ความประทับใจจาก Subasekai ตอนที่ 11


เนกุ : เป็นความผิดฉันเอง ค่าเข้าร่วมเกมของฉันก็คือเธอ ชิกิ

ชิกิ : เอ๊ะ.... เอ๋~~~~~~~~~
ฉันกลายเป็นค่าเข้าร่วมเหรอออ
งั้นก็หมายความว่าาาา...
ทำไมล่ะะะะะะะะะะะ

บีท : ก็แปลว่าเธอกลายเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดของหมอนี่ไปแล้ว

เนกุ : ขอโทษนะ ฉันแค่... อยากให้ชิกิมีชีวิตอีกครั้ง ฉันอยากจะเห็นชิกิพูดคุย หัวเราะ ไปกับเพื่อนของเธอในชิบุยะ

ชิกิ : เนกุ เธอเปลี่ยนไปนะ...

เนกุ : ก็เพราะชิกิไงล่ะ

ชิกิ : เอ๋~~~~~~ (ยกตุ๊กตาขึ้นมาปิดหน้า)

------------------------------

น่าร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกก~~~~~~~😂🤣 ไอ้การบอกรักที่ไม่ต้องมีคำว่ารักเนี่ย เป็นมุกหากิน ที่ใช้ยังไงก็ยังก๊าวใจจริง ๆ

จู๋ ๆ ผมก็คิดขึ้นมาว่า "โชกะ" ในภาคชิน ก็คือชิกิ ที่โดนทำอะไรสักอย่างแล้วกลายเป็นยมทูตโดยไม่เต็มใจ แล้วเนกุเองก็จะต้องมาช่วย

พอไปดูในปก Artwork ก็เห็นว่าเนกุน่ะ ยืนอยู่ข้างหลังโชกะ พอดี ❤


เมกุมิ : ยังไม่จบ ฉันต้องปกป้องชิบุยะให้ได้
เวลาของฉันใกล้จะหมดลงแล้ว
โลกนี้ก็เหมือนการบรรเพลง Orchestra
จำเป็นต้องมี Conductor ฝีมือดีควบคุมเพลง
ด้วยการชี้นำไปในทิศทางเดียว
มนุษย์จะมุ่งไปสู่อุดมคติเดียวกัน
แล้วสร้างโลกที่สมบูรณ์แบบขึ้นมา
แกเองก็คงรู้สึก ความโกรธ ความเกลียด ความเสียใจ
ความริษยา ความกลัว ปมด้อยทั้งหลายแหล่ในชิบุยะ
ความปรารถนาอันเห็นแก่ตัวนับไม่ถ้วนที่ปะทะขัดแย้งกันและกัน
ก่อเกิดเสียงไม่พึงประสงค์ระงมที่นับวันยิ่งดังระงมขึ้นเรื่อย ๆ
ท้ายที่สุดก็สร้างความทุกข์ยากให้กับโลกใบนี้
โลกน่ะสามารถจะเป็นสถานที่อันแสนสุขได้
หากเราทุกคนมีอุดมคติเดียวกัน แล้วสละอัตภาพของตนทิ้งไป

เนกุ : มีอุดมคติเดียวกัน? เรื่องแบบนั้นน่ะ...

เมกุมิ : ทำได้สิ!! ตราบที่ฉันยังมีเข็มกลัด Red Skull อยู่

เนกุ : แกคือคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดเหรอ!?

เมกุมิ : ฉันใช้เข็มกลัด Player ของ Composer เป็นพื้นฐานสร้างขึ้นมา
ฉันอยากจะนำพามนุษยชาติไปสู่โลกใหม่
เพื่อนำพาแสงแห่งการปลดปล่อย
ที่จะตัดขาดความอาภัพทั้งปวงออกไปจากโลกใบนี้
แล้วโลกนี้ ก็จะได้กลายเป็นสถานที่อันเปี่ยมไปด้วยความสุข
นั่นก็คือ Subarashiki Kono Sekai!!

