อัปเดต FFVII Remake เผยชื่อเวอร์ชั่นญี่ปุ่นของคอมมานด์ระบบต่าง ๆ


- ขณะที่เวอร์ชั่นอังกฤษเรียกโหมดปกติของคลาวด์ว่า Operator Mode ภาคญี่ปุ่นจะเรียกว่า Assault Mode

- ส่วน Punisher Mode ที่โจมตีช้าลงแต่ฟันหนักหน่วงขึ้น ภาคญี่ปุ่นจะเรียกว่า Brave Mode

การสลับไปมาระหว่างสองโหมดนี้ทำโดยการกดปุ่มสามเหลี่ยม ซึ่งสังเกตว่าเวอร์ชั่นญี่ปุ่น ก็จะตั้งชื่อเป็นคำภาษาอังกฤษง่าย ๆ เบสิก ๆ เหมือนเคย

https://game.watch.impress.co.jp/docs/interview/1190373.html

- เกจ Focus ในภาคอังกฤษ ถูกเรียกในภาคญี่ปุ่นว่าเกจ Burst (มันคือเกจของระบบ Stagger นั่นเอง) เวลาตีศัตรูจนเกน Burst เต็ม ศัตรูจะอยู่ในสภาวะ Burst ซึ่งเราจะทำดาเมจใส่มันได้เพิ่มขึ้นเป็น 160%

- เพิ่มคัตซีนเช่น อย่างตอนที่คลาวด์ลงลิฟต์ไปที่เตา 1 จะตัดภาพไปทางไฮเด็กเกอร์และประธานชินระ ที่ดูพวกคลาวด์ผ่านกล้องวงจรปิดอยู่

https://dengekionline.com/articles/3732/

- แฟมิซือลงภาพ Artwork และภาพบรรยากาศในงาน E3 ที่ถ่ายมาเอง ไปดูและสูบภาพได้ตามลิงก์

https://www.famitsu.com/news/201906/17178185.html


ป้ายโฆษณาละครเวทีเรื่อง Loveless ซึ่งเป็นมหากาพย์หรือวรรณกรรมอมตะชื่อก้องในโลก Final Fantasy VII ซึ่งโผล่มาแทรกเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็เอาในทุกภาคของ Compilation of FFVII โดยป้ายที่เห็นในภาพนี้เป็นป้ายกราฟฟิกในเวอร์ชั่น Remake

ในภาคออริจินอลนั้น ชื่อ Loveless เอามาจากชื่ออัลบั้มเพลงของวง My Bloody Valentine ซึ่งออกมาในปี 1991 และผู้หญิงในภาพคือ Bilinda Butcher นักร้องนำและมือกีตาร์ของวง

ท้ายเรื่องตอนคุยกับซิดบนยาน ซิดบอกละครเวทีเรื่องนี้มีแสดงในฤดูร้อนของทุกปี เขาเคยดูมาแล้วตอนเข้ากรุงมาสอบสัมภาษณ์เป็นนักบิน ผลคือหลับสนิท โดนปลุกเพราะกรนดังเลยตื่นมาท้ายเรื่องเห็นฉากสุดท้าย แฟนน้องพระเอกกำลังบอกกับเธอว่าเขาจะกลับมาหาเธอ ต่อให้เธอไม่สัญญาว่าจะคอย ฉันก็จะกลับมาโดยรู้ว่าเธอจะอยู่ที่นี่ อย่างกับคำพูดใน FF8.... ซึ่งซิดบอกว่าตอนนั้นดูก็ไม่เข้าใจ แต่ตอนนี้คิดว่า..... น่าจะเข้าใจแล้ว (ว่าเผด็จศึกเซฟิรอธแล้วจะกลับบ้านไปหาเมีย สบถสั่งให้ชงกาแฟให้)






ไม่มีความคิดเห็น