บันทึกการเล่น FFXVI วันที่ 12


รังลับ

  • ไคลฟ์ โจชัว ดิออน มาลาทุกคน ก่อนจะออกเดินทางไปด้วยกัน
  • มิดกอดลาทั้งไคลฟ์ โจชัว รวมถึงดิออน

  • ไคลฟ์บอก Gav ต้องรับหน้าที่แล้ว (เป็นผู้นำในช่วงที่เขาไม่อยู่) Gav ก็บอกว่ากลับมาก่อนที่ Tarja จะรู้ล่ะ
  • โจชัวก็บอกลา ขอบคุณโยเต
  • Tarja บอกอย่าลืมยาด้วย เธอบดยาทั้งคืน ไม่ได้ให้ลืมไว้ที่โต๊ะข้างเตียง
  • ไบรอนบอกทำในสิ่งที่จำเป็น และไม่ต้องห่วงพวกเรา
  • ไคลฟ์ไปบอกลาจิล และฝากทอร์กัลด้วย ต่อด้วยกอดลาทอร์กัล บอกให้ดูแลจิลด้วย 
  • จิลบอกอย่าลืมนะ เราต่างเลือกเส้นทางของเราเอง เราเชื่อมั่นในตัวเธอ ฉันก็ด้วย


  • ไคลฟ์รับปากว่าเขาจะกลับมา สัญญาเลย ฉันรักเธอน่ะจิล
  • จิลบอกฉันรู้ ฉันก็รักเธอเหมือนกัน แล้วไคลฟ์กับจิลก็จูบลากัน
  • ไคลฟ์บอกว่าเรามีพระเจ้าที่ต้องไปฆ่า แล้วไคลฟ์ โจชัว ดิออน ก็วิ่งออกไป ดิออนแปลงเป็นบาฮามุทให้อีก 2 คนขี่ แล้วออกเดินทาง



Origin

  • มีเปลือกภายนอกเป็นคริสตัล และข้างในเป็นยานทรงชามหงาย
  • ขณะบินเข้าไปใกล้ เจอพวก Thrall มากมายเข้ามาขวางไว้ แต่บาฮามุทดิออนก็ยิงลำแสงโจมตี เปิดทางแหวกคริสตัลเข้าไปได้ อย่างไม่มีปัญหา
  • พอเข้าไปด้านในเจอบรรยากาศขมุกขมัว ไคลฟ์บอกดูโคตรห่างไกลจากสวรรค์
  • อัลเทม่าบอกว่า นี่คือจุดเริ่มต้น นี่คือ Ark ของพวกมัน พวกมันหลับใหล และรอคอยอยู่ตรงนี้มานานหลายศตวรรษ ยึดมั่นกับเปลือกอันเสื่อมโทรม (หมายถึง Origin) ด้วยความหวาดกลัวว่าเราอาจจำเป็นต้องใช้มันอีกครั้ง และในที่สุดเจ้าก็มา บัดนี้เราก็จะได้ทำมันให้สำเร็จ
  • ทั้ง 3 คนแปลงร่างเป็น Eikon เผชิญหน้ากับอัลเทม่าที่แปลงเป็น Ultima Prime 
  • ปะทะกัน โดยอิฟรีตของไคลฟ์ได้สร้างความเสียหายได้ก่อน
  • ทั้งสามช่วยกันรุม แต่ค่อนข้างเสียเปรียบ
  • โจชัวใช้ Revelation, ดิออนใช้ Mega Flare ส่วนไคลฟ์ใช้ Hell Fire พร้อมกัน เกิดเป็นท่าประสาน Tri-Disaster
  • แต่ Ultima Prime ไม่เป็นไร แล้ววาร์ปไปด้านหลังอิฟรีต ต่อยสุดแรงกระเด็นตกลงไปภายในยาน Origin
  • Ultima Prime จะปล่อยพลังใส่ซ้ำ แต่บาฮามุทเข้าไปขวาง แล้วบอกใฟ้ฟินิกซ์ไปช่วยอิฟรีต
  • บาฮามุทดิออนบอกว่าเขาไม่ได้ร้องขอการยอมรับ แต่ขอให้ได้รับการให้อภัยเท่านั้น
  • ดิออนยิงต้านพลังสู้ไม่ไหว แต่ก็ได้ปล่อยกระสุนลำแสงจากปีก ยิงใส่ Ultima Prime ก่อนที่ตัวเองจะหมดพลัง กลับเป็นร่างมนุษย์ และร่วงหล่นตกลงไป ดิออนบอกว่าบัดนี้ สำเร็จแล้วนะพ่อ…




The Core

  • โจชัวตามหาร่างไคลฟ์จนพบ แล้วฟื้นพลังให้
  • ไคลฟ์ถามว่าดิออนเป็นไง แต่โจชัวส่ายหน้า แล้วก็กระอักเลือดออกมาอีก
  • ทั้งสองพากันเดินหาทางออก ไคลฟ์ขอโทษเรื่องดิออน แต่โจชัวบอกว่าเขาทำในสิ่งที่จำเป็นต้องทำ แล้วก็เดินต่อจนถึงศูนย์กลางยาน

  • ที่ศูนย์กลาง มีคริสตัลอยู่ตรงกลาง รอบข้างรายล้อมด้วยร่างอิฟรีตที่ผ่านการใช้งานแล้วเต็มเลย อัลเทม่าบอกว่าที่นี่คือ Nexus บ่อเกิดของชีวิต ขณะที่เรามองดูโลกคลอนแคลนเข้าสู่จุดจบอันมืดมิด (น่าจะหมายถึงดาวเก่าของมัน) ที่นี่เองเราได้ปฏิญาณว่าจะเริ่มต้นใหม่ และด้วย aether ที่เราเก็บเกี่ยวมา ข้าจะคืนชีพพี่น้องจากการหลับใหลชั่วนิรันดร์ นำพาไปสู่ยุคใหม่แห่งเหตุผล
  • ไคลฟ์บอกว่านี่ไม่ใช่การสร้างแล้ว มีแต่การเอาตัวเองรอด แกลงโทษโลกทั้งใบ เพื่อที่แกคนเดียวจะหนีจากความตายได้
  • โจชัวสะดุดกับคำว่า แกคนเดียว… แล้วบอกว่าเขาเข้าใจแล้ว…
  • อัลเทม่าอีกนับสิบคน ปรากฏขึ้นหน้าร่างอิฟรีต
  • อัลเทม่ากล่าวต่อว่าพวกเขาสละร่างเนื้อ (น่าจะเป็นภาชนะอิฟรีตที่ใช้งานแล้วพวกนี้) เพื่อกลายเป็นหัวใจของคริสตัล ที่จะสูบเส้นเลือดจากส่วนลึกของโลก มาสู่ห้อง ๆ นี้ ด้วยความมานะบากบั่นของพวกเขา หลังจากงานของพวกเขาสำเร็จไปนานแล้ว… ไคลฟ์เป็นคนปล่อยพวกเขาให้เป็นอิสระ
  • ไคลฟ์ถึงเข้าใจว่า อัลเทม่าต้องการให้พวกเขาทำลาย Motehrcrystal มาตั้งแต่แรกแล้ว
  • อัลเทม่าบอกว่าพวกเจ้าทั้งคู่ รับใช้ได้ดีมาก…. แล้วมันก็บอกยินดีต้อนรับพี่น้อง
  • โจชัวกระอักเลือด แล้วบอกว่าเขาเข้าใจผิด เขาไม่ได้อ่อนแอลง แต่พวกมันต่างหากที่เข้มแข็งขึ้น แล้วก็สำลักอย่างรุนแรง จนอัลเทม่าที่โจชัวผนึกไว้ในตัว ได้ระเบิดแหกออกมาจากหกโจชัว
  • อัลเทม่าที่อยู่กลางห้อง บอกว่าบัดนี้ เราก็จะได้กลายเป็นหนึ่งเดียวกันแล้ว…
  • อัลเทม่าที่กระจายอยู่รอบห้อง ทยอยบินเข้ามารวมร่างกันที่ศูนย์กลางห้องทีละตัว
  • โจชัวที่ใกล้ตายบอกว่า

“ผมเคยคิดว่าคนที่มีไฟทำลายล้างของอิฟรีต และเพลิงแห่งการรักษาของฟินิกซ์ นั่นคือร่างที่แท้จริงของอัลเทม่า แต่ผมคิดผิด”

“ผมเข้าใจแล้วว่าพี่ไม่มีทางกลายเป็นภาชนะสุดยอดของอัลเทม่าได้”

“ฟังนะพี่ชาย จำภาพจิตรกรรมฝาผนังได้มั้ย ผู้คนเคยรู้ว่าอัลเทม่าคือพระเจ้าของพวกเขา… คือผู้สร้างพวกเขาขึ้นมา… ก็เลยบูชา ภาวนา ให้เขาชี้นำ แต่มันเปล่าประโยชน์… เขาไม่ฟัง ไม่รับรู้ความประสงค์ของเรา เราเลยหลงไปจากทางของเขา และสร้างวิถีของเรากันขึ้นมาเอง เขาหมกมุ่นอยูกับความปรารถนาของตนเอง ขับเคลื่อนด้วยความคิดของตัวเองเท่านั้น เขาถึงปฏิเสธบางสิ่ง บางอย่างที่จะทำให้เขามีพลังที่แท้จริง นั่นคือศรัทธา”

“ศรัทธาแบบที่ตอนนี้ทุกคนมีต่อพี่ ศรัทธาว่าพี่จะเติมเต็มความฝันของพวกเรา ความฝันของซิด ในการสร้างโลกที่ดีขึ้นสำหรับพวกเรา ศรัทธาว่าพี่จะเดินตามรอยเท้าของพ่อ และช่วยเหลือผู้ที่ตกทุกข์ได้ยาก ศรัทธา ว่าพี่จะตอบรับคำวิงวอนของจิล ว่าพี่จะดูแลตัวเอง…. ความแตกต่างนั้นคือ พี่เลือกที่จะรับฟัง และนั่นทำให้สายสัมพันธ์ของเราแข็งแกร่ง สายสัมพันธ์ที่ช่วยให้พี่ยืนหยัดได้อย่างมั่นคงในยามที่อัลเทม่าพยายามฉุดกระชากพี่อย่างแรงที่สุด พลังของเขาอาจะเป็นที่สุด… แต่พลังของพวกเราก็เช่นกัน… และพลังนั้นจะเป็นของพี่”

“ด้วยแสงสว่างของผม ในใจของพี่ ต่อให้พระผู้เป็นเจ้าก็ไม่อาจขัดขวางเราได้”
  • โจชัวส่งพลังฟินิกว์ให้ไคลฟ์ และบอกร่างกายของเขามันรับไม่ไหวแล้ว
  • ไคลฟ์กรีดร้อง แล้วก็สยายปีกของฟินิกซ์ที่ได้รับออกมา
  • โจชัวบอกว่าเขาภูมิใจมาตลอด ที่เรียกพี่ว่าโล่ แต่ตอนนี้โลกต้องการพี่ ขอบคุณนะไคลฟ์ ที่เป็นพี่ชายของผม
  • ไคลฟ์กรีดร้องอย่างหนักที่เห็นน้องตายเป็นครั้งที่สองต่อหน้าต่อตา
  • อัลเทม่าบอกว่าในที่สุดชิ้นส่วนสุดท้ายก็เข้าที่ (หมายถึงพลังของฟินิกซ์เข้าไปในร่างไคลฟ์) เหลืองานสุดท้าย คือการทำให้ร่างภาชนะ (ไคลฟ์) ว่างเปล่า
  • อัลเทม่าบอกว่ายังจะปฏิเสธอีกเหรอ
  • ไคลฟ์บอกอย่างที่เคยเป็น และตลอดไป ขอสาบานต่อดาบนี้ ว่าจะปกป้องไฟของวิหคเพลิงตลอดไป
  • เริ่มการต่อสู้
  • ระหว่างสู้ไป อัลเทม่าสงสัยว่าพลังอะไรที่ค้ำจุนไฟนี้ไว้

 

“มันไม่ใช่แค่จิต หรือว่านี่คือ Logos หรือว่าแกเป็นอิสระแล้วจริง ๆ ….? ไม่ ข้าไม่อนุญาต แกไม่ใช่พระเจ้า แกเป็นเพียงเลือดเนื้อและกระดูก แกไม่ใช่พวกของข้า!”

 

  • อัลเทม่าแปลงเป็น Ultima Risen (ถ้าเวอร์ชั่นตอนคนเดียวแปลง จะเป็น Ultima Prime แต่ตอนนี้เป็นร่างรวม Ultima 16 ตัว)

“ข้าสร้างพวกเจ้าขึ้นมา พวกเจ้าทั้งหมด สิ่งที่ข้าสร้าง ข้าก็ทำลายมันลงได้”

  • ไคลฟ์ก็สวนกลับ อาจจะเคยเป็น แต่พวกเราไม่ใช่ของ ๆ แกอีกต่อไป ไฟของเราคือของเรา… และมันแผดเผาเป็นหนึ่งเดียวกัน!
  • ว่าแล้วไคลฟ์ก็แปลงเป็น Ifrit Risen บ้าง
  • อัลเทม่าถามว่าแกไม่เรียนรู้อะไรบ้างเลย!? ไอ้ห่าทาสที่หันแส้เขาใส่นายของมัน
  • Ifrit Risen สู้จนร่างเนื้อ Ultima Risen ถูกทำลาย จนอัลเทม่ากลับเป็นร่างธรรมดา

“แกหวาดกลัว หวาดกลัวมาตลอด ตั้งแต่ตอนที่โซนดำทำให้แกรู้ว่าแก - อ่อนแอ” 

“แกหลอกให้เราคิดเป็นอื่น แต่ผลลัพธ์ทำให้แกสั่นคลอนถึงข้างใน” 

“แกเห็นตัวแกเองให้พวกเรา และรู้ว่าพวกเรามีศักยภาพที่จะก้าวข้ามตัวแกเองไปได้ แกจึงหันหลังให้กับสิ่งที่แกสร้างขึ้นมา หันหลังให้กับโลก เป็นตาขาวอย่างที่แกเป็น”


  • อัลเทม่ายังฮึดบอกว่าแกไม่รู้อะไรเลย Logos …แล้วตัวมันเองก็แยกออกมาเป็น 16 คนตามเดิม ก่อนจะร่ายมนต์และรวมพลังกันเป็นหนึ่งเดียวใหม่ กลายเป็น Ultimalius ร่างใส่เกราะ

“ด้วยการชำระล้างโดยแสงสว่าง ข้ายืนอยู่เหนือเจ้า การกำเนิดใหม่ของข้าเสร็จสมบูรณ์ ส่วนแก ต้องชดใช้ราคาของการขัดขืน - ด้วยความทรมานนิจนิรันดร์”

  • แต่ไคลฟ์บอกว่า จะปวดร้าว เจ็บปวด ทรมาน… แกไม่เคยรู้สึกถึงมันเลย แต่พวกเรามี เราถึงรู้ว่ามันให้อะไรเรา มันคือสิ่งที่ทำให้พวกเราสามัคคี และทำให้พวกเราแข็งแกร่ง
  • ไคลฟ์ได้ยินเสียงจากเพื่อน ๆ ทุกคนเป็นกำลังใจในการต่อสู้ ทั้ง Gav, ซิด, มิด, ไบรอน, จิล, เอลวิน

“ไม่! ข้าคือเทวดาที่พวกเจ้าต้องบูชา ข้าคือดวงตาที่ดูแคลนพวกเจ้าทั้งหมด!”

  • Ultimalius สลายเกราะ เปิดโหมด Limit Break
  • ไคลฟ์บอกยังไม่เข้าใจอีกเหรอ? แกไม่ได้ดีไปกว่าเรา เราต่างก็เหมือนกัน!
“เพราะมั่นใจว่าตัวเองอยู่เหนือสุดของโลก แกจึงปฏิเสธที่จะรับรู้คนข้างล่าง”

"แกเลือกที่จะอยู่ตัวคนเดียว ปฏิเสธสิ่งเดียวที่จะทำให้คนเราเข้มแข็งขึ้น”

“ปัดมือที่จะช่วยดึงเราไปอยู่ในจุดที่สูงขึ้น นั่นคือความแตกต่างระหว่างเรา"

"ฉันไม่อาจมาถึงจุดนี้ได้ด้วยตัวคนเดียว ฉันแบกรับความหวังและความฝันของพี่น้องผองเพื่อน และพวกเขาก็คือคนที่มอบพลังให้ฉันหยุดยั้งแก"

  • Ultimalius ยังบอกว่ามันไม่มีวันถึงจุดจบ มันคือจุดสิ้นสุดของทุกคน เจ้ามนุษย์!! โลกที่พวกแกแสวงหา มันเป็นแค่ Fantasy เท่านั้น!!

"คนที่เพ้อฝัน (Fantasy) นั้นมีแต่แก และเราคือพยานคนสุดท้าย (Final) ที่จะได้เห็นมัน"

  • ไคลฟ์เข้าไปต่อยหน้า Ultimalius ดาเมจขึ้น 999,999



  • Ultimalius ร่วงไป กลายร่างกลับเป็นร่างวิญญาณอัลเทม่า ตามเดิม
  • อัลเทม่าถามว่าคิดว่าหลังจากได้อิสระภาพกันแล้ว คิดว่าโลกจะเป็นยังไงต่อไป?
  • ไคลฟ์บอกจริง ๆ ก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่มันคงเป็นเรื่องราวที่เต็มไปด้วยบาป ความทรมาน ความยากลำบาก และความเจ็บปวด

“แต่นั่นคือสิ่งที่เราเป็น เราสู้ เราอยู่รอด เราอดทน โดยไม่ต้องการเหตุผล”

“เราคือสิ่งมีชีวิตที่ไม่สมบูรณ์ ในยามที่เราสะดุด เราเอื้อมไปหาไหล่ให้พึ่งพิง”

“ในยามที่เราล้ม เราลุกขึ้นมาอีกครั้ง”

“เราเห็นขอบฟ้าอยู่ไกลเกินเอื้อม แต่เรายังคงก้าวต่อไป”

…เพื่อตามหาคำตอบที่อยู่ไกลโพ้นไปจากนั้น เพราะนั่นคือวิถีชีวิตของพวกเรา”



  • อัลเทม่าประชดว่ายินดีด้วย เพลิดเพลินกับชัยชนะไปเถิด รู้ทั้งรู้ว่ามนุษย์ได้เพียงทำให้ชะตากรรมอันไม่อาจหลีกเลี่ยง ล่าถอยออกไปเท่านั้น โลกมนุษย์มันตายไปแล้ว ขอให้สนุกกับเปลือกดำขลับนิรันดร์ไปเถอะ
  • ไคลฟ์ดูด aether ของอัลเทม่า เข้าสู่ร่างกาย และอัลเทม่าคอพับหัก และสลายไป
  • กลับมายัง The Core อีกครั้ง ไคลฟ์เข้าไปกอดร่างโจชัวที่สิ้นลมแล้วขึ้นมา และนึกถึงชีวิตที่ผ่านมาทั้งหมด ช่วงเวลาที่มีร่วมกับน้องชาย ตั้งแต่พิธีมอบพรพลังแห่งฟินิกซ์ให้ในฐานะที่ไคลฟ์เป็นโล่อันดับ 1 แห่งโรซาเรีย, ตอนที่โจชัวพึ่งลืมตาดูโลกและไคลฟ์ได้เห็นโจชัวเป็นครั้งแรก

  • ไคลฟ์สังเกตเห็นแผลที่หน้าอกของโจชัวที่เป็นรูขนาดใหญ่ แล้วก็ลองใช้ไฟแห่งการรักษาของฟินิกซ์ เป็นครั้งแรก ทำให้แผลปิดลง แต่ก็ไม่รู้ว่าจะได้ผลหรือไม่
  • แล้วไคลฟ์ก็หันไปทางคริสตัลก้อนสุดท้ายที่ตั้งอยู่กลาง The Core


“ดูเหมือนพลังของอัลเทม่า จะยิ่งใหญ่เกินกว่าร่างภาชนะนี้อยู่ดี”

“แต่เมื่อฉันได้มาแล้ว บางทีอาจใช้มันในทางที่ถูกได้ และทำให้มรดกของอัลเทม่า…”

“แบร์เรอร์ ร่างทรง คริสตัล เวทมนต์…. มอดไหม้เป็นจุลไปซะ”

“แม้นั่นจะหมายถึง จุดจบของฉันก็ตาม”

“นี่คือ ประสงค์ของเรา”


  • แล้วไคลฟ์ก็ระเบิดพลังไฟเต็มพิกัด แผดเผาจากรอบตัวออกไปเป็นรัศมีบริเวณกว้าง จนเปลือกรอบนอกของ Origin แตกกระจาย ตามด้วยยาน Origin ที่ลอยอยู่บนฟ้า ถล่มร่วงลงกลับสู่ผืนดิน


Dark Coast


  • ไคลฟ์ที่ตกลงมาสู่หาดทรายริมทะเล มือสั่นเทิ้ม พลิกตัวเอื้อมมือขึ้นไปทางพระจันทร์ แล้วพยายามเรียกไฟออกมา แต่ไฟนั้นออกมาเพียงวูบเดียวแล้วหายไป เป็นสัญญาณว่ามรดกทั้ง 4 ของอัลเทม่าได้หายไปแล้ว

“เธอเห็นเหมือนกันรึเปล่านะ จิล?”

  • แล้วไคลฟ์ก็หลับใหลไป


รังลับ

  • Edda ที่ช่วยมาจากวาลูด พึ่งคลอดลูกออกมา โดยมีจิลและมิดช่วยอยู่ข้าง ๆ
  • พอการคลอดเรียบร้อยดี Gav ก็รีบวิ่งมาดูทารกน้อยด้วยความยินดี
  • ขณะเดียวกันทอร์กัลยังคงต้องมองพระจันทร์และดาว Metia อยู่เรื่อย ๆ
  • จิลไปดูดาว Metia ด้วย แล้วก็พบว่าดาว Metia ดับแสงไป ต่อหน้าต่อหน้า
  • จิลถึงกลับกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ และรีบวิ่งออกจากห้องไป โดยมีทอร์กัลวิ่งตามไปด้วย
  • Gav เองพอเห็นท่าทางจิลแบบนั้น ก็กลั้นน้ำตาไม่อยู่ตามไปด้วย

“โลกเป็นของพวกเราแล้ว พวกเราที่จะทำตามใจปรารถนา”

“นั่นคือสิ่งที่ซิดต้องการ สิ่งที่ทั้งสองต้องการ”

  • จิลออกมาร้องไห้ไม่หยุดที่ระเบียงด้านนอก โดยมีทอร์กัลมายืนเคียงข้างด้วย และทอร์กัลก็หอนขึ้น 2 ครั้ง
  • จิลเข้ามากอดและพิงทอร์กัลไว้ ในขณะที่แสงตะวันที่ลับหายไป ค่อย ๆ คืนกลับสู่โลกอีกครั้ง ยุคสมัยของเทพเจ้าได้สิ้นสุดลง และรุ่งอรุณใหม่ของมนุษย์ ก็ได้มาถึง


“และแล้ว… การผจญภัยของเราก็จบลง”





โลกในเวลาต่อมา
  • เด็กชายพี่น้องสองคนเก็บฟืนกลับบ้าน แล้วใช้หินเหล็กไฟจุดไฟขึ้นมา ระหว่างนั้นก็บ่นว่าอยากใช้ไฟได้เหมือน Eikon จัง
  • แต่แม่บอกว่าเรื่องเวทมนต์มันมีแต่ในนิทานเท่านั้น และนิทานไม่ช่วยให้ต้มน้ำได้นะลูก
  • เด็กจุดไฟสำหรับ แม่ก็บอกให้ออกไปเล่นกันก่อนจนกว่าจะถึงเวลาอาหารเย็น
  • พี่คนโตบอกน้องว่า มาเล่นเบียวเป็นเรื่อง Saint and the Sectary กัน! แต่น้องบอกม่ายยย! ผมไม่อยากเป็น Madu อยากเล่นเป็นเรื่อง War of the Eikons มากกว่า!!
  • ภาพซูมเข้าไปหนังสือเล่มหนึ่งในบ้านที่ล้างสมองไอ้เด็กสองคนนี้ หนังสือนั้นคือเรื่อง Final Fantasy ซึ่งแต่งโดยโจชัว รอสฟิลด์

  • น้องบอกอยากจะเล่นเป็นอิฟรีต พี่ชายก็บอกทำไมล่ะ? เขาเป็นพี่ชายน่ะ!!
  • น้องบอกเพราะบาฮามุท (ชี้ไปทางหมาที่ทั้งสองเลี้ยงไว้) บอกแบบนั้น!!


--------------------------------------------------------


รังลับ - หลังจบเกม


ข้อมูล Ultima

ชนเผ่าโบราณเผ่าหนึ่ง ที่มีตัวตนอันเสมือนเทพเจ้า นานมาแล้ว ผู้รอดชีวิต 16 คนจากเผ่าของเขาได้เดินทางมายังวาลิสเธีย ด้วยเรือที่เรียกว่า Origin ที่พวกเขาจะวางรากฐานของการร่ายเวทย์มนต์ทรงพลังขั้นสุด เวทย์ที่จะชุบชีวิตเหล่าพี่น้องผองเพื่อนที่ตายจากไป และสร้างโลกใบใหม่ขึ้นมา เหล่าอัลเทม่า “Ultimas” มีสติสัมปชัญญะเดียวกัน และสามารถผสานพลังอันยิ่งใหญ่ของพวกเขาให้เป็นหนึ่งเดียว เป็นร่างสุดยอด 

ข้อมูล Origin

สิ่งปลูกสร้างขนาดยักษที่กบดานอยู่ใต้ Crystalline Dominion มานับศตวรรษไม่ถ้วน และถูกเปิดเผยว่าเป็นพาหนะที่อัลเทม่าและพี่น้อง ใช้ตอนมาเยือนวาลิสเธียครั้งแรก แม้มันจะหยุดการทำงานไปในขณะที่ผู้โดยสารของมันหลับใหล ท้ายที่สุดมันถูกเปิดการทำงานอีกครั้ง เพื่อดำเนินแผนของอัลเทม่าขั้นสุดท้าย ในการสร้างโลกตามอุดมคติ

ข้อมูล Accolade

พิธีกรรมของโรซาเรีย ที่ร่างทรงฟินิกซ์จะมอบพรแห่ง Eikon ให้แก่โล่อันดับหนึ่ง (First Shield) ในปี 860 โจชัว รอสฟิลด์ ผู้สืบทอดราชบัลลังค์ได้มอบเกียรตินี้ให้แก่พี่ชายไคลฟ์ เป็นหลักฐานถึงความรักและความเคารพที่เจ้าชายตัวน้อยมีต่อพี่ชาย


ข้อมูล Mythos

คือชื่อที่อัลเทม่าเรียก “ภาชนะที่มีพลังไร้ขีดจำกัด” ที่เขารอคอยมาอย่างยาวนาน เขาระบุว่าไคลฟ์เป็น Mythos เพราะการที่ไคลฟ์ตื่นขึ้นในฐานะร่างทรงของอิฟรีต และมีพลังที่จะดูดซับ Aether ของ Eikon ตนอื่น ๆ อัลเทม่าสร้างมนุษยชาติขึ้นมาก็เพื่อจุดประสงค์นี้ - การที่วันหนึ่งเขาจะยึดร่างภาชนะที่แข็งแกร่งพอที่จะร่ายมนต์ที่จะชุบชีวิตชนเผ่าที่ตายไปแล้วของเขา และสร้างโลกใบใหม่ตามวิสัยทัศน์ เขาทำให้ไคลฟ์ปะทะกับ Eikon ตนอื่น ๆ เพื่อที่ไคลฟ์จะได้ซึมซับพลังของพวกมัน และทำให้ร่างภาชนะเข้าใกล้ความสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น

ข้อมูล The Remaking of the World

ตำนานผู้กอบกู้วาลิสเธียมากมายได้กล่าวถึงการ “Raise” - การที่ผู้ศรัทธาได้เสด็จขึ้นสู่สวรรค์ สันนิษฐานได้ว่าตำนานนี้มีจุดกำเนิดมาจากคำสอนของ Circle of Malius เราอาจคาดหมายได้ว่าการกระทำที่ว่านั้น คืออย่างเดียวกับเวทมนต์ที่อัลเทม่าต้องการภาชนะในการร่าย - ทว่า “Raise” ของอัลเทม่า ไม่ได้เป็นการช่วยผู้ศรัทธา แต่เป็นเพียงการคืนชีพให้ชนเผ่าของตนเอง และพาพวกเขา ลำพังพวกเขาเองเท่านั้น ไปสู่โลกที่ถูกสร้างขึ้นใหม่

ข้อมูล Ultima’s Spell

เวทย์ที่อัลเทม่าตั้งใจร่ายเพื่อคืนชีพให้พี่น้องผองเพื่อนที่เข้าสู่การหลับใหลชั่วนิรันดร์ และสร้างโลกขึ้นใหม่ การร่ายมนต์นั้น เขาจำเป็นต้องใช้ Aether ปริมาณมหาศาล ซึ่งสูบขึ้นมาจากผืนแผ่นดินโดย Mothercrystal ด้วยเวลาหลายศตวรรษ และร่างภาชนะที่แข็งแกร่งพอที่จะลำเลียง (การไหลของ Aether มหาศาล) ได้ - ตัวตนนั้นคือ Mythos

ข้อมูล The First Wyrm

หลังจากวางแผนในการลัก Aether ของแผ่นดินเพื่อใช้ในการฟื้นฟูดวงดาวเสร็จ เหล่าพี่น้องของอัลเทม่าได้แปลงร่างเป็น Mothercrystal โดยมีหัวใจอยู่ในนั้น เหลือแต่เพียงอัลเทม่าไว้ เพื่อปกปิดจุดประสงค์ที่แท้จริง อัลเทม่าจึงตั้งชื่อ Mothercrystal แต่ละก้อนตามชื่นส่วนของมังกรโบราณ ทิ้งตำนานไว้ให้มนุษย์ชาติเล่าขานจนถึงทุกวันนี้

ข้อมูล Ultima Prime

หนึ่งในร่างอวตารอันมากมายที่อัลเทม่าทิ้งไป ร่างที่อ้างตัวว่าเป็นเทพเจ้านั้นรอคอยการมาถึงของไคลฟ์ โจชัว และดิออนอยู่เหนือ Origin แม้มันจะมีรูปร่างคล้ายกับ Infernal Eikon การที่มันอยู่ใน Dark Crystal มาหลายศตวรรษได้ชะลอการเสื่อมสภาพของมันให้ช้าลงได้เป็นอย่างมาก ทำให้รักษาทั้งร่างและฟังก์ชันเอาไว้ได้


ข้อมูล Ultimalius

ชื่อที่แท้จริงของร่างอวตารของอัลเทม่า ที่นำเผ่าพันธุ์ที่เหลือรอดสุดท้ายของเขามาถึงวาลิสเธียอย่างปลอดภัย ตอนที่ Origin ถูกฝังไว้ใต้ผืนโลก เพื่อจะดูดซับ aether ที่จำเป็นต้องใช้ในการสร้างโลกใหม่ วิหารยักษ์ได้ถูกตั้งไว้บนฟากฟ้าเหนือไปด้านบนนั้น ที่จะสามารถมองลงมาดูมนุษยชาติได้ เมื่อได้มอบพรในการใช้เวทมนต์ให้แก่มนุษย์ และเมล็ดที่จะกลายเป็นคำทำนายของ "ผู้กอบกู้" Ultimalius ได้ให้พี่น้องของเขาเข้าสู่การหลับใหลอันยาวนาน เพื่อที่วันหนึ่งพวกเขาจะได้กลับมาอีกครั้ง

ไม่มีความคิดเห็น