตะยืนยันว่ายังมีมินิเกมอีกอันนึง ที่อยากจะออกเป็น App มาให้เล่นกันให้ได้ก่อนเกมจะวางจำหน่าย (มีพูดในข่าวอื่นไปแล้ว)

- ตอนที่คุณซากากุจิได้รับการติดต่อให้ไปร่วมพรีเซนต์ในงาน Uncovered แกคิดว่าต้องทำยังไงก็ได้ให้ไม่ดูอ้วนลงพุง แต่ภรรยาแกบอกว่าทำไม่ได้หรอก แกต้องไปพรีเซนต์ทั้งสภาพนั้นนั่นแหละ วันนั้นลุงแกใส่เสื้อยืดสีดำไป ก็เพื่ออำพรางพุง และจะได้แถได้ด้วยว่าเป็นสีประจำอาณาจักรลูซิส

- คุณทาบาตะขอโทษที่ผลิตชุด Ultimate Collector's Edition ได้ไม่พอความต้องการของแฟน ๆ แต่อาจจะมีการผลิตชุดพิเศษเพิ่ม ภายหลังจากที่ตัวเกมวางจำหน่ายไปแล้วก็ได้ กำลังพิจารณาอยู่

- พูดถึงภาพวาดของคุณอามาโนะ ซากากุจิบอกว่าภาพของคุณอามาโนะคือแก่นแท้ของ FF ในคลิปที่เป็นภาพรวมสัตว์อสูรของคุณอามาโนะนั้น ก็ได้แรงบันดาลใจมาจากจอนีออนพาโนราม่าที่ชินจูกุ

- เรื่อง Air Button หรือปุ่มกดเพื่อประกาศวันวางจำหน่าย ในบทเดิมนั้นพิธีกรทั้งสองจะกดสวิตซ์เพื่อประกาศวันจำหน่าย แต่ภายหลังมีการเปลี่ยนบทไม่ให้ทั้งสองคนรู้ โดยให้ทั้งสองกดสวิตซ์ปลอม แล้วให้คุณทาบาตะหยิบสวิตซ์จริงขึ้นมากด แต่ถึงเวลาจริงแกดันไม่ได้หยิบสวิตซ์มา แกเลยต้องด้นมุก Air Button ขึ้นมาแทน ซึ่งพิธีกร 2 คนที่ไม่รู้ว่าบทโดนเปลี่ยน กับคุณทาบาตะที่ด้นมุกสดขึ้นมา ก็แก้ไขสถานการณ์ไปได้แบบฉิวเฉียด คุณทาบาตะแกก็คิดในใจว่า "เอ่อ มุก Air Button เวิร์ควุ้ย รอด..."

- คุณซากากุจิบอกว่า ไอ้มุกวันวางจำหน่าย ที่ตอนแรกเป็นเดือน พ.ย. แล้วเด้งไปที่ ก.ย. มันมหัศจรรย์มาก แต่คุณทาบาตะบอกว่าถ้าให้เกมออก พ.ย. จริง ๆ อาจจะมหัศจรรย์กว่านี้อีก 555+

- ทาบาตะบอกว่า เดี๋ยวจะจัดชุด Ultimate Collector's Edition ให้คุณซากากุจิเป็นพิเศษ แต่คุณซากากุจิไม่เอา แกบอกว่าแกจะเอา Audi R8 ที่ราคา 40 ล้านเยนมากกว่า

- ทั้งสองคนบอกว่า ตอนยืนถ่ายรูปกับพวกคอสเพลเยอร์ชื่อดัง พวกแกรู้สึกประหม่า เพราะพวกนั้นเท่เหลือเกิน

- คุณซากากุจิบอกว่าแกอยากสร้างเกมให้เป็นที่รักของคุณทั้งโลก สมัยก่อนนั้น FF ไม่ค่อยดังในอเมริกา แต่ FFVII ก็มาสร้างชื่อเอาไว้ให้เป็นที่รู้จัก

- คุณทาบาตะบอกว่าแกซาบซึ้ง อยากขอบคุณสำหรับคำแนะนำต่าง ๆ ที่คุณซากากุจิให้แก แต่คุณซากากุจิบอกว่า ตอบแทนแกด้วยการส่ง Audi R8 มาบรรณาการซะสิ!

- คุณซากากุจิบอกว่าตอนนั้น แกได้ส่งต่อ FF ไปให้กับคิตาเสะ หลังจากนั้น ก็มีการส่งต่อกันมาเรื่อย เขาดีใจที่ทาบาตะเข้าใจความรักที่ตัวเขา คิตาเสะ และโนมุระ มีให้ต่อซีรีส์ FF และทาบาตะก็ได้สร้าง FFXV ขึ้นมาจากความรักนั้น แกชมว่าทาบาตะเป็นคนสร้างเกมที่มหัศจรรย์ เป็น Fantastic Developer, Manager และ Producer

- หลังจากงาน Uncovered ทาง Kotaku ได้ไปรายงานข่าวแบบผิด ๆ ว่าคุณทาบาตะบอกว่าถ้า FFXV ขายได้ไม่ถึง 10 ล้านชุดจะขาดทุน พอประธานมัตสึดะเห็นข่าว ก็สั่งให้คุณทาบาตะไปแก้ข่าวด่วน ตอนนั้นคุณทาบาตะก็ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง แต่แฟมิซือติดต่อเข้ามาพอดี แฟมิซือจึงถามรายละเอียดเรื่องนี้ สุดท้ายก็ออกข่าวแก้ให้ว่า Kotaku รายงานข่าวผิด ทีมงานตั้งเป้าที่จะขาย FFXV ให้ได้ตลอดอายุการขายของมัน 10 ล้านชุด นั่นคือเป้าหมาย ไม่ใช่ยอดขายที่จะทำให้เท่าทุน

- ในวันนั้น แทนที่คุณทาบาตะจะได้เที่ยวซานฟรานซิสโก แกก็มัวแต่กังวลเรื่องแก้ข่าว จนไม่ได้เที่ยว

- รายการรัฐบาลทาบาตะพบประชาชนครั้งถัดไป จะออกอากาศวันพฤหัสบดีหน้า (21 เม.ย. 2016)

- หลังจบการถ่ายทอดสดนี้แล้ว คุณทาบาตะแกบอกว่าต้องกลับออฟฟิซไปทำงานต่อ ทั้งที่เป็นเวลา 21.30 น. ในญี่ปุ่นแล้ว

- แฟมิซือฉบับ 28 เม.ย. 2016 จะลงบทสัมภาษณ์คุณซากากุจิและคุณทาบาตะด้วย

FFIX วางจำหน่ายบน Steam แล้ว


Final Fantasy IX วางจำหน่ายบน Steam แล้ววันนี้ เป็นไปตามที่ Green Man Gaming และ EULA รายงานไว้ก่อนหน้านี้

โดยตัวเกมสนนราคา 688 บาท ทว่าสำหรับสัปดาห์แรกหรือวันนี้จนถึง 21 เมษายน 2016 จะลดราพิเศษให้เหลือ 534.40 บาท (แพงอยู่ดี)

ทั้งนี้ตัวเกมมีองค์ประกอบใหม่ที่เพิ่มเข้ามาในเวอร์ชั่นนี้คือ

- Achievements
- Seven game boosters including high speed and no encounter modes.
- Autosave
- High-definition movies and character models

รถเรกาเลีย FFXV มีร่างสุดยอดที่ยังไม่เปิดเผยออกมา


คลิปคุณทาบาตะให้สัมภาษณ์แชนแนล Xbox On

มีประเด็นน่าสนใจนิดหน่อยคือ แกบอกว่ารถเรกาเลียยังมีอีกร่างนึงที่ไม่ได้เปิดเผยในเทรลเลอร์ตัวล่าสุด โดยร่างที่ยังไม่เปิดเผยก็คือร่างสุดยอดของมัน (top level customization)

Sunday, April 10, 2016

ทาบาตะให้สัมภาษณ์ 4Gamer ย้ำสาเหตุการตัดสเตลล่า และการตัดสินใจสร้าง Open World


สรุปบทสัมภาษณ์คุณ ฮาจิเมะ ทาบาตะ ผู้กำกับ Final Fantasy XV และคุณ ทาเคชิ โนซึเอะ ผู้กำกับมูวี่ของของเกม ซึ่งให้สัมภาษณ์ไว้กับเว็บไซต์ 4Gamer หลังจากที่คุณทาบาตะกลับมาถึงญี่ปุ่นแล้ว

- ทาง 4Gamer ถามว่าการกำหนดวันวางจำหน่ายเป็นแผนที่คุณทาบาตะกำหนดเองใช่มั้ย คุณทาบาตะตอบว่าใช่ ตอนแรกกำหนดคร่าว ๆ เป็นกันยายน 2016 แล้วค่อยมากำหนดวันเป็นวันที่ 30 ในภายหลัง

- การออก Platinum Demo และหนัง Kingsglaive ก็เป็นแผนงานที่มีไว้ตั้งแต่ตอนขึ้นเป็นผู้กำกับ เพราะเห็นว่าการสร้างภาพลักษณ์ของงานขึ้นมาก่อนที่จะวางจำหน่ายเกม เป็นเรื่องที่สำคัญ อย่างซีรีส์ DQ เขามีอะไรเยอะแยะนอกจากเกม เด็กที่ยังไม่โตพอจะเล่นเกมก็รู้จัก DQ แล้ว พอเขาโตมาก็เลยเล่น DQ ได้ ทว่า FF กลับไม่เคยเดินทางนั้น สาเหตุคงเป็นเพราะแต่ละภาคมันก็เป็นโลกที่แตกต่างกันออกไป ตลาดแต่ละภาคก็แยกออกจากกัน

