รายละเอียดล่าสุด Final Fantasy Type-0 HD จาก Siliconera

เว็บไซต์ Siliconera ได้ลงบทสัมภาษณ์คุณฮาจิเมะ ทาบาตะ ต่อจากบทสัมภาษณ์เมื่อวานนี้ ซึ่งวดนี้เป็นบทสัมภาษณ์ในส่วนของเกม Final Fantasy Type-0 HD ซึ่งมีเนื้อหาสรุปได้ดังนี้

- เนื้อเรื่องและสภาพแวดล้อมของเกมย่อมเปลี่ยนไปตามตัวละครหลัก ถ้าตัวละครเป็นผู้ใหญ่ก็ย่อมอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบผู้ใหญ่ และมีความสัมพันธ์กันแบบผู้ใหญ่ด้วย

- ตัวละครผู้ใหญ่ย่อมจะมีความเป็นเอกเทศ ความเป็นตัวของตนเองที่สูงกว่า วิธีการเว้นระยะห่างของความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนกันก็ย่อมต่างจากวัยรุ่น

- ใน Type-0 นั้นตัวละครหลักเป็นพวกวัยรุ่น ซึ่งพวกเขายังไม่ตระหนักถึงความหนักหน่วงของชีวิต และความน่ากลัวของการต่อสู้ มีหลายสิ่งหลายอย่างที่พวกเขาไม่เคยรู้ แต่พวกเขาจะได้ประสบ และเติบโตขึ้นในระหว่างเกม นั่นคือเนื้อเรื่องที่เกิดขึ้นได้สำหรับการกำหนดให้ตัวละครหลักเป็นกลุ่มวัยรุ่น

- ในตัวเกมเวอร์ชั่น PSP นั้น มีระบบ ad-hoc multiplayer ซึ่งทำให้ผู้เล่นอื่นเข้ามาช่วยเล่นทำมิชชั่นในเกมได้ แต่ตัวเกมเวอร์ชั่น HD นั้นได้ตัดการเชื่อมต่อกับผู้เล่นอื่นออกไป ทีมงานจึงทดแทนด้วยการพัฒนาระบบ A.I. Assist ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น สำหรับคนที่ไม่เคยเล่นภาค PSP มาก่อน ระบบนี้ก็คือการส่งตัวอวาตาร์ของทีมงานมาช่วยผู้เล่นในการต่อสู้ ซึ่งทั้งอวตาร์ของทีมงานหลักอย่างคุณโนมุระ (จำได้ว่าเป็นตัวคิง) ของคุณทาบาตะเอง หรือของประธานคนเก่าอย่างคุณคุณวาดะ ฯลฯ แต่ละคนก็จะมีตัวอวาตาร์เป็นตัวละครที่พวกเขาชอบใช้ ซึ่งแต่ก่อนตัวละครพวกนี้ง่อยมาก ตอนนี้จึงได้ปรับให้ตัวละครเหล่านี้แข็งแกร่งขึ้น

- ในเวอร์ชั่นใหม่นี้ยังมีการเพิ่มอวตาร์ของประธานคนใหม่ โยสึเกะ มัตสึดะมาช่วยสู้ด้วย คอนเซปต์ของระบบนี้ก็เพื่อสร้างความรู้สึกว่าทีมงานได้มาช่วยผู้เล่นในการต่อสู้ด้วยนั่นเอง

- พวกแรร์ไอเทมที่หาได้จากโหมด Multiplayer ในตัวเกมเวอรชั่นเดิม ในตอนนี้ที่ไม่มี Multiplayer แล้ว วิธีการหาแรร์ไอเทมพวกนั้นก็เปลี่ยนไป

- ในเกมมีการเพิ่มชุดใหม่ให้แก่ตัวละครลงไป (เวอร์ชั่นเดิมมีตัวละครละ 3 ชุด เวอร์ชั่นนี้เพิ่มของใหม่มาอีก 1 รวมเป็น 4 ชุด)

- พอถูกถามว่าองค์ประกอบที่จะทำให้เกมเป็น Final Fantasy คืออะไร? คุณทาบาตะตอบหยอกเล่นก่อนว่า โจโคโบะ! แล้วคุณทาบาตะก็บอกว่าคุณคิตาเสะเคยเล่าให้ฟังว่าคุณซากากุจิเคยบอกให้ทีมงานทุกคนสามารถสร้าง FF ได้อย่างอิสระตามที่ต้องการ ทว่าในการที่คุณจะสร้าง FF ได้ คุณต้องได้รับการยอมรับ ต้องถูกเลือกให้เป็นผู้ที่เหมาะสมก่อน ซึ่งในกรณีของคุณทาบาตะแล้ว ทั้งคิตาเสะและโนมุระต่างให้การยอมรับเขา และเชื่อว่าตัวคุณทาบาตะสามารถดูแลซีรีส์นี้ได้

- ซีรีส์ FF นั้นถูกส่งไปอยู่ในมือของผู้พัฒนามากมาย แต่ละภาคก็ใช้ทีมงานคนละทีม ทว่า DNA ที่แท้จริงของ FF นั้นจะถูกถ่ายทอดไปยังผู้สืบทอดที่เหมาะสมเท่านั้น และคุณคิตาเสะยังเคยบอกเขาไว้ว่า เมื่อถึงเวลาที่ต้องยกซีรีส์นี้ต่อให้กับใครอื่นแล้ว ต้องดูให้แน่ใจว่าเขาคนนั้นรู้จัก DNA ของ FF และมีใจที่จะทำงานให้กับมัน

- เมื่อถามถึงนิยามของซีรีส์ Type คุณทาบาตะตอบว่าในแง่ของการกำกับ ซีรีส์ Type ต้องมีแนวทางการกำกับที่ยิ่งใหญ่กว่า ต้องท้าทายต่อสิ่งที่ไม่สามารถทำได้ในภาคหลัก เพื่อส่งมอบเกมนี้ให้กับกลุ่มเป้าหมายใหม่บนเครื่องใหม่

- คุณทาบาตะรู้ว่าในการสร้าง FF นั้น มันมีความคาดหวังมากมายจากแฟน ๆ เกิดขึ้น ความคาดหวังนั้นมาจากประสบการณ์ในการเล่นภาคก่อน ๆ ของแฟน ๆ ซึ่งพวกเขาอยากได้รับประสบการณ์ความรู้สึกแบบเก่านั้นอีกครั้ง แต่ขณะเดียวกัน การสร้าง FF ก็ต้องท้าทายกับการสร้างสิ่งใหม่ ๆ ขึ้นมา ซึ่งก็มีแฟนอีกกลุ่มก็รอคอยที่จะได้พบเจอสิ่งใหม่ ๆ ที่ไม่เคยมีมาก่อนเช่นกัน

- การบาลานซ์ระหว่างองค์ประกอบเก่าที่แฟน ๆ ต้องการ กับการสร้างสิ่งใหม่ ๆ ขึ้นมา เป็นเรื่องที่สำคัญ ถ้าแบ่งกัน 50-50 ได้ แฟน ๆ ส่วนใหญ่ก็คงรู้สึกว่ามันมีพัฒนาการที่เหมาะสมแล้ว แต่ถ้าเป็นไอเดียใหม่ 80 ไอเดียเก่า 20 แบบนี้ถึงจะเป็นภาคที่ท้าทาย - สำหรับเขาแล้ว เขาสร้าง FFXV ด้วยสมดุล 50-50, กรณีของ Type-0 คือ 70-30 และ ซีรีส์ Type ภาคอื่น ๆ จะเป็น 80-20 (สมกับที่เรียกว่า new type of Final Fantasy)

- คุณทาบาตะบอกว่าสำหรับซีรีส์ Type จะมีอิสระในการกำหนดฐานลูกค้ามากกว่าภาคหลัก ตัวอย่างเช่น ภาค Type-1 เขาอาจจะสร้างเนื้อเรื่องให้เหมาะกับตลาดผู้ใหญ่มากขึ้น ขณะที่ Type-2 เขาอาจจะกลับไปทำเนื้อเรื่องให้เหมาะสำหรับเด็กก็ได้ แต่สำหรับ FF ภาคหลักนั้นพวกเขาได้เน้นสร้างเกมให้เหมาะสมกับลูกค้าหลากวัย เอาให้กว้างที่สุด ...แต่ซีรีส์ Type เขาจะเลือกว่าจะให้ภาคนี้เจาะตลาดลูกค้าวัยไหน แล้วสร้างเนื้อเรื่องให้เหมาะสมกับกลุ่มวัยนั้น ดังนั้นตลาดของภาค Type จะแคบกว่าภาคหลัก

- คุณทาบาตะทิ้งท้ายว่าทีมงานคนอื่น ก็อาจจะมีไอเดียในการสร้างเกมแบบอื่นที่เป็นของของตนเอง ซึ่งสำหรับซีรีส์ Type นี้ก็จะเป็นสถานที่ปล่อยของได้เต็มที่ ใส่ได้ตามใจชอบ ทว่าในแง่ของงบในการพัฒนา ภาค Type ที่เป็นซีรีส์ย่อยใหม่ก็ย่อมได้รับทุนน้อยกว่าภาคหลัก แต่นั่นก็นับเป็นความท้าทายที่มากกว่าด้วยเช่นกัน

ไม่มีความคิดเห็น