เนกุ : ไม่!! ฉันไม่อยากจะเชื่อมโยงกับใคร
ก็เลยเอาแต่ปิดหูของตัวเองเอาไว้
แต่ว่า มันก็ไม่ทำให้อะไรเปลี่ยนแปลง
โลกของฉันก็ไม่มีวันเติบโตขึ้น
แล้วก็ไม่สามารถมีความสุขกับปัจจุบันได้

เนกุ : ที่ Underground นี้ฉันได้พบเจอผู้คนมากมาย จนสุดท้ายก็เข้าใจ
ความโมโห โกรธ เศร้า และอะไรต่อมิอะไร ไม่อาจทำลายหัวใจของฉันได้
ถึงต้องแบกรับความรู้สึกทั้งหมด ก็ไม่เป็นไร

"ชิบุยะที่เป็นอยู่ตอนนี้ มันก็ดีอยู่แล้ว!!"

----------------------------------------------------

ฉากที่เมกุมิเปิดเผยเป้าหมายของตัวเองในตอนท้ายของ Subarashiki Kono Sekai เป็นอะไรที่ถูกจริต และตราตรึงใจผมมากจริง ๆ นับตั้งแต่ปี 2007

เรื่องมันเริ่มมาจาก Composer (ยมราช) เห็นว่าโลกมิตินี้มันเน่าเหม็น และควรทำลายทิ้ง ก่อนที่ความชั่วร้ายนั้นจะลามไปติดภพภูมิอื่น

แต่เมกุมิ Conductor ที่มีตำแหน่งรองจาก Composer นั้น รักโลกมาก และไม่อยากให้โลกถูกทำลาย จึงขอโอกาสจาก Composer เพื่อจะเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้

เมกุมิคิดว่าหนทางแห่งความสุขสงบ คือการทำให้มนุษย์ทุกคนคิดแบบเดียวกัน ทำแบบเดียวกัน เป็นแบบเดียวกัน ละทิ้งอัตภาพความแตกต่างไป แล้วกลายเป็นสิ่งที่เหมือน ๆ กันทั้งหมด

เพื่อจะทำแบบนั้น เมกุมิจึงหาทางส่งต่อและเผยแพร่เข็มกลัด Red Skull ไปในหมู่มนุษย์ ใช้มันเป็นสื่อกลางในการรับพลังจิตของเขา ใครที่ติดเข็มกลัดนั้น ก็จะถูกเมกุมิควบคุมให้กลายเป็นตุ๊กตาที่สูญเสียตัวตน และ Paste ความนึกคิดแบบเดียวกันลงไป

เป็นวิธีเผด็จการทางความคิด เลือกความสงบ จบที่วิธีของเมกุมิจริง ๆ

ซึ่งมันก็คงสร้างโลกที่สงบได้... หากแต่นั่น มันก็คือโลกที่ทุกคนเป็นดั่งตุ๊กตา ไม่ใช่โลกของมนุษย์

ในขณะที่เนกุซึ่งรังเกียจมนุษย์ ปฏิเสธการเชื่อมโยงกับผู้คนนั้น กลับเติบโตขึ้น จนถึงขั้นบอกว่าโลกที่เป็นอยู่แบบนี้ (2007) มันก็ดีอยู่แล้ว

ถึงคนเราจะต่างกัน บางครั้งอาจจะทะเลาะเบาะแว้งฆ่าฟันทำสงครามแตกหักและล่มสลาย

แต่เพราะความแตกต่าง เมื่อเราได้แลกเปลี่ยนกัน มันก็นำไปสู่ความเปลี่ยนแปลง ก่อเกิดสิ่งใหม่ ๆ ขึ้นมาเรื่อย ๆ ที่ทำให้โลกมันก้าวไปข้างหน้าได้....

ในเวอร์ชั่นเกม (2007) กับเวอร์ชั่นแอนิเม (2021) แม้สคริปต์จะต่างกันไปบ้าง แต่ใจความตรงนี้ก็ยังเหมือนกัน

แอนิเมชันตอนหน้าเรื่องราวก็จะจบลงแล้ว จะคอยดูว่า Epilogue จะเผยให้เราเห็นเรื่องราวฝั่งโจชัวแค่ไหน แล้วเราจะได้เห็นบทบาทของชิกิต่อหรือไม่

ไม่มีความคิดเห็น