- เดิมทีแล้วคุณทาเคชิ โนซึเอะ สังกัดอยู่ในทีม Visual Works และก็ทำ CGI มูวี่ป้อนให้โปรเจคท์เกมต่าง ๆ ในค่าย ผลงานของเขาจะถูกประเมินแยกจากตัวเกม ไม่ได้ดูยอดขายเกม แต่แล้วคุณทาบาตะก็ขอให้คุณโนซึเอะย้ายเข้ามาทำงานในทีมพัฒนาที่ 2 ของคุณทาบาตะ พอย้ายมาสังกัดนี้ งานของเขาก็จะถูกประเมินด้วยยอดขายเกม เพื่อที่คุณโนซึเอะจะได้มีเป้าหมาย มีความตั้งใจเดียวกัน รับผิดชอบร่วมกัน

- คุณโนซึเอะเองก็บอกว่าการโยกย้ายครั้งนี้ทำให้เขาเปลี่ยนอะไรหลาย ๆ อย่าง ได้มาทำงานที่มีโมเดลธุรกิจที่ชัดเจน มีทุนมาให้จำกัดตายตัว มันทำให้แนวคิดในการพัฒนาสิ่งต่าง ๆ ของเขาเปลี่ยนไป

- คุณทาบาตะบอกว่าถ้าให้คุณโนซึเอะ ทำงานอยู่ในทีม Visual Works ตามเดิม คุณโนซึเอะก็จะไม่สามารถทำงานตามตารางที่เขากำหนดไว้ได้ (เพราะถือว่าเป็นคนละทีมกัน) มันจะเป็นปัญหาใหญ่

- ตอนที่ปล่อยเดโม Episode Duscae ออกมานั้น เดิมทีแล้วก็ไม่ได้ตั้งใจจะคลอด Ver 2.0 ออกมา ก็ตั้งใจว่าจะกลับไปทำตัวเกมจริง ๆ ต่อเลย แต่ว่าในหมู่ทีมงานก็มีคนที่พึ่งเคยออกเกมเป็นครั้งแรก หลายคนก็เริ่มพูดว่าอยากจะใส่ไอ้นั่นไอ้นี้เพิ่มลงมา เราก็คุยกันว่าไม่ลองทำดูล่ะ นอกจากนี้ ก็มีผู้เล่นมากมายส่งฟีดแบ็คของเดโมตัวแรกกลับมา เราเลยใช้เวลาอีกเดือนครึ่ง เพื่อปรับปรุงเดโมและออกเป็น Ver 2.0 ออกมา

- สาเหตุที่ออกเดโม Episode Duscae ออกมาก่อนตัวเกมจริง ๆ เป็นปีนั้น อย่างแรกคือมีทีมงานหลายคนที่ไม่เคยออกเกมมาก่อน ก็อยากให้เขาได้รับรู้ความรู้สึกของการวางจำหน่ายเกมจริง ๆ ออกมา นอกจากนี้ก็อยากตอบแทนแฟนที่รอคอยกันมาตั้งแต่ยุค Versus XIII

- 4Gamer ถามว่าบางครั้งคุณทาบาตะก็ตอบรับรีเควสต์ของแฟน ๆ เร็วและง่ายมาก อย่างตอนแฟน ๆ ขอให้ใส่ม็อคกลับเข้าไปก็เช่นกัน มันง่ายและเร็วไปรึเปล่า? คุณทาบาตะบอกว่าถ้าเขาต้องการกันจริง ๆ ก็น่าจะเอามาพิจารณาและทำดู แต่ส่วนตัวแล้วเขาว่าวิธีสอบถามแฟน ๆ ว่าควรจะใส่ม็อคกลับเข้าไปมั้ย (ตอนนั้นให้แฟน ๆ โหวตทางทวีตภพกัน) มันไม่เหมาะสมเท่าไหร่ คือถ้าถามไปแบบนั้น ทุกคนก็ต้องตอบ ใช่ อยู่แล้ว

- 4Gamer บอกว่า ไม่บ่อยนักที่จะเห็นผู้กำกับมายืนจับไมค์ ตอบคำถามประชาชนเรื่องข้อมูลเกมแบบนี้ ปกติมันมักเป็นงานของฝ่ายการตลาดหรือเซเล็บมากกว่า... คุณทาบาตะบอกว่ามันไม่ใช่ว่าเขาอยากออกมาพูดด้วยตนเอง แต่หากมีใครสักคนที่ควรรับภาระนี้ คน ๆ นั้นก็ควรจะเป็นเขา ในเรื่องนี้ทีมงานก็เห็นด้วยกับเขา คนที่มี Vision ของเกมที่ชัดเจน อย่างเช่นตัวผู้กำกับเกม สมควรเป็นคนพูด และเมื่อเป็นคนพูดก็ต้องยอมรับคำวิจารณ์ที่เกิดขึ้น

- คุณทาบาตะบอกว่าเขาเห็นแต่แรกแล้วว่าการจะเปลี่ยน FFXV ให้เป็นเกมที่จบในตัวเองนั้น จำเป็นต้องเปลี่ยนบท (Role) ของนางเอก แฟน ๆ นั้นพอจะมีอิมเมจของสเตลล่าในใจกันอยู่แล้วทั้งที่เราพึ่งเปิดเผยอุปนิสัย (Trait) ของเธอไปได้นิดเดียว ดังนั้น การเปลี่ยนบทบาทของเธออย่างเดียวคงไม่เหมาะสม เพราะอิมเมจใหม่ของเธอนั้นจะต่างไปจากที่แฟน ๆ คาดกันไว้อย่างสิ้นเชิง แฟนหลายคนคงไม่ปลื้มแน่ ตัวทีมงานเองก็มีอารมณ์ร่วมกับเรื่องนี้ และรู้สึกไม่สบายใจหากจะต้องเปลี่ยนแปลงบทบาทของตัวละครที่พวกเขารู้จักกันมาอย่างยาวนานไปอย่างสิ้นเชิง ยิ่งสตาฟฟ์ที่ไม่ได้อยู่มาตั้งแต่ยุค Versus XIII ก็คงยิ่งรู้สึกผิดที่ไปเปลี่ยนบทตัวละครที่มีอยู่มานาน ดังนั้น เราจึงตัดสินใจที่จะเปลี่ยนตัวละครไปเลยดีกว่า

- ตัว Versus XIII นั้นใช้คอนเซปต์แฟนตาซีที่ใกล้เคียงกับความเป็นจริง พอมาเป็น XV เราก็ตัดสินใจที่จะเสริมจุดนี้โดยเฉพาะช่วงแรกของเกม พวกแฟนเก่า ๆ ของ FF อาจผิดหวังในครั้งแรกที่เห็น แต่เมื่อเล่นเกมไปเรื่อย ๆ ก็จะพบโลกที่เต็มไปด้วยแฟนตาซะ สรุปแล้วมันจะค่อนข้างสมจริงก็แค่ช่วงแรกของเรื่องเท่านั้นแหละ (ตอน E3 2013 คุณโนมุระก็พูดทำนองนี้)

- ในการเดินทางนั้น ทีมงานอยากให้ผู้เล่นรู้สึกว่าได้ไปกับเพื่อนจริง ๆ ในโปรเจคท์นี้จึงต้องทำ 2 อย่างที่สำคัญ คือการสร้างโลก Open World ที่ไร้รอยต่อ กับการพัฒนา A.I. ของเพื่อนให้สมจริง ในเกมก็มี A.I. อยู่มากมายหลายประเภท โดย A.I. เพื่อนก็จะใส่ใจน็อคติสเป็นหลักและเคลื่อนไหวให้สมเป็นเพื่อน เวลาเดินไปด้วยกัน บางทีมันก็วิ่งออกตัวนำหน้าไป แต่พอทิ้งระยะห่างไปไกล มันก็กลับมาหาน็อคติสเอง เราไม่ได้กำหนดไปตายตัวว่ามันต้องยืนนำหน้าหรืออยู่ด้านหลัง ให้ A.I. มันตัดสินไปตามสถานการณ์เอง มันจึงมีการประมวลผลอยู่ตลอดเวลา และใช้ CPU ไปกับด้าน A.I. เยอะมาก

- จุดหมายอย่างหนึ่งของเกมนี้ก็คืออยากให้ผู้เล่น พอปิดคอนโซลไปแล้ว ก็ยังคงรู้สึกอยากจะกลับมาเดินทางร่วมไปกับเพื่อนในเกม

- 4Gamer บอกว่าใน Episode Duscae 2.0 มีฉากที่น็อคและอิกนิสไปดูดาว และรำลึกถึงความหลังตอนดูดาวด้วยกันในวัยเด็ก มันเป็นฉากที่ต้องมีแต่เพื่อนชายอยู่ด้วยกันเท่านั้นถึงจะสื่อความรู้สึกนั้นได้ แต่หากมีผู้หญิงอยู่ด้วย อารมณ์ของฉากนี้คงจะกลายเป็นแบบโรแมนติกแทน คุณทาบาตะบอกว่าใช่แล้ว ถ้ามีผู้หญิงอยู่ด้วย ฉากแบบนี้อารมณ์มันจะเปลี่ยนไป ตัวผู้ชายมันก็จะพยายามทำตัวให้ดูเท่ หลายสิ่งหลายอย่างในเกมคงต้องเปลี่ยนไป แต่ทั้งนี้ ระหว่างการเดินทางก็จะมีตัวละครหญิงมาเข้าร่วมเป็น Guest ด้วย ระหว่างนั้น ท่าทีของทั้ง 4 คนก็จะเปลี่ยนไป ทีมงานคิดว่ามันเป็นสิ่งที่ทำให้ตัวละครดูสมจริง

- ในช่วงแรกทีมงานได้รับฟีดแบ็คเรื่องนิสัยของพรอมพ์ในทางที่แย่มาก แฟน ๆ บอกกันว่าหมอนี่พูดมากและอยู่ไม่สุข แต่มันก็เป็นเพียงเปลือกนอกของเขาแหละนะ จริง ๆ พรอมพ์ไปคนที่คำนึงถึงเพื่อนมาก เขาไม่เคยปล่อยให้บรรยากาศตึงเครียด

- คุณทาบาตะบอกว่าตัวละครที่ทำให้ดูมีชีวิตจริง ๆ ยากที่สุดคือน็อคติส ในตอนแรกเขาก็ไม่ค่อยชอบหมอนี่ เขาดูเหมือนเป็นสิ่งที่ถูกสร้างขึ้น ไม่สมจริง แต่เขาก็พยายามนึกภาพว่าตอนเด็ก ๆ น็อคติสจะเป็นยังไง คงอยู่บนโต๊ะอาหาร รอคอยอย่างอดทนที่จะได้ทานข้าวกับพ่อ กษัตริย์เรจิส เขานั่งคิดถึงอดีตของน็อคติสอย่างหนัก จนในที่สุดเขาจึงมองเห็นความเป็นมนุษย์ ความเป็นธรรมชาติในตัวน็อคติส และจึงชอบเขาได้ลง ถ้าผู้เล่นได้เห็นอดีตของเขามากขึ้น ก็จะเห็นความเป็นมนุษย์ในตัวเขามากขึ้นเช่นกัน

- ในฟีดแบ็คที่แฟน ๆ ส่งมา บ่อยครั้งมันก็ขัดกันเอง อย่างเรื่องเลนรถ ทางอเมริกาบอกว่าจะให้ขับรถเลนขวาให้ได้ เลนซ้ายไม่เอา ส่วนคนอังกฤษก็จะเอาเลยซ้าย ขณะที่ญี่ปุ่นนี่ยืดหยุ่นกว่า ญี่ปุ่นมองว่าบรรยากาศมันดูอเมริกา เอาแบบอเมริกาก็ได้ หรือจะยังไงก็ได้ สุดท้ายทีมงานก็ตัดสินใจว่า เอาเป็นเลนขวา พวงมาลัยซ้าย เพื่อให้ได้อรรถรสของการขับรถเที่ยวในอเมริกาละกัน จริง ๆ ก็มีคนเสนอว่าให้มันเป็น Option ปรับได้ก็ดี แต่คุณทาบาตะไม่เอาด้วย

- ในทีมงานเอง ก็มีความเห็นขัดแย้งกันบ่อย ๆ แต่เมื่อตัดสินได้แล้ว มันต้องจบตามนั้น นี่เป็นกฎ บางทีถึงตัดสินแล้วมันก็มีคนบ่นเป็นหมีกินผึ้งมาเรื่อย ๆ คุณทาบาตะก็จะเข้าไปถามเลยว่านี่แค่บ่น หรืออยากให้เอามาพิจารณาใหม่จริง ๆ ....ถ้าแค่บ่นเขาก็ช่างแม่ง ไม่ต้องฟัง แต่ถ้าเป็นมุมมองใหม่ที่อยากให้เอามาพิจารณาจริง ๆ ก็จะกลับมาคุยกันใหม่อีกครั้ง

- เมื่อถามว่าประเด็นไหนที่ตัดสินใจยากที่สุดจนถึงทุกวันนี้? คุณทาบาตะบอกว่าการตัดสินใจจะเอาเทคโนโลยี Open World มาใช้ ตอนนั้นเขาบอกทุกคนไปว่าถึงท้ายที่สุดจะล้มเหลวก็ไม่เป็นไร ก่อนหน้านี้มันก็มีทีมงานที่ไม่เห็นด้วยอย่างรุนแรง พวกเขาเหล่านั้นก็อยากให้มีการเปลี่ยนแมพ ปล่อยให้อีเวนต์นำทางไป พวกเขาเหล่านั้นคงกลัวว่าการทำให้เกมเป็น Open World อาจทำให้เกมกลวงเปล่า

- แต่กลับกัน คุณทาบาตะคิดว่าหากสร้างเกม RPG ที่ไม่ใช่ Open World ขึ้นมาในตอนนี้ แฟน RPG ทั่วโลกคงถามว่า "ทำไมไม่เป็น Open World ล่ะ?" ยิ่ง FFXV เป็นเกมที่ต้องเดินทางทั่วโลก ประเด็นนี้คงถูกวิจารณ์หนัก นอกจากนี้ ในยุคหนึ่ง FF ก็เคยเป็น RPG ชั้นแนวหน้าของวงการ การจะทำให้มันกลับไปอยู่สถานะนั้น จำเป็นต้องสร้างให้เป็น Open World ขืนสร้างให้เป็น RPG แบบเก่า ผู้คนคงไม่เชื่อว่าเราเทียบชั้น Skyrim ได้

- ช่วงที่ทีมงานคุยกันและตัดสินกันว่าจะให้เกมเป็น Open World ช่วงนั้นเป็นช่วงไม่กี่เดือนหลัง E3 2013 ตอนนั้นทีม Luminous Studio พึ่งมารวมกับทีมเขา ในตอนนั้นทีม Engineer ยังยืนกรานอยู่เลยว่าด้วย Know-how ของ Square Enix ในตอนนี้ มันเป็นไปไม่ได้ที่จะสร้างเกม Open World ขึ้นมา โดยเฉพาะทีมงานที่มาจากนอกญี่ปุ่นจะคิดกันแบบนั้น มันเป็นหลักฐานว่าโลกคิดว่าเราด้อยเทคโนโลยีขนาดไหน ทั้งนี้คงเป็นเพราะว่า FF ภาคแรกที่เป็น HD นั้นมีฉากที่เป็นเส้นตรง (หมายถึง FFXIII นั่นแหละ) ทั้งโลกเลยสรุปกันไปว่า Square Enix ไม่มีทางสร้างเกม Open World เกรด AAA ขึ้นมาได้ ในขณะที่โลกยังคิดเช่นนั้น เราจึงคลอด Episode Duscae ออกมา แล้วทิศทางลมก็เปลี่ยนไป ทำให้โลกแปลกใจว่าพวกเราก็สร้าง Open World ได้เหมือนกัน

- การที่เขาบอกทุกคนว่าให้สร้างเกมเป็น Open World และถึงล้มเหลวก็ไม่เป็นไร ก็เพื่อให้ทุกคนทำไปด้วยความตั้งใจ มั่นใจเต็มแต่ อยากให้เขาคิดว่า "ถ้าล้มเหลว ก็เพราะทาบาตะคนเดียว" ทุกคนจะได้สบายใจ ตอนแรกเราก็เริ่มด้วยการสร้างสภาพแวดล้อม แต่ตอนนี้เราสามารถควบคุมไดนามิกของโลกได้แล้ว ในด้านเทคนิค การสร้าง Open World ถือเป็นความท้าทายครั้งใหญ่ ทั้งระบบการโหลด การออกแบบฉาก เทคนิคทั้งหมดจะแตกต่างไปจากสิ่งที่เคยทำกันมา ตอนแรกทีม Engineer ในค่ายยังคิดกันเลยว่าเราไม่มีทางสร้างอะไรอย่าง GTA หรือ Red Dead Redemption ขึ้นมาได้แน่ แต่ตอนนี้เราก็สามารถสร้างแมพแบบนั้นได้แล้ว มันอาจไม่ใช่ Open World ที่สมบูรณ์แบบ แต่ผู้เล่นก็สามารถสนุกไปกับมันได้

- คุณทาบาตะเชื่อมาตลอดว่าพวกเขาจะสามารถสร้าง Open World ได้ มันไม่ใช่เทคโนโลยีใหม่อะไร แต่สิ่งที่เขากังวลคือ ไม่รู้ว่าทีมงานจะสามารถทำองค์ประกอบต่าง ๆ ให้มันดีที่สุดในระดับที่จะโชว์ต่อโลกได้รึเปล่า ทีมงานบอกเขาว่าถ้าทำเป็น Open Wolrd แล้ว ก็อาจจะใส่ Content ลงไปไม่ได้มาก คุณภาพนั่นนู่นนี่ต้องลดลง แต่เขาก็โอเคและบอกให้ตั้งใจทำไป ใจเขา 50% เชื่อว่าท้ายที่สุดทีมงานจะทำได้ แต่อีก 50% ก็คิดว่าถึง Content น้อย ก็ไม่เป็นไร

- ตัวคุณทาบาตะเอง เคยพยายามจะบอกทีมงานว่าเทคโนโลยีที่ใช้ในเกม กับความสมบูรณ์ของ Content นั้น มันเป็นคนละเรื่องกัน แล้วเขาก็ยกตัวอย่าง Shadow of Colossus ให้ทีมงานดู แม้ว่าเกมมันจะมี Content น้อย แต่ก็เยี่ยมยอดมาก นอกจากนี้ The Legend of Zelda: Ocarina of Time ก็เป็นตัวอย่างชั้นดีเช่นกัน

- ทาง 4Gamer ถามว่า ตอนที่คุณทาบาตะให้กำลังใจลูกทีมว่าต้องสร้าง Open World ได้ คุณโนซึเอะเคยแอบคิดในใจมั้ยว่าเป็นไปไม่ได้หรอก... คุณโนซึเอะตอบว่าเขาคิดว่ายังไงมันก็ต้องทำได้ คุณทาบาตะเสริมว่าคุณโนซึเอะนั้นทำ FFVII Advent Children มาก่อน และประสบการณ์จากการทำหนังเรื่องนั้น ทำให้คุณโนซึเอะมีความมั่นใจมาก โปรเจคท์ Advent Children นั้นมันยาก และดูสภาพแวดล้อมในบริษัทแล้วมันไม่น่าจะทำกันขึ้นมาได้ แต่คุณโนซึเอะและทีมกลับทำได้

(เนื้อหาหลังจากนั้น แกคุยเรื่องเทคโนโลยี และ Vision ซะเยอะ ซึ่งผมไม่ได้สนใจ เลยข้ามไปหมดครับ)

ต้นข่าว : http://www.4gamer.net/games/075/G007535/20160324131/

คุณจิโรคิจิแปล : http://femto-jiokichi.tumblr.com/post/142546480678/uncovered-4gamer-interview-translation-interview

Saturday, April 9, 2016

สรุปบทสัมภาษณ์ FFXV จาก Jeux Video


ในวันนี้ทาง Jeux Video ได้ลงคลิปบทสัมภาษณ์คุณ ฮาจิเมะ ทาบาตะ ซึ่งก็สัมภาษณ์ไว้ตอนแกอยู่ลอสแองเจลีส วันที่แกไล่ให้สัมภาษณ์สื่อยุโรปทีละเจ้านั่นแหละ เห็นมีการย่อเนื้อหาที่น่าสนใจจากการสัมภาษณ์ไว้ครั้งนี้

***ในวีดีโอ มีภาพจาก Kingsglaive ซีนที่เราไม่เคยเห็นมาก่อนด้วย***

- เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าการเป็นหัวหน้าโปรเจคท์ใหญ่นั้นจะรู้สึกยังไง แต่พอถามมาแบบนี้ ก็รู้สึกว่าต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่สัญญากับแฟน ๆ เอาไว้ให้ได้

- ณ ตอนนี้ยังไม่มีแผนทำเดโมตัวใหม่ขึ้นมาอีก

- โปรเจคท์นี้มีคนทำทั้งหมดราว ๆ 300 คน

- ตอนนี้คำนวณไม่ถูกเหมือนกันว่าเกมเสร็จไปแล้วกี่ % เพราะก็อยู่ในขั้น Localization ด้วย และก็พึ่งตัดสินใจว่าจะใส่เสียงพากย์ภาษาฝรั่งเศสไปเมื่อไม่นานมานี้ และมั่นใจว่าจะวางจำหน่าย 30 กันยายนได้

- การตัดสินใจว่าจะใส่เสียงพากย์เยอรมัน และฝรั่งเศสลงไปด้วย (ตามที่ SQEX สาขาเยอรมันและฝรั่งเศสประกาศเมื่อเดือนก่อนว่าแผ่นโซนตนจะมีเสียงพากย์พิเศษด้วย) พึ่งจะเกิดขึ้นไม่นานมานี้ ทีมงานก็ได้ขอให้ดาราดังของฝรั่งเศสช่วยมาพากย์เสียงให้ แต่สิ่งสำคัญที่สุดไม่ใช่เชื่อเสียงความดังของแต่ละคน แต่เป็นความเหมาะสมต่อบทบาทและความสามารถในการแสดงอารมณ์อันหลากหลายออกมา

- ตัวเกม FFXV เองก็มีฉาก CGI แต่จะน้อยกว่าภาคที่ผ่าน ๆ มา ถ้าอยากจะดู CGI เยอะ ๆ ให้ไปดูภาคหนัง Kingsglaive

- ตอนนี้ก็ยังพยายามปรับสมดุลของสิ่งต่าง ๆ ในการผจญภัย เช็คค่า EXP ที่จะได้จากการทำกิจกรรมต่าง ๆ เวลาที่ต้องใช้ในการอัพเลเวล ความแตกต่างด้านพลังของอาวุธต่าง ๆ สปีดของอนิเมชั่น ทีมโปรแกรมเมอร์ก็ทำการปรับแต่งโค้ด ส่วนทีมศิลป์ก็ขัดเกลางานให้เนี๊ยบ

- ทีมงานก็ทำสิ่งที่ต้องเรนเดอร์ขึ้นบนจอเสร็จแล้ว ตอนนี้ก็ใช้เวลาไปกับการปรับปรุงค่าที่เหลือ ทำให้เฟรมเรทมันดีขึ้น

- รถนั้นต้องทำการปรับแต่งก่อนที่จะกลายเป็นโมเดลแบบที่บินได้ จากนั้นเวลาขับ แค่กดปุ่ม ๆ เดียวมันก็จะบินขึ้นมาได้แล้ว

- ในฤดูร้อน จะมีการประกาศรายละเอียดเกี่ยวกับ DLC ของเกม จะเป็น DLC จำพวกที่ทำให้เล่นเกมได้ยาวนานขึ้น

- คุณทาบาตะบอกว่าตัวร้ายที่ดี คือตัวร้ายที่สามารถเอาไปสร้างเกมแล้วให้เป็นตัวเอกได้ (ก่อนหน้านี้ก็บอก Game Informer ว่าตัวร้ายภาคนี้ เป็นประเภทศูนย์กลางหนึ่งเดียว ตัวเดียวโดด เหมือนเซฟิรอธ)

- คุณทาบาตะบอกว่าตัวเกมเวอร์ชั่น PC นั้นจะขับเคลื่อนเกมไปสู่เทคนิคในอีกระดับหนึ่ง ตัวเขาเองก็มีความคิดในใจแล้วว่า FFXV ที่พัฒนาเทคนิคขึ้นไปอีกระดับนั้นเป็นยังไง มันจะเป็นเวอร์ชั่นที่รวมเอาหลายสิ่งหลายอย่างที่เราต้องจำใจตัดทิ้งไปเนื่องจากขีดจำกัดของเครื่องคอนโซล นี่เป็นโอกาสที่จะปล่อยตัวเกมที่เหนือกว่าในแง่คุณภาพและเทคนิคออกมา หากเราเลือกทำโปรเจคท์นี้ การพัฒนาก็จะเริ่มต้นจากศุนย์ โดยจะต้องทำการวิจัยเทคโนโลยีที่ดีที่สุดที่จะเอามาใช้คืออะไร มันคงไม่ใช่การพอร์ทจากเวอร์ชั่นคอนโซลมาง่าย ๆ แน่



***ในวีดีโอ มีภาพจาก Kingsglaive ซีนที่เราไม่เคยเห็นมาก่อนด้วย***

เนื้อเรื่องล่าสุด Kingdom Hearts χ เปิดเผยชะตากรรมเอเฟเมร่าและโลกหน้า


เว็บไซต์ KHinsider โดยคุณ Goldplanner ได้แปลเนื้อเรื่องตอนล่าสุดของ Kingdom Hearts χ ซึ่งเปิดเผยเนื้อเรื่องสำคัญที่จะเชื่อมต่อไปยังภาค 3 เอาไว้ ใครที่กะเล่นเอาสนุกโดยไม่สนใจเนื้อเรื่องแล้วไม่ต้องอ่านก็ได้ แต่คนที่ตามเนื้อเรื่องทันมาตลอดและยังหวังจะตามต่อไปให้ทัน น่าจะอ่านไว้ โดยมีเนื้อหาดังนี้

ตัวผู้เล่น สคูลด์ (สาวผมดำ) และจิริธี ได้มาถึงทางน้ำใต้ดิน ซึ่งเป็นสถานที่สุดท้ายที่เราได้พบเอเฟเมร่าก่อนที่เขาจะหายตัวไป ด้านในนั้นเป็นสถานที่ต้องห้ามที่ไม่ให้ใครย่างกรายเข้าไป จิริธีพยายามปรามเราไว้ แต่สคูลด์ยืนกรานว่าจะให้จิริธีพาเข้าไปให้ได้

แล้วเรา 3 คน ก็พากันเข้ามาที่ห้องด้านในสุด เป็นห้องที่เราเคยเห็นในความฝัน มันคือห้องของพวกเหล่าโหร

ทว่าที่ห้องแห่งนี้กลับไม่มีใครอยู่ เราจึงตัดสินใจที่จะกลับ แต่ขณะนั้นเอง โหรคนหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้น เขาคือโหรที่เป็นแกนนำยูเนียนของเรา (ยกเว้นกรณีที่เราสังกัดมาสเตอร์อวา มาสเตอร์อิราจะปรากฏตัวแทน)

Ursus Foreteller: Aced (อาเซ็ด)
Anguis Foreteller: Invi (อินวี)
Vulpes Foreteller: Ava (อวา)
Leopardus Foreteller: Gula (กุลา)
Unicornis Foreteller: Ira (อิรา)

สคูลด์บอกไปว่าพวกเธอมาตามหาเพื่อน โหรเลยตอบว่าเมื่อไม่กี่วันก่อนก็มีเด็กคนนึงบุกรุกเข้ามา สงสัยจะเป็นหมอนั่นมั้ง

แล้วโหรก็บอกว่า เจ้าเอเฟเมร่าสังกัดยูเนียนที่มีจุดประสงค์ที่ขัดกับกลุ่มเรา มันเข้ามาตีสนิทกับเราก็เพื่อดูดข้อมูลยูเนียนของเราไป เราจะไม่มีวันได้เห็นเอเฟเมราอีก เพราะเขาได้ทำให้เอเฟเมร่า... หายไปแล้ว

เรากับสคูลด์จะพูดไม่ออก จิริธีเองหันมามองเราด้วยสีหน้ากังวน

สคูลด์ : ฉันไม่ปล่อยแกไว้แน่...

จิริธีจะรีบเข้ามาห้ามสคูลด์ก่อนจะทำอะไรลงไป และขอให้โหรช่วยเมตตาพวกเขาด้วย

จิริธี : ไม่ได้นะสคูลด์ มาสเตอร์... ผมคือคนที่ต้องรับผิดชอบเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้ โปรดให้อภัยพวกเขาสองคนด้วย

แต่แล้วตัวเราเอง กลับก้าวผ่านสคูลด์และจิริธี ออกมายืนประจันต่อหน้าโหร

ตัวเรา : มาสเตอร์... จนถึงทุกวันนี้ ผมได้อุทิศตัวเพื่อยูเนียนของเรามาโดยตลอด ผมรวบรวมแสงสว่างเพื่อจะปกป้องโลก ผมต้องแก่งแย่งแข่งขันกับคนอื่นที่ผมเห็นว่าเป็นเพื่อน ผมคิดว่ามันเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องทำเพื่อการปกป้องโลก และผมพยายามที่จะไม่จมปลักอยู่กับวิธีการนั้น แต่แล้วในระหว่างนั้น ใครบางคนก็ได้ถามคำถามง่าย ๆ ขึ้นต่อผม

ตัวเรา : ใครคนนั้นก็คือเอเฟเมร่า

ตัวเรา : ผมอาจจะพึ่งเจอเขาได้ไม่นาน แถมเขายังผิดสัญญาที่ให้ไว้กับผม ความทรงจำระหว่างผมกับเขาอาจไม่ค่อยสนุกนัก แต่มันก็ยิ่งใหญ่และสำคัญต่อใจของผม

ตัวเรา : ผมแน่ใจว่าเพราะเขาเป็นเพื่อน เพื่อนที่ถูกช่วงชิงไป...

ตัวเรา : แม้ความรู้สึกโกรธและอาลัยนี้ จะเป็นสัญลักษณ์ของความมืด ผมก็คงไม่อาจกดความรู้สึกนี้ลงไปได้

ตัวเรา : แม้ผมจะปะทะคีย์เบลดกับคุณ มาสเตอร์ ผมก็ไม่คิดว่าผมจะสามารถพบความสงบในจิตใจได้

ตัวเรา : บางที ผมเองก็อาจจะต้องหายไปเหมือนกัน

ตัวเรา : แต่ถึงกระนั้น ผมมั่นใจ ว่าถ้าเอเฟเมร่ายังอยู่ที่นี่... นี่คือสิ่งที่เขาจะทำ

ว่าแล้วเราก็เสกคีย์เบลดขึ้นมากำไว้ในมือ แล้วพุ่งเข้าไปสู้กับมาสเตอร์ที่เป็นแกนนำของเรา

--------------------------------

เราพ่ายแพ้ตอนโหร และถูกห่อหุ้มด้วยแสงสว่างแสบตา แต่แล้วเมื่อแสงสว่างเลือนหายไป เรากลับพบว่าตัวเองกลับมาอยู่ที่ทางน้ำใต้ดิน ทั้งที่เมื่อกี้อยู่ในห้องของโหร

โหรจะบอกว่า เราหลีกเลี่ยงการถูกความโกรธและความอาลัยกลืนกินได้ เราทำได้ดี

จากนั้นโหรก็จะแปลงร่างกลับสู่ร่างจริง... กลายเป็นว่าเขาคือมาสเตอร์อวา ที่ปลอมตัวมา

อวาบอกว่าที่เขาทำไปเมื่อกี้ ก็เพื่อทดสอบความแข็งแกร่งในจิตใจของเรา สถานที่และภาพที่เราเห็นทั้งหมดเมื่อกี้ เป็นภาพลวงตาที่เขาสร้างขึ้น

อวาบอกอีกว่าจุดจบของโลก กำลังจะมาถึงอย่างที่เอเฟเมร่าเคยบอกเราไว้ หากทุกคนโดนจุดจบของโลกกลืนหายไปหมด ก็จะเป็นจุดจบของผู้ใช้คีย์เบลด ซึ่งเราปล่อยให้เป็นแบบนั้นไม่ได้ เธอจึงหาทางเตรียมการให้ผู้ใช้คีย์เบลดที่แข็งแกร่ง ไม่ว่าสังกัดยูเนียนไหนก็ตาม ได้คงอยู่ใน "โลกหน้า"

สคูลด์ไม่ได้สนใจว่าจะเกิดอะไรขึ้น แล้วรีบชิงถามไปว่า "เกิดอะไรขึ้นกับเอเฟเมร่า?"

อวาจึงสารภาพว่า เอเฟเมร่าสงสัยเรื่องนี้ และเข้าใกล้ความจริงได้ไวกว่าใคร เขาจึงขอเอเฟเมร่า ให้ช่วยเป็นคนนำทางเหล่าแดนเดเลียน แทนที่เขา

แดนเดเลียนในที่นี้หมายถึง เหล่าผู้ใช้คีย์เบลดที่จะยังคงอยู่ในโลกหน้า พวกเขาจะไม่ได้อยู่เห็นจุดจบของโลกนี้

อวาจะจะสร้างและคัดเลือกแดนเดเลียนขึ้นมา แล้วก็จะอยู่ดูจุดจบของโลกนี้ เขาหวังว่าเอเฟเมร่า จะคอยชี้นำพวกแดนเดเลียนเหล่านั้นแทนที่เขา เมื่อเขาจากไปแล้ว ตอนนี้เลยส่งเอเฟเมร่าให้ไปรอในที่อื่น

โลกนี้จะถึงจุดจบ ก็เพราะในบรรดาผู้ใช้คีย์เบลดนั้น มีคนที่ถูกความมืดกลืนกิน การที่มีดาร์คจิริธีปรากฏตัวขึ้นมา นั่นคือหลักฐาน ทว่าพลังแห่งความมืดจะต้องไม่มีอยู่ในโลก เขาจึงคอยคัดเลือกคนที่จะไม่มีทางถูกความมืดเล็ก ๆ น้อย ๆ กลืนกืน ให้เป็นแดนเดเลียน

ว่าแล้วอวาก็ถามเราว่า แล้วเราล่ะ จะเป็นแดนเดเลียน.. ที่ไปอยู่ในโลกหน้าด้วยมั้ย?

ตัวเราเองฟังแล้ว ครุ่นคิด แล้วถามกลับไปว่าแล้วคนที่ไม่ถูกเลือกให้เป็นแดนเดเลียนล่ะ พวกเขาจะเป็นยังไง?

อวาบอกว่า ท้ายที่สุด โลกนี้ก็จะเกิดสงครามคีย์เบลดขึ้น

เราเลยบอกอวาไปว่า ขอเวลาเราไปคิดทบทวนก่อนจะให้คำตอบ

--------------------------------

เรา สคูลด์ และจิริธี กลับมาคุยกันที่น้ำพุกลางเมือง

จริธีถามขึ้นว่าทำไมเราไม่เข้าร่วมแดนเดเลียนไปล่ะ? ถ้าเข้าร่วมป่านนี้เราก็ได้เจอเอเฟเมร่าแล้วนะ

แต่เราบอกว่า เอเฟเมร่าเป็นเพื่อนคนสำคัญ แต่คนที่ที่ต่อสู้เคียงข้างเรามาตลอด ก็สำคัญเช่นกัน

ถึงตรงนี้ สคูลด์พูดขึ้นบ้างว่าตอนที่เขาเริ่มเป็นผู้ใช้คีย์เบลด เธอตั้งปาร์ตี้ขึ้น แต่ไม่มีใครจอยเธอเลย

ทว่าวันหนึ่งเอเฟเมร่า ก็เข้าร่วมปาร์ตี้ของเธอ เราสองคนต่อสู้เคียงข้างกันเพียงสองคน อยู่พักหนึ่ง

จนกระทั่งปาร์ตี้มีสมาชิกมากขึ้น ใหญ่ขึ้น พวกเราก็ไปลุยเป็นกลุ่มด้วยกัน เธอก็มีโอกาสคุยตัวต่อตัวกับเอเฟเมร่าน้อยลง

จนวันหนึ่ง เอเฟเมร่าบอกว่าสคูลด์คงไม่เป็นไรแล้ว ถึงไม่มีเขาก็คงอยู่ได้แล้ว เอเฟเมร่าก็ออกจากปาร์ตี้ไป

ทว่าต่อมา สคูลด์ก็กลับไปเป็นเหมือนเดิม ค่อย ๆ เสียสมาชิกกลุ่มไปทีละคน จนสุดท้าย ปาร์ตี้ก็เหลือเธอเพียงคนเดียว

เธอเชื่อว่าที่เอเฟเมร่าเข้ามาอยู่กับเธอก็เพราะเป็นห่วงเธอ และแม้เอเฟเมร่าจะออกจากปาร์ตี้ไปแล้ว เขาก็จะยังเป็นห่วงเธออยู่แน่ ๆ เอเฟเมร่าจึงเคยบอกให้เธอมาหาเรา มาคุยกับเราบ้าง

ท้ายที่สุดแล้ว สคูลด์ก็บอกว่าเธออยากจะพบเอเฟเมร่าอีกครั้ง อยากจะขอบคุณเขา ดังนั้น เธอจะไปเข้าร่วมเป็นแดนเดเลียน ว่าแล้วเธอก็บอกลาเรา ขอให้ได้เจอกันอีกครั้ง เธอจับมือเรา และเดินจากไป

--------------------------------

ณ ใจกลางเมือง อวาได้รวบรวมกลุ่มแดนเดเลียนมาเพื่อฝึกฝน และกล่าวปราศรัยบางอย่าง

อวาบอกว่า ณ โลกหน้านั้น ทุกคนจะได้ใช้ชีวิตใหม่และประสบพบเจอกับเหตุการณ์ที่เคยเจอมาแล้ว ในโลกที่เป็นดังฝัน ในจักรวาลที่ห่างไกลออกไป ทุกคนคือความหวัง

ในไม่ช้า ความขัดแย้งจะเกิดขึ้น นักสู้ทุกคนที่หวังปกป้องแสงสว่าง แบ่งแยกกันด้วยยูเนียน พวกเขาจะกลายเป็นศัตรูต่อกัน

อวาบอกว่าบางที ตัวเขาเองก็คงจะถูกความมืดกลืนกิน และไปต่อสู้ท่ามกลางความขัดแย้งนั้นด้วย ทว่าการต่อสู้นั้นจะไม่มีผู้ชนะ มีแต่ความล่มสลายของทุกสิ่งทุกอย่างเท่านั้น

แต่เขาอยากจะให้แดนเดเลียนทุกคน ซึ่งเป็นเมล็ดพันธุ์แห่งความหวัง ได้คงอยู่ต่อไป

เมื่อใดที่การต่อสู้ครั้งใหญ่อุบัติขึ้น ขอให้ทุกคนอย่าเข้าร่วมการต่อสู้ และ ออกเดินทางไปยังโลกภายนอกเสีย

ขอฝากอนาคตของผู้ใช้คีย์เบลด และอนาคตของโลกแห่งแสงสว่างเอาไว้ด้วย

========================
ความคาดเดาจากแฟน ๆ
========================

- ตามตำนานแล้ว หลังจากเกิดสงครามคีย์เบลด จักรวาลถูกปกคลุมด้วยความมืด แต่แล้วแสงสว่างในใจของเด็ก ๆ กลุ่มนึง ก็ทำให้ดวงดาวต่าง ๆ ฟื้นกลับมา แต่ดาวนั้นกระจัดกระจายกันอยู่ ไม่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เด็ก ๆ พวกนั้นน่าจะเป็นพวกแดนเดเลียน

- สคูลด์และเอเฟเมร่าดูมีความสัมพันธ์ต่อกัน เป็นพวกเพื่อนซี้ที่มีเกลื่อนในโลก KH พวกเขาอาจจะปรากฏตัวอีกใน KHIII

- การที่ KH χ กำลังจะปิดตัวลงในเดือนกันยายน ก็เพราะเนื้อเรื่องมันมาถึงจุดจบแล้ว สงครามคีย์เบลดกำลังจะเกิดขึ้น ทุกคนในโลกนี้จะตายหมด.... เราทั้งตัวอวาตาร์ของเราด้วย เลยเล่นต่อไม่ได้

- http://www.khinsider.com/news/-SPOILERS-KINGDOM-HEARTS-X-chi-Seeds-of-Hope-6432

Game Informer เผยระบบรถเหาะใน FFXV


อัพเดทข่าว Final Fantasy XV ประจำวันจากเว็บไซต์ Game Informer

งวดนี้ทาง Game Informer พูดเรื่องของเรือเหาะ เอ้ย รถเหาะ ที่พวกเขาบอกว่าได้ไปลองขับมาแล้วสั้น ๆ ตอนไปเยี่ยมกองบัญชาการ Square Enix ที่ชินจูกุ

ผู้สื่อข่าวบอกว่า แม้เขาจะได้ลองขับเรือเหาะเป็นเวลาสั้น ๆ แต่มันก็ทำให้ระลึกถึงความรู้สึกตอนที่ได้ขับยานเหาะ Blackjack หรือ Highwind มันอาจแตกต่างไปยานเหาะพวกนั้น แต่ฟังค์ชั่นก็คล้าย ๆ กัน

เมื่อกางปีกขึ้นบินแล้ว เราก็เห็นพื้นถนนตกลงไปด้านล่าง แล้วรถก็ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า โดยที่เราสามารถควบคุมการเคลื่อนไหวของรถได้อย่างเต็มรูปบบ และบินด้วยความเร็วสูง

ทว่าโลกของ Final Fantasy XV นั้นกว้างใหญ่กว่าภาคอื่น ๆ จึงไม่สามารถที่จะบินรอบโลกได้ในเวลาเพียงไม่กี่วินาทีเหมือนภาคเก่า ๆ หรอก

อ่อ และถึงแม้จะได้ลองขับรถเหาะดูแล้ว แต่ทีมงาน Game Informer ก็ยังไม่ได้โอกาสได้ลงจอด

ทางสตาฟฟ์ของ FFXV บอกว่า การลงจอดรถเหาะ มันไม่ได้ง่ายแบบอยากจะจอดก็กดปุ๊บจอดปั๊บทันทีแบบภาคเก่า ๆ และการลงจอดครั้งแรก คงเป็นอะไรที่ยากยิ่งสำหรับใครหลาย ๆ คน (สอดคล้องกับที่คุณทาบาตะให้สัมภาษณ์สื่อตะวันตกหลังงาน Uncovered ว่าภาคนี้การลงจอดรถเหาะ ต้องจอดแบบสมจริงเหมือนเครื่องบิน ถ้าจอดแบบหน้าทิ่มรถมันก็จะกระเด้งขึ้นไป)

จากนั้นทาง Game Informer ก็ได้ถามคุณทาบาตะว่า บนฟากฟ้านั้นจะมีศัตรูให้สู้ด้วยรึเปล่า? แต่คุณทาบาตะบอกว่า "เราไม่มีแผนที่จะปล่อยศัตรูไว้บนฟ้า อยากให้ยานนี้มีไว้เพื่อการเดินทางอย่างเดียวมากกว่า"

แล้วอย่าคิดว่ารถเราจะกางปีกบินได้ง่าย ๆ เพราะคุณทาบาตะยังบอกอีกว่า "ผู้เล่นจะได้เรกาเลียที่บินได้มาก็ตอนใกล้จะจบเกมแล้ว มันเป็นชาเลนจ์เสริม เมื่อทำเงื่อนไขบางอย่างได้สำเร็จ รถจึงจะถูกปรับแต่งให้บินได้"

ทีนี้ ทาง Game Informer ก็สงสัยว่าไฉนก่อนงาน Uncovered คุณทาบาตะถึงไม่ยอมยืนยันว่าจะมีเรือเหาะใน FFXV ล่ะ? ทำไมถึงกั๊กล่ะ? เรื่องนี้คุณทาบาตะตอบว่า "เราก็ตั้งใจจะใส่ลงไปในตัวเกมจริง แต่ก็เผื่อไว้ว่าอาจจะออกเป็น DLC ก็ได้ถ้าปรับแต่งคุณภาพได้ไม่ทันเวลา ทว่าตอนนี้เราก็กำลังมีความคืบหน้าดี และตัดสินแล้วว่าสามารถใส่เข้าไปในตัวเกมจริงได้ทัน... เราอยากที่จะให้คำมั่นต่อหน้าแฟน ๆ ที่อยู่ในงาน Uncovered นั้น"

รถเรกาเลียนั้นเดิมเป็นรถของกษัตริย์เรจิส พ่อของน็อคติส เป็นสัญลักษณ์ของพ่อ มีรถอยู่ก็เหมือนมีพ่อคอยค้ำจุนอยู่ข้างกาย

"แต่แรกเริ่ม เราก็คิดว่าหนทางเดียวที่จะบินใน FFXV ก็คือการใช้เรกาเลีย บางคนอาจจะอยากใช้เรือเหาะแบบดั้งเดิมมากกว่า แต่เรกาเลียเป็นรถคู่ชีพใน FFXV ดังนั้นเรารู้สึกว่าถ้าจะให้มันเป็นคู่หูเหาด้วย ก็เหมาะสมแล้ว"

ทั้งนี้อย่าคาดหวังว่ารถมันจะแปลงร่างเป็นอย่างอื่นได้อีก เพราะคุณทาบาตะพูดปิดท้ายไว้ว่า "เราไม่มีแผนที่จะเปลี่ยนโมเดลมันเป็นแบบอื่น" แต่ก็ยังมีเรื่องน่าสนใจเกี่ยวกับการขับรถ ที่รอการเปิดเผยอยู่อีกเยอะ

http://www.gameinformer.com/b/features/archive/2016/04/08/what-you-need-to-know-about-final-fantasy-xvs-flying-car.aspx?utm_content=buffer1e0fd&utm_medium=social&utm_source=twitter.com&utm_campaign=buffer

Friday, April 8, 2016

เก็บตกบทสัมภาษณ์ FFXV จากเว็บไซต์แฟมิซือ

หลายวันก่อนแฟมิซือลงบทสัมภาษณ์คุณ ฮาจิเมะ ทาบาตะ เรื่อง Final Fantasy XV เอาไว้ในเว็บไซต์ ซึ่งผมแปลเอาไว้ไม่หมด ตอนนั้นเอามาเฉพาะบทสัมภาษณ์ล่าสุดเท่านั้น เมื่อวานนี้ผมเห็นทีมงานแฟมิซือเองแปลบทสัมภาษณ์เป็นภาษาอังกฤษไว้ ในโอกาสนี้เลยเก็บตกแปลส่วนที่ยังไม่ได้แปล มานำเสนอครับ

===================
Kingsglaive
===================

- คุณทาบาตะบอกว่าภาคหนังจะต้องออกมาก่อนเกม ขืนมันออกมาทีหลังเกม คนที่อิ่มกับเกมแล้ว ก็อาจจะไม่ได้หาหนังมาดู แล้วหนังจะทำกำไรได้น้อยลง

- ตัวหนังยาว 110 นาที ใช้สตาฟฟ์จาก Hollywood ด้วย หนังนี้ใช้คนภายในบริษัท 50 คน ประกอบกับความร่วมมือจากนอกบริษัท เช่น Digic Pictures (ที่ทำ Assasin's Creed) Omage Engine (ที่ทำ Jurassic World และ Game of Thrones) ฯลฯ รวม ๆ กันแล้วน่าจะใช้คนทำทั้งหมด 500 คน และโปรเจคท์นี้ทำกันทั่วทั้งโลก ทั้งสาขาลอสแองเจลีส ยุโรป และญี่ปุ่น

- ตัวหนัง Kingsglaive ดูได้โดยไม่จำเป็นต้องรู้เรื่อง FFXV มาก่อน คือ timeframe มันก็เริ่มต้นในช่วงเดียวกับภาคเกมนั่นแหละ แต่เป็นเหตุการณ์ฝั่งพ่อ

- คุณทาบาตะบอกว่า ในทางกลับกัน คนเล่นเกม ก็ไม่จำเป็นต้องดูหนังเรื่องนี้มาก่อนเหมือนกัน แต่ถ้าทั้งดูและเล่น มันก็จะดื่มด่ำกับเนื้อหามากขึ้น

- คุณโนซึเอะบอกว่าธีมหลักของ FFXV ก็คือความสัมพันธ์ระหว่างพ่อกับลูก ตัวหนังนี่ก็พรรณนาในมุมมองของผู้เป็นพ่อ เรจิสจึงถือเป็นตัวละครที่เชื่อมระหว่างภาคหนังกับเกมเข้าด้วยกัน

===================
Brotherhood
===================

- เนื้อเรื่องภาคอนิเม จะเปิดเผยว่าพวกน็อคติสมารู้จักกันได้ยังไง คือจะมีการย้อนอดีตให้ดู

- ในเกม RPG ปกติ ผู้เล่นต้องค่อย ๆ รวบรวมไพร่พลมาเป็นสมาชิกกลุ่ม แต่ภาคนี้เริ่มมาปุ๊บก็มี 4 คนเลย อนิเมนี้ก็จะช่วยเล่าความเป็นมาของพวกเขาให้ ทำให้ผู้เล่นรู้จักตัวละครมากขึ้น เวลาเล่นเกมก็จะมีอารมณ์ร่วมไปด้วย

- อนิเมแต่ละต้อน ก็จะย้อนอดีตไปยังคนละช่วงเวลา มีทั้งตอนเด็ก ตอนโตขึ้นมาหน่อย ฯลฯ

===================
Mini Game
===================

- Justice Monsters 5 เป็นมินิเกม ซึ่งมีสถานะเหมือนเป็น Arcade Game ในโลก FFXV พวกน็อคติสจะเจอตู้เล่นเกมนี้ตามปั๊มน้ำมัน

- นอกจาก JM5 แล้ว ยังมีมินิเกมอื่นอีก ซึ่งทีมงานหวังว่าจะสามารถคลอดมินิเกมอีกอันในรูปแบบ App มาให้เล่นกันได้ก่อนที่ตัวเกมจะวางจำหน่าย

- มินิเกมเวอร์ชั่นมือถือ จะลิงค์กับมินิเกมใน FFXV ด้วย ตอนนี้อย่างน้อย ๆ ก็จะใช้ Leaderboard ร่วมกัน

===================
Platinum Demo
===================

- คุณทาบาตะบอกว่าในอนิเมตอนที่ 1 จะเห็นว่าน็อคติสวัยเด็กเคยถูกมอนสเตอร์ทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัส จากนั้นก็ไปเชื่อมต่อกับ Tech Demo ที่เป็นช่วงน็อคติสหลับไม่ตื่น อยู่ระหว่างความเป็นตาย ตอนนั้นน็อคติสอายุ 8 ขวบ (ผมเข้าใจว่าพอฟื้นขึ้นมา ก็ไปเชื่อมต่อกับเหตุการณ์ที่น็อคติสวัยเด็กพบกับลูน่าเมื่อ 15 ปีก่อนเริ่มเกม ตามที่เคยแสดงไว้ในเทรลเลอร์ Dawn ซึ่งเขาบอกว่าเป็นเหตุการณ์หลังจากน็อคติสฟื้นจากการบาดเจ็บสาหัสมาแล้ว ซึ่งหากเป็นงั้นจริง น็อคติสในปัจจุบันจะอายุ 23 ปี)

- ใน Tech Demo นั้น การไปยังจุดเฉพาะต่าง ๆ จะทำให้เจอบทสนทนาที่พูดถึงชีวิตในวัยเด็ก น็อคติสนั้นเป็นเด้กที่ค่อนข้างสงบเสงี่ยม เขาสูญเสียแม่ไปตั้งแต่เด็ก ส่วนพ่อก็เป็นกษัตริย์ที่ยุ่งอยู่ตลอดเวลา น็อคจึงมักต้องทานข้าวคนเดียวประจำ ในตัวเกมจริง ๆ จะไม่มีบอกเรื่องพวกนี้เอาไว้ การได้เรียนรู้อดีตบางส่วนของเขาจากเดโมนี้ก็จะช่วยเพิ่มความเข้าใจในตัวละครให้ลึกมากขึ้น

- เดิมทีแล้ว เขาก็จะสร้าง Tech Demo ให้เป็น Tech Demo จริง ๆ คือไม่มีเนื้อเรื่องหรือดราม่าอะไรแบบนี้ แต่เขาคิดว่าเดโมนี้ มันมีหน้าที่ในการดึงคนเข้ามาเล่น FF ด้วย ดังนั้น ถ้าจะให้มันเป็น Tech Demo เฉย ๆ คงไม่พอ (จึงต้องใส่เนื้อเรื่องเข้าไปนิดหน่อย จากเดิมที่กะไว้เป็นเดโมสำหรับทดสอบเรื่องทางเทคนิคอย่าง Day-Night Cycle, สภาพอากาศ ฯลฯ เท่านั้น) จึงให้ทีมเล็ก ๆ เอา Asset ที่เสร็จสมบูรณ์อยู่แล้ว (ผมเข้าใจว่าหมายถึงพวกฉากอย่างราชวังลูซิสที่เสร็จตั้งแต่ 2014 แล้ว Day-Night Cycle และพวกสภาพอากาศที่เสร็จนานแล้ว) ไปทำเป็นเดโม ซึ่งก็ใช้เวลา 1.5-2 เดือนก็เสร็จ

- เมื่อเล่นเดโมจบแล้ว ก็จะได้ตั้งชื่อคาร์บังเกิล ซึ่งมันก็จะมาช่วยเราในตัวเกมจริง ๆ ได้ด้วย

Game Informer สรุปเหตุการณ์ FFXV Chapter 1


นิตยสาร Game Informer ฉบับล่าสุด ลงข้อมูล Final Fantasy XV ไว้ 20 หน้าด้วยกัน ทางสตาฟฟ์ของเว็บไซต์ Nova Crystallis ได้หามาอ่านแล้ว สรุปเนื้อหาไว้ดังนี้

- เป็นอีกครั้งที่คุณทาบาตะพูดว่า ตอนเปลี่ยนชื่อเกมมาเป็น Final Fantasy XV ตัวเกมก็ได้ตัดความเชื่อมโยงกับ Fabula Nova Crystallis และ Stella ก็ได้ถูกเปลี่ยนแปลงไปมาก ทีมงานเองก็พยายามคงคอนเซปต์เดิมเอาไว้ให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แต่ก็ถือโอกาสนี้สร้าง FFXV ขึ้นมาใหม่ให้เป็นเกมแห่งจินตนาการเต็มรูปแบบ (ซึ่งผมยืนยันตามเดิมว่าคุณทาบาตะพูดความจริงแค่ครึ่งเดียว ตอนเปิดตัว FFXV ในงาน E3 2013 เกมมันยังเชื่อมโยงกัง Fabula Nova Crystallis และคุณโนมุระก็ยังเรียกตัวนางเอกของเรื่องว่าสเตลล่า.... ไอ้เรื่องการรีบู๊ทเกมนั่น มันเกิดตอน ธ.ค. 2013 หลังจากที่คุณทาบาตะขึ้นเป็นผู้กำกับแล้วต่างหาก)

- เนื้อเรื่องภาคนี้จะเน้นไปที่มิตรภาพ ชะตากรรม และมรดกตกทอด

- ทันทีที่เริ่มเกม (ช่วง Prologue) ตัวละครก็จะกำลังต่อสู้อยู่ในสถานที่ที่ยังไม่เปิดเผย การเปิดเกมแบบนี้คล้าย ๆ กับ FFII ที่เริ่มต้นด้วยการสู้บอส ฉากเปิดเกมตรงนี้จะเป็น Tutorial ก่อนเข้าสู่ Chapter 1 ซึ่งเจ้า Prologue/Turorial ตรงนี้ ทาง Game Informer ยังไม่มีโอกาสได้เห็น

- เนื้อเรื่อง Chapter 1 ที่ทาง Game Informer ได้เห็นแล้ว เริ่มจากฉากเปิดเกม ซึ่งน็อคติสและเพื่อนกำลังมุ่งหน้าสู่อัลทิสเซีย แต่แล้วรถเรกาเลียก็พังกลางทาง ระหว่างที่อยู่ในดินแดน Leide ทำให้ทั้งกลุ่มต้องช่วยกันเข็นรถไปจนถึงอู่ที่อยู่ใกล้ที่สุด ที่นี่เองเป็นครั้งแรกที่ผู้เล่นจะได้ก้าวสู่ Open World ของเกมนี้

- หลังจากนั้น น็อคติสและเพื่อนก็ได้เจอซิดกับซิดนี่ที่อู่ Hammerhead (ฉลามหัวค้อน) ที่นี่จะมีการเปิดเพลง Heart of Gold ของ Neil Young บรรเลงอยู่ด้วย (https://www.youtube.com/watch?v=pO8kTRv4l3o) จากนั้นพวกเขาจะอาสาซ่อมรถให้ แต่ระหว่างนั้นจะให้พวกน็อคไปทำเควสต์หลายอย่าง

- คุณทาบาตะบอกว่า ช่วงต้นของเกมจะเริ่มต้นด้วยภาพลักษณ์ที่สมจริงอย่างที่เราคุ้นเคยกัน ก่อนที่จะค่อย ๆ เบี่ยงเข้าสู่โลกของแฟนตาซี (สมัย E3 2013 คุณโนมุระก็เคยพูดไว้แบบนี้)

- บทสนทนาในเกมจะมีช็อยส์ให้เลือกตอบ อย่างตอนไม่มีเงินซ่อมรถนี่ ก็มีทางเลือกว่าจะขอคำแนะนำจากเพื่อน จะต่อราคากับซิดนี่ หรือจะขอติดไว้ก่อน  คำตอบที่แตกต่างกันจะทำให้ได้รับ Status Bonus ต่างกัน

- ในการต่อสู้ จะสามารถเปลี่ยนอาวุธกลางอากาศเองได้ทันที เท่าที่เห็นมาแล้วก็มีดาบ มีดสั้น หอก ปืน โล่ หน้าไม้ ขวาน เวทย์ นอกจากนี้ยังมีหมวดหมู่อาวุธที่เรียกว่า Machine แต่ยังไม่รู้ว่าจะเป็นเครื่องจักรแบบไหน

- ระบบเวทย์ในภาคนี้ จะต้องหามาสต็อคไว้เสมือนเป็นไอเทมอย่างหนึ่ง โดยสามารถเก็บเพิ่มได้ตามจุดต่าง ๆ บนโลก

- ท้ายรถเรกาเลีย ใช้เป็นที่เก็บสัมภาระของปาร์ตี้ รถนี้จะต้องคอยเติมน้ำมันอยู่เรื่อย ๆ ด้วยแต่ค่าน้ำมันไม่แพงนัก เวลานั่งรถก็สามารถเปิดเพลง Remix จาก FF ภาคเก่า ๆ ได้

- เวลานั่งรถอยู่ บางครั้งพรอมพ์จะขอให้หยุดรถเพื่อถ่ายรูป ถ้าเรายอม ทุกคนก็จะต้องลงจากรถแล้วตามพรอมพ์ไปยืนเต๊ะท่าในจุดที่มันจะถ่ายรูป เสร็จแล้วกลับมาขึ้นรถ พอนั่งรถไปจนถึงแคมป์ พรอมพ์จะเอารูปขึ้นมาโชว์ และเราสามารถแชร์ลง Social Media ได้ พอให้เขาถ่ายรูปไปเรื่อย ๆ สกิลการถ่ายรูปของเขาก็จะสูงขึ้น

- ตัวละครหลัก 4 คนมีพรสวรรค์กันคนละทาง น็อคติสตกปลากเก่ง อิกนิสทำอาหาร พรอมพ์คือถ่ายรูป ส่วนกลาดิโอคือสัญชาตญาณในการเอาตัวรอด ซึ่งทั้งหมดนี้จะมีเลเวลซึ่งจะค่อย ๆ อัพไปเรื่อย ๆ

- เวลาที่เชิญมนต์อสูรออกมา มนต์อสูรจะไม่ได้โจมตีแบบเดียวตลอด มันจะเปลี่ยนท่าโจมตีไปตามสถานการณ์ กรณีไตตัน บางครั้งมันก็วิ่งมาชกศัตรูเอง บางครั้งก็โยนหินใส่ บางครั้งมันอาจจะไม่สนใจ แล้วก็เดินหนีไปเฉย ๆ ก็ได้ เวลาเรียกอสูรจากในดันเจียน ก็จะไม่เหมือนตอนเรียกอยู่บนเวิลด์แมพ

- สุนัขสีดำที่เห็นบ่อย ๆ ในเทรลเลอร์ชื่ออัมบรา (Umbra)

- ช่วงต้นเกม ระหว่างทางไปอัลทิสเซีย พวกน็อคติสก็จะเจอกับอาร์ดีน

- เควสต์ในเกมนี้มี 4 ประเภท 1. พวกเควสต์เฮฮามินิเกม (เช่น ตกปลา, แข่งโจโคโบะ, JM5) 2. เควสต์เนื้อเรื่องหลัก 3. เควสต์ล่ามอนสเตอร์ 4. เควสต์เหตุการณ์ประจำท้องถิ่น ปัจจุบันมีทำเควสต์ใส่ไว้ในเกม 200 กว่าเควสต์

- เมื่อเล่นไปเรื่อย ๆ ผู้เล่นจะสามารถผสมเวทมนต์ เพื่อสร้างเวทย์ที่ทรงพลังขึ้นอย่างเวทย์ขั้นสองได้

- มีระบบพัฒนาอาวุธ โดยเอาชิ้นส่วนที่เก็บมาจากทั่วโลกหรือดรอปจากศัตรูมาตีบวก

- เวลาตัวละครเลเวลอัพ ก็จะได้ Ability Point มาใช้อัพเกรดความสามารถ ตัวอย่างความสามารถ เช่น ความสามารถในการ Auto-Dodge, Weapon Skill หรือพวกท่าคอมมานด์ใหม่ ฯลฯ ผู้เล่นก็เลือกได้เลยว่าอยากให้ตัวละครแต่ละตัวพัฒนาไปในทางไหนอย่างไรก่อน

- ลูน่าเป็นคนที่จะคอยสนับสนุนน็อคติสให้สานต่อชะตากรรมของตนเองให้สำเร็จ

- ตอนนี้คุณทาบาตะ ไม่มีความคิดที่จะสร้างภาคต่อของเกมนี้ขึ้นมาแต่อย่างไร (อย่างที่เคยบอกไว้ว่ามีมติบริษัทตั้งแต่ตอนรีบู๊ทเกม ว่าให้เปลี่ยนเกมนี้ เป็นเกมที่จบสมบูรณ์ในตัวเอง จากเดิมที่ตอน E3 2013 โนมุระกับฮาชิโมโตะยังบอกว่าเกมจะมีภาคต่อ) แต่ก็อยากให้ผู้เล่น ซื้อเกมนี้ไป แล้วสามารถสนุกกับเกมนี้ได้เป็นระยะเวลานาน มันไม่ได้หมายความว่าต้องทำ DLC เพิ่มลงไปเท่านั้น แต่อาจจะสร้างสรรค์อะไรบางอย่างที่น่าสนใจขึ้นมาเพื่อให้เล่นกันได้นาน ๆ

- คุณทาบาตะบอกว่าหนัง Kingsglaive นั้นเริ่มสร้างมาตั้งแต่ 2013 (ในงาน Uncovered ก็บอกว่าสร้างมา 3 ปีแล้ว)

========================
สรุปเหตุการณ์นับจากเปิดเรื่อง
========================

1. ฉากเปิดเกม น็อคติสและพวกนั่งรถไปอัลทิสเซีย รถพังที่ดินแดน Leide ซึ่งอยู่นอกอาณาจักรลูซิส

2. เข็นรถไปหาอู่ Hammerhead ส่งรถให้ซิดและซิดนี่ซ่อม แต่เราโดนส่งไปทำเควสต์ปราบมอนสเตอร์ (ไม่มีเควสต์เบฮีมอธ)

3. รถซ่อมเสร็จแล้ว บอยแบนด์ต้องทำงานส่งของให้ซิดนี่ เลยให้สุนัข Umbra ไปส่งให้

4. ย้อนอดีต น็อคติสกับลูน่าตอนพบกันในวัยเด็ก มีหมาอยู่ด้วย

5. บอยแบนด์ขับรถไปเมืองท่า จะหาเรือข้ามไปอัลทิสเซีย

6. เจออาร์ดีนที่เป็นคนที่นิฟไฮม์ อาร์ดีนบอกว่าตอนนี้เขาหยุดให้บริการอยู่ ณ ตอนนี้พวกน็อคยังไม่รู้ว่าเมืองโดนบุก

7. ไปทำเควสต์

8. มาพักที่โรงแรม อ่านหนังสือพิมพ์ เจอข่าวอาณาจักรลูซิสโดนบุกถล่ม

9. บอยแบนด์จับรถ รีบบึ่งกลับลูซิส

10. ฝ่ากองทัพนิฟไฮม์ บึ่งรถมาจนเห็นเมืองพินาศจากไกล ๆ

11.  เจอคอร์ที่เอาตัวรอดออกมาได้ คอร์แจ้งข่าวร้ายให้ฟัง จบ Chapter 1

***คุณทาบาตะบอกว่าในเกมจะมีตัวร้ายที่เป็นศูนย์กลางหนึ่งเดียว ตัวเดียวโดด ๆ ประหนึ่งเซฟิรอธที่ลงมือด้วยตัวเอง และเป็นศัตรูของทุกคน

***ลูน่านั้นมีความรู้สึกพิเศษกับน็อคติส แต่ความสัมพันพ์ของทั้งสองนั้นค่อนข้างซับซ้อน น็อคติสนั้นสับสน ไม่แน่ใจในความรู้สึกของตนเอง ไม่รู้จะตอบสนองความรู้สึกของเธอยังไง ณ ตอนนี้การแต่งงานของทั้งสอง จึงเป็นเพื่อจุดประสงค์ทางการเมืองเพื่อเชื่อมสัมพันธภาพระหว่าง 2 รัฐเป็นหลัก

- http://www.novacrystallis.com/2016/04/final-fantasy-xv-detailed-game-informer/

- http://www.neogaf.com/forum/showthread.php?t=1204822

========================

และตามที่ก่อนหน้านี้เว็บไซต์ Game Informer ได้เปิดเผยว่าก่อนหน้านี้พวกเขาได้มีโอกาสเข้าไปยังสำนักงานใหญ่ของ Square Enix ที่ญี่ปุ่น ได้มีโอกาสสัมภาษณ์คุณฮาจิเมะ ทาบาตะ ได้คุยถึงเนื้อเรื่อง Chapter 1 ของ Final Fantasy XV และได้ชมเกมเพลย์ของ Chapter แรกแบบ Pre-Beta version (เวอร์ชั่นเมื่อปลายปีที่แล้ว)

สามารถเข้าไปดูหน้าข่าวของ Game Informer ได้ตามลิงค์นี้ :

- คลิ๊ก

หรือดูเฉพาะวิดีโอได้จากลิงค์นี้ :

- คลิ๊ก

========================

Game Informer ทำสกู๊ปแนะนำ 5 สถานที่สุดตะลึงที่ต้องไปเยี่ยมชมให้ได้ใน FFXV (ในก็คือสกู๊ปแนะนำเมืองในเกมนั่นแหละ) ประกอบด้วย

1. Galdin Quay


รีสอร์ทสไตล์แคริบเบียน ล้อมรอบด้วยต้นปาล์ม บังกะโล และท้องทะเล ทีมงานได้รับมอบหมายให้สร้างสถานที่แห่งนี้ให้เป็นดั่งโรงแรมที่ลอยอยู่กลางทะเล เหมาะเป็นสถานที่พักผ่อนหลังกรำศึกหนักมายาวนาน
(เป็นสถานที่ที่เคยนำเสนอในภาพเมื่อปีที่แล้ว และแฟน ๆ ตั้งข้อสังเกตกันว่าเหมือนมัลดีฟส์)

2. Caem


ป้อมปลายคาปสมุทร เป็นที่ ๆ เราต้องแวะมาขึ้นเรือเพื่อนั่งไปยังเมืองอัลทิสเซีย แม้จะเป็นแค่ป้อม+หอคอยโครงกระดูก แต่ก็มีอะไรให้ค้นหา ให้ความรู้สึกเปิดกว้างรับธรรมชาติและการผจญภัยกลางแจ้ง

3. Lestallum


เมืองที่เอาแบบมาจากกรุงฮาวานาของคิวบา เป็นเมืองที่ดึงพลังงานมาจากเมเทโอ ที่นี่คึกคักไปด้วยผู้คน การคมนาคม ตลาดนัด และสิ่งก่อสร้าง

4. Insomnia


บ้านเกิดของน็อคติส เมืองหลวงแห่งอาณาจักรลูซิส เอาต้นแบบมาจากชินจูกุภายในกรุงโตเกียว ปราการของเมืองหรือราชวังลูซิสก็เอาแบบมาจากอาคารสำนักงานบริหารมหานครโตเกียว ซึ่งตั้งอยู่ใกล้สำนักงานใหญ่ของ Square Enix

5. Altissia


เมืองแห่งน้ำที่เอาต้นแบบมาจากเวนิซของอิตาลี มีเรือกองโดล่าให้เรานั่งล่องชมความงามของเมือง มากมายด้วยคาเฟ่ ตล่ด ร้านอาหาร สวนสาธารณะให้พักผ่อนหย่อนใจ มีตัวละครเฉพาะเดินเตร่อยู่ตามท้องถนน

- https://t.co/HTWWPeZV3s