Review 10 ประการ Kingdom Hearts 3D

(เขียนขึ้นเมื่อ 25/05/2012)


2 เดือนผ่านไปหลังจาก Kingdom Hearts 3D วางจำหน่าย.... แต่ตัวเกมพึ่งจะมีแพทซ์แก้บั๊คคิงคองในหลอดแก้วออกมาในวันนี้เอง มนุษย์ผู้ที่โดนความฉิบหายจากบั๊คดังกล่าวเล่นงานเข้าอย่างจังแบบผม จึงพึงจะมีโอกาสได้จบเกมก็วันนี้ และเนื่องจากผมจะรีบไปพิมพ์วิทยานิพนธ์ต่อครับ เลยไม่มีเวลามาร้อยเรียงคำพูดให้สวยหรู จึงขอรีวิวเกมนี้แบบง่ายๆ เป็นหัวข้อไปดังนี้

ประการหนึ่ง - ฉากในเกมกว้างมาก กว้างเกินไป... กว้างจนรู้สึกราวกับหลงทางอยู่กลางทะเลทราย

ฉากต่างๆ ภายในเกม Kingdom Hearts ภาคที่ผ่านๆ มาจะมีขนาดไม่ใหญ่มาก อารมณ์ประมาณว่าถ้าวิ่งเร็วๆ ก็ใช้เวลาไม่เกิน 20 วินาทีต่อการข้ามฉากหนึ่งฉาก.... แต่ไอ้ภาคนี้มันอะไรกันครับ! ขนาดของฉากที่ใหญ่ขึ้นผิดหูผิดตา กว้างในระดับที่ทำคนเดินลิ้นห้อย....

การที่ฉากใหญ่มันก็ดีอยู่หรอกครับ แต่ว่าในแต่ละฉาก มันแทบไม่มีอะไรให้ทำเลยนอกจากตีมอนสเตอร์กับเดินหาหีบ... เดินๆ ไป 2 ก้าวก็เจอมอนสเตอร์ เดินๆ ไปอีกก็เจอมอนสเตอร์อีก.... ให้สู้ซ้ำสู้ซาก สู้อย่างเดียว มันก็เบื่อนะคร้าบ~

ประการที่สอง - กราฟฟิคทีพัฒนาไปจนดีกว่าภาค BBS

นอกจากฉากจะกว้างระดับบิดามรณะแแล้ว ตัวฉากยังมีรายละเอียด สิ่งของต่างๆ ให้เดินสำรวจ สังเกตเล่นอยู่มากมาย ของแต่ละอย่างก็บรรจงทำมาดี ใส่ลูกเล่นดี แม้ว่างานกำกับศิลป์จะค่อนข้างธรรมดา ไม่ได้สวยเป็นพิเศษก็ตาม... ฉากที่ผมรู้สึกตะลึงเป็นพิเศษก็คือฉากสวนสนุกในโลกพิน็อคคิโอ ซึ่งในฉากเดียวกันนั้น มีทั้งรถไฟเหาะ ชิงช้าสวรรค์ ม้าหมุน และของเล่นต่างๆ ให้เราเข้าไปป่วนได้เต็มไปหมด และที่แสบสุดๆ ก็คือ.... ใครมันจะไปรู้ว่าในบรรดาชิงช้าสวรรค์ที่หมุนอยู่นั้น จะมีหีบสมบัติซ่อนอยู่ด้วย!

ประการที่สาม - พระเจ้าครับ อย่าได้เอาหีบไปซ่อนอีกเลย.... ตรูยอมแล้ว!!

ดาวแต่ละดาวในภาคนี้ จะมีปริมาณหีบสมบัติมากกว่าภาคที่ผ่านๆ มา 2-3 เท่า....

แต่ขนาดของฉาก ดันใหญ่กว่าภาคที่ผ่านๆ มา เกือบ 10 เท่าได้....

ดังนั้นการวิ่งหาหีบในภาคนี้ ก็ไม่ต่างอะไรกับการงมเข็มในมหาสมุทรเลย กว่าจะเจอแต่ละใบ แทบร้องไห้
ประการที่สี่ - ระบบ Reality Shift.... มันมาแทนระบบ Reaction หรือไง!?

บางครั้งเวลาสู้ๆ กับศัตรู ก็มีคำสั่ง Reality Shift ขึ้นมา... ถ้ากดทันก็จะให้ผลลัพธ์หลากหลายประการ ดูๆ แล้วสามารถเอาระบบนี้มาทดแทนระบบ Reaction ได้เลยนะเนี่ย แม้ว่าจุดประสงค์ในการสร้างมันจะค่อนข้างแตกต่างกันอยู่ก็ตาม

ประการที่ห้า - โดดชิ่งกำแพง โดดไต่กำแพง โดดไปทำไม!?

เกมเพลย์ในภาคนี้ ถูกออกแบบมาให้เน้นความรวดเร็วสุดเหวี่ยงและก็มีแอ็คชั่นแบบบ้าระห่ำมากมาย ตั้งแต่การกระโดดชิ่งกำแพง การกระโดดไต่กำแพงขึ้นที่สูง.... ตอนแรกที่ใช้ก็รู้สึกมันหวือหวาดีหรอกครับ แต่ใช้ไำปใช้มากลับรู้สึกว่าลูกเล่นมันก็วนๆ อยู่เท่าเดิม โดดๆ ไต่ๆ ถีบๆ วนอยู่แค่นั้น
ในเมื่อคุณโนมุระบอกแล้วว่านี่คือแนวทางที่ KH จะเป็นต่อไปในอนาคต ก็เชื่อได้ว่าระบบนี้จะถูกนำไปพัฒนาใช้ต่อใน KH ภาคต่อๆ ไป ก็หวังว่าระบบ Free Flow Action ที่ใช้อยู่นี้จะถูกพัฒนาให้มีลูกเล่นอันหลากหลายมากขึ้นในอนาคต ผมว่ามันมาถูกทางแล้ว คอนเซปต์ของระบบนี้น่าสนใจ แต่มันจะดีจริงถ้ามีลูกเล่นเยอะกว่าที่เป็นอยู่

ประการที่หก - บอสตัวใหญ่ยักษ์ระดับ Epic มาก!

บอสหลายๆ ตัวในเกมนี้มีรูปร่างที่ค่อนข้างใหญ่มาก ลูกเล่นที่ทีมงานใส่มาในฉากสู้บอสก็น่าสนใจดี เพลงประกอบ สภาพแวดล้อมของฉาก ฯลฯ ต่างก็ทำมาดี ดูแล้วรู้เลยว่าทีมงานเขาตั้งใจที่จะใช้ฉากสู้บอสแต่ละตัวมอบความประทับใจให้กับผู้เล่นให้ได้ ถือว่าตั้งใจทำดีครับ

ประการที่เจ็ด - เพลงประกอบ คงคุณภาพ Kingdom Hearts

ภาคนี้เพลงเพราะหลายเพลง ดูแล้วทำได้ตามมาตรฐาน

แต่น่าเสียดาย ที่เพลงที่ติดหูผม ฟังแล้วประทับใจจนอยากฟังอีกเรื่อยๆ มีน้อยมาก

ประการที่แปด - ความไร้ชีวิตชีวา กับการขาดหายไปของ Disney

เวลาวิ่งเล่นในเกมนี้ รู้สึึกโคตรจะไร้ชีวิตชีวาเลยครับ... บอกตรงๆ ว่าเล่นแล้วอยากจะวางไม่อยากเล่นต่อ เพราะมันดูหงอยเหงาเสียเหลือเกิน มีแต่หาหีบ ตีมอนสเตอร์ นั่งลูบดรีมอีทเตอร์.... ซึ่งผมเบื่อครับ

ผมตั้งคำถามกับตัวเองว่าทำไมภาคนี้มันถึงหงอยเหงาเช่นนี้
และคำตอบที่ได้ก็คือบทบาทของตัวละครจาก Disney ที่หายไป....

นานมาแล้วผมเคยคิดว่า ลำพัง Kingdom Hearts ที่เป็นอยู่นั้น ก็สามารถประสบความสำเร็จได้ด้วยเนื้อหาออริจินอลของมันเอง โดยไม่จำเป็นต้องมีโลกและตัวละครจาก Disney เข้ามาเกี่ยวข้อง.... และในเร็วๆ นี้ผมก็เคยเห็นฝรั่งหยิบยกประเด็นนี้ขึ้นมาพูดเหมือนกัน หลายๆ คนก็เห็นพ้องไปในทางเดียวกันว่า ถ้าจะเอา Disney มาเป็นตัวประกอบ.... ใส่ๆ เข้าไปเพียงเพื่อให้รู้ว่าพวกเขาเหล่านั้นได้รับความเดือดร้อนจากเหล่าตัวร้าย แบบนั้นไม่ต้องใส่มาก็ได้....

แต่พอมาเล่นภาคนี้ ความคิดของผมก็เปลี่ยนไปครับ ผมกลับคิดถึงสองคู่หูหมาเป็ด โดนัลด์แอนด์กู๊ฟฟี่ขึ้นมาอย่างจับใจ ถ้ามีเจ้าสองสัตว์นี้ร่วมผจญภัยไปด้วย การเดินทางก็คงจะเต็มไปด้วยบทสนทนาแสนฮาเฮ มีโดนัลด์คอยแหย่ มีกู๊ฟฟี่คอยปลอบ แล้วชีวิตมันคงจะสดใสยิ่งกว่านี้..... แต่ไอ้ภาคนี้มันอะไรกันครับ ต้องเดินไปกับดรีมอีทเตอร์ที่คุยกับเราด้วยไม่ได้!! แถมต้องมานั่งป้อนข้าวป้อนน้ำ ลูบหัว เอาอกเอาใจมันอีก ตรูไม่ใช่เด็กผู้หญิงนะว้อยยยย!!

อีกทั้งดาวๆ ต่างๆ ในภาคนี้ ค่อนข้างมี NPC จาก Disney น้อยกว่าภาคที่ผ่านๆ มามาก บางดาว... ก็มีแค่มิคกี้อยู่คนเดียว เวลาเดินไปเดินมาก็เจอแต่มอนสเตอร์ โคตรจะเฉาจนอยากร้องไห้เลยครับ วินาทีนั้นผมอยากจะกราบกรานขอพระเจ้า ช่วยส่งตัวละครจาก Disney ลงมาเยอะๆ เพื่อมาเอนเตอร์เทนคนเล่นที ได้โปรด...

ว่าแล้วก็นึกถึง Birth by Sleep ที่เขียนบทและความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครออริจินอล กับตัวละครจากดิสนีย์ออกมาดี ผมเชื่อว่าหลายๆ คนคงรู้สึกวูบวาบมากๆ เมื่อได้เห็นตอนที่อควอ... ขอทดลองใส่รองเท้าแก้วของซินเดอเรลล่ากับเขาบ้าง... ตอนนั้นล่ะมันจี๊ดใจจริงๆ

....เอ่อ ที่ร่ายมาก็เพื่อจะบอกว่า ผมสำนึกผิดแล้วครับ

ใครว่า Disney ไม่สำคัญ... ไอ้ภาคนี้แหละจะทำให้คุณรู้สึกคิดถึงหมาเป็ด & Disney ขึ้นมาจับใจ

ประการที่เก้า - เซอานอร์ทและเพลงประจำตัว L'Impeto Oscuro (aka. เพลงพี่โม่ง)

จาก Birth by Sleep สู่ 3D.... เซอานอร์ทได้กลายเป็นอีกหนึ่งตัวละครในดวงใจของผมเข้าอย่างเต็มตัว

กับพล็อตเรื่องที่ว่า เซอานอร์ทตอนแก่ตั้งใจจะขอความร่วมมือจากตัวเองในอดีตหลากยุคสมัย

กับคาแร็คเตอร์ที่เป็นผู้ใฝ่รู้ อุดมการณ์สูงส่ง แต่กลับวิปลาส สนุกกับการวางแผน เล่นละครตบตา

กับความสามารถอันมากล้นทั้งทางกายภาพและสติปัญญา แถมยังท่องกาลเวลาได้แล้ว
กับการลงมือเพียงลำพัง ไม่ไว้ใจใคร หากแต่ครอบงำคนอื่นให้กลายเป็นเงาของตนเอง
กับการต่อสู้สุดมันส์.... พอซัดมันใกล้คว่ำ ก็จะหนีท่องกาลเวลากลับไปก่อนเริ่มสู้....

และที่จี๊ดที่สุด ก็คือการที่เซอานอร์ทตอนแก่ ย้ายจิตมาสิงร่างเซอานอร์ทตอนหนุ่มชั่วคราว

ทำให้เซอานอร์ทตอนหนุ่มมีวิธีการพูดที่เปลี่ยนไปอย่างฉับพลัน

จากน้ำเสียงที่นิ่งเย็น กลายเป็นน้ำเสียงอันดุดัน (มิคกี้ถึงกับบอกว่าเป็นไปไม่ด้ายยยย!?)

แถมพอมาใช้ร่างตัวเองตอนหนุ่มแล้ว มาสเตอร์เซอานอร์ทกลับสามารถเรียกคีย์เบลดกาลเวลาที่ไม่น่ามีอยู่จริงออกมาได้.... ซึ่งนั่นก็คือคีย์เบลดของมาสเตอร์เซอานอร์ท ที่เปลี่ยนรูปร่างไปเฉพาะยามที่ถูกเรียกใช้ผ่านร่างเซอานอร์ทตอนหนุ่มเท่านั้น พอกลับร่างของมาสเตอร์เซอานอร์ท คีย์เบลดก็จะกลับไปเป็นทรงเดิม ส่วนเซอานอร์ทตอนหนุ่ม ก็ยังคงใช้คีย์เบลดไม่ได้อยู่ดี (คุณโนมุระบอกว่าเขามาจากอดีตในยุคที่ยังไม่เริ่มออกเดินทางจากเกาะแห่งชะตากรรม ยังใช้คีย์เบลดไม่เป็น ด้วยเหตุนี้ตอนไปป่วนยุคของอควอ ถึงไม่มีคีย์เบลดติดตัว)

การกระทำทั้งหมดนี้ เป็นอะไรที่โดนใจผมสุดๆ ครับ

แล้วยิ่งเพลงประจำตัวของเขา L'Impeto Oscuro
ยกขึ้นหิ้งเป็นอีกหนึ่งเพลงต่อสู้สุดยอดเยี่ยมได้เลย

ไปลองฟังกันได้ที่ : http://www.youtube.com/watch?v=b9il3D_neyg

ประการสุดท้าย - เกมเผาส่งของคนมีความสามารถ...

เกมนี้ จุดไหนที่ตั้งใจสร้าง พิถีพิถันออกแบบ มันก็ออกมาดี

แต่ไอ้ตรงไหนที่ปล่อยปละละเลย.... มันก็แย่จนไม่อยากให้อภัย

ตั้งแต่เนื้อหาอันน้อยนิด ความไร้ชีวิตชีวาของดาวต่างๆ.... ระบบ Free Flow Action ที่ยังไม่สมบูรณ์
การกำกับช่วงท้ายเกม... ที่อะไรก็ไม่รู้... ดูเหมือนแทรกๆ ยัดๆ มาไม่เป็นระเบียบ
แล้วยังบั๊คอีกจำนวนมาก... ที่ไม่น่าปล่อยให้เกิดได้

ปกติคุณโนมุระ จะคิดคอนเซปต์ วางเนื้อเรื่อง อะไรต่อมิอะไรให้ชัดเจนก่อน แล้วค่อยเริ่มสั่งงานให้ลูกน้องไปทำ ทว่าเกมนี้กระบวนการทำงานเกิดขึ้นอย่างฉุกละหุก เจ้าตัวบอกว่าตอนที่เขาหยิบแผนงานมากางบนโต๊ะเพื่อชี้แจงให้ทีมงานรับฟัง ตอนนั้นเขายังอยู่ในระหว่างการวางคอนเซปต์อยู่เลย.... ซึ่งความจริงก็คือตอนนั้นคุณโนมุระพึ่งจะมีเพียง 2 อย่างในหัวคือ "โลกแห่งความฝัน" กับ "Free Flow Action" ส่วนระบบที่เหลือ ทั้งดรีมอีทเตอร์... ดีไซน์ใหม่ อะไรทั้งหลายแหล่รวมทั้งบอสตัวสุดท้าย เป็นสิ่งที่ค่อยๆ งอกขึ้นมาเองอย่างไม่เป็นระบบระเบียบหลังจากได้ลงมือสร้างไปแล้ว..... เกมมันก็เลยดูแปลกๆ เหมือนคิดอะไรได้ก็เอามายัดๆ ใส่ลงไป กล่าวคือไม่ได้ถูกจัดเรียงมาตั้งแต่แรก

ลงคะแนน

เนื้อเรื่อง - 7 : ดีแต่ซับซ้อน ความจรรโลงใจด้อยกว่าภาคที่ผ่านๆ มา

เกมเพลย์ - 8 : พัฒนามาไม่สมบูรณ์

การกำกับอีเวนต์ - 7 : ด้อยกว่ามาตรฐาน Kingdom Hearts
การกำกับศิลป์ - 8 : ถือว่าค่อนข้างธรรมดา แต่มีฉากที่สวยบ้าง
ดนตรีประกอบ - 8 : ค่อนข้างธรรมดาอีกเช่นกัน....

ความคุ้มค่า - 7.5/10 ....... ไม่ได้เศษเสี้ยวของ Birth by Sleep และ Coded ยังสนุกซะกว่า

ไม่มีความคิดเห็น