บันทึกการเล่น FFXVI วันที่ 8

 The Ironworks (ชานเมือง Kanver)

  • มิดเอาชิ้นส่วนกลับไปประกอบ ไคลฟ์ถามว่าเราจะไล่ตาม Einherja ทันมั้ย? มิดบอกว่าเรือดำนั้น คือหนึ่งในเรือที่ใหญ่ที่สุด เร็วที่สุด เรืออื่นคงโดนทิ้งไม่เห็นฝุ่น แต่นี่ไม่ใช่เรืออื่น นี่คือ Enterprise และโลกไม่เคยเห็น engine ของพ่อเธอมาก่อน
  • ไคลฟ์บอกโจชัวว่าเคยได้ยินกวีขับร้องว่า บาร์นาบัสมาจากเกาะทางใต้ ล่องเรือขึ้นทวีปธุลี Ash และใช้ฝีมือดาบไต่ขึ้นบัลลังค์ แล้วดาบของโอดินสามารถ
  • ถ้ำโดนโจมตี โดยเหล่า Akashic
  • ชนะได้หมด มิดบอกว่าเรือพร้อมแล้วให้ขึ้นเรือได้
  • แต่ Sleipnir กลับเดินเข้ามา ทำให้ไคลฟ์ตกใจว่าก็ฆ่าไปแล้ว


  • โจชัวบอกว่าอย่างที่คิดจริงด้วย Sleipnir ไม่ใช่คน แต่เป็นสิ่งที่โอดินสร้างขึ้นมา 
  • Sleipnir ออกมาเป็นฝูงเลย 
  • ไคลฟ์ตะโกนบอกมิด ออกเรือก่อนเลย เดี๋ยวตามไปเอง
  • โจชัวบอกว่าพวกมัน สรุปแล้วเป็น Egis (แบบ Chirada ที่เราเคยสู้)
  • ฆ่าเท่าไหร่ก็ไม่หมด 
  • โจชัว ไบรอน Gav ทอร์กัล โดดขึ้นเรือ ไคลฟ์วิ่งตามมาคนสุดท้าย


Naldia Narrow

  • เรือ Einherjar จิลโดนจับตัวใส่ Fetter อยู่ บาร์นาบัสบอกเขาใช้จิลบรรณาการ Mythos ดังนั้น ต้องไม่ให้บาดเจ็บ


Enterprise

  • ไบรอนบอกมิดคงไม่มี engine สำรอง 
  • ไบรอนบอกไคลฟ์ดื้อด้านเหมือนพ่อเลย เขายังมีเรื่องพ่ออีกมากมายจะเล่า ห้ามตายอีกล่ะ
  • ไบรอนแยกเรือแจวแยกไปที่ Ran’dellah เขาบอกในสนามรบเขาก็แค่คน ๆ เดียว แต่ไคลฟ์ต้องการคนเป็นพัน เพื่อนเขาน่าจะจัดให้ได้


Twinside

  • ดิออน เดินกระเผกกลับมายัง Twinside ที่กลายเป็นซากเมือง แล้วร้องไห้ว่าตัวเองทำอะไรลงไปตอนเสียสติ ก่อนจะล้มลงไป แล้วสาวน้อยขายยามาช่วย



The Naldia Narrow

  • ทำไมท้องฟ้าไม่ชมพูดแดงแล้ว (ตั้งกะที่ Twinside ละ)
  • มิดบอกมีทะเลกว้างใหญ่ระหว่างที่นี่กับวาลูด แต่ถ้าจะขึ้นเหนือ ก็ต้องผ่าน Dzemeks และเข้าช่องแคบ เราจะไล่ตามทัน
  • เรือไล่ตามทัน
  • ไคลฟ์กับโจชัวรู้สึกถึงจิล
  • บาร์นาบัสบ่นว่าเขาพยายามตัดสายสัมพันธ์ใจ แต่กลายเป็นดันแน่นแฟ้นขึ้น น่าหลงใหลนัก
  • มันแปลงร่างเป็นโอดิน แล้วบอกว่าไม่มีอะไรที่ดาบเขาตัดไม่ได้
  • บาร์นาบัสฟันคลื่นดาบมาทาง Enterprise  แต่มิดหักหลบได้สวย
  • เรือชนข้างกัน ไคลฟ์กับทอร์กัล โดดเข้าไปใน Einherjar แต่บาร์นาบัสอ้อมมาขึ้น Enterprise
  • โจชัวแปลงร่าง Semi-prime เข้าสู้บาร์นาบัส
  • ไคลฟ์ตามหาจิลใน Einherjar แล้วเห็นว่าเรือมันแยกออกจากกันแล้ว โจชัวกำลังสู้อยู่
  • ทหารวาลูดตะโกนว่าต้องจับเป็นไคลฟ์
  • ไคลฟ์ช่วยจิลออกมาได้
  • บาร์นาบัสวาร์ปไปกลางทะเล พร้อมเป็นร่างโอดินเต็มยศ โจชัวแปลงเป็นฟินิกซ์ไปสู้ พลังดาบของโอดินแหวกท้องทะเลให้แยกจากกันได้ ทำให้เรือ Einherjar เอียงล้มลงไปในร่องน้ำนั่น

  • ไคลฟ์กับจิลลงจาก Einharjar เหยียบลงพื้นดินที่แยกออกมา
  • บาร์นาบัสตามมาหาไคลฟ์ บอกว่าโลกจะถูกฉาบด้วยสีดำ
  • ไคลฟ์บอกว่ามันจะไม่เป็นแบบนั้นหากเขากำจัดต้นเหตุได้ ทำลาย Mothercrystal ก้อนสุดท้าย และนำสมดุลกลับสู่โลกได้ 
  • บาร์นาบัสบอกว่าโซนดำเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยง ต่อให้ผู้ยิ่งใหญ่แค่ไหนก็หยุดการคืบคลานของมันไม่ได้ พยายามไปก็มีแต่ทรมานเปล่า ยอมรับความจริง และเจียมตัวซะ
  • ไคลฟ์บอกตราบใดที่ยังมีหวัง ก็มีทางเลือกเสมอ
  • บาร์นาบัสกกลับเป็นร่าง Semi-prime
  • ไคลฟ์บอกให้จิล หนีไปไกล ๆ ก่อนเลย จิลจะไม่ไป แต่ไคลฟ์บอกให้เชื่อเขา
  • ไคลฟ์โดน Zentetsuken เข้าไปอีก จิลเข้ามารับ

  • บาร์นาบัสบอกว่าจิตของไคลฟ์ ทำให้อ่อนแอลง ไขว้เขวจากเป้าหมาย พวกเราเป็นใคร? ร่างทรงคืออะไร? ลมหายใจของผู้สร้างยังอุ่น ๆ ที่ริมฝีปากเราอยู่เลย เราถือแสงของเขา แสงที่จะชี้นำมวลมนุษย์ในนามของพระองค์ เราคือผลงานของพระผู้เป็นเจ้า หากปราศจากสิ่งที่พระองค์ให้มา เจ้าก็ไม่มีอะไรเลย พลังของเราก็คือของพระองค์ และยิ่งใช้ ก็ยิ่งทำให้เราเสื่อมสลาย ทำลายเรา ลบล้างเรา… Eikon เป็นพลังที่มากเกินไป กระทั่งคนเพียงหยิบมือที่พระองค์เลือกมาก็ตาม เว้นแต่แก ที่แม้ใช้พลังมากมาย ร่างกายก็ไม่เป็นไร พวกเราร่างทรงคือวิธีการนำพาจุดจบให้มาถึง เราถูกสร้างมาเพื่อแก ให้แกสูบพลังของเราไป และทำเป้าหมายของเทพให้เป็นจริง แกไม่อาจมองไปไกลกว่าคุกแห่งจิตใจตัวเองได้ ตราบใดที่แกยังละเลยเรื่องนี้ แกก็ไม่มีวันทะลวงการป้องกันของฉันได้  แต่เอาเถอะ แกคิดปลอบใจได้ว่าไม่ใช่แกคนเดียว โซ่ตรวนแห่งจิตมันพันธนาการมนุษยชาติทั้งหมด พระองค์ก็สงสารในความผิดพลาดที่สร้างขึ้นมา จึงอยากให้กลับคืนสู่สภาพอันเหมาะสม
  • ไคลฟ์คิดได้ว่า Sleipnir เคยบอกว่า Akashic ก็คือมนุษย์เหมือนพวกเรา แต่ปลดเปลื้องจากจิตที่ทำให้เราบ้าคลั่ง พวกมันบริสุทธิ์ ดุจดั่งเทพ 
  • บาร์นาบัสบอกว่า มันคือการทำให้กลับสู่สภาพเดิม มนุษย์หลงผิดเพราะจิตอันอลหม่าน ถึงเวลาที่พวกเขาจะกลับคืนสู่โลกแห่งความเท่าเทียมกันอันแสนสงบ จะได้พบทางรอดอีกครั้ง
  • จิลด่าว่ารอดอะไร การทิ้งสิ่งทุกอย่างที่เรารักไปเนี่ยนะ
  • ไคลฟ์บอกว่า เราไม่ต้องการทางรอดของแก เราจะช่วยตัวของเราเอง ด้วยวิธีของตนเอง
  • บาร์นาบัสบอกยิ่งแสดงการต่อต้าน โซ่แห่งจิต ก็ยิ่งพันแน่น ทว่าข้อนี้อาจจะป็นประโยชน์
  • **เรื่องที่ว่าเทพเจ้าชอบ สิ่งมีชีวิตจิตบริสุทธิ์ หยั่งกะหุ่นยนต์นี่ก็ มีมาตั้งแต่บูนิเบลเซ่แล้ว
  • ทะเลกำลังปิดกลับตามเดิม
  • บาร์นาบัสบอกว่ายิ่งมันพันแกกับร่างทรงที่เหลือเร็วเท่าไหร่ แกก็ยิ่งกระหาย จนกว่าแกจะกลับคืนสู่คำตอบเดียวที่เคยมี
  • จิลบอกว่าแผ่นดินธุลีอยู่ห่างไม่ไกล เธอพยายามแช่แข็งทะเลไว้ แล้วให้วิ่งหนีกันสุดชีวิต


Shadow Coast

  • จิลหวังว่าคนอื่นจะปลอดภัย ไคลฟ์บอก Enterprise ไม่ได้ตกร่องทะเลมา รอดแน่นอน แล้วพวกเขาต้องเห็นน้ำแข็งของเธอ เราแค่รอจนฟ้าสาง เขาแพ้บาร์นาบัสอีกแล้ว สู้ไม่ได้เลย
  • จิลบอกไคลฟ์ที่เธอรู้จักไม่ยอมอยู่แล้ว
  • ไคลฟ์กลัวว่าถ้าสิ่งที่บาร์นาบัสพูด เป็นจริง เขาก็เหมือนมอนสเตอร์ ทุกเขาที่เขาใช้ไฟในตัว มันยิ่งแผดเผาสิ่งที่เขาเป็น
  • จิลบอกว่ามันไม่เกี่ยวว่าได้พลังมายังไง มันสำคัญว่าจะใช้ยังไง ซึ่งไคลฟ์เลือกจะใช้เพื่อความดี
  • ไคลฟ์บอกเขาใช้แต่เพื่อฆ่า แล้วเป้าหมายเขาคือยังไง เเขาควรทำไงดี
  • จิลบอกไคลฟ์ก็เป็นเด็กคนเดิมที่เธอรู้จัก พยายามช่วยทุกคนรอบตัว แต่กลับโดดเดี่ยวตัวคนเดียว เพราะลืมที่จะช่วยสิ่งที่จำเป็นต้องช่วยที่สุด นั่นคือไม่เคยคิดช่วยตัวเองรอด
  • ไคลฟ์บอกเขาคงเกินจะช่วยได้
  • จิลบอกไม่มีใครเกินจะช่วยได้ ไคลฟ์สู้เพื่อความอยู่รอด จะได้มาปกป้องคนที่รัก และไคลฟ์ไม่เปลี่ยนไป ดังนั้นเธอจะช่วยให้สิ่งที่จำเป็น เพื่อให้ไคลฟ์มีสิ่งที่จะมาปกป้องพวกเราทุกคนได้
  • แล้วไคลฟ์ก็ดูดพลังจากจิลไป ภาระที่เขารับไปนี้ ความเจ็บปวด บาป ความเศร้าโศก เขาเข้าใจแล้วว่า ทั้งหมดคือส่วนหนึ่งของเขา เขาก็จะสู้ต่อ มอบชีวิตให้คนที่รัก ก็ยินดีแบกรับภาระนี้ไว้ จนกว่าจะหมดลมหายใจ เขาสัญญาว่าเราจะออกไปจากชะตากรรมนี้ด้วยกัน ค้นพบวิธีที่จะช่วยกันและกัน วันหนึ่งเราจะได้มองพระจันทร์ด้วยกัน อีกครั้ง
  • จิลก็สัญญาว่าเมื่อถึงตอนนั้น เธอจะอยู่กับไคลฟ์ด้วย ไม่ว่าไคลฟ์จะกลายเป็นยังไงก็ตาม
  • ไคลฟ์บอกไม่เคยรู้มาก่อน ว่ารอยยิ้มของจิล จะทำให้เขามีความสุขมากขนาดนี้


รุ่งสาง เรือ Enterprise อยู่ใกล้ฝั่ง

  • ไคลฟ์บอกเดี๋ยวก็เจอบาร์นาบัสอีก แต่มีสิ่งที่เราต้องทำก่อน ไปตี Mothercrystal ก่อน ตอนนี้เรือ Einherjar ก็จมทะเลไปแล้ว พวกวาลูดไม่บุกทวีปพายุโดยไม่มีเรือนี้แน่นอน แต่เราต้องมีแผนก่อน
  • จิลบอก งั้นก็กลับบ้านไปหาแผน ให้ทวีปธุลี รอไปก่อน


รังลับ

  • มิดเล่าเรื่องโอดินผ่าทะเลให้ Otto ฟัง ไคลฟ์บอกเขาเองยังแทบไม่เชื่อ
  • ไบรอนอยู่ที่เรือ หลังจากเรือเราปะทะกับ Einherjar ต้องซ่อมด่วน ไบรอนก็ไปหาช่างจาก Ran’dellah มา ไว้พร้อมแล้วจะกลับไปที่ทวีปธุลี 
  • ตอนนี้ Akashic กระจายไปทั่วโลก
  • Blackthorne ก็บอกว่าเรือของมิดนี่ ตอนดูดีไซน์ก็ไม่รู้หรอกว่าอะไร แต่แล่นบนโซนดำได้เฉย ฉลาดจริง ๆ
  • โจชัวบอกร่างกายดีขึ้นแล้ว แต่ Tarja บอกว่าแม้แผลที่โดนฟันและไหม้จะเยียวยาได้ แต่ภาระที่ร่างกายแบกรับจากการใช้เวทย์ มันยังอยู่ โจชัวก็บอกว่าแล้วจะให้ทำยังไง พวกเขาสู้กับพวกผู้พิทักษ์ความมืดเลยนะ แล้วบาร์นาบัสก็จะฆ่าเขาทิ้งเมื่อไหร่ก็ได้ แต่กลับเลือกจะเล่นกับเขา ไคลฟ์บอกมึงก็ถ่อมตัวไป โจชัวบอกมันชัดแจ้งแดงแจ๋ไม่ใช่เหรอ เชารู้สึกโคตรอ่อนแอ ในขณะที่คนอื่นหวังพึ่งพลังของพวกเรา บางทีดิออน ก็คงรู้สึเหมือนกับเขา


Nameless Slum (Crystalline Domionion)

  • ดิออนนอนพันแผลทั่วตัว ได้สติตื่นขึ้นมา งงว่าที่นี่ที่ไหน
  • เด็กขายยาเห็นแล้วบอกอย่าขยับ แล้วไปเอาน้ำจากบ่อมาให้ดิออนดื่ม
  • ชาวบ้านมากมายกำลังร้องไห้ ลอยโคมลงแม่น้ำ เด็กบอกว่ายายเล่าให้ฟังว่าบางทีวิญญาณหลงทาง เลยลอยโคมเพื่อเป็นการส่งวิญญาณไปยังที่ชอบ
  • ชาวบ้าน
  • ดิออนบอกว่านี่ไม่ใช่อัลเทม่า นี่คือความผิดเขาเอง บาปของเขาเอง เขาต้องชดใช้
  • เด็กบอกแผลดิออนดีขึ้นมา เพราะยาพอกที่เธอทำขึ้น และขาย ทำเงินให้พอที่จะซื้อขนมปังกินได้ 
  • ดิออนบอกขอโทษเขาไม่มีเงินจะจ่ายเลย แต่เด็กบอกว่าเธอรู้ แต่ยังไงก็ปล่อยให้นอนเดี้ยงแบบนั้นไม่ได้ 
  • ดิออนมาจับหอก และบอกต้องไปแล้ว เขาหายแล้ว ขอบคุณเธอ และขอบคุณสำหรับยาพอกมาก
  • เด็กขอให้สัญญาว่าจะกลับมาเยี่ยมกันบ้างนะ
  • ดิออนคิดว่า เขาติดหนี้บุญคุณฟินิกซ์ไว้

ไม่มีความคิดเห็น