โคจิเล่าความเป็นมาและเนื้อหาในหนังสือ Logos


โคจิ ฟ็อกซ์เล่าว่า ในช่วงต้นการพัฒนา มาเอฮิโระได้แต่งไบเบิลของ Lore ให้ Final Fantasy XVI เป็นที่มาของ Active Time Lore และ Thousand Tomes ในเกมแล้ว ทว่าเนื้อหามากมายในไบเบิลนั้นยังไม่เคยถูกเล่า หรือเล่าออกมาไม่ชัดเจนในเกม (ซึ่งก็เป็นปกติที่เกมมันจะหยิบ lore ทั้งหมดที่แต่งขึ้นมาเล่าได้ไม่ครบ มันต้องแต่งไว้เกินอยู่แล้ว) ในไบเบิลนั้นยังมีรายละเอียดสถานที่ ตัวละคร และคำอธิบายต่าง ๆ เช่นกลไกการทำงานของ ether หรือเหตุผลที่ไม่มีการใช้ธนูในวาลิสเธีย รวมถึงเพลงสรรเสริญพระบารมีดยุคแห่งโรซาเรีย verse 3 ด้วย 

ทีนี้ ในเล่ม Logos ที่จะขายเนี่ย ก็เป็นเนื้อหาที่ทั้งถอดมาจากไบเบิลที่ว่า และสร้างขึ้นใหม่จากคอนเซปต์ของมาเอฮิโระ แล้วตัวมาเอฮิโระเองอนุมัติแล้ว

ตำรา Logos จะไม่ได้เป็นแค่หนังสือเฉลย Lore จากทีมพัฒนา แต่มันถูกเติมแต่งให้ดูเขียนขึ้นโดยฝีมือของฮาร์โปคราเตส หลังจากที่ดิออน โจชัว และไคลฟ์ ออกไปเผชิญหน้ากับอัลทิมาแล้วไม่กลับมา ฮาร์โปคราเตสคิดว่าจะต้องมีคนสืบสานเรื่องราวนี้ไม่ให้หายสาบสูญไป จึงเรียบเรียงขึ้นมา

ฮาร์โปคราเตสนั้นเสียดายที่โลกนี้มีข้อมูลของอารยธรรมโบราณที่ล่มสลายไปแล้วเหลือน้อยมาก แทบไม่มีบันทึกใด ๆ จากยุคก่อนหลงเหลือ ไม่มีทางรู้เลยว่าสมัยก่อนนั้นเป็นอย่างไร ในมุมมองของนักประวัติศาสตร์ ไม่มีอะไรน่าเศร้าไปกว่าการถูกลืม ดังนั้น หลังอัลทิมาตายแล้ว ต่อไปอารยธรรมอาจล่มสลายอีกก็ได้ หากไม่มีใครเหลืออยู่ เรื่องราวทั้งหมดก็จะถูกลืมเหมือนกับอารยธรรมของ The Fallen แกจะเริ่มเรียบเรียงตำรา Logos นี้ขึ้นมา จากข้อมูลคนทั่วแผ่นดิน ทั้งบันทึกประจำวัน จดหมาย ไดอารี เพลง และเกร็ดต่าง ๆ มากมายจากทั้งวาลิสเธีย รวมถึงบทละคร Saint and the Sectary ที่ไคลฟ์เบียวให้ไบรอนดูด้วย กระทั่งตัวอย่างบทเรียนคณิตศาสตร์ในวาลิสเธีย กลอนท้องถิ่น สูตรทำอาหารให้โจโคโบะ

ดังนั้นในเล่ม ก็จะเขียนจากมุมมองของฮาร์โปคราเตส ไม่ใช่มุมมองของมาเอฮิโระ แล้วบางส่วนก็จะมีข้อความทำนองว่ามันเป็นสมมติฐานเท่านั้น อาจจะเข้าใจผิดก็ได้

Dev บอกว่านั่นไม่ได้แปลว่าหนังสือนี้เต็มไปด้วยคำลวง ส่วนใหญ่เป็นเรื่องจริง แต่คนเขียนก็เป็นชายชราที่ตีความประวัติศาสตร์เองจากข้อมูลเท่าที่เขามี ในยุคที่ยังไม่มี Wikipedia

หนังสือนี้ร่วมกันแต่งโดยทั้งโคจิ ฟ็อกซ์, สตาฟฟ์หลายคน, เบ็นน์, คลากค์, ยอร์ก (คนพากย์ไคลฟ์ ดิออน แก็ฟ)

หนังสือนี้เริ่มเขียนหลังทำ DLC The Rising Tide กันเสร็จ และทีมงานหันไปทำภาค PC แล้ว ก็เกิดโปรเจคท์หนังสือนี้ขึ้นมา กว่าทุกอย่างจะเสร็จก็ใช้เวลาประมาณปีนึง ตั้งแต่การวางคอนเซ็ปต์ รวบรวมนักเขียน การเขียนจริง การแก้ไข การตรวจสอบ การเขียนใหม่ การเลือกฟอนต์ การเลือกเค้าโครง การยืนยันไฟล์ PDF การดูแลการ "แปลภาษาอังกฤษเป็นภาษาญี่ปุ่น" การขออนุมัติเนื้อหาจากมาฮิโระ และอีกนับพันที่จำเป็นในการรวบรวมหนังสือ 

ตอนแรกโคจิก็คิดว่า ทีมเควสต์จะเขียนเนื้อหามาให้ แล้วเขาแปล แบบที่ทำหนังสือ FINAL FANTASY XIV Encyclopedia Eorzea แต่ดันกลายเป็นว่ามาเอฮิโระเชื่อมือเขา ฝากให้เขาไปทำ Logos มาให้ตรวจได้เลย มันเลยกลายเป็นหนังสือที่แต่ง Eng ขึ้นก่อน แล้วแปลกลับเป็น Jap ให้มาเอฮิโระตรวจ

ตอนส่งให้มาเอฮิโระตรวจ ก็นอนไม่หลับหลายคืน กลัวมาเอฮิโระจะไม่ชอบ กลัวจะไม่ตรงกับวิชันของมาเอฮิโระ แต่หลังจากเอาไปอ่านอยู่หลายวัน มาเอฮิโระก็ขอให้แก้ไม่เยอะ


หนังสือเล่มนี้จะประกอบด้วยไปด้วย 5 Chapter

Chapter 1 คือ ประวัติศาสตร์ตั้งแต่อารยธรรมอัลเทมา สร้างมนุษยชาติ ยุคกำเนิดแบร์เรอร์ ร่างทรง ไปจนถึงตอนเริ่มเกม แล้วก็ recap เหตุกาารณ์ในเกม ไปจนถึงไคลฟ์ออกเดินทางไปยังออริจิน

แต่ก็จะมีเหตุการณ์ที่ไม่ได้ถูกเล่าในเกมด้วย เช่น  เรื่องราว 13 ปีหลังเหตุการณ์ลอบโจมตีที่ Phoenix Gate มาจนถึงตอนเริ่มเกม, หรืออย่างช่วง time skip 5 ปีหลังฮิวโกบุกถล่มรังลับของซิด

Chapter 2 คือเรื่องร่างทรงทั้ง 8 รวมถึงไคลฟ์ ภูมิหลัง ประวัติ ที่มาของชื่อ ข้อมูลของร่างทรงในอดีต (ในเกมเราเห็นร่างทรงแค่รุ่นปัจจุบันรุ่นเดียว) 

Chapter 3 รังลับของไคลฟ์ เรื่องราวของแต่ละคนที่อยู่ที่นั่น แบล็คฮอร์น มิด ทาร์ยา คนทั้งหมดบนอินวินซิเบิล รวมถึงเน็คตาร์ด้วย

Chapter 4 (สั้น) มาเธอร์คริสตัลทั้ง 8 ก้อน, เอเธอร์ และเศษคริสตัลทั่วไป

Chapter 5 (เกือบครึ่งเล่ม) เรื่องราวของประเทศทั้ง 5 ในปัจจุบัน ภูมิหลัง ประวัติศาสตร์ เมือง รัฐบาล ศาสนา ผู้คน สัตว์ เรื่องของมาร์ธา ที่ (Martha's Rest) เรื่องของวิกเตอร์ ศาลร้างที่คอสตนิซ (Kostnice) ดินแดนทางเหนือที่ล่มสลาย ทวีปทางใต้อันลึกลับ ก็เอาเอกสารของมาเอฮิโระ กับ Ultimania มาใส่เข้าไปนั่นแหละ

ส่วนพวกเพลงสรรเสริญพระบารมี เพลงกล่อมเด็ก รายละเอียดการต่อสู้ที่แต่งกันขึ้น หลายอย่างก็ผ่านการอนุมัติของมาเอฮิโระ หลายอย่างก็ถูกตัดทิ้งไป


ตอนที่ดราฟต์แรกเสร็จ มันมี 190,000 คำ ซึ่งเกินกว่าที่ฝ่ายสิ่งพิมพ์อนุมัติไว้ให้เกือบ 30,000 คำ หลังจากตอแยไปมา ไอ้ที่เกินมา 30,000 ก็ถูกตัดออกไป 20,000 คำ เหลือที่เก็บไว้ได้ 10,000 คำ (เท่ากับว่าทั้งเล่มจะมีประมาณ 170,000 คำ)

ตัวอย่างไอ้ที่โดนตัดไปเช่น เพลงของอ็อตโตะ (Otto) ที่นักเขียนชื่อ Oli Chance แต่งขึ้น แต่ก่อนอ็อตโตะเคยเป็นเหรัญญิกบนเรือสำเภา แล้วก็ได้เจอซิดเป็นครั้งแรก สมัยที่ซิดเป็นผู้บัญชาการทัพอัศวินวาลูด ซิดก็ได้ไปขึ้นเรือ แล้วในระหว่างการเดินทางอันยาวนาน ทั้งสองก็ไปเมากันบนดาดฟ้าเรือประจำ กลายเป็นเพื่อนกัน แล้วก็ร้องเพลงงี่เง่าหยาบโลนด้วยกัน ซึ่งอันนี้ก็ถูกตัดออกไปเนื่องจาก กระดาษไม่พอ


หนังสือจะวางขาย 26 มี.ค. 2026

https://youtu.be/SsCYOP07x14

https://www.square-enix-games.com/en_GB/news/logos-final-fantasy-xvi-lorebook

ไม่มีความคิดเห